Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ลำนำรักใต้แสงจันทร์ ตอนที่ 18 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 17 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11082434/W11082434.html


คุณฟ้าอาภา : อย่าลืมมาลุ้นตอนนี้ด้วยนะคะ ^_^

คุณTyra : นึกว่าจะทิ้งกันไปแล้วซะอีก T_T (ใกล้แล้วค่ะ ใกล้หมดสต๊อกแล้ว เหลืออีกไม่กี่ตอนเท่านั้น)
==================================================

       เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนคนที่ได้แต่นั่งรออยู่เฉยๆ เริ่มรู้สึกง่วง หากพอหนังตาอันหนักอึ้งทำท่าจะปิด ประตูบานเดิมก็ถูกดึงให้เปิดออกอีกครั้ง เสียงเอี๊ยดอ๊าดแผ่วเบาของมันทำให้เอลสะดุ้งเฮือก เกือบจะผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจอยู่แล้ว ดีแต่ว่าสายตาเหลือบไปเห็นผู้ที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องเสียก่อน จึงยั้งตัวเองเอาไว้ทัน

       ชายหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ เมื่อสิ่งที่นึกกลัวเกิดเป็นจริงขึ้นมารวดเร็วทันใจขนาดนี้ โชคดีที่แม่สาวใช้ประจำวิหารผู้นั้นเพิ่งจะก้าวเข้ามาในห้อง จึงต้องอาศัยเวลาในการปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างที่ลดลงเสียก่อน เขาจึงถือโอกาสตอนที่นางหันไปหับบานประตู ย่องเงียบกริบเข้าไปทางด้านหลัง ตวัดแขนข้างหนึ่งล็อกร่างของแม่สาวผู้โชคร้ายเอาไว้ ส่วนแขนอีกข้างเอื้อมไปปิดปากกันไม่ให้นางส่งเสียงร้อง  

       “ขอโทษนะแม่หญิง ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ”

       เอลกระซิบเสียงขรึมขณะออกแรงบังคับหญิงสาวให้ก้าวเดินลึกเข้าไปในห้องเรื่อยๆ โดยที่สายตาพยายามสอดส่ายหาเชือกสำหรับมัดร่างนางไปด้วย อันที่จริงเขาจะชกแม่สาวผู้นี้ให้สลบไปเลยก็ทำได้ แต่เอลไม่อยากใช้วิธีที่ป่าเถื่อนรุ่นแรงเช่นนั้นกับผู้หญิง แม่สาวใช้คนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด นางแค่เข้ามาหยิบไม้ฟืนตามหน้าที่ แต่บังเอิญไม่ถูกเวลาเท่านั้น ซึ่งก็นับว่าเคราะห์ร้ายมากพออยู่แล้ว

       ยิ่งเดินลึกเข้าไปด้านในเท่าไหร่ ร่างแบบบางในอ้อมแขนของชายหนุ่มก็ยิ่งดิ้นรนรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เจ้าของร่างส่งเสียงร้องและพยายามจะเอี้ยวตัวเพื่อหันหน้ามาทางเขา แต่เอลก็ใช้แรงที่มากกว่าบังคับให้นางหันกลับ มองตรงไปข้างหน้าอย่างเดิมได้ทุกครั้ง จนกระทั่งเขาพาแม่สาวใช้เคราะห์ร้ายเดินมาเกือบจะถึงมุมห้องด้านในสุด บริเวณนั้นค่อนข้างโล่งกว่าส่วนอื่น บนพื้นมีเชือกสำหรับมัดฟืนวางขดอยู่ข้างตะกร้าเก่าๆ และท่อนฟืนขนาดเล็กสำหรับจุดไฟในครัว

       เอลกำลังนึกสงสัยว่าจะจับแม่สาวในอ้อมแขนมัด โดยไม่ให้นางส่งเสียงร้องโวยวายจนคนทั้งวิหารแห่กันมาเต็มห้องเก็บฟืนได้อย่างไร จึงไม่ทันระวังตัว ปล่อยให้แม่สาวใช้อาศัยจังหวะที่เขาเผลอ เบี่ยงร่างออกห่างแล้วตวัดศอกเข้าใส่ลำตัวของเขาจนได้ แรงกระแทกจากคมศอกทำเอาชายหนุ่มถึงกับตัวงอด้วยความเจ็บปวด ทั้งงงงันและคาดไม่ถึง

       หญิงสาวไม่ปล่อยให้คนที่รวบตัวนางเอาไว้ได้มีเวลาตั้งตัวติด รีบคว้าท่อนแขนกำยำข้างที่อยู่ใกล้มือที่สุด แล้วใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีงัดร่างของชายหนุ่มให้ลอยขึ้น ก่อนจะกระชากข้ามไหล่ส่งเจ้าของร่างให้ลงไปนอนแอ้งแม้งจุกแอ้กอยู่กับพื้น ส่วนตนเองขยับถอยออกมายืนหอบแฮ่กมองดูผลงานด้วยท่าทางสะใจ พอหายใจได้เกือบจะเป็นปรกตินางก็เอ่ยถามเสียงกร้าว

       “เล่นบ้าอะไรของเจ้าน่ะเอล”

       เขาต่างหากที่น่าจะเป็นฝ่ายตั้งคำถาม...ชายหนุ่มค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างลำบาก รู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะและแผ่นหลังจนชักจะมึน...เอ เมื่อกี้นางเรียกเขาว่ายังไงนะ?

       “นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าจำข้าไม่ได้”

       ประโยคห้วนๆ และน้ำเสียงเย็นชาที่ดังขึ้นมาอีก ฟังคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก

       เอลเบิกตากว้างจ้องมองภาพตรงหน้าเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน อีกฝ่ายก็จ้องกลับมาด้วยรอยยิ้มเครียดๆ ชวนเสียวสันหลังเช่นกัน

       ไม่น่าเชื่อ เป็นไปไม่ได้!!

       ชายหนุ่มร้องบอกตัวเองในใจ เขาต้องตาฝาดไปแล้วแน่ๆ  แต่สีหน้าและแววตาแบบนี้จะเป็นใครได้อีก ถ้าไม่ใช่...

       “เมล!!”

       เอลอุทานเสียงหลง ก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นยืนอ้าปากค้าง

       “นี่ท่านนึกยังไงถึงได้...”

       เขามองชุดเสื้อกระโปรงติดกันมีผ้ากันเปื้อนคาดเอวแบบสาวใช้บนร่างชายหนุ่มตรงหน้า ด้วยอาการคล้ายจะสำลักลมหายใจตนเอง

       ฝ่ายถูกมองยักไหล่ด้วยมาดยียวน ตอบเสียงห้วนสนิทว่า

       “ก็ปลอมตัวน่ะสิ...ไม่เห็นต้องถาม”

       ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินย้อนกลับไปหยิบเสื้อผ้าหอบโตที่ถือติดมือมาด้วย หากแต่ร่วงลงไปคลุกฝุ่นอยู่กับพื้นตอนที่ถูกอีกฝ่ายรวบร่างเอาไว้ ขึ้นมาสะบัดเบาๆ ก่อนจะยัดใส่มือชายหนุ่มตัวต้นเหตุ พร้อมกับออกคำสั่ง

       “เอ้า...นี่ชุดของเจ้า รีบไปเปลี่ยนซะ”

       เอลก้มลงมองของที่ถูกยัดเยียดให้สลับกับใบหน้าของคนออกคำสั่งเหมือนไม่แน่ใจ หากพอเขาลองคลี่ชุดในมือออกดู ก็ต้องร้องเสียงหลงอีกครั้ง

       “เฮ้ย..นี่มัน...”

       ชายหนุ่มคีบชุดกระโปรงลายดอกตัวใหญ่พร้อมผ้ากันเปื้อนขลิบลูกไม้ไว้ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วโป้งด้วยท่าทางขนลุกขนพอง

       “ท่านจะให้ข้าใส่ไอ้นี่เนี่ยนะ ล้อเล่นหรือเปล่า”

       “ทำไมล่ะ หรือว่ามันเล็กไป แต่นี่ก็ตัวใหญ่ที่สุดในบรรดาเสื้อผ้าทั้งหมดที่ตากอยู่กลางลานแล้วนะ ตัวโตขนาดเจ้าหาเสื้อผ้ายากชะมัดเลยรู้มั้ย อ้อ...ยังมีนี่อีก” เมลิอานาร์หยุดพูดแล้วล้วงมือลงไปในกระเป๋าผ้ากันเปื้อน หยิบผ้าสี่เหลี่ยมผืนเล็กๆ ขึ้นมาโบกสะบัดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย

       “ข้าว่าเจ้าโพกผ้านี่ไว้ด้วยดีกว่า จะได้ไม่ดูสะดุดตาจนเกินไปนัก”

       “ท่านพูดเล่นหรือไงท่านเมล ถ้าต้องใส่ไอ้นี่ ข้ายอมตายเสียดีกว่า”

       เมลิอานาร์หัวเราะออกมาเต็มเสียงเมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่ม

       “อะไรกันเอล ข้านึกว่านี่เป็นงานอดิเรกของเจ้าซะอีก...ทีตอนเป็น ‘เอลลี่’ ยังไม่เห็นเจ้าบ่นอะไรสักคำ”

       “โถ่...นั่นมัน...” เอลอึกอัก ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำไปถึงใบหู ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออายกันแน่  

       “ท่านนึกว่าข้าอยากเองหรือไง ถ้าไม่เพราะความจำเป็นละก็..”

       “งั้นนี่ก็ ‘จำเป็น’ เหมือนกันแหละ อย่ามัวแต่เรื่องมากอยู่เลยน่าเอล เจ้ารีบเปลี่ยนชุดซะ ข้าไม่มีเวลารอเจ้าทั้งวันนะ”

       เมลิอานาร์ตัดบทด้วยการโบกมือให้สหายหนุ่มแล้วหันหลังเดินย้อนกลับไปดูลาดเลาที่ประตู ทิ้งให้เขายืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่คนเดียว

       “ให้ตายเถอะ” เอลสบถอย่างหัวเสีย “ถ้าหากข้ารู้ว่าเรื่องมันต้องลงเอยอย่างนี้ละก็ จะคัดค้านแผนการของท่านชนิดหัวชนฝาเลยเชียว”

จากคุณ : akihiro
เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:12:22




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com