Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Body Talk (Boy love) ทดลองโพสต์ ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1

เขามักชอบพูดว่า ผมดีกว่าผู้หญิง ตรงที่ไม่มีวันทำให้เขาต้องเดือดร้อนเรื่องตั้งท้อง... คำพูดแบบนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ใบหน้าก็เย็นชา จะให้ผมรู้สึกอย่างไรดี ผมอยากไม่รู้สึกอะไรเลยทั้งสิ้น อยากหัวเราะแล้วตอบกลับไปว่า.... เหมือนกัน ฉันก็แค่สนุกกับมัน.... แต่ไม่รู้ซินะ นับแต่วันที่เราเริ่มต้นจนบัดนี้ สองปีแล้วซินะ เป็นสองปีที่สัมพันธ์ของเราว่างเปล่า สัมผัสของเราว่างเปล่า

มันเหมือนกับการจุดไฟ เร่าร้อน มอดไหม้ แล้วก็จบลง ไม่เหลืออะไรให้จดจำ เรามีสิ่งที่ต้องแยกย้ายไปดำรงตนอยู่ในวังวน จนกว่าความต้องการจะเรียกร้อง เราก็จะมาพบกัน เพื่อจุดและดับไฟที่ครุกรุ่นของเรา เราทำมันเงียบงันไร้คำพูด ปล่อยให้ร่างกายของเราพูดตอบโต้กันด้วยลีลารักที่บ้าคลั่ง ตอบสนองแรงปรารถนาที่มีต่อกันและกัน มันก็เป็นเพียงแรงดึงดูด ใช่แค่แรงดึงดูดเท่านั้น สำหรับเขาเพราะผู้หญิงอาจทำให้วุ่นวาย สำหรับผมเพราะร่างกายคุ้นเคย เมื่อเขาพูดว่าอยากพบ ร่างกายก็เป็นไป  ปรารถนาจะพบเขาโดยเร็วเท่าที่จะสามารถทำได้

ผิวกายของผมเรียกร้องสัมผัสจากเขาหากแต่ไม่ใช่จิตใจ  การเคลื่อนไหวของเขาทำให้ร่างกายของผมตื่นเต้น ลืมตัวและร้อนแรงมากเท่าที่เขาอยากให้เป็น แต่บทรักของเราทำให้ผมตกใจทุกครั้งที่รู้สึกตัวเมื่อมันจบลง เสียงเสียดสีของเสื้อผ้าที่เขาหยิบขึ้นใส่ เสียงเข็มขัดที่เขาหยิบหัวของโลหะของมันดังกรุ๋งกริ๋ง พอพลิกตัวหันไปเห็นเขาแต่งตัวเรียบร้อยพร้อมจากไปทุกเมื่อแล้ว โดยไม่รู้ตัวผมคิดว่าความว่างเปล่าระหว่างเราทำให้ผมเริ่มแปลบปลาบ จนต้องหันหน้ากลับและถามตัวเอง ผมมาทำอะไรกับใครที่นี่ ผมเป็นคนแบบไหนกัน คิดแบบนี้แล้วก็พาลอยากจะร้องระบายความอัดอั้นออกมาดัง แต่เท่าที่ทำได้คือผ่านมันไป ทำเหมือนมันไร้ค่า เซ็กส์ไม่น่าจดจำ เสแสร้งว่าก็แค่นั้น สำหรับเวลาอ้อยอิ่งที่ผ่านไป

"แล้วเจอกัน" เสียงต่ำเบาแผ่วดังด้านหลัง ผมพยักหน้าแรงจนศีรษะสั่นไหว  เขาถอนใจเฮือกยาวก่อนเปิดประตูออกไป สิ้นเสียงประตูปิดตัว ผมก็หงายหน้าเปลี่ยนท่ามานอนมองเพดาน ร่างกายเปลือยเปล่าที่ซุกซ่อนใต้ผ้าห่ม ซบเซาราวซากเน่าเปื่อย  อยากกลับไปวันแรกที่เราพบกัน อยากเปลี่ยนอดีตใหม่ทั้งหมด ชีวิตที่ดำเนินต่อมาจนวินาทีนี้จะได้ไม่ว่างเปล่าหดหู่แบบนี้

สองปีก่อน...
เราพบกันที่แกลลอรี่ของเพื่อนเขา ผมเป็นผู้จัดการ ส่วนเขาเป็นผู้ซื้อกระเป๋าหนัก เพื่อนของเขาแนะนำให้รู้จักกันในวันแรกของการทำงานของผม เขาเป็นนักธุรกิจแต่ก็มีผมที่ยาวเคลียต้นคอ บางครั้งก็รวบเป็นหางม้าเล็ก ผมชอบมองเวลามันแกว่งไกวยามที่เขาเดินออกจากร้าน เขามักจะมาในวันพุธกลางเดือน เพื่อดูภาพวาดใหม่ๆ และให้ผมแนะนำภาพให้ เราคุยกันตามธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างลูกค้าและผู้ขาย ไม่มีความสนิทสนมใดๆพิเศษ ผมก็คิดว่าเขาเป็นลูกค้าที่จ่ายงามตามราคาที่ตั้ง

ไม่แปลกที่จะตั้งตาคอยให้ถึงวันพุธกลางเดือน  วันพุธหนึ่งในเดือนไหนไม่รู้เมื่อสองปีก่อน ผมรอเขาจนตัดสินใจที่จะปิดร้าน เขาก็โผล่มาแล้วก็ขอโทษเป็นการใหญ่  วันนั้นมีภาพใหม่เข้ามาถึงสามภาพ ผมอยากขายทั้งหมด แต่มันเป็นเวลาปิดของร้านแล้ว ผมจึงให้เขาเข้ามาในร้าน และปิดประตูใหญ่ โดยเมื่อทำธุรกิจเสร็จผมและเขาจะออกหลังร้านกัน เขายินดีปรีดากับภาพใหม่ทั้งสามภาพ เขาเพ่งพิศมันอย่างละเอียด โดยมีผมแนะนำศิลปินผู้วาดด้วยโปรไฟล์ในมือ

เขาบอกว่ารู้จักภาพที่สามเพราะเป็นภาพที่ชนะเลิศรางวัลที่ฝรั่งเศส เขาตามหามานานมากคิดว่าคงไม่มีหวังแล้ว แต่ตอนนี้มันอยู่ตรงหน้า แล้วก็หันมาถามผมว่ารู้ไหมว่าภาพบรรจุด้วยความหมายและสัญลักษณ์อะไรบ้าง ผมมองภาพสีน้ำมันที่มีลวดลายแปลกและสีสันจัดจ้านตรงหน้าแล้วบรรยายตามความเข้าใจ เป็นการสื่อถึงความเร่าร้อน และแรงปรารถนา เขาพยักหน้าพอใจ แต่ยังไม่หมดหรอกนะเขาแย้ง จากนั้นก็เริ่มบรรยายให้ผมฟังอย่างตั้งใจ ภาพและคำบรรยายทำให้ผมดื่มด่ำราวกับกำลังเสพสมกับจินตนาการของตัวเอง

แล้วเขาก็เริ่มยิ้ม รอยยิ้มแปลกตาที่ผมไม่เคยมาก่อนทำให้ผมรู้สึกตัว และอับอาย เขาพยักหน้าแล้วหยุดพูด ความเงียบทำผมอึกอัก เริ่มมองหาอย่างอื่นทำระหว่างที่เขาดูภาพ แต่เขากลับเดินมาใกล้จากด้านหลัง และจรดริมฝีปากกระซิบคำบรรยายความเร่าร้อนการเสพสมของภาพและสีสันที่ข้างใบหูของผม ผมหายใจแรง ตกใจหวาดหวั่นสับสนปนเปวุ่นวายจนต้องขยับหนีเมื่อมือของเขาเคลื่อนคลืบสัมผัสลำตัวก่อนจะดึงผมที่ขัดขืนไปกอด ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่สุดสำหรับผม  

ไม่ว่าจะเป็นจูบ การสัมผัสที่ไม่เคยรู้จัก มันทั้งรวดเร็ว รุนแรง ผมงงงันและจำไม่ได้สักอย่างในวินาทีที่เกิดขึ้น ทั้งที่กลัวลนลานแต่ก็ข้างในก็เย้ายวน ถูกปลุกเร้า สติที่เหลือน้อยลงบอกให้ผมตั้งหลักให้ได้โดยเร็ว  ริมฝีปากผมจึงค่อยๆขยับเรียกร้องขออิสระภาพทันทีที่หลุดพ้นจากการประกบหนักหน่วงครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายก็เริ่มต้นต่อสู้ดิ้นรน ผลักไส  เขาไม่ได้บังคับฝืนทำต่อ เพียงพูดว่า...ผมจะกลับไปโดยไม่มีอะไรติดมือไปเลย หรือ จะซื้อไว้ทั้งสามภาพมันขึ้นอยู่กับคุณ สองภาพหกหลัก

อีกภาพเจ็ดหลัก คอมมิสชั่นที่จะได้สมเหตุสมผลซะด้วย คุณรอทุกพุธกลางเดือนด้วยเหตุผลนี้ไม่ใช่หรือ ถ้าหากผมไม่มาที่นี่อีกต่อไปล่ะ.... เขาสูดหายใจยาวแล้วก้าวเดินไปที่ประตูทางออกด้านหลัง ผมหยุดมือจัดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย ผมตกงานมาหลายเดือนก่อนจะได้งานที่นี่ ความลำบากใจและกายช่วงเวลาแบบนั้นสัญญากับตัวเองไม่เอาอีกแล้ว และงานนี้นอกจากเงินเดือนแล้วค่าคอมจากการขายภาพ ผมถอนใจแล้วเดินไปหาเขาอย่างว่าง่าย
"ช่ายล่ะมันต้องอย่างนั้น" คำพูดของเขาที่ผมฟังไม่ไพเราะสุภาพเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว

จากคุณ : vannessia
เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 54 19:06:15




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com