เพียงเพื่อนใจ (บทที่ 5 สุรเดช)
|
 |
บทที่ 5 สุรเดช
วันศุกร์นี้กิ่งดาวต้องขอลากิจเนื่องจากทางบ้านต้องไปช่วยงานแต่งงานของไพลินผู้มีศักดิ์เป็นน้าสาว เย็นวันนี้ก็จะเป็นการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนซึ่งกิ่งดาวได้เชื้อเชิญเพื่อนๆ ทั้งสามของเธอให้มาช่วยรับแขกในงานด้วยเช่นกัน
อ้าว แล้วนี่ไอ้ภัทร์ล่ะ? กิ่งดาวที่อยู่ในชุดเดรสสีขาวมีระบายตรงชายกระโปรงเอ่ยถามเพื่อนทั้งสามที่มาในงานพร้อมๆ กัน ทั้งกล่อมแก้วและช่อทิพย์ต่างสวมชุดเดรสสีชมพูอ่อนคล้ายกัน
บอกว่าจะตามมาทีหลังจ้ะ ช่อทิพย์บอกก่อนชะเง้อคอมองผู้คนที่เริ่มทยอยมาในงาน
งั้นเหรอ... กิ่งดาวลากเสียง เดี๋ยวพวกเราไปบริการแขกด้านนั้นดีกว่า จับมือเพื่อนทั้งสองให้ตรงมายังทางซ้ายของเวทีเล็กๆ ที่มีนักดนตรีกำลังเล่นเพลงที่เกี่ยวกับความรักอยู่
เห็นว่าเทพก็มาในงานนี้ด้วยไม่ใช่เหรอ? คำพูดของกล่อมแก้วทำให้สองสาวหันไปมองเธอตาโต ช่อทิพย์ก้มลงหยิบแก้วน้ำถือไว้ในมือทั้งสองข้างขณะที่กิ่งดาวคว้าเอาจานผลไม้มาถือไว้
ไม่รู้สิ จะมาหรือไม่มาก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนี่ จบคำก็เดินนำหน้าเพื่อนทั้งสองตรงไปยังโต๊ะแขก ช่อทิพย์หันมามองหน้ากล่อมแก้วพร้อมกับหรี่ตา
เธอรู้ได้ยังไงว่านายเทพพิพิธจะมาในงานนี้ด้วยแก้ว... สายตาของช่อทิพย์ทำให้กล่อมแก้วต้องรีบหลบตา
ก็...พ่อแม่เขาเป็นคนมีหน้ามีตาในเมือง อีกอย่างเจ้าบ่าวของน้าไพลินก็ได้ข่าวว่าทำงานที่อำเภอ พ่อของเทพพิพิธก็รับราชการในอำเภอเหมือนกัน... จบคำ มือเรียวก็คว้าเอาเหยือกน้ำมาถือไว้ เรารีบไปบริการแขกกันดีกว่า ช่อทิพย์ได้แต่เอียงคอมองเพื่อนสนิทที่เดินจากไปด้วยความสงสัย... ไม่นึกว่ากล่อมแก้วจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวของนายเทพพิพิธมากขนาดนี้
ณภัทร์เดินผ่านซุ้มประตูงานมาพร้อมกับแขกจากในเมืองซึ่งหนึ่งในนั้นมีเทพพิพิธและเพื่อนชายอีกสองคนของเขา ชานนท์และคพเพลิง ทั้งสามผายยิ้มให้ร่างเพรียวลมในชุดสูทสีขาวสะอาดแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับเบือนหน้าหนีอย่างไม่มีเยื่อใยก่อนจะเดินตรงไปยังซุ้มของว่างและเครื่องดื่มที่มีกลุ่มเพื่อนๆ รออยู่
เทพพิพิธมองตามร่างเพรียวลมของหนุ่มร่างบางไปก่อนจะได้พบกับกิ่งดาวที่อยู่ในชุดราตรีสีขาวเข้ารูป ดวงหน้าแต่งแต้มอ่อนๆ ดูสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ ผมดำขลับถูกเกล้าไว้ตรงท้ายทอยก่อนปักด้วยมุขและมีดอกกุหลาบขาวดอกนึงทัดไว้ สุรเดชทำได้เพียงแค่แอบยืนชื่นชมความงามของหญิงสาวอยู่ห่างๆ ตนไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นเครือญาติของทั้งทางเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ซ้ำครอบครัวยังไม่ได้เป็นคนมีหน้ามีตาในหมู่บ้าน เขาจึงไม่ได้รับการ์ดเชิญให้มาร่วมงานในคืนนี้ด้วย
ชายหนุ่มรอกระทั่งกิ่งดาวเดินออกมาจากซุ้มเครื่องดื่มเพื่อนำห่อของขวัญไปเก็บไว้ในตัวบ้านของผู้เป็นน้า สุรเดชจึงรีบตรงดิ่งไปดักรอเธอเมื่ออีกฝ่ายผลักประตูบ้านออกมา
เดช... กิ่งดาวอุทานเสียงเบา ดวงตากลมใสเบิกมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาดักรอเธอแบบนี้ มีเรื่องอะไร ถามเสียงห้วนก่อนก้าวขาออกไปและผลักประตูบ้านให้ปิดสนิท
เดชอยากเจอดาว... ทำไมดาวไม่ยอมคุยกับเดชเลย มือหนาเอื้อมไปกุมเรียวมือนุ่มนิ่มมาจับไว้ กิ่งดาวพยายามสะบัดมือออกแต่ก็ไม่เป็นผล เดชยังรักดาวเสมอนะ และเดชก็รู้ว่าดาวก็ยังรักเดชอยู่... เดชขอโทษกับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา ให้โอกาสเดชนะดาว... สุรเดชกำลังจะยกมือของหญิงสาวขึ้นบรรจงจูบแต่ทว่าอีกฝ่ายก็สะบัดเรียวมือหลุดออกจากการเกาะกุมได้เสียก่อน
อย่ามาทำอย่างนี้อีกนะ...เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว กิ่งดาวสะบัดเสียงก่อนจะเอี้ยวตัวหนีเตรียมจะก้าวขาเดินแต่ก็ถูกลำแขนแข็งแรงโอบร่างไว้ทางด้านหลัง ปล่อยนะเดช... หญิงสาวดิ้นพรวดพราดอยู่ในอ้อมอกของอีกฝ่าย สุรเดชซุกใบหน้าลงที่ซอกคอเนียนขาวที่ชิดใกล้
ดาวรู้มั้ยว่าเดชรักดาวแค่ไหน... เขากระซิบบอกที่ข้างหู หญิงสาวสั่นสะท้านทั่วสรรพางค์กาย
ถ้าไม่ปล่อยฉันจะร้องให้คนช่วยเดี๋ยวนี้แหละ...ปล่อยนะ กิ่งดาวสะบัดตัวแรงขึ้นจนหลุดจากอ้อมกอดของสุรเดชได้ในที่สุด ร่างบางเอี้ยวตัวหันมาประจันหน้าอีกฝ่ายก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนแก้มซ้ายของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างแรงด้วยความขุ่นเคืองสุดขีด
สุรเดชชาวาบที่ใบหน้า ความร้อนแล่นปราดครอบคลุมทั่วทั้งร่างอย่างรวดเร็ว ดวงตาแดงก่ำจ้องมองดวงหน้าที่แข็งกระด้างของกิ่งดาว
หญิงสาวหายใจฮึดฮัดจนได้ยินเสียง ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มแน่นเข้าหากัน อย่ามาทำอย่างนี้กับดาวอีก กิ่งดาวกัดฟันพูดก่อนสะบัดตัวหนีและรีบวิ่งจากไป...
หญิงสาวมาหยุดยืนอยู่หน้าซุ้มประตูทางเข้า นึกเสียใจที่สุรเดชช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย เขาไม่น่าลวนลามเธอเช่นนี้แม้จะเคยเป็นคนรู้ใจกันมาก่อนก็ตามที หากใครมาเห็นเข้าย่อมเป็นเธอที่เสียหาย...
กุหลาบคุณหล่นน่ะครับ... น้ำเสียงนุ่มคุ้นหูดังอยู่ด้านหลัง กิ่งดาวรีบยกมืออีกข้างปาดหยดน้ำที่หัวตาออกทันที เทพพิพิธเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับกุหลาบขาวดอกนึงในมือ หญิงสาวค่อยๆ เอี้ยวตัวหันกลับมา
กิ่งดาวจ้องมองแววตาอันอบอุ่นคู่นั้นก่อนก้มมองลงยังมือขวาของเขา เดี๋ยวผมทัดให้นะครับ ชายหนุ่มขออนุญาตก่อนยกกุหลาบขึ้นหมายจะเสียบงลงยังมวยผมของกิ่งดาว
ฉันทำเองดีกว่า... มือเรียวกุมปลายนิ้วแข็งแกร่งไว้ก่อนดึงกุหลาบออกจากมือเขา เทพพิพิธยิ้มเรียบๆ มองอีกฝ่ายเอากุหลาบขาวทัดที่มวยผมตัวเองจนเสร็จ
เมื่อกี้ดาวหายไปไหนมา... คำถามของชายหนุ่มในสูทขาวทำให้กิ่งดาวหน้าซีดเผือด
เอ่อ...ฉัน ฉันเอาของไปเก็บในบ้านคุณน้าไพลินน่ะ ระหว่างนั้นช่อทิพย์และกล่อมแก้วก็เดินดุ่มๆ ตรงมาหา กิ่งดาวจึงถือโอกาสจบการสนทนาไว้เพียงเท่านี้
ฉันกับแก้วว่าจะกลับแล้วนะดาว ช่อทิพย์บอกลาผู้เป็นเพื่อน
แล้วกลับกันยังไงล่ะ? กิ่งดาวร้องถามอย่างเป็นห่วง
ก็...เดี๋ยวฉันโทร.บอกพ่อให้มารับก็ได้ กล่อมแก้วแจ้งแก่อีกฝ่าย กิ่งดาวนึกบางอย่างขึ้นได้จึงหันมาหาชายหนุ่มที่ยืนข้างกาย
นายช่วยไปส่งช่อทิพย์กับกล่อมแก้วหน่อยสิเทพพิพิธ...ได้มั้ย? ปลายเสียงฟังดูคล้ายเป็นการขอร้องก่อนที่ชายหนุ่มจะยักไหล่พร้อมยิ้มแป้น
งั้นตามมาเลยครับ...ว่าแต่ ดาวไม่ไปส่งเพื่อนที่บ้านเหรอครับ? ทิพย์กับแก้วอุตส่าห์มาช่วยงานคุณน๊า... ถึงคราวที่ชายหนุ่มจะแก้คืนบ้าง
เพื่อนฉันสองคนน่ะเข้าใจดีว่าฉันต้องอยู่ช่วยน้าไพลินดูแลแขกในงาน นายไม่ต้องห่วงหรอกนะ กิ่งดาวกอดอกขณะที่ช่อทิพย์ยืนหัวเราะคิกๆ นายรีบไปส่งทิพย์กับแก้วเถอะ เดี๋ยวจะดึก ดุนหลังชายหนุ่มไปข้างหน้าก่อนเดินดุ่มๆ เข้างานไปในที่สุด...
รถกระบะคันงามจอดลงที่หน้าบ้านกล่อมแก้วภายหลังจากที่ไปส่งช่อทิพย์ถึงบ้าน หญิงสาวหันไปขอบคุณสารถีหนุ่มก่อนเปิดประตูรถลงมาและรีบเดินเข้าบ้านไป แต่ในขณะที่เทพพิพิธกำลังจะออกรถสายตาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าสตางค์สีชมพูของกล่อมแก้วที่ทำหล่นไว้บนเบาะนั่ง
แก้ว... ชายหนุ่มรีบลงจากรถก่อนร้องเรียกอีกฝ่าย กล่อมแก้วหันขวับมาในทันใด สองร่างประสานสายตากัน
เทพพิพิธชูกระเป๋าเงินขึ้นพร้อมคลี่ยิ้ม หญิงสาวอ้าปากค้างก่อนผายยิ้มกว้าง รีบตรงดิ่งไปหาเขา ขอบใจมากนะ... มือเรียวยื่นไปรับของสำคัญจากชายหนุ่ม พลันนั้นเองรูปถ่ายใบเล็กๆ ก็ร่วงหล่นออกมาจากซอกหลืบของกระเป๋าลงสู่พื้นดิน
เทพพิพิธเพ่งมองไปยังรูปถ่ายใบเล็กก่อนก้มลงหยิบมันขึ้นมา โครงหน้าขาวสะอาด จมูกโด่งเป็นสันและรอยยิ้มพิมพ์ใจอันอบอุ่น... หัวใจที่อกซ้ายเต้นถี่ยิบอย่างไม่ทราบสาเหตุ... เขานั่นเอง
กล่อมแก้วยืนหน้าซีดอย่างทำอะไรไม่ถูก สายตาเทพพิพิธที่จ้องมองเธอทำให้หญิงสาวใจสั่น กลัวว่าเขาจะรู้ความจริงว่าเธอคิดเช่นไรกับเขา... แต่อีกเสียงของหัวใจก็กลับยินดี หากว่าเขาจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเธอคิดกับเขาเช่นไร เธอจะได้ไม่ต้องทนเก็บมันไว้ในหัวใจแบบนี้
ณภัทร์รับเครื่องสำอางค์และชุดนักแสดงที่เพื่อนอีกกลุ่มมาฝากไว้กับช่อทิพย์เพราะไม่กล้าเอาไปฝากไว้กับณพิตรพี่สาวตนที่อยู่บ้าน อีกไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดการประกวดละครเวทีซึ่งทางวิทยาลัยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ครูศศิมาผู้เป็น:-)านได้ให้ณภัทร์คอยช่วยเรื่องอุปกรณ์ ชุดการแสดงและฉากแม้ว่าอีกฝ่ายจะออกปากปฏิเสธตั้งหลายสิบครั้งแล้วก็ตามที
หลังจากที่เพื่อนหนุ่มจากไปได้ไม่นานรถเก๋งสีขาวคันงามของชานนท์ก็จอดลงตรงหน้าบ้านของช่อทิพย์ อีกฝ่ายเมื่อเห็นร่างสูงสมส่วนเดินดุ่มๆ ตรงมาก็รีบลุกจากแคร่เดินเข้าไปหาด้วยความตกใจ
นาย... หญิงสาวลากเสียงด้วยความตกใจขณะที่อีกฝ่ายยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าบ้าน
สวัสดีครับ วันนี้ผมว่างๆ น่ะ เลยมาเล่นกับคุณที่บ้าน หวังว่าคงไม่ว่านะครับ ชานนท์เลิกคิ้วก่อนที่ช่อทิพย์จะทำเป็นก้มๆ เงยๆ แก้ขวย
ไม่หรอก...งั้นเดี๋ยวนายมานั่งตรงแคร่ก่อนแล้วกันนะ พูดจบก็หันหลังกลับพาแขกหนุ่มมานั่งยังแคร่ตัวเล็กหน้าบ้าน อีกฝ่ายเป็นลูกผู้ดีมีเงินแล้วเธอจะหาอะไรออกมาต้อนรับเขาดีล่ะ ? หญิงสาวยืนคิดอยู่นานก่อนคว้าเอากล้วยกวนที่เพิ่งทำเสร็จเมื่อวันก่อนใส่จานพร้อมกับแก้วน้ำเปล่าเย็นๆ
ไม่เห็นต้องลำบากเลย... ชานนท์ว่าขณะที่ช่อทิพย์วางจานของว่างลงยังแคร่และทรุดนั่งลงอีกฝั่ง แล้วอาการคุณพ่อเป็นยังไงบ้างครับ สีหน้าและแววตาที่ดูเป็นห่วงเป็นใยทำให้ช่อทิพย์อดปลาบปลื้มใจไม่ได้ แต่ไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยตอบเสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้นเสียก่อน เขามีสีหน้าไม่พอใจนิดนึงก่อนก้มลงมองดูชื่อที่แสดงในจอขาวดำตรงหน้า....สุทธิดา นั่นเอง
ณภัทร์รีบเอาเครื่องสำอางค์และชุดนักแสดงที่ได้มาจัดเก็บเข้ากล่องพลาสติกสีทึบอย่างมิดชิดเพราะกลัวคนในบ้านจะเห็นโดยเฉพาะนายภูมิผู้เป็นพ่อ แต่มันก็มิวายที่จะเกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้นจนได้
ณพิตรยืนแสยะยิ้มอยู่หน้าห้องน้องชายก่อนร้องเสียงดังเหมือนอยากให้คนอื่นๆ ในบ้านได้ยินกันด้วย นี่ไอภัทร์...แกแอบไปซื้อเครื่องสำอางค์ผู้หญิงมาเยอะแยะทำไมกันน่ะ ไหน...ขอพี่ดูหน่อยซิ ณภัทร์ที่เปิดประตูออกมาพอดีจึงทำหน้าเหยอย่างตกใจ
เครื่องสำอางค์อะไรพี่พิตร ซักถามผู้เป็นพี่สาวที่ชอบกลั่นแกล้งเสียงแข็งก่อนที่อีกฝ่ายจะยักไหล่และตะโกนเป็นครั้งที่สอง
อุ้ย...นี่อย่าบอกนะว่าแกเอาเงินที่พอให้ใช้ไปซื้อของแต่งตัวผู้หญิงพวกนี้น่ะ....ถ้าพ่อรู้เข้าคงไม่พอใจมากเลยนะภัทร์ จบคำณพิตรก็บุกเข้าห้องน้องชายเข้าไปก่อนหันซ้ายขวาและได้พบกับกล่องสีดำขนาดใหญ่ หญิงสาวตรงไปเปิดฝากล่องออก เครื่องแต่งตัวและเสื้อผ้ามากมายถูกจัดวางอยู่ในกล่องใบนั้น...
โวยวายอะไรกันน่ะ... เสียงแหบพร่าที่ได้ยินแทบจะทำให้ณภัทร์เข่าอ่อนยวบลง เมื่อหันกลับไปก็พบกับร่างหนาของผู้เป็นบิดาที่ยืนขวางประตูไว้อยู่ ณพิตรยิ้มร่าก่อนยื่นเครื่องสำอางค์ให้ผู้เป็นบิดาดู
ก็ไอ้ภัทร์น่ะสิคะพ่อ มีเครื่องสำอางค์ดีๆ ตั้งเยอะแยะก็ไม่ยอมแบ่งให้พิตรใช้บ้าง... จบคำก็หัวเราะเสียงพลิ้วและหันมาแสยะยิ้มใส่น้องชาย ผู้ชายที่ไหนเค้าจะชอบผัดหน้าทาแป้ง...
นี่มันจริงเหรอภัทร์... นายภูมิตะคอกลูกชายจนณภัทร์สะดุ้งโหยง ฝืนจ้องตากับบิดาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
นั่นมันของเพื่อนที่ฝากไว้กับภัทร์ อาจารย์เค้าให้ภัทร์เป็นคนควบคุมการแสดงละครของวิทยาลัยช่วยน่ะพ่อ...
ทีชั้นให้แกไปเล่นฟุตบอลก็ทำตัวเสาะแสะอ้อนแอ้น แกชอบนักใช่มั้ยไอ้พวกฟ้อนรำนี่...มันใช่เรื่องที่ผู้ชายเค้าทำกันรึไง เดินไปดึงเครื่องแต่งหน้าจากมือของณพิตรก่อนปาทิ้งไปต่อหน้าลูกชายที่ยืนหน้าเจื่อน
พ่อ...พ่อไม่มีสิทธิ์มาทำอย่างนี้นะ ณภัทร์ตวาดใส่หน้าบิดาก่อนก้มเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายทั่วพื้นในขณะที่นายภูมิยกล่องสีดำใบใหญ่ขึ้นและเทข้าวของลงพื้นจนหมดก่อนจะใช้เท้าเหยียบจนเละเทะไม่มีชิ้นดี
มันจะมากไปแล้วนะพ่อ... คราวนี้คนเป็นลูกลุกขึ้นตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างแรงก่อนที่ฝ่ามือจะฟาดลงใส่ใบหน้าขาวสะอาดของชายหนุ่ม ร่างบางล้มคว่ำลงกับพื้น เลือดสีแดงสดไหลซิบที่มุมปาก...
ไปเอาหวายมาให้พ่อณพิตร พ่อจะตีมันจนกว่ามันจะสำนึก... กรามหนาขบแน่นหลังจากออกปากสั่งณพิตรที่ยืนดู ก่อนจะลากตัวลูกชายคนเดียวลงมาจากห้องและโยนออกสู่ลานหญ้ากว้างหน้าบ้าน กล่อมแก้วที่เดินเอาผักไปส่งตามบ้านเรือนในหมู่บ้านพลอยได้แอบหยุดยืนดูนายภูมิเอาหวายตีลูกชายอย่างไม่ตั้งใจ
นายเจตต์มองหน้าชายหนุ่มคราวลูกด้วยสายตาเคร่งขรึมกระทั่งนางทับทิมมากระซิบที่ข้างหูว่าอีกฝ่ายเคยพาบิดามาทำความรู้จักถึงที่บ้าน แถมฐานะก็จัดอยู่ในขั้นผู้ดีมีเงิน พ่อรับราชการในอำเภอมีหน้ามีตาในสังคมมิใช่น้อย
มาหานังดาว มีธุระเพียงแค่นี้รึ... เจ้าของบ้านวัยสี่สิบเอ่ยถามเสียงขรึมเหมือนหน้าตาก่อนที่ชายหนุ่มจะดึงหนังสือสองสามเล่มออกมาจากกระเป๋าสะพาย
พอดีว่าผมไปเจอหนังสือดีๆ ในร้านหนังสือมาน่ะครับ เลยซื้อมาฝากดาว เห็นว่าดาวกำลังทำรายงานเรื่องกฎหมายสำหรับภาษีอากรอยู่... หากเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการเรียนนายเจตต์ไม่เคยขัด บุรุษสูงวัยจึงยอมให้เทพพิพิธเข้าบ้านไปแต่โดยดี ทิ้งให้สุรเดชที่ยืนแอบมองอยู่ทางพุ่มพุทธรักษาต้องกัดฟันอย่างเจ็บใจ...
เขารอจนกระทั่งเทพพิพิธออกมาจากบ้านของนายเจตต์ เมื่อชายหนุ่มติดเครื่องยนต์เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านจึงรีบให้สัญญาณพรรคพวกที่เตรียมการกันไว้ ตะปูเรือใบถูกวางไว้เกลื่อนถนนที่เทพพิพิธกำลังขับรถยนต์มุ่งหน้าผ่านไป เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นดงไม้หนาทึบทั้งสองข้างทางยางรถยนต์ก็เกิดแฟบลงกะทันหัน คนขับต้องรีบเหยียบเบรกอย่างรวดเร็วเพราะไม่อย่างนั้นรถคงไถลลงไปพุ่งเข้าเสยต้นไม้ข้างทางเป็นแน่
อะไรวะเนี่ย... เทพพิพิธสบถกับตัวเองอย่างอารมณ์เสีย รีบกระโจนลงจากรถทันที สองตาเพ่งมองยางรถยนต์ที่แบนพร้อมกันทั้งสี่ล้อ ก่อนเพ่งสายตาไปยังโลหะที่ถูกโรยอยู่เกลื่อนพื้นถนน...
เทพพิพิธกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจก่อนจะถูกไม้หน้าสามฟาดลงกลางแผ่นหลังอย่างแรง โอ้ย... ชายหนุ่มร้องครางออกมาสุดเสียง ชายชุดดำเอาผ้าปิดหน้าสามคนกระชากร่างที่นอนโอดครวญขึ้นจากพื้นดิน คนนึงยืนดูต้นทาง อีกคนล็อกตัวไว้ ส่วนอีกคนที่มีความแค้นฝังใจก็กระหน่ำชกหน้าท้องเทพพิพิธอย่างไม่ยั้งมือ
คนที่ถูกกระทำฮึดสู้ด้วยการใช้เท้าถีบร่างตรงหน้าจนกระเด็นไปอีกทางก่อนเอาศอกแทงผู้ที่รั้งกายไว้เบื้องหลัง ชายชุดดำที่ยืนดูต้นทางหันขวับมาพร้อมกับไม้หน้าสามที่หมายฟาดใส่กลางศีรษะแต่ทว่าอีกฝ่ายก็หลบได้ทัน ชายหนุ่มรีบกระหืดกระหอบขึ้นรถแต่ก็ถูกอีกฝ่ายกระชากร่างเหวี่ยงออกมากลางทางอีกครั้ง
สุรเดชขึ้นคร่อมร่างเทพพิพิธไว้ หมายจะฟาดหมัดใส่แต่อีกฝ่ายก็ใช้มือดันกำปั้นนั้นไว้ มืออีกข้างฉวยไปกระชากผ้าปิดหน้าสีดำนั้นออก...
นี่แก... สุรเดชหน้าซีดเผื่อน ก่อนจะกัดฟันแน่นและชกเทพพิพิธเข้าไปเต็มแรง เทพพิพิธที่เลือดกลบปากมองไปเห็นตะปูเรือใบที่วางเกลื่อนอยู่ข้างกาย ชายหนุ่มดันร่างที่คร่อมอยู่ไปทางซ้ายก่อนที่แผ่นหลังของสุรเดชจะทาบลงกับถนนที่มีโลหะแหลมคมวางอยู่
โอ้ย... ปลายแหลมของตะปูทิ่มทะลุเนื้อหนังจนสุรเดชต้องครางเสียงหลง ชายอีกสองคนกำลังตรงดิ่งมาเพื่อจัดการคนที่กำลังพยุงกายตัวเองลุกขึ้นแต่เสียงตะโกนร้องของชานนท์ก็ทำให้พวกมันหยุดกึกเสียก่อน
หยุดนะโว้ย...ไม่งั้นฉันยิงแน่... ชายหนุ่มชูปืนขึ้นเหนือศีรษะก่อนจะเล็งไปยังพวกชุดดำทั้งสอง เทพพิพิธค่อยๆ โซซัดโซเซมาหาคนเป็นเพื่อน พวกชุดดำทั้งสองพากันหอบร่างสุรเดชที่นอนเจ็บวิ่งหายเข้าป่าไปอย่างหางจุกตูด
ครูเห็นสีหน้าไอภัทร์มันไม่ค่อยดีเลยน่ะแก้ว เพื่อนเรามีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า หลังจากที่กล่อมแก้วยื่นเอกสารของสุรเดชที่ฝากมาให้จัดการภายหลังที่เขาตัดสินใจจะกลับไปเรียนต่ออีกครั้งให้กับครูบงกช อีกฝ่ายก็หันมาจ้องมองชายหนุ่มร่างบางที่แสดงละครอยู่บนเวที ถึงตอนที่ต้องเล่นบทโศกเศร้าเสียใจณภัทร์ก็เล่นได้สมจริงเสียจนคนดูต้องอึ้งไปตามๆ กัน แถมยังร้องไห้จริงๆ อีกต่างหาก...
คือว่า...ภัทร์เค้ามีปัญหากับพ่อเค้านิดหน่อยนะค่ะ กล่อมแก้วว่าเสียงค่อย
ไอ้นิดหน่อยที่ว่าน่ะ...คืออะไร? ครูบงกชหรี่ตามองลูกศิษย์สาวที่นั่งชมการแสดงอยู่ข้างๆ กล่อมแก้วอ้ำอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเปิดปากเล่าเรื่องที่ได้เห็น
ภัทร์มันโดนพ่อมันตีน่ะค่ะ คงผิดใจกันเรื่อง... หญิงสาวหลุบตาลงต่ำ ปล่อยให้คนเป็นครูได้คิดเอาเอง บงกชเงยหน้าขึ้นมองลูกศิษย์หนุ่มที่โลดเล่นอยู่บนเวทีก่อนจะเข้าใจ บิดาของณภัทร์เป็นนายตำรวจมียศมีศักดิ์ คงอยากให้ลูกชายเข้มแข็งและแข็งแกร่งเหมือนตน...
คพเพลิงผู้ทำหน้าที่เป็นคนดูแลเรื่องแสงในการแสดงเฝ้ามองตัวละครแสดงบทบาทของตัวเองบนเวที แต่นักแสดงคนไหนก็ไม่ทำให้เขาต้องเพ่งมองด้วยความสงสัยมากไปกว่าร่างเพรียวลมของณภัทร์ที่สีหน้าและแววตาดูโศกเศร้าเกินกว่าจะใช้จริตปั้นแต่งแสดงออกมา หยดน้ำตาและรอยแดงช้ำบนแผ่นหลังมันเหมือนจริงมากกว่าจะใช้อุปกรณ์ทางการแสดงตกแต่ง ภายหลังที่กลุ่มคนไทยที่ถูกพม่าจับต้อนมาเป็นเชลยศึกคราวเสียกรุงหายเข้าไปหลังเวทีเขาจึงโยนหน้าที่นี้ให้กับเพื่อนที่อยู่ข้างๆ
เดี๋ยวข้ามา... คพเพลิงบอกอย่างไม่หันมามอง รีบเดินดุ่มๆ ไปยังด้านหลังเวที นักแสดงมากมายกรูกันเข้าห้องน้ำบ้าง ส่องกระจกบ้าง ส่วนณภัทร์นั้นเอาแต่นั่งเหม่อลอยคนเดียว สายตาล่องลอยไปบนอากาศเบาหวิวก่อนที่หยดน้ำตาจะค่อยๆ ร่วงพรูลงมาเป็นสาย... คพเพลิงได้แต่เมียงมองอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วงและครุ่นคิดอย่างสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ?
น่าแปลกจังนะดาว ทำไมวันนี้ไม่เห็นหน้านายเทพพิพิธเลยหละ คำถามของช่อทิพย์ทำให้สองเพื่อนสาวที่นั่งมองการแสดงของละครที่มาถึงช่วงท้ายต้องหันมามองตากันปริบๆ อันที่จริงเทพพิพิธนัดกับกิ่งดาวไว้ว่าจะมาดูการแสดงละครวันนี้ด้วยกันและเธอก็กำลังโกรธเขาที่ไม่มาตามนัดแล้วด้วย
นี่พวกคุณยังไม่รู้เรื่องไอ้เทพเหรอครับ? คำถามของชานนท์ทำให้สามสาวต้องหันไปมองเขาพร้อมๆ กัน ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยืนเด่นอยู่หลังเก้าอี้ของทั้งสาม สีหน้าดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
เกิดเรื่องอะไรงั้นเหรอ? กล่อมแก้วถามรัวเร็วด้วยความอยากรู้ กิ่งดาวลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความสงสัยไม่แพ้กัน
ชานนท์จ้องหน้ากิ่งดาวตรงๆ ก่อนถอนหายใจ เมื่อวานไอ้เทพมันถูกดักทำร้าย มีไอ้โม่งดำสามคนมันโรยตะปูเรือใบไว้ พอไอ้เทพลงไปดูยางรถที่รั่วก็เลยถูกพวกนั้นจัดการซะน่วม ยังดีที่ไม่ถูกส่วนสำคัญ ตอนนี้นอนให้น้ำเกลืออยู่โรงพยาบาลแน่ะ ถ้าหากว่าผมไม่ไปเจอก่อนล่ะก็... ชายหนุ่มถอนหายใจเป็นครั้งที่สองในขณะที่ช่อทิพย์รีบเขย่ากายกิ่งดาวด้วยความตกใจ
รีบไปดูอาการเทพพิพิธเถอะดาว... ช่อทิพย์บอกเสียงสั่นในขณะที่ชานนท์พยักหน้าเห็นด้วย กล่อมแก้วเอียงหน้าไปหาบุรุษตรงหน้าด้วยความสงสัย
แล้วรู้รึเปล่าว่าไอ้คนพวกนั้นมันเป็นใคร? คำถามนั้นทำให้ชานนท์ต้องแสยะยิ้ม ผ้าโพกหน้าที่หลุดลุ่ยของไอ้ตัวดีที่บาดเจ็บนั้นเขายังจำได้แม่นไม่มีลืม
ไว้ไปถามไอ้เทพมันดีกว่านะครับ ผมจะไปเยี่ยมมันตอนเที่ยง ถ้ายังไงไปพร้อมกันก็ได้
แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 16:20:18
จากคุณ |
:
ผีเสื้อสีดำ
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ก.ย. 54 10:40:10
|
|
|
|