Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สุดท้ายกว่าเราจะ....กัน (บทที5-คนใหม่ในร่างเดิม ) ติดต่อทีมงาน

ตอนแรกสุด (บทนำ-ให้ตายเถอะผมเกลียดผู้หญิง)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11069009/W11069009.html
ตอนก่อนหน้านั้น (บทที่ 4 -สองวิญญาณ )
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11121930/W11121930.html




บทที่ห้า-คนใหม่ในร่างเดิม



" หาเธอว่าไงนะ "

"ทำไมฉันถึงได้......" เธอทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้อย่างหมดแรง

"อะไร นี่เราพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ "

" ไอ้หมาฟังให้ดีๆนะฉันชื่อแบร์ เมื่อครั้งสุดท้ายที่เจอแกฉันจำได้ว่าฉันชกหน้าแกไปสองหมัด เตะไปอีกสาม "

"ตลกแล้วน้ำอุ่น นี่ไปเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหน " ใจผมเริ่มเสียลงไปทุกทีๆนี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย เพราะเรื่องนั้นมันน่าจะมีคนรู้แค่ ผมกับไอ้เจ้าแบร์นี่นาแล้วทำไม น้ำอุ่นถึงได้....
แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเชื่อว่า...คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่น้ำอุ่นก็คือ


จิ้งจกตัวเท่านิ้วโป้งตกลงมาบนตักเธอ

" เฮ้ย!!!!!! " เธอร้องเสียงหลงก่อนจะกระโดดชนิดที่ว่าเก้าอี้ไปทางจิ้งจกไปทาง

เป็นไปไม่ได้น้ำอุ่น เป็นคนที่ไม่กลัวเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้เลยแม้แต่น้อย ชนิดที่ว่าหยิบมันลูบได้อย่างสบายๆ ในความทรงจำผม คนเดียวที่กลัวเจ้าสิ่งนี้ก็คือ ไอ้เจ้าแบร์

" อ๊าค!! เอามันอออกไป !!" เธอปัดตามเนื้อตามตัวเป็นการใหญ่

"น้ำอุ่นเป็นอะไรรึเปล่า "

"บอกแล้วไงว่า ฉันไม่ใช่น้ำอุ่น อ๊ะ!! ผู้หญิงคนนี้ชื่อน้ำอุ่นเหรอ แฟนแกรึไง" เธอตอบกลับมา หลังจากสำรวจดีแล้วว่าไม่มีเจ้าสิ่งมีชีวิตเปลี่ยนสีได้อยู่บนตัว ทั้งสายตาและแววตาที่ตอบกลับมา มันไม่ใช่น้ำอุ่นเลยซักนิด
แม้ไม่อยากเชื่อสักแค่ไหน แต่คนที่อยู่ตรงหน้าผมไม่ใช่ น้ำอุ่น
" อะ..อ๊ะ..นิ่งแสดงว่าใช่ ไปหลอกเค้าอีท่าไหนวะ "

" น...นะ...น้องสาวเว้ยไอ้บ้า " ชิ....ผมเคยคิดแบบนั้นกับน้ำอุ่นซะที่ไหนกันเล่า

"อ้อ..เหรอ อย่างว่าล่ะนะ ไอ้ตุ๊ดอย่างแกมีแฟนก็แปลกล่ะ " มันส่งยิ้มยียวนกวนประสาท ที่ผมจำได้ไม่มีวันลืม ว่ามีคนที่ยิ้มได้แบบนี้คนเดียวในโลก

"แก ไอ้เวรเอ๊ย ออกมาจากร่างน้ำอุ่นเดี๋ยวนี้นะ " ผมอยากจะเขย่าๆให้ไอ้บ้านี่ออกมาจากร่างน้องสาวผมนัก

" ทำได้ ก็ทำไปแล้วเว้ย ลืมตามาก็อยู่ร่างนี้แล้ว "

ผมยกมือขึ้นประกอบเมื่อนึกอะไรได้บางอย่าง
"เดี๋ยวก่อนนะ แกมาอยู่ในร่างนี้แล้วน้องฉันล่ะ "

"จะไปรู้เรอะ แต่รู้ว่าเธออยู่ข้างในตัวฉันนี่ล่ะ "

" ยังไง...."

" อย่ามาทำหน้า หมางง เพราะฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน รู้แต่ว่าน้องแกหลับอยู่ในตัวฉัน ไม่รู้ว่ารู้ได้ไง แต่มันรู้สึกได้"

" หมายความว่า แกเป็นผีมาสิงน้องฉันงั้นเรอะ แกออกไปเดี๋ยวนี้นะ " ผมถอดสร้อยพระที่พ่อให้มาออกมาจากคอ
ตั้งใจจะเอาไปคล้องคอน้ำอุ่น

" ไอ้นี่ คำก็ผี สองคำก็ผี ยังไม่ตายนะเว้ย ไอ้บ้าจะเป็นผีได้ไงวะ เดี๋ยวปั๊ดเตะคอหัก "

" แน่จริง ก็ออกมาจากร่างน้องฉันสิวะ เดี๋ยวก็รู้ว่าใครเตะใคร "

"ไอ้นี่พูดไม่ฟัง ก็บอกว่าทำไม่ได้ไงวะเฮ้ย "

ขณะที่เรากำลังจะใกล้จะถึงจุดเดือดนั้นเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น
ผมชี้หน้าไอ้หมอนั่นประมาณว่าฝากไว้ก่อน ส่วนไอ้หมอนั่นน่ะเหรอ มันก็ส่งนิ้วกลางมาให้ผม แทนคำตอบ

" ฮัลโหล "ผมกรอกเสียงลงไป

"ไอ้หมา แกจะเอาอะไรมั้ย " เสียงพี่บีดังรอดมาตามสาย

"ไม่ต้องหรอกพี่บี "

"เออๆ ขอฉันซื้อแบบห่อกลับบ้าน แล้วเดี๋ยวจะขึ้นไป หงุดหงิดใครบางคนแถวนี้ เลยกินอะไรไม่ลง แค่นี้นะ" เสียงตอนท้ายดูกระแทกกระทั้นยังไงชอบกล ก่อนที่เธอจะวางสายไป

ผมหันมามองคู่อริในร่างน้องสาวผมที่กำลังสำรวจตามเนื้อตามตัวของตัวเอง
" เฮ้ย...อีกเดี๋ยวพี่ฉันก็จะขึ้นมา แกอย่าทำอะไรที่มันผิดปกติล่ะ ฉันไม่อยากให้ใครต่อใครมากังวลไปด้วย ว่าในตัวนำอุ่นมีตัวประหลาดอย่างแก "

" ผิดอยู่แล้วไอ้บ้า ฉันไม่รู้จักน้องแกเลยนะ "

จริงสินะ ผมลืมไปเลย
คงมีเวลาอีกสักนิดหน่อย ผมจึงเล่าประวัติคร่าวๆของน้ำอุ่น ให้ไอ้หมอนี่ฟัง ว่าเธอมีพี่ชายหนึ่งคน พ่อกับแม่ของเธอทำงานที่อเมริกา แล้วก็เรื่องต่างๆที่เธอควรรู้
" ที่เหลือถ้ามีใคร แกก็แกล้งความจำเสื่อมก็แล้วกัน "

"เออ...ว่าแต่สรุปน้ำอุ่นไม่ใช่น้องสาวแกแท้ๆใช่มะ "มันทำตาเจ้าเล่ห์ใส่ผม ก่อนจะย้ายตัวเองขึ้นไปบนเตียง

" เออมีปัญหาอะไรวะ "

"สมภารกินไก่วัดนี่หว่า แหมๆวางตัวเป็นพี่ชาย เนียนใช้ได้นี่ "

" ไอ้บ้า ฟังให้ชัดๆนะ....ฉัน...ไม่...เคยคิด...อะไรกับน้ำอุ่น... เลย สักนิด...."ผมพูดโดยเน้นทีล่ะคำ

" อ้อเหรอ...... "สายตาของมันบ่งบอกว่าเชื่อตายล่ะ
แต่แล้ว
น้ำตาเป็นสายก็ล่วงลงมาจากหางตาของไอ้หมอนั่น ราวกับว่ามีเรื่องเศร้ามากมายที่เกินกว่าจะทานทน
"เฮ้ย...อะไรวะเนี่ย " หมอนั่นเอามือจับแก้มเป็นการใหญ่ เมื่อนำตาเม็ดตาเม็ดโตเกิดขึ้นที่หางตาอย่างไม่ยอมหยุด

"เป็น...อะไรของแก " ผมรุดเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง ห่วงน้องสาวผมนะ ไม่ได้ห่วงไอ้บ้านี่ให้เสียเวลาหรอก

" มีใคร....บางคน...กำลังร้องไห้ " หมอนั่นเช็ดน้ำตาที่ไม่ยอมหยุด

"ก็แกไง "ผมคว้าผ้าเช็ดหน้าส่งให้

"ไม่ใช่กำลังร้องไห้.... อยู่ในนี้ "หมอนั่นชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้าย ตรงตำแหน่งของหัวใจ
"โอ๊ย!!! หัวฉัน....ทำไมปวดอย่างนี้ " หมอนั่นเอามือกุมหัวก่อนจะตาเหลือกแล้วดั่งตุ๊กตาที่ถูกตัดเชือก
ร่างกายทิ้งตัวลงไปบนเตียงโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

" เฮ้ย...ไอ้แบร์...เฮ้ย...." ผมเขย่าร่างบางที่ไม่มีท่าทีจะรับรู้อะไร

นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

คืนนั้น
                   ผมกลับบ้านไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก พี่บีก็ถามผมเหมือนกันว่าเป็นอะไร เพียงแต่ผมหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามเธอ มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ในหัวผมมีแต่คำถาม และคำตอบที่คาดเดาเอาไว้  หลังจากเสร็จสิ้น การเตรียมอาหารให้คนในบ้านเรียบร้อยแล้ว ผมจึงไปเล่นอินเตอร์เนตเล่นแก้เซ็ง ผมลองค้นหาวิธีไล่ผีในอินเตอร์เนตดู แล้วก็พบว่า มันมีมากกว่าที่คิด ไม่น่าเชื่อว่าผีกับอินเตอร์เนตจะไปด้วยกันได้ผมไล่คลิกไปเรื่อยๆ เผื่อจะมีวิธีไหนไล่ไอ้บ้านั่นให้กลับร่างเดิมได้ ตามที่ผมคิด น้ำอุ่นกับไอ้บ้านี่น่าจะสลับร่างกัน ป่านนี้ถ้าน้ำอุ่นฟื้นคงตกใจแย่ จู่ๆก็มาอยู่ในร่างอัปลักษณ์ของไอ้หมอนั่น
อะไรบางอย่างทำให้ผมคลิกไปที่หัวข้อข่าวเล็กๆ   ที่ไม่มีใครแทบจะสนใจ
        ทายาทนักธุรกิจชื่อดังเสียชีวิตแล้ว หลังนอนเป็นเจ้าชายนิทรามานานกว่าสี่เดือน นายเกตุศรา แมคไกวเวอร์นักธุรกิจชื่อดังได้กล่าวหลังจากสูญเสียทายาทเพียงคนเดียวไป หลังจากอุบัติเหตุรถตกจากหุบเขา จนต้องนอนเป็นเจ้าชายนิทรานานกว่าสี่เดือนว่า นี่คือการสูญเสีย ที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลแมคไกวเวอร์ นายเกตุศรา นักธุรกิจเจ้าของนิตยสารแนวซุบซิบคนดังที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก เจ้าของนิตยสาร.....บลาๆ ผมเลื่อนดูอย่างไม่ใส่ใจนัก
เอ นามสกุลแมคไกวเกอร์งั้นเหรอ คุ้นแฮะๆ ผมเลื่อนลงมากระทั่งจนพบกับ ภาพลูกชายนักธุรกิจคนนั้น
และคนที่อยู่ในภาพคือ
ไอ้เจ้าแบร์
........................................................................




                 นี่ผมอยู่ทีไหนกันเนี่ย หมอกควันสีขาวอยู่รอบๆตัวจนแทบไม่เห็นรอบข้าง ผมมองทัศนียภาพรอบๆกาย แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผมออกเดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้ซึ่งจุดหมาย
.......เสียง
เสียงใครกันนะ ใครกันกำลังร้องไห้ มีอะไรให้เสียใจกันขนาดนั้นเลยหรือไร มันเศร้าจนผมแทบหลั่งน้ำตา
ผมไม่รู้ว่า คนๆนั้นเสียใจด้วยเรื่องอะไร รู้แต่เพียงผมอยากจะให้คนๆนั้นหายเศร้า ผมไม่รู้ว่าเธอคนนั้นอยู่ที่ตรงไหน แต่ขาของผม กลับพาตัวเองไป
ผมเดินตามเสียงไปเรื่อยๆ
ใกล้เข้าไปทุกที
ทุกที
....ทุก...ที....
จนในที่สุดผมก็พบ
เด็กผู้หญิงในชุดกระโปรงสีขาว มีรอยขมุกขมอมนิดหน่อย กำลังร้องไห้โดยซุกหน้าระหว่างเข่า
ร่างกายเล็กๆนั่นโยนขึ้นโยนลงด้วยแรงเสียใจ ผมคุกเข่าลงไปเสมอเธอ ก่อนจะยื่นมือไปลูบหลังแผ่วเบาหวังเพียงให้ร่างเล็กบรรเทาความเสียใจ
“เป็นอะไร....ใครมาทำอะไรงั้นเหรอ ”

“ฮึก...ใจร้าย....ใจร้ายที่สุด “

“ใคร...ใจร้ายบอกพี่ได้มั้ย... “

“พี่ดีใจร้าย...." ร่างเล็กร้องไห้ตอบกลับมา

“พี่ทำไม่ดีกับเรางั้นหรือ “ ใจของผมปวดหนึบโดยไม่ทราบสาเหตุ

“พี่ดีไม่รัก...แล้วพี่มาทำดีกับ....ทำไม” เสียงของเธอขาดๆหายๆ จนฟังแทบไม่รู้เรื่อง

“อย่าร้องไห้เลย เดี๋ยวไม่สวยนะ “ ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่ข้างแก้มน้อยๆนั่น

“ถ้าวันหนึ่ง...สวย พี่ดีจะรัก...มั้ย “ เธอยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา

ผมอมยิ้มก่อนจะตอบเธอ
“ ถ้าไม่ใช่ เด็กขี้แยอย่างนี้ล่ะนะ มา ให้พี่เช็ดหน้าสิคนดี “
เธอเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา ใบหน้าที่ผมจำได้ไม่เคยลืม
ถ้าน้ำอุ่นสวย พี่ดีจะรักน้ำอุ่นมั้ย” เสียงของเธอสั่นสะท้านไปถึงหัวใจ


เฮือก...
ทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมา ก็พบหน้าจอคอมที่ดับสนิท นี่ผมนอนหลับคาคอมเหรอเนี่ย ไหล่ของผมถูกคลุมไว้ด้วยผ้าห่มที่มาจากเตียงนอน คงมีใครซักคนนำมาให้เพราะกลัวว่าผมจะหนาว คงเพราะผมนอนผิดที่ผิดทางล่ะมั้ง เลยฝันแปลกๆ ผมลุกขึ้นมาพลางพับผ้าห่ม ทันใดนั้นกลุ่มควันสีขาวก็ลอยขึ้นมา นี่ผมยังไม่ตื่นอีกเหรอเนี่ย....
ว่าแต่ทำไม ถึงมีกลิ่นด้วยล่ะ กลิ่นอะไรนะ....ผมลองสูดกลิ่นดู ก็พบว่านี่มัน....เหม็นไหม้
ไฟไหม้งั้นเรอะ ตายห่า!!! ผมรีบออกไปจากห้องก็พบว่าควันมันมาจากในครัว

ผมรีบลงไปในครัว ก็พบ พี่ซีกำลังยืนเอาฝาหม้อป้องกันต่างโล่ห์ ส่วนพี่บีก็กำลังเอาตะหลิวเขี่ยสิ่งที่อยู่ในกระทะด้วยท่าทางที่แหยงๆ กลุ่มควันมหึมากำลังลอยออกมาจากในกระทะ

“พวกพี่ๆกำลังทำอะไร เนี่ย “ผมอยากจะบ้าตาย เมื่อวานผมทำความสะอาดอย่างดีเลยนะ

“เห็นแล้วไม่รู้เหรอไงยะ “ พี่บีที่กำลังอื้มสุดปลายแขน เอาตะหลิวเขี่ย ไอ้ก้อนดำๆที่ผมมองไม่ออกว่ามันคืออะไร
แต่มันมีครีบด้วย อืม... มันน่าจะเป็นปลานะถ้าผมเดาไม่ผิด

“ก็ที่ผมเห็นพี่กำลังจะเผาบ้าน อยู่น่ะสิ !!“

“ เรากำลังลังทอดปลาน่ะจ๊ะ ว่าแต่ดี เวลาทอดปลาเนี่ยมันควันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ “ พี่ซีที่ โบกฝาหม้อให้ควันมันจางลง เป็นคนตอบ

ทอดปลางั้นเหรอเนี่ย แม่เจ้า ผมว่ามันไม่ใช่เสน่ห์ปลายจวักแล้ว แบบนี้มัน เสน่ห์คอจะหักโดยแท้
“ ถือว่า ผมขอร้อง พวกพี่ช่วยออกไปจากครัว เดี๋ยวนี้เลย “
ผมเอามือนวดขมับแก้ปวดหัว ก่อนจะเดินไปเปิดเครื่องดูดควันกับพัดลมระบายอากาศ แล้วเดินไปปิดเตาแก๊ส
     หลังควันจางลง ผมก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ห้องครัว ถ้ามันยังเรียกอย่างนั้นได้นะ ผมเห็นแล้วอยากร้องไห้ชมัดเลยน้ำมันกระจายเต็มพื้น กลิ่นเหม็นลอยตลบไปทั่ว ถังน้ำถูกวางไว้ใกล้ๆเผื่อฉุกเฉิน กระทะนี่ผมต้องขัดนานเท่าไหร่กันล่ะเนี่ย ฮือ....ผมอยากจะร้องเพลงไมเคิลแจ็คสันเป็นภาษาจิ้งหรีด

“ ดีให้พี่ช่วยมั้ยจ๊ะ “ พี่ซียื่นหน้าเข้ามาทางประตูแบบกล้าๆกลัวๆ

“พวกพี่ช่วยอยู่เฉยๆจะดีที่สุด “ผมตอบพร้อมกับ ตักไอ้ก้อนดำๆ ที่ผมเดาว่า อดีตมันเคยเป็นปลามาก่อน ใส่จาน

“งั้นเหรอ งั้น ….พี่ไม่กวนแล้ว แหะๆ “ พี่ซีรีบออกไปอย่างไว ไม่ทันที่ผมจะบอกว่าอย่ารีบเดี๋ยว...
“ว้าย!!! “ โครม!!คราม!! งานเพิ่มอีกแล้วสินะ อยากจะร้องไห้จริงๆนะเนี่ยคราวนี้
หลังจากผมเก็บกวาดในครัว คร่าวๆเรียบร้อยแล้ว ผมก็ยกปลาออกไปที่โต๊ะกินข้าว และก็พบว่า พี่ซีกำลังหัวเราะกับหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะที่อ่านมาแล้วครั้งที่ร้อยแปด ส่วนพี่บีก็กำลังอ่านหนังสืออีกเล่มมีรูปอาหารหน้าตาน่ากินอยู่บนหน้าปก แต่ที่ทั้งสองทำเหมือนกันก็คือ....อ่านหนังสือกลับหัว

“ พวกพี่คิดจะทำอะไรกันแน่ “ ผมวางผลงานของพวกเธอลงบนโต๊ะ

“ ก็ทำกับข้าว น่ะสิ “ พี่บีตอบ โดยไม่เงยหน้าจากหนังสือ

“ส่วนพี่อยากช่วยน่ะจ๊ะ แหะๆ “พี่ซีตอบโดยที่เอาหนังสือบังไว้ครึ่งหน้า

“ แล้วทำไม ไม่รอผมล่ะ “ ปกติผมจะไม่ให้พวกเธอแตะของพวกนี้เลยนะ พี่ซีน่ะก็รู้ๆกันอยู่ขืนให้ทำล่ะก็ ผมว่าได้มีบาดเจ็บล้มตายกันมั่งล่ะ ส่วนพี่เอน่ะเหรอ หึๆครั้งสุดท้ายที่ผมเข้าโรงพยาบาลเพราะท้องเสียก็มาจากคุณเธอนี่ล่ะส่วนพี่บี อืม...เท่าที่ผมจำได้ เธอปฏิเสธของพวกนี้โดยสิ้นเชิงเลยนี่นา เธอบอกว่าของพวกนี้มันดูเป็นผู้หญิงเกินไปอืม..ผมคาดว่าคนพูดคงลืมอะไรไปซักอย่าง แต่ใจความสำคัญคือเธอไม่เคยหยิบจับของพวกนี้เลยนะ แล้วทำไม

“ก็พี่เห็นเรากำลังหลับสบายนี่นา เลยไม่อยากปลุก เมื่อวาน พี่ก็เห็นเราหลับคาคอมไปแล้ว“ พี่ซีตอบกลับมา
ผมรู้แล้วล่ะว่าใครเป็นคนเอาผ้าห่มมาคลุมให้ผม รอยยิ้มจางๆถูกส่งไปให้เธอ นี่ล่ะข้อดีของผู้หญิงคนนี้ เธอจะห่วงใยทุกคนเสมอ ไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน แม้ว่าเธอจะซุ่มซ่าม เอ่อ...นิดหน่อยก็ตาม
ว่าแต่ ผมเห็นตัวหนังสือที่พี่บีอ่านอยู่ มันอ่านได้ว่า เสน่ห์ปลายจวัก ง่ายนิดเดียว

“พี่อ่านอะไรของพี่น่ะ “ ผมเอียงคอมองเพื่อจะอ่านได้ชัดขึ้น เพราะเธออ่านกลับหัวอยู่

ปับ!!! เธอปิดหนังสือทันที ก่อนจะว่างคว่ำไว้ไม่ให้ผมเห็น
“ม...มะ...ไม่มีอะไรหรอกแค่อ่านเล่นน่ะ “

“เหรอ...พี่จะเรียนทำอาหารเหรอ “

“ใครจะไปเรียนกัน อย่างตาน้ำเน่าน่ะกินอาหารสำเร็จรูปล่ะดีแล้ว” เธอหันไปมองหน้าต่างอย่างมีพิรุธ

“ผมยังไม่ได้บอกเลยซักคำนะ ว่าพี่จะทำไปให้พี่น้ำนิ่ง “ ผมเลิกคิ้วข้างหนึ่งอย่างแปลกใจ
“อะไรนะ เอ่อ...คือ....แกยังไม่ได้พูดเหรอ ” สีแดงอมชมพู ค่อยๆลามขึ้นมาจนถึงใบหูพี่สาวผม

เริ่มแปลกๆแฮะ หรือว่า พี่สาวผมจะ... เป็นไปไม่ได้ อย่างพี่บีเนี่ยนะ ไม่ทันที่ผมจะซักถามไปมากกว่านี้ เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปดู

“ อรุณสวัสดิ์ น้องๆที่รักทุกคนของเจ๊ “ พี่เอเดินลงมาทั้งๆที่หัวยุ่งเป็นรังนก ก่อนจะเดินมาหอมแก้มพี่บี ตามด้วยพี่ซี ก่อนจะมาถึงผม แล้วทำท่าจะหอมแก้มผม

“หยุดเลยพี่เอ ผมโตแล้วนะ “ ผมยกมือทำปางห้ามญาติ

“แหมๆไอ้หมาของเจ๊ อายซะด้วย น้องใครหว่าน่ารักจัง “ เธอกอดคอก่อนจะขยี้หัวผมด้วยความหมั่นเขี้ยว
“โอ๊ะโอ เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย“เธอถาม เมื่อเห็นก้อนดำๆที่อยู่ในจาน

“ปลา(มั้ง) น่ะพี่เอ “

“ตายแล้ว!!! น้องฉันทอดปลาไหม้ แกเป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายมากมั้ย กินยารึยัง” พี่เอจับผมโยกซ้ายขวา หาร่องรอย อาการบาดเจ็บ

“ผมไม่ได้ทอดพี่บีกับพี่ซีเค้าช่วยกัน “ ผมจับมือเธอให้เหยุดเขย่า

เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก
“อ้าวเหรอ...งั้นก็เตรียมถังน้ำไว้ใกล้ๆ ด้วยล่ะ เผื่อไว้ก่อน จำเบอร์สถานีรถดับเพลิงได้ใช่มั้ย “

“ เจ๊เอ...เค้าแค่จะทอดปลาเองนะ “ พี่บีเถียงกลับมา
“มันจะไปยากอะไรแค่ทอดปลา “

“ก็เลยเป็นแบบนั้นใช่ไหมล่ะ “พี่เอที่รับน้ำจากผมยกนิ้วโป้งข้ามหัวไหล่ไปที่ห้องครัวตอบ

“หึ..ไม่รู้แล้ว เค้างอนแล้วล่ะ “ เธอทำแก้มป่องอย่างอนๆ
เดี๋ยวก่อนนะ ไอ้ท่าทางผู้ยิ้งผู้หญิงแบบนี้ พี่บีไม่เคยทำเลยนะ แปลกมากมาย

ดูเหมือนพี่เอจะรู้ตัว เธอหันมาสบตาผมอย่างมีเลศนัย ก่อนจะแยบต่อ
“โอ๋ๆ เจ๊ล้อเล่นจ้า ว่าแต่ทำไมอยู่ๆลุกขึ้นมากับข้าวกันล่ะเนี่ย เค้าว่าเวลาผู้หญิงทำอะไรที่มันเป็นผู้หญิงมากขึ้นเนี่ย แสดงว่ากำลังมีความรักนะ “ พี่เอเอียงคอมมองอย่างล้อเลียน

“ม....มะ ไม่รู้ “ เธอหน้าแดงก่ำก่อนจะลุกหนีไป

พี่เอหันมากระซิบกับผม
“ไอ้หมา เราคิดเหมือนเจ๊มั้ย เจ๊ว่ายัยบีกำลังมีความรักล่ะ “

ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ผมเคยคิดว่าผมจะได้พี่สะใภ้ซะอีก แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดแฮะงานนี้

ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของพี่บีก็ดังขึ้น
พี่เอหยิบมารับก่อนจะกดเสวนากับคนในสายครู่หนึ่ง แล้ววางสายไป
“...ดีไปแต่งตัวกัน ซีด้วยนะ “ พี่ซีที่หยุดอ่านหนังสือ(ที่เลิกกลับหัวแล้ว)กับผมหันมามองอย่างแปลกใจ

“น้ำนิ่งโทรมาบอกว่า น้ำอุ่น.....ฟื้นแล้ว “


….............................................



บทต่อไป  บทที่-6 คำสารภาพ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11134240/W11134240.html

แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 54 07:39:00

แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 54 23:24:58

จากคุณ : sillfai
เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 54 22:50:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com