|
อิสระทางการเงิน ทำอย่างไรให้มีเงินใช้โดยไม่ต้องทำงาน อาจจะไม่ต้องรวยล้นฟ้าแต่ขอให้มีเงินงอกออกมาให้ใช้เพียงพอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ผมลาออกจากงานประจำด้วยเงินติดตัวมาก้อนหนึ่งราวๆ สองแสนบาท ท่ามกลางเพื่อนๆและญาติๆหลายคนเตือนว่า แกจะออกทำไมวะ เงินเดือนเกือบสามหมื่น มีคุณแม่ผมคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจและไม่ว่าอะไรกับการตัดสินใจในครั้งนี้ ตอนนี้ผมไม่สนแล้วว่าสิ่งที่ทำมันจะถูกหรือผิด ในเมื่อผมตัดสินใจไปแล้วก็ต้องไปให้มันสุดทาง ----------------------------------------------------------- เริ่มสร้างธุรกิจของตัวเอง ด้วยธุรกิจผิดศีลธรรม(การพนัน) อย่างเพิ่งเข้าใจผิดนะครับว่าผมจะเปิดบ่อนพนัน ผมยังไม่เลวขนาดนั้น ผมทำธุรกิจเกี่ยวกับการวิเคราะห์บอลเพราะผมเป็นเซียนบอลตัวยงเลย แถมไม่เคยเล่นพนันบอลซะด้วย ในวงการเรียกว่า ให้ทีเด็ดบอลมีหน้าที่คัดทีมฟุตบอลที่ชนะหรือแพ้แน่ๆให้ผีพนันทั้งหลายได้พนันบอลกัน ข้อดีของธุรกิจนี้คือแทบไม่ต้องลงทุนเลย เสียแค่เพียงค่าโฆษณาทางเว็บไซต์ และหนังสือพิมพ์ ข้อเสียก็คือ ต้องหาข้อมูลมากๆ นอนดึก ถ้าทีเด็ดผิดต้องรับคำบ่นด่าจากนักพนันบอล เปิดได้เดือนแรกผมมีรายได้เกือบแปดหมื่นบาท ความแม่นของผมประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ (10 คู่ถูก 7 คู่) ถึงแม้จะมีผิดบ้างแต่ก็สร้างกำไรให้กับนักพนันเป็นกอบเป็นกำคือได้มากกว่าเสียนั่นเอง ผมคิดค่าบริการสุดแพงราคาทีเด็ดทีมละ 2000 บาท ลูกค้าประจำลดให้เหลือ 1500 บาท แต่เห็นแพงๆแบบนี้นักพนันทั้งหลายมองว่าเป็นเพียงเศษเงินของเขา เพราะพวกเขาเหล่านี้พนันแต่ละทีหลักหมื่นขึ้นไป ผมทำอยู่ได้เกือบสี่เดือน เงินเก็บจากการทำธุรกิจมืดนี้ เหลือจากการใช้จ่ายแล้ว ประมาณ 2 แสนบาท ผมก็ไม่ไหวเนื่องจากอดหลับอดนอนไม่ไหว และไม่มีความสุขทางจิตใจ เพราะการให้ทีเด็ดไปแล้วตีสองตีสามต้องตื่นมาลุ้นผลให้ทีเด็ดผมถูกยิ่งถูกมากลูกค้ายิ่งมาก ถ้าวันใดผิดวันนั้นเตรียมตัวโดนนักพนันด่าได้เลยถึงแม้ผมจะให้ทีเด็ดถูกมากกว่าผิดก็ตาม เพราะนักพนันบางคนใช้บริการผมครั้งแรกก็เจอแจ็คพอร์ตเลย มาเจอวันผิดพอดี ผมไม่มีความสุขกับธุรกิจนี้เลยจึงเลิกทำแต่เพียงเท่านี้ และมีเงินเก็บร่วมสี่แสนบาทแล้ว (รวมที่ออกงานอีกสองแสน) -------------------------------------------------------------- เงินก้อนนี้ผมคิดได้แต่เพียงว่าจะทำอย่างไรให้มันเพิ่มพูนขึ้นมาไม่ให้มันลดลงไป จนได้ไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับการลงทุน ทำให้ผมได้แนวคิดที่ว่า คนรวยรู้จักใช้เงินต่อเงิน คนชั้นกลางรู้วิธีหาเงินแต่ใช้เงินซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น บ้าน รถ ไอแพด มือถือแพงเวอร์ ฯลฯ แต่ไม่รู้วิธีการเพิ่มเงินของตน( ส่วนใหญ่มักจะเป็นมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย) ส่วนคนจนนั้นหนักกว่าใครเพื่อนไม่รู้วิธีหาเงินให้ได้มากๆ และไม่รู้วิธีเพิ่มเงิน ผมขอออกตัวว่าผมไม่ได้แบ่งชนชั้นหรือดูถูกใครทั้งสิ้นนะครับเพียงแต่อยากนำเสนอแนวคิดของหนังสือเล่มนี้นั้น ผมอ่านแล้วคิดว่ามันก็จริงของคนเขียน ผมเริ่มนำเงินก้อนนั้นมาลงทุนในหุ้น เพราะผมคิดว่าเงินมันจะงอกโตได้ดีกว่าการฝากกินดอกเบี้ยธนาคาร ผมเริ่มศึกษาอย่างจริงจังเป็นเวลาหลายเดือน และลงทุนด้วยเงินก้อนเดียวของผมนี้ เดือนแรกหุ้นตกระนาวเงินผมเหลือแค่ 60 % หรือประมาณสองแสนห้าเพราะดันไปเล่นหุ้นปั่น ซวยแล้ววววว ! เงินผมหายไปไหนหมดดดดด! ผมขายหุ้นตัวนั้นทิ้ง นั่งคิดทบทวนว่าอะไรคือข้อผิดพลาด ผมก็ได้พบกับคำตอบ ซึ่งก็คือผมเล่นหุ้นเหมือนเล่นพนัน ไม่ได้เล่นเหมือนนักลงทุน ผมพูดกับตัวเองว่าไม่เป็นไรเอาใหม่ต่อไปนี้จะเป็นนักลงทุนมากกว่าเป็นนักพนัน สุดท้ายผมได้เลือกหุ้นมาตัวนึงจากการอ่านงบการเงิน ข่าววงในบริษัท วิเคราะห็การเติบโตของบริษัท แม้ราคาหุ้นขณะนั้นจะนิ่งๆไม่มีคนสนใจ ผมจัดการซื้อหุ้นตัวนั้นที่ราคา 0.44 บาท ด้วยเงินเกือบทั้งหมดที่มีซื้อได้มาประมาณ560,000 หุ้น หลังจากนั้นหุ้นก็ขึ้นเกือบทุกวัน ผมทนกินมาม่าสองเดือนผ่านไป มันราคา 5.25 บาท โอ้ว แม่เจ้า! หุ้นผมโต 11 เท่า(เพื่อนที่อยู่ในวงการหุ้นน่าจะรู้ดีนะว่าหุ้นตัวนี้มันคือหุ้นอะไร) หมายความว่าผมมีเงิน 2.71 ล้านบาท ผมรีบจัดการขายหุ้นออก ขายเอาทุนออกมาเหลือแต่กำไรไว้สองล้านกว่าบาท ที่เหลือกำไรไว้เรียกว่าหุ้นถือฟรี(ถอนทุนออกมาแล้ว) เพราะจะเอาไว้กินเงินปันผลรายปี ผมได้ปันผลปีละ 246,000 บาทหรือคิดเป็นเดือนละ 20500 บาทโดยไม่ต้องทำงาน เอาละวะ! ความฝันของผมเริ่มเป็นจริง ไม่ต้องทำงานแต่มีเงินกินเงินใช้เดือนละสองหมื่นกว่าบาทมันมีความเป็นไปได้ (ถ้าเป็นผมเมื่อก่อนได้เงินเยอะขนาดนี้คงเอาเงินไปซื้อรถซื้อบ้าน ซื้อของใช้แพงๆ จนหมดและเป็นมนุษย์เงินเดือนต่อไปไม่รู้จักจบสิ้น) ----------------------------------------------------- เป็นบันไดขั้นแรกสู่อิระภาพทางการเงินของผม นับตั้งแต่ออกงานมาจนถึงตอนนี้ผมใช้เวลาไปทั้งหมด 8 เดือน หรือผ่านไป 240 วัน แต่มันยังไม่เพียงพอสำหรับความฝันอันยิ่งใหญ่ของผมเพราะการจะออกไปสูโลกภายนนอกได้มันต้องมีอิสระภาพทางการเงินมากกว่านี้หลายเท่าตัวนักอย่างน้อยต้องได้เงินฟรีๆเดือนละแสนจึงจะพอเดินทางได้ ผมได้นำเงินต้นทุนสองแสนกว่าบาทเมื่อครั้งที่ถอนออกจากหุ้นเล่นหุ้นเรื่อยมา แม้จะได้บ้างเสียบ้างก็ถือว่าโดยรวมแล้วไม่ขาดทุน เนื่องจากผมศึกษาอย่างหนักกินนอนกับหนังสือหุ้นจนในที่สุดผ่านไปสามปี ผมมีหุ้นปันผลฟรีรวมปีละ 1.9 ล้านบาท ถึงตอนนี้ผมมีเงินเดือนฟรีๆจากปันผลหุ้นคิดเป็นเดือนละ 1.5 แสนบาท ถือว่าเพียงพอที่กินจะใช้ในชีวิตประจำวัน และสามารถเดินทางไปสถานที่ต่างๆของโลกได้แล้ว ถึงแม้จะไปแบบถูกๆๆก็ตาม เดือนละ1-2ประเทศก็พอแล้ว
จากคุณ |
:
รอคอย ณ ดอยหนาว
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ก.ย. 54 23:29:20
|
|
|
|
|