Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กีฏมนตรา บทที่ 1 ติดต่อทีมงาน

กีฏมนตรา บทนำครับ


http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11102567/W11102567.html

ขอบคุณกิฟต์ของเพื่อนนักอ่านด้วยนะครับ คุณนุ้ย นารีจำศีล, คุณTravel to the moon, คุณ npuiy,คุณ เอริชา,คุณ zoi,คุณ รุริกะ,คุณ เรียวรุ้ง, คุณแก้วกังไส, คุณกาแฟเย็นเพิ่มช็อต, คุณHermosa,คุณมน Setakan

ตอบคุณไก่ครับ : เรื่องนี้ออกแนวลึกลับ ผสมจิตวิทยานิดหน่อยครับ ลองเขียนเป็นสไตล์นี้ดูสักครั้ง ฝากติดตามด้วยนะครับ

คุณอรุสา คุณคมลิขิต คุณรุริกะ คุณเรียวรุ้ง : ขอบคุณมากครับ ลองอ่านดูนะครับ เรื่องนี้คนละแบบกับสาปพิษฐานไปเลยครับ คนเขียนเองก็ใจตุ๊มๆต้อมๆเหมือนกัน แฮ่ๆๆ โดยเฉพาะบทนี้แหละครับ!

คุณแก้วกังไส : จะลองใช้วิธีนี้ดูครับ บางทีคำสรรพนามบางอย่างระหว่างตัวละครที่ใช้ จะเปลี่ยนเป็น "คำรื่นหู-คำชื่นตา"อย่างเช่น "Kru" หรือ กรู หรือ มรึง อะไรพรรค์นี้ผมก็ไม่ค่อยถนดเท่าไรครับ เพราะอ่านเองแล้วสะดุด จะสแกนไปเลย ตอนนี้ใช้เครื่องของที่ทำงานอยู่ครับ พอดีเครื่องเสียพอดี แหะ แหะ

คุณ Hermosa : ฝากติดตามด้วยนะครับ

คุณมน : เช่นกันครับ ยังไม่รู้ว่าจะได้เจอคุณไก่เลยหรือเปล่าครับ เพราะสัปดาห์ที่สอง ผมอาจจะต้องลงไปสุราษฏร์ฯ ครับ

คุณหนมจีน : ขอบคุณมากครับ เรื่องตัวอัศเจรีย์! บอกอ ก็ติงอยู่เหมือนกันครับ แต่ติดนิสัยเวลาเขียนแล้วชอบใส่ทุกทีเลยครับ ขนาดเขียนกลอนยังติดใส่ไว้เหมือนกัน จะพยายามลดลงไปนะครับ บางทีก็หลุดหูหลุดตาไปเหมือนกันครับ

ติดตามต่อได้เลยครับผม

บทที่ 1

1 เดือนก่อนหน้า

       อา... เขาชอบกลิ่นหอมเช่นนี้แหละ กลิ่นที่ระเหยอวลออกมาจากเรือนกายเปล่าเปลือยเบื้องหน้า บ่งถึงธรรมชาติของชีวิตที่กำลังผลิบาน รอรับแสงอรุณอันอบอุ่น กลิ่นที่ทำให้เขาต้องดูดดื่มซอนซบกับมันจนแทบไม่อยากอำลาจาก

“ชาญขา... โอ...”

เสียงกระเส่าสั่นระรัวและเร่งเร้าด้วยแรงราคะนั่นอีกเช่นกัน มันปลุกอารมณ์กระสันสวาทให้เพริดแพร้วตระการตายิ่งนัก เขาไม่รีรอที่จะตระโบมมือหยาบหนาทั้งสองไปตามเรือนร่างเปล่าเปลือยที่กำลังแนบสนิทกับองคาพยพของตนเองจนแทบหลอมละลายเป็นเนื้อผืนเดียวกัน ขยับแก่นกายแกร่งเกร็งกดลึกและบดเบียดลงไปจนสุดเรี่ยวแรงเพื่อดื่มด่ำให้ถึงที่สุดก้นบึ้งของความปรารถนา  ซอนไซ้ปลายจมูกโด่งคมลงสูดกำซาบกลิ่นกายสาบสาวที่ระเหยอวลขึ้นมาจากทุกโนมเนื้อเปิดเปลือย ราวกับเกรงว่ามันจะเหือดหายไปในเวลาอันไม่ช้า...

ใช่! ในไม่ช้า...

ร่างอวบอัดครัดเคร่งของหล่อนกำลังหยัดเกร็ง แล้วแอ่นตัวขึ้นรองรับการถาโถมด้วยอารมณ์หื่นกระหายหอบเหนื่อยไม่แพ้กัน เขาผงกศีรษะขึ้นจ้องมองทะลุผ่านเข้าไปในดวงตาหรี่ปรือคู่นั้น ไม่ต่างกับมองเห็นกลีบดอกไม้ที่แรกผลิบาน จากเต่งตูม จนแย้มบาน และถึงขีดสุดของความร่วงโรย ปลดปล่อยทุกกลีบก้านเกสรให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนปฐพี ก่อนที่ปวงภมราจะสูดกินหยาดมธุรสจากละไอเรณูจนไม่เหลือซากให้เชยชมอีกต่อไป

เพื่อผละไปสู่บุปผาดอกใหม่ นี่ต่างหากคือธรรมชาติแท้จริงของส่ำสรรพสัตว์...

วูบนั้น มองเห็นบางสิ่งบางอย่างซ้อนทับลงบนร่างของหล่อน ไม่ต่างกับภาพในจอทีวีที่ฉายซ้อนกันด้วยคลื่นแทรกรบกวน

เป็นร่างของใครอีกคนหนึ่งที่คุ้นเคย และกระตุ้นหัวใจให้ตื่นระทึกด้วยความโหยหา ไม่ใช่ผู้หญิงที่กำลังรองรับอารมณ์ใคร่อยู่ในขณะนี้  แต่เป็น...

มัท...

เขาพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงสั่นพร่า ระหว่างเคลื่อนสรรพางค์ขยับเยื้องไปตามครรลองแห่งกามารมณ์ โดยอีกฝ่ายหาได้ร่วมรับรู้ด้วยไม่

       พลัน! ดอกไม้เบื้องหน้าก็ขยายกลีบอวบหนาเบ่งบานเป็นสีเลือดแดงฉานและแปรเปลี่ยนเป็นดอกไม้พิษ กลีบหนาระคายหุบกลับเข้าหากันโอบล้อมผีเสื้อตัวน้อยที่พลัดหลงให้จมดิ่งลงไปสู่ความตายเบื้องล่าง

สัมผัสถึงแรงบีบรัดของมันจนแทบจะทำให้ร่างทั้งร่างแหลกเหลวลงไปในบัดนั้น

ไม่!

เขาจะต้องทำลายมัน บดขยี้ให้ย่อยยับดับดิ้นลงไปเดี๋ยวนี้!!

...หล่อนกำลังหอบหายใจอย่างหนักหน่วง สองถันขนาดเหมาะมือกระเพื่อมไหวขึ้นลงอย่างเป็นอิสระ ทุกการขยับกายเริงร่อนด้วยความร้อนเร่า เพื่อให้สอดคล้องกับท่วงทำนองเพลงโลกีย์ที่เขาเป็นผู้บรรเลงและควบคุม ริมฝีปากแดงสดแต่งแต้มจากลิปสติกราคาถูกเปิดอ้าเตรียมส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความหฤหรรษ์ เมื่อกำลังไต่บันไดพิศวาสขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของการบรรลุปิติสังวาสเช่นเดียวกันกับเขา

มือแกร่งทั้งคู่เลื่อนจากการตระโบมโนมเนื้อ ขึ้นมาเกาะกุมลำคอเรียวบอบบางไม่ต่างกับปลายเรียวคอดของแจกันแก้ว จนสามารถกำไว้ได้รอบกำมือ หล่อนหลับนัยน์ตาลงแล้ว และคงจะกำลังจินตนาการถึงสรวงสวรรค์ชั้นสูงสุดที่กำลังจะเคลื่อนไต่ขึ้นไปถึง ในขณะที่เขากำลังจะส่งหล่อนลงไปสู่บึ้งนรก!

ริมฝีปากคู่นั้นเบิกกว้างขึ้น เมื่อเขาหยัดกายกำยำเหยียดผงาดตรง ไม่ต่างกับคันธนูที่น้าวจนสุดสาย เพื่อเหนี่ยวลูกศรแห่งมฤตยูออกไปยังเป้าหมาย โดยไม่ให้พลาดเป้า

ดวงตาคู่นั้นแปรแววพิศวาสเป็นความตื่นตระหนกสุดขีดเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตนเอง

แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว...

อุ้งมือแข็งราวคีมเหล็กบีบกดลงไปสุดแรงเกิด ณ ตำแหน่งสำคัญของชีพจรแห่งชีวิต เมื่อรู้ว่าหล่อนก้าวขึ้นไปสู่ขอบแห่งสรวงสวรรค์พอดี เสียง“กร๊อบ” ดังขึ้นไม่ต่างกับเสียงเสนาะแห่งระฆังเงิน กลีบปากงดงามบิดเบี้ยวเป็นรูปร่างประหลาดตาเหมือนภาพวาดที่ถูกละเลงจนเปรอะเปื้อนด้วยฝีมือของจิตรกรวิปริต ลมหายใจสะดุดขาดห้วงเมื่อร่างทั้งร่างดิ้นพล่านจนที่ผ้าปูที่นอนหลุดลุ่ยขึ้นมาเกยอยู่บนเข่า จมูกบานพะเยิบเพื่อพยายามสูดอากาศเฮือกสุดท้ายในชีวิต

เขากดมือแนบแน่นกดร่างอรชรที่แอ่นกระตุกในจังหวะสุดท้าย ก่อนวิญญาณจะหลุดลอยออกจากร่าง โดยไม่อาจแม้แต่จะเปล่งเสียงกรีดร้องออกมาได้ทัน

กลิ่นกำซาบจากเรือนกายระเหยจนเหือดหายไปหมดสิ้น...

ในจังหวะเดียวกับที่เขาดำเนินมาถึงปลายทางแห่งพิศวาสพอดี การบรรลุมาถึงพร้อมกับการปลดปล่อย

ผีเสื้อแสนสวยขยับปีกเชื่องช้า มันกระหยับพลิกกายา แล้วบินพลิ้วหลุดรอดออกมาจากกลีบเกสรแห่งบุปผามรณะได้สำเร็จแล้ว...

เขาทำลายมันแล้ว... ด้วยมือของตัวเอง!!

               ************************
มหาวิทยาลัยเพชรพยัต

“เกตุ ตัวทำอะไรอยู่น่ะ หือม์?”

เกตุมาลาหันกลับมาตามต้นเสียงพร้อมกับรีบตวัดปลายสวิงพับทบเข้าหากันอย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญ ใบหน้าหญิงสาวเจ้าของชื่อเรียกแม้จะมีหยาดเหงื่อเกาะพราว หากก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใส ดวงตากลมโตหลังกรอบแว่นขนาดกะทัดรัดพราวประกายระยิบระยับ นับเป็นจุดเด่นเหนือสิ่งใดบนเครื่องหน้าได้รูป

หญิงสาวคนทักเสียงแจ๋ว อยู่ในชุดทะมัดทะแมงด้วยกางเกงสามส่วนและเสื้อยืดไซส์เล็กรัดรูปจนเห็นส่วนเว้าโค้งสะดุดตา เจ้าตัวสะพายเป้สีชมพูแปร๋นลายการ์ตูน หากประดับด้วยยี่ห้อแบรนด์เนมบ่งบอกถึงราคาของมันเอาไว้ด้านหลัง ใบหน้าแต่งเข้มจัดอย่างคนรักสวยรักงามเต็มที่

เกตุมาลาเผลอมองต่างหูสีทองประดับพลอยเม็ดจิ๋วสะท้อนแสงไปมาระหว่างที่ก้าวผ่านสนามหญ้าเข้ามาหาด้วยความคุ้นเคย พลางยิ้มจนนัยน์ตายิบหยี

“จับผีเสื้ออีกแล้ว! วันนี้จับไปกี่ร้อยตัวแล้วล่ะ กว่าตัวจะจบ ป เอกได้สำเร็จ สงสัยคงจะกวาดผีเสื้อหมดไปทั้งมหาวิทยาลัยแน่ๆ”

“เอาเหอะ ให้มันหมดจริงๆเถอะน่า... ขอแค่ให้จบซะทีก็พอแล้วล่ะ นี่ยังต้องไปเก็บตัวอย่างภาคสนามข้างนอกอีกล่ะไม่ว่า”

หญิงสาวบ่นเบาๆอย่างไม่จริงจังนัก ในขณะที่เพื่อนสาวดึงเป้พลิกปลดออกมาวางไว้ข้างๆ

“ว่าแต่ตัวเองเหอะยายรส งานวิจัยไวรัสไวรอยด์อะไรน่ะ ทำไปถึงไหนกันแล้วจ๊ะ เห็นมีเวลามาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้ได้น่ะบ่อยๆน่ะ หือม์?”

คันธรสหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี หญิงสาวเป็นเพื่อนสนิทร่วมชั้นเรียนกับเกตุมาลามาตั้งแต่ชั้นมัธยมจนมาเรียนระดับมหาวิทยาลัยในคณะวิทยาศาสตร์เหมือนกัน ก่อนที่เกตุมาลาจะตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโท-เอกควบกันในสาขากีฏวิทยาที่สถาบันเดิม ในขณะที่คันธรสเลือกไปเรียนมหาวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่ง ในสาขาทางด้านไวรัสวิทยาด้วยทุนระดับโท-เอกควบเช่นเดียวกัน

“นึกแล้วก็อยากจะเรียนอย่างตัวเหมือนกันนะ เกตุ แถมได้ทุนจากโปรเฟสเซอร์คาเรนเสียด้วย น่าอิจฉาจะตาย”

หญิงสาวเอ่ยเรื่อยๆด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โปรเฟสเซอร์คาเรน โรมินสกี เป็นศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางกีฏวิทยาหรือแมลงโดยเฉพาะด้านผีเสื้อเป็นพิเศษ จนทางมหาวิทยาลัยเพชรพยัตถึงกับเชิญตัวให้มาเป็นอาจารย์ประจำและรักษาการผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แมลงที่กำลังจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอีกไม่นานนี้

ทันทีที่ศาสตราจารย์คาเรน เดินทางมาถึงประเทศไทย เธอก็สามารถระดมทุนวิจัยได้มากมายมหาศาล รวมถึงสามารถขออนุมัติการเปิดหลักสูตรบัณฑิตศึกษาทางกีฏวิทยา สาขาที่เชี่ยวชำนาญเป็นพิเศษ โดยเป็นโครงการนำร่อง โดยการทำสัญญาสร้างความร่วมกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ

        ช่วงนั้นเองโปรเฟสเซอร์สาวใหญ่มองหานักศึกษาปริญญาตรีที่มีความสนใจและศักยภาพพอที่จะเรียนต่อในระดับสูงได้เข้ามารับทุนเรียนเป็นปีแรก

    และเกตุมาลาก็คือนักศึกษาคนแรกที่คาเรนเอ่ยทาบทามเอาไว้ด้วยความสนใจ ในเมื่อคะแนนการเรียนของหญิงสาวอยู่ในลำดับแรกของคณะ และมีแนวโน้มว่าจะจบการศึกษาด้วยระดับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง

      “ฉันยินดีจะเป็นแอดไวเซอร์ให้เธอเองนะ เคท ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้เลย เรามีทุนให้เธอทำวิจัยตลอดหลักสูตร รวมถึงการไปทำแล็บ Entomology2 ที่อังกฤษอีกด้วย”

        คาเรนเรียกเกตุมาลาอย่างง่ายๆด้วยสำเนียงที่ถนัดว่าเคท ตามชื่อภาษาอังกฤษที่หล่อนเขียนสะกดว่า “Katemala” และหญิงสาวก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญในใจเองก็อยากจะเรียนต่อในระดับสูงอยู่แล้ว เพียงแต่ติดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นเท่านั้น

        เมื่อได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจมาจึงไม่อยากปฏิเสธ ทั้งที่ไม่ได้ชอบในศาสตร์ด้านแมลงนี้สักเท่าใดนัก

       อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยเร่งการตัดสินใจของหญิงสาวให้ง่ายขึ้นก็คือการมาถึงของดอกเตอร์ ธุมชาล เชษฐภักดี อาจารย์คนใหม่ของภาควิชานั่นเอง

      เพียงแค่เลคเชอร์แรกที่อาจารย์หนุ่มรูปงามเข้ามาบรรยายในห้องเรียน ด้วยท่าทางองอาจผึ่งผาย นักศึกษาสาวคนเก่งก็แทบจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสอน เพราะมัวแต่เผลอจ้องใบหน้าคมคายได้รูปโดยเฉพาะในยามที่เอ่ยเลคเชอร์น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลนั้น

     ธุมชาลเองอาจจะไม่ใช่บุรุษหนุ่มที่มีรูปลักษณ์หล่อเหลาชนิดสะดุดสายตาผู้พบเห็นเหมือนกับดาราภาพยนตร์ทั้งหลาย แต่ด้วยบุคลิก การวางตัว โดยเฉพาะน้ำเสียงในยามที่เขาบรรยายศาสตร์ของแมลงอย่างเชี่ยวชำนาญ ดวงตาคมกล้าหลังกรอบแว่นจะเป็นประกายอย่างมีความสุขและมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังต่อการสอนยิ่งนัก เพียงแค่นั้นเกตุมาลาก็ถึงกับติดอกติดใจในเสน่ห์ของอาจารย์หนุ่มคนใหม่ในคณะ จนอดไม่ได้ที่จะหันมาเอาจริงเอาจังกับการเรียนในวิชานี้มากกว่าวิชาอื่นๆ

        และเกรด A ที่ได้มา ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ว่ามันเกิดจากแรงบันดาลใจที่จะทำให้ “เขา” มองเห็นคุณค่าในตัวของหล่อนขึ้นมานั่นเอง

      ซึ่งมันก็ได้ผล ดอกเตอร์ธุมชาล เชษฐภักดีเรียกหล่อนเข้าไปพบหลังจากประกาศผลสอบในภาคเรียนสุดท้ายเพียงไม่กี่วัน เกตุมาลาพะวักพะวนกับรูปโฉมตนเองจนแทบไม่เป็นอันทำอย่างอื่น เพียงเพื่อพบว่า อาจารย์หนุ่มรู้สึกทึ่งกับการทำคะแนนสูงลิ่วทิ้งห่างเพื่อนคนอื่นๆในชั้นเรียนของหล่อนเสียมากกว่า

        สายตาคมกล้าหลังกรอบแว่นจดจ่ออยู่กับคะแนนยอดเยี่ยมในการตอบข้อสอบอัตนัยนั้นแทนที่จะหันมามองใบหน้าที่ตกแต่งมาเป็นอย่างดีเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามประโยคหนึ่งที่เขาเอ่ยออกมาระหว่างการพูดคุยกับลูกศิษย์สาวที่ใจลอยไปอยู่ที่ใบหน้าเขาตลอดเวลา ก็ทำให้หล่อนฉุกคิดขึ้นมาได้

    “ผมว่าเกตุน่าจะเรียนต่อทางด้านนี้นะ คะแนนสอบและคะแนนปฏิบัติก็ดีเยี่ยม ได้ข่าวว่าตอนนี้โปรเฟสเซอร์คาเรนเองก็กำลังติดต่อหาทุนให้อยู่แล้ว อาจารย์ทาบทามผมให้เป็นโคแอดไวเซอร์3ให้กับเกตุด้วยนะ ผมจะยินดีมากถ้าเราจะได้มีโอกาสร่วมงานกัน”

        ชายหนุ่มพูดอย่างสุภาพนุ่มนวลตามแบบฉบับ แม้ว่าจะเรียกหล่อนว่า “เกตุ”อย่างเป็นกันเองก็ตาม แต่ธุมชาลก็มีมาดและบุคลิกที่ทรงภูมิไร้ที่ติ จนหล่อนอ่านความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าคมเข้มนั้นได้เลย แม้จะอยากรู้ใจจะขาดว่าเขารู้สึกอย่างไรกับหล่อนบ้างก็ตาม

       เกตุมาลาไม่ได้เก็บคำชักชวนของโปรเฟสเซอร์คาเรนกลับมาคิดอีกเลย นึกถึงแต่คำปรารภของดอกเตอร์หนุ่มในดวงใจแทน และทันทีที่เรียนจบ หล่อนก็สมัครเข้าเรียนต่อหลักสูตรปริญญาโททันที

     จากนั้นเพียงไม่นาน คาเรนก็เสนอหลักสูตรปริญญาเอกที่สามารถทำต่อเนื่องกันไปเลยมาให้ โดยให้เหตุผลว่าจะได้ทำวิทยานิพนธ์ต่อยอดไปพร้อมกันเลย ไม่ต้องมาเสียเวลาเริ่มต้นเรื่องใหม่อีกครั้ง

      และหล่อนก็เห็นด้วย ลึกๆในใจ เกตุมาลารู้ว่าการมี “โคแอดไวเซอร์” แสนดี คอยเป็นที่ปรึกษาอยู่ข้างๆ ก็ก่อความรู้สึกอบอุ่นจนไม่อยากจะไปเริ่มต้นเรียนต่อที่ใดอีก

       คาเรน โรมินสกี เป็นผู้เชี่ยวชาญทางแมลง โดยเฉพาะในศาสตร์แห่งผีเสื้ออย่างหาตัวจับยากผู้หนึ่ง ศาสตราจารย์สาวใหญ่วัยห้าสิบต้นเป็นชาวรัสเซีย แต่ย้ายมาทำงานอยู่ที่อังกฤษมาระยะหนึ่งก่อนจะตัดสินใจลาออกมาทำงานที่มหาวิทยาลัยเพชรพยัต ตามคำเชิญของดอกเตอร์พงศ์พิทย์ อธิการบดี ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าด้วยอัตราเงินเดือนมหาศาลสักเท่าใด

   แต่ก็นับว่าคุ้มค่า เมื่อคาเรนสามารถระดมกำลังขอทุนวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาสายพันธุ์ผีเสื้อพื้นเมืองที่หายากในเมืองไทยในแต่ละภูมิภาคได้งบประมาณมาไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาท รวมทั้งการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์แมลงรวมอยู่ในโปรเจคพิเศษนี้ด้วย

     ช่วงแรกของการเรียนเนื้อหาวิชาพื้นฐานของปริญญาโท หล่อนจึงต้องออกเดินทางภาคสนามเพื่อเก็บตัวอย่างผีเสื้อชนิดต่างๆ มาสตัฟฟ์เก็บเอาไว้เป็นตัวอย่างศึกษาไปพร้อมกัน

       แต่หลังจากนั้นแล้ว ก็จะเป็นส่วนของงานแล็บทดลอง โดยอาจจะต้องออกภาคสนามเป็นครั้งคราว

        สำหรับวันนี้ เนื่องจากคาเรนต้องเดินทางไปประชุมวิชาการต่างประเทศ เกตุมาลาจึงมีเวลาหยุดพักหลังจากเริ่มต้นเขียนโครงร่างงานวิจัยเตรียมพร้อมไปได้ส่วนหนึ่ง หล่อนจึงออกมาพักผ่อนที่สวนสาธารณะในมหาวิทยาลัย

     และถ้าไม่เห็นเจ้าผีเสื้อหางติ่งตัวใหญ่ตัวนั้นเสียก่อน

         มันเป็นผีเสื้อหางติ่งแววเลือน ลายปีกคู่หลังเป็นประกายเฉดรุ้งไม่ต่างแววหางนกยูง บนพื้นปีกสีขาบเข้มจนเกือบดำทำให้มันได้รับฉายานามว่าเจ้านกยูงสีน้ำเงิน (Blue peacock) เป็นผีเสื้ออีกชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างหายากพอสมควร บัดนี้นกยูงสีน้ำเงินตัวจ้อยกำลังกระพือปีกน้อยๆของมันระหว่างการดูดกินน้ำหวานจากเกสรดอกกุหลาบแดงแปลงด้านในสุด

      ท่าทีขยับปลายปีกที่ยื่นออกมาเป็นหางติ่งอันเป็นเอกลักษณ์ประจำสายพันธุ์ของมันช่างงดงามน่าประทับใจ จนอดใจไว้ไม่ได้

        เกตุมาลารีบกลับไปคว้าสวิงจับแมลงที่รู้จักกันในนาม “sweep” ออกมาจากห้องแล็บ ค่อยๆย่องด้วยฝีเท้าเบากริบตรงไปยังเป้าหมายช้าๆ ก่อนจะตวัดปลายสวิงโฉบวาดลงไปอย่างนุ่มนวล แล้วรีบสะบัดตัวถุงผ้าไนลอนโปร่งบางให้พับปิดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเจ้าผีเสื้อตัวน้อยก็หมดอิสรภาพอยู่ในกำมือ...

        “ไหน สวยแค่ไหนกันเชียว... อุ๊ยตาย”

       คันธรสส่งเสียงกรีดกราด นัยน์ตาเป็นประกาย เมื่อเห็นเลื่อมลายประหลาดตาบนแผงปีกบอบบางคู่นั้นที่ขยับดิ้นรนเพื่อหาอิสรภาพ

       “สียังกะขนนกยูงเลยนะ รสไม่เคยเห็นสีแบบนี้มาก่อนเลย”

         คันธรสมาเยี่ยมเยียนเกตุมาลาที่คณะหลายครั้ง เคยเห็นหญิงสาวกำลังสตาฟฟ์ผีเสื้อใส่กรอบเอาไว้มากมาย ส่วนหนึ่งนอกเหนือจากนำไปเพื่อเป็นชิ้นงานและสำหรับการศึกษาในระดับโมเลกุล ให้กับโปรเฟสเซอร์คาเรนแล้ว เกตุมาลายังมีจ๊อบพิเศษส่วนตัว...

        มันเป็นความลับที่รู้กันไม่กี่คน และหล่อนก็ไม่ต้องการให้ใครรับรู้

       นั่นก็คือการนำซากผีเสื้อสตาฟฟ์ที่เหลือจากการศึกษาบางส่วน เอามาใส่กรอบภาพสวยๆขายตามร้านขายของที่ระลึก ความรู้ที่หล่อนเรียนมาทำให้สามารถเพิ่ม “มูลค่า”สินค้าได้อีกหลายเท่าตัว โดยเฉพาะชื่อทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลเล็กๆน้อยประกอบบนกรอบภาพ

       เรื่องนี้เป็น “ความลับ”ที่รู้กัน ระหว่างหล่อนและคันธรส จริงๆแล้วก็เป็นเพื่อนรักนั่นแหละที่ช่วยเสนอและให้ข้อมูลสำคัญมาให้

        “รายได้ดีทีเดียวนะเกตุ ลูกค้าต่างชาติเขาชอบอะไรแบบนี้แหละ แถมมีรายละเอียดเพิ่มเข้าไปด้วยก็ยิ่งช่วยเสริมมูลค่าเพิ่มให้ แล้วผีเสื้อพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่เธอเก็บมาเกินที่จะใช้อยู่แล้วไม่ใช่หรือจ๊ะ?”

        เกตุมาลาเห็นด้วย หล่อนให้ข้ออ้างกับตัวเองเสมอ ว่าผีเสื้อพวกนี้เป็นแมลงที่หาได้ง่ายมากในธรรมชาติอยู่แล้ว ถึงไม่ทำ ก็มีบรรดานักสะสมแมลงเรียกร้องให้คนอื่นทำอยู่ดี เพียงแต่หล่อนสามารถแทรกความรู้และรายละเอียดอย่างชำนาญลงไปในกรอบภาพศิลป์เหล่านั้นอีกทางหนึ่ง

     ชีวิตของพวกมัน จึงมีประโยชน์สำหรับการศึกษาหาความรู้ และเป็นประโยชน์ในการหารายได้เข้ากระเป๋าในแต่ละเดือนอยู่ไม่ใช่น้อย... หญิงสาวรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป แล้วหันมาตอบคำถามของเพื่อนสาว ที่กำลังจ้องมองมาด้วยความสนใจอยู่ในขณะนี้

        “มันถึงมีฉายานามว่า นกยูงสีน้ำเงินไงล่ะ”

       เกตุมาลาตอบอย่างภาคภูมิใจ ระหว่างเดินนำเพื่อนสาวขึ้นไปบนตึกปฏิบัติการ คันธรสเดินตามมาด้วยความสนใจ

        ตึกปฏิบัติการของภาควิชากีฏวิทยาสร้างขึ้นมานานหลายปีแล้ว นัยว่าเป็นตึกแรกสุดที่มีในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ตัวอาคารรูปทรงทึบทะมึนเก่าแก่สูงเด่นผงาดอยู่เบื้องหน้า โดยมีรอยกระเทาะของปูนแหว่งเว้า และคราบสีซีดจางไปตามกาลเวลา แม้ว่าภายในตัวอาคารจะมีการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ภายหลังจากคาเรนเข้ามาทำงาน และยังเพิ่มความสะดวกมากขึ้นด้วยลิฟท์สองตัวโดยชั้นล่างจัดเป็นลานอเนกประสงค์  

    ชั้นสองคือส่วนของสำนักงานเลขานุการภาควิชา ส่วนชั้นที่สามและสี่คือแผนกห้องปฏิบัติการและห้องพักอาจารย์ประจำภาควิชา ชั้นบนสุดคือส่วนของพิพิธภัณฑ์แมลงรวมถึงห้องทำงานส่วนตัวของโปรเฟสเซอร์คาเรนเพียงคนเดียว

       หญิงสาวกดปุ่มลิฟท์แล้วรอ เมื่อมองเห็นตัวเลขดิจิตอลซึ้งค้างอยู่จากชั้นที่ห้า ค่อยๆเลื่อนระดับลงมาเรื่อยๆ

          “ใครขึ้นไปที่พิพิธภัณฑ์? วันนี้วันหยุด แล้วอาจารย์คาเรนเองก็ยังไม่ได้กลับมาจากประชุมที่อังกฤษนี่นะ?”

       คันธรสยักไหล่อย่างเคยชินในจังหวะเดียวกับเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น หญิงสาวรีบวุ่นกับการควานหาในกระเป๋าสะพายก่อนจะคว้าขึ้นมาแล้วเดินเลี่ยงออกไปยืนคุยอีกด้านหนึ่งอย่างออกรสเต็มที่  ท่าทางเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจใครทั้งโลกอีกต่อไป เกตุมาลาส่ายหน้าอมยิ้มน้อยๆคาดเดาได้ทันทีว่าปลายสายน่าจะมาจากพี่โชติหรือบุรโชติ แฟนหนุ่มใหญ่คนล่าสุดของคันธรสที่ทำงานเป็นนักธุรกิจเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพมหานคร

         น่าแปลกที่นักวิทยาศาสตร์สาวอย่างคันธรสกลับไปสนิทสนมกับนักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัยสามสิบเศษคนนั้นได้โดยที่หล่อนเองยังไม่เคยเห็นวี่แววมาก่อนด้วยซ้ำ

     นึกถึงบุรโชติด้วยภาพอันรางเลือนเต็มที ชายหนุ่มนักธุรกิจผู้นั้นไม่ค่อยยอมปรากฏโฉมสักเท่าไรนัก นอกจากขับรถสปอร์ตคันงามมารอรับคันธรสอยู่ไม่กี่ครั้ง และเจ้าตัวก็สมัครใจจะนั่งรออยู่ภายในรถที่ติดฟิล์มกรองแสงเสียดำมืด จนหล่อนเองยังนึกภาพใบหน้าหนุ่มใหญ่สุดหล่อและ “แสนเพอร์เฟ็ค”อย่างที่คันธรสลุ่มหลงคนนั้นไม่ออกเสียที

  นอกจากรู้ว่าทั้งสองคบหากันมานานหลายปีตั้งแต่หล่อนยังเรียนปริญญาตรีอยู่ที่นี่เลยด้วยซ้ำ

            “พี่โชติเขาขี้อายสาวๆน่ะสิ  คนหน้าตาดีก็อย่างงี้แหละ มีโอกาสรสจะแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการซะที แต่ว่าอย่ามาแย่งเอาไปล่ะ”

       “บ้า!”

         เกตุมาลาเอ่ยหน้าแดงก่ำ ไม่คุ้นชินกับการพูดทีเล่นทีจริงในเรื่องพรรค์นี้สักเท่าใด ส่วนคันธรสก็ไม่ค่อยสนใจปฏิกริยาท่าทีของเพื่อนสาว หล่อนเป็นคนที่พูดไปแล้วบางทีก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกไปบ้าง

       ความคิดของนักกีฏวิทยาสาวหยุดชะงัก เมื่อเสียงสัญญาณลิฟท์ดังขึ้นพอดี

       ประตูลิฟท์บานโตสีน้ำเงินอมเทาเลื่อนเปิดออกจากกันทันที กำลังจะตะโกนเรียกคันธรส แต่ก็ต้องเผลอขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นร่างๆหนึ่งก้าวเดินผ่านหน้าออกมาจากลิฟท์เสียก่อน

        หญิงสาวผู้นั้นมีเรือนกายที่สูงและผอมเพรียวจนเห็นช่วงขาเรียวยาวผ่านกระโปรงผ้าโปร่งบางพลิ้วไหวสีขาวเนียนละเอียดห่มคลุมลงมาถึงช่วงเข่า ทุกจังหวะระหว่างก้าวเท้าผ่านหน้าไปช้าๆ เกตุมาลาเผลอมองใบหน้าที่มีโครงรูปแปลกตาจากสตรีสวยงามทั่วไปอย่างที่หล่อนเคยเห็น ไม่ใช่ใบหน้ารูปไข่หรือรูปหัวใจที่เก๋ไก๋ตามสมัยนิยม แต่เป็นโครงหน้าเรียวยาว โหนกแก้มสูงเด่นขึ้นมารับกับนัยน์ตากลมโตคู่นั้นที่มองคล้ายแก้วผลึกอันลึกล้ำอย่างประหลาด แต่ละองค์ประกอบที่อยู่บนโครงหน้านั้นช่างมิใช่โครงรูปอันสวยงามน่าชื่นตาเลยแม้แต่น้อย

         หากเมื่อได้ประกอบรวมกันเข้าแล้ว กลับสามารถผสานผสมจากโครงสร้างที่ดูไม่น่าจะเข้ากันได้ ก่อให้เกิดเป็นความกลมกลืนน่าเพ่งพิศในสตรีสาวแปลกหน้าผู้นี้อย่างไม่น่าเชื่อ และนั่นเองที่เป็นสาเหตุให้หญิงสาวเผลอยืนถือสวิงในมือค้างโดยไม่รู้ตัว...

       เหตุการณ์ต่อมาเกิดขึ้นภายในเวลารวดเร็วเกินกว่าหล่อนจะตั้งสติได้ทัน

        เมื่อเจ้าผีเสื้อแสนสวย “นกยูงน้ำเงิน” ในตาข่ายผ้าที่เกาะนิ่งอย่างสงบงันอยู่ใต้เงื้อมสวิงแต่แรกคล้ายมีพลังดิ้นรนในการเอาตัวรอดขึ้นมาอีกครั้ง  มันได้โอกาสสะบัดปีกพลิ้วบินอย่างรวดเร็วพลิกผ่านม่านตาข่าย ก่อนจะหลุดรอดออกมาจากครอบสวิงโดยที่หล่อนไม่ทันคาดคิด...

       ผีเสื้อแสนโสภากระพือปีกอย่างเชื่องช้าคล้ายอ่อนแรงเต็มที มันพุ่งตรงไปข้างหน้ายังสตรีแปลกหน้าคนนั้นเป็นเหมือนสรณะ ในขณะที่เกตุมาลาได้แต่ยืนตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อได้สติขึ้นมาหญิงสาวจึงถลันตัวตามออกไปคว้ามันอย่างรวดเร็วด้วยสัญชาตญาณ...

        มือเอื้อมคว้าออกไปข้างหน้าสุดแรง เห็นปลายปีกที่กำลังกระพือร่อนระเรี่ยต่ำลงทีละน้อยโดยไม่ได้สนใจทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้าง เกือบแล้ว... อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น มันจะไม่มีโอกาสหนีรอดเงื้อมมือของหล่อนไปได้เด็ดขาด...

        เกตุมาลามองเห็นอุ้งมือของตัวเองเงื้อง่าขึ้นเพื่อตะครุบลงบนกลีบปีกบอบบางเบื้องหน้า แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อสัมผัสถึงพลังบางอย่างที่สะท้อนกลับอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างกับการถูกผลักด้วยความแรงและเร็วจากมือที่มองไม่เห็น นักศึกษาสาวเสียหลักผงะหงายเกือบจะล้มลงกระแทกพื้นซีเมนต์เสียแล้ว

  เมื่อเงยหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณ นัยน์ตาหล่อนคงไม่ได้ฝาดเมื่อเห็นร่างสูงเพรียว ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า หลังนัยน์ตากลมโตขนาดใหญ่กำลังจ้องตอบกลับมา ด้วยกระแสที่หล่อนอ่านมันไม่ออก

       ก่อนที่ส่วนคล้ายมือเรียวยาวจะยื่นออกมาอย่างรวดเร็วเกินคาดแล้วตวัดคว้าข้อมือหญิงสาวเอาไว้ได้ทันก่อนจะล้มหงายลงกับพื้นห้องที่เป็นเนื้อซีเมนต์แข็งกระด้าง

        เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดเพียงเสี้ยววินาที หญิงสาวสัมผัสความเย็นยะเยียบจากผิวเนื้อของอีกฝ่าย และในชั่วเวลาพริบตาที่มือข้างนั้นก็ปล่อยหล่อนเป็นอิสระ

      “คุณไม่เป็นอะไรนะคะ?”

        น้ำเสียงนั้นอีกเช่นกัน มันราบเรียบ ไม่บ่งถึงความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น เกตุมาลายืนนิ่งงันกระพริบนัยน์ตาถี่

       “ฉันหกล้ม?”

        “ค่ะ คุณหงายล้มลงไปเหมือนสะดุดอะไรสักอย่าง โชคดีที่คว้าข้อมือเอาไว้ได้ทัน”

       อีกฝ่ายยิ้มที่มุมปากน้อยๆ โดยไม่ทันรอให้เกตุมาเอ่ยขอบคุณ ร่างระหงเดินผ่านหน้าของหล่อนไปด้วยอาภรณ์พลิ้วบางและปลิวส่ายไหวน้อยๆไม่ต่างกับการกระพือร่อนของปีกผีเสื้อ!!

     เกตุมาลาเพิ่งรู้สึกตัว หล่อนรีบจ้ำเท้าตามอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็วแล้วร้องตะโกนเรียก

       “เดี๋ยวค่ะ คุณ... เอ้อ ต้องขอขอบคุณ คุณมากค่ะที่ช่วยเหลือ ดิฉันชื่อเกตุมาลาค่ะ เรียนอยู่ที่นี่ส่วนคุณ...”

            หญิงสาวหยุดหอบน้อยๆ ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะเดินเร็วถึงเพียงนี้

         ร่างสูงเพรียวที่ปล่อยผมยาวเรี่ยรายประบ่าหันกลับมาอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มจนเห็นไรฟันเรียงเป็นระเบียบงดงาม

        “ยินดีที่ได้รู้จัก เรียกดิฉันว่ากีฏยาก็ได้ค่ะ กีฏยา  จิตรางคนางค์”

        “กีฏยา...”

        อีกฝ่ายก้มศีรษะลงรับคำเรียกขานนั้น หญิงสาวตั้งใจจะอ้าปากถามต่อก็พอดีเสียงเรียกของคันธรสดังขึ้นเสียก่อนจากด้านหลัง และร่างเพรียวของคันธรสก็อ้อมมุมเสาด้านหนึ่งออกมาพอดี

        “เกตุ ลิฟท์มาแล้วนะ ไปกันเหอะ”

         หล่อนเห็นคันธรสยืนหน้ามุ่ยรออยู่แล้วที่หน้าลิฟท์

     “มัวทำอะไรอยู่ล่ะจ๊ะ รสรอตั้งนานแล้วนะ”

        “ก็... ฉันมัวแต่..”

           หันกลับไป แต่ก็พบว่าไม่มีร่างหญิงสาวที่ชื่อประหลาดว่ากีฏยา จิตรางคนางค์เสียแล้ว...

          “หายไปแล้ว...”

         “อะไรหาย?”

          “ผู้หญิง?”

          “ผู้หญิงคนไหน ทำไมรสถึงไม่เห็นสักคน”

       คันธรสหันมองแล้วเหลียวตามไปมองรอบด้าน และประโยคนั้นที่ทำให้รู้สึกชาวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า หล่อนเกือบหลุดปากเอ่ยชื่อประหลาดๆที่เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกในนาม “กีฏยา”นั่นออกไปแล้ว ถ้าเพื่อนสาวไม่พูดต่อออกมาเสียก่อน

        “เอ... หรือว่ามัวแต่เดินไปคุยโทรศัพท์อยู่ก็ได้ รสมองเห็นแต่ตอนลิฟท์กำลังลงมา พอดีพี่โชติโทรฯมาเสียก่อนน่ะสิ ว่าแต่ตัวรู้จักเหรอ ถึงถามใหญ่เลย”

          ประโยคต่อมาของเพื่อนสาวเลยทำให้เกตุมาลาพอหายใจหายคอได้บ้าง บางทีอาจจะเป็นอย่างที่คันธรสว่าก็ได้ เพื่อนสาวของหล่อนถ้าลองบุรโชติโทรฯมาคุยแล้วล่ะก็ ไม่เป็นอันสนใจเรื่องอื่นรอบตัวเลยอย่างเด็ดขาดจริงๆ เรื่องของผู้หญิงชื่อประหลาดที่เตรียมจะถามอีกฝ่ายออกไปจึงหยุดอยู่เพียงแค่นั้น

          ลิฟท์ขึ้นมาถึงชั้นสามพอดี และประตูลิฟท์ก็เปิดออกโดยมีร่างของเหมวดี เจ้าหน้าที่ห้อง แล็บยืนกดลิฟท์ค้างอยู่พอดี เหมวดีฉีกยิ้มทักทายบนใบหน้าที่ประโคมเอาไว้ด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะ หญิงสาวเป็นคนตัวเล็กหุ่นสมส่วน แต่แต่งตัวค่อนข้างเปรี้ยวอยู่ไม่น้อย

        ยังจำได้ว่าพี่เหมเคยถูกดอกเตอร์พงศ์พิทย์ อธิการบดีเรียกตัวไปตักเตือนหลายครั้ง แต่เหมวดีก็ยังคงเป็นเหมวดี ที่รักษามาตรฐานความ “เซ็กซี่”เอาไว้ไม่เสื่อมคลาย เพียงแต่ อาจจะแต่งให้มิดชิดรัดกุมเวลาที่ อาจารย์พงศ์พิทย์แวะเวียนเข้ามาที่ห้องแล็บเท่านั้น

       “อ้าว... เพิ่งมาหรือเกตุ โปรเฟสเซอร์คาเรนกำลังตามหาตัวเธออยู่พอดีเลย”

        เจ้าหล่อนทักทายเกตุมาลาทันทีที่เห็นหน้า

        “อาจารย์กลับมาแล้วหรือคะ พี่เหม?”

           คราวนี้หล่อนยิ่งงงหนักขึ้นไปอีก ในเมื่อกำหนดการเดินทางกลับของคาเรนยังเหลืออีกตั้งเกือบสามวัน เหมวดีพยักหน้ายิ้มๆอย่างเห็นใจ รู้ดีว่าศิษย์โปรดอย่างเกตุมาลาเป็นที่ต้องการตัวเสมอของโปรเฟสเซอร์คาเรน โดยเฉพาะการต้องมารับภาระทำงานวิจัยใหม่ๆที่เจ้าหล่อนคิดขึ้นได้เสมอในทุกเวลาและสถานที่ เหมวดีเบะปากที่แต้มด้วยลิปสติกสีแดงสดโดดเด่นบนวงหน้า

       “ใช่! มาถึงก็ถามหาแต่ศิษย์เอกคนโปรดเลยล่ะ รีบขึ้นไปเหอะ”

        “ขึ้นไป?”

        “ใช่ ให้นงลักษณ์โทรฯลงมาจากพิพิธภัณฑ์เลยทีเดียวนะ สงสัยจะมีของฝากอะไรจากอังกฤษรึเปล่าก็ไม่รู้สิ พักนี้เห็นเดินทางไปประชุมต่างประเทศออกบ่อยไป?”

       เจ้าหน้าที่ประจำภาควิชาหลิ่วตาให้อีกครั้งก่อนจะก้าวเข้าไปแทนที่ในลิฟท์ แล้วเล็บสีชมพูก็กดปุ่มตามลงไป เกตุมาลากำลังจะอ้าปากถามถึง “สมาชิกใหม่” ที่ชื่อประหลาดๆว่ากีฏยา แต่หล่อนก็เรียกไม่ทันเสียแล้ว เมื่อประตูลิฟท์ปิดเข้าหากันแล้วเลื่อนกลับลงไปอีกครั้งหนึ่ง

        เหลือแต่ปริศนาทิ้งท้ายของเหมวดีเท่านั้น... โปรเฟสเซอร์คาเรนรีบตามตัวหล่อนให้ขึ้นไปหาทำไม??
       
              ***********************

จากคุณ : สามปอยหลวง
เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 19:57:31




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com