รักวุ่นวายของนายเหมียว บทที่ 1 : บ้านใหม่
|
 |
บทที่ 1 : บ้านใหม่
เก้าเดือนก่อน
เมี้ยว!
เสียงร้องเบาๆ ที่ดังมาจากข้างทางทำให้หญิงสาวรูปร่างดีคนหนึ่งหยุดวิ่งจ๊อกกิ้งหันมามองหาต้นเสียงไปรอบตัว ก่อนมาสะดุดที่กองผ้าขี้ริ้วสีตุ่นๆ มีรอยกะดำกะด่างที่อยู่ชิดพุ่มไม้ข้างทางของสวนสาธารณะใหญ่ใจกลางเมือง เอ! ผีผ้าขี้ริ้วหรือไงกันนะ หล่อนพยายามรวบรวมความกล้าเข้าไปมองอย่างพิจารณา แล้วก็แน่ใจว่าเสียงร้องนั้นดังมาจากเจ้ากองผ้านั่นจริง แต่มันไม่ใช่กองผ้าอย่างที่หล่อนคิดแต่แรกหรอก
ว้าย! น่ารัก
เจ้าแมวน้อย คะเนอายุไม่น่าจะเกินสามเดือนช้อนตาสีฟ้าสวยขึ้นมองสาวเจ้าอย่างวิงวอน ตอนนั้นเองที่หล่อนเพิ่งเห็นรอยแผลเลือดกรังบริเวณขาหลังของเจ้าแมวสีมอมๆ สงสัยคงจะโดนน้องหมาไล่ฟัด ไม่ก็ถูกรถชนมาแน่ๆ
พี่สาวคนจ๋วย รับป๋มไปอยู่ด้วยนะฮับ
เจ้าตัวน้อยร้องบอกไปอย่างนี้ แต่เสียงที่ออกมายังคงเป็นเสียงเหมียวๆ อยู่ดี มือนุ่มๆ หอมๆ เอื้อมมาลูบหัวมัน กิริยานั้นทำให้น้องเหมียวรู้สึกใจชื้นขึ้นบ้าง แบบนี้มีหวังว่าจะได้ย้ายนิวาสถานออกจากกล่องใบนี้แล้วแฮะ แต่แล้วความหวังก็ดับวูบ เมื่อสาวคนนั้นบอก
หิวใช่ไหม เดี๋ยวจะหานมมาให้นะ
อ่า ป๋มไม่ได้หิวนะฮับ ป๋มอยากได้บ้านใหม่ แต่ได้นมก็ดีแหละ ตอนนี้ก็เริ่มหิวๆ แล้วเหมือนกัน เหมียวน้อยยิ้มหวานจนตาหยี จนสาวสวยหัวเราะ
รออยู่นี่นะ
พูดแล้วเจ้าหล่อนก็เดินผละไป หลังจากนั้นก็มีใครหลายคนเข้ามาแวะเวียนดูเหมียวน้อย แต่ละคนก็แสดงความอารีด้วยการส่งนมบ้าง เนื้อปลาหอมหวนคลุกข้าวบ้างมาให้ แต่ไม่มีใครสักคนที่บอกว่า ไปอยู่ด้วยกันนะ จนเหมียวน้อยเริ่มท้อ ท้องอิ่มก็จริงแต่ยังไม่มีบ้านซุกหัวนอน นี่แปลว่าไม่มีใครอยากได้ป๋มใช่ไหมเนี่ย อากาศเริ่มร้อนแล้ว เหมียวเริ่มล้มลงนอนขดตัว น้ำตาเริ่มไหลเมื่อคิดถึงนายเก่า
เมื่อคืนนี้เองที่นายจับตัวเหมียวใส่ลงในกล่อง ได้ยินนายว่าจะเอาไปปล่อยวัด แล้วก็พาขึ้นมอเตอร์ไซค์ลิ่วออกมาเลย พอถึงวัด นายเก๊าะเทเจ้าเหมียวจากกล่องหล่นตุ๊บกับพื้นซีเมนต์ แล้วบิดเครื่องรถเผ่นหายไปเลย เหมียวมองรอบตัวอย่างงงๆ ปนเคว้งคว้าง ทำไมนายถึงใจร้ายพาเหมียวมาทิ้งไว้ที่นี่ เพียงเพราะเหมียวเคยเป็นของขวัญที่นายเคยได้รับจากสาวคนล่าสุดที่สลัดนายทิ้งเท่านั้นเองเหรอ
เหมียวไม่มีโอกาสได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ก็ต้องสะดุ้งขึ้นสุดตัวขนทั้งตัวฟูฟ่องเมื่อได้ยินเสียงขู่คำรามดังอยู่ใกล้ตัว พอหันไปมองก็เห็นสุนัขหลังอานสีน้ำตาลเข้มตัวใหญ่กว่าเหมียวยืนจังก้าแยกเขี้ยวขู่อยู่แล้ว เหมียวกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ ไม่ใช่แค่สายพันธุ์คู่อริอย่างเดียว แต่ขนาดตัวที่ต่างกันลิบลับนี่สิ ถ้าสู้คงได้ตายหยังเขียดแหงเลย คิดแล้วเหมียวก็ถอยกรูดๆ แต่พ่อหลังอานเจ้าถิ่นไม่ยอม รีบกระโจนเข้ามาไล่กัดเป็นพัลวัน จังหวะหนึ่งเหมียวถูกเขี้ยวคมๆ งับเข้าที่ต้นขาหลังชนิดจมเขี้ยว พอสะบัดหลุดออกมาได้ก็ลืมเจ็บวิ่งหน้าตั้งออกมาอย่างไม่รู้จุดหมาย เคราะห์ซ้ำกรรมซัดตอนที่วิ่งออกมาที่ถนน เหมียวดันถูกรถมอตอร์ไซค์เด็กแว้นเฉี่ยวเข้าที่แผลเดิมอีกต่างหาก กว่าจะลากสังขารมาถึงสวนสาธารณะนี่ได้ก็สะบักสะบอมเต็มที
เหมียวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาแล้วก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน กำลังจะเคลิ้มหลับ มืออุ่นๆ นุ่มๆ ก็ช้อนตัวเหมียวขึ้นมา เหมียวลืมตาขึ้นดูก็เห็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักมากกว่าสวย ผมยาวรวบเป็นหางม้า สวมแว่นสายตากรอบใสสีเงิน ทำให้ยังมองเห็นขนตาหนาเป็นแพชัดเจน ดวงหน้าขาวเกลี้ยงเห็นชัดว่าไม่ได้แต่งเติมใดๆ นอกจากกลิ่นแป้งเด็กที่รวยรินจางๆ ริมฝีปากสีชมพูลอยอยู่ตรงหน้าขยับถามเสียงหวาน
เหมียวน้อย ใครนะใจร้ายทำเจ้าได้ลงคอ
เหมียวขยับลุกแล้วซุกตัวเข้าหาอกอุ่นอย่างประจบ หล่อนหัวเราะพลางลูบหัวน้อยๆ อย่างเอ็นดู
ขี้อ้อนจริงนะเรา ไปอยู่กับพี่ไหมล่ะ
ไปอยู่กับพี่ไหมล่ะ โอย! ขอบคุณฮับ ป๋มอยากได้ยินคำนี้มาตั้งนานแล้ว ป๋มไปอยู่ด้วยนะฮับ สัญญาเลยว่าจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน เหมียวยิ้มแยกเขี้ยวจนตาหยีอีกครั้ง
เมี้ยวๆๆ
อ่ะจ้า ไม่ต้องร้อง ไปอยู่ด้วยกันนี่แหละ
ไชโย ป๋มมีนายแล้ว ทีนี้ป๋มมีบ้านอยู่แล้ว นายฮับป๋มรักนายจัง ตอนนี้ป๋มเรียกนายได้แล้วใช่ไหมฮับ สาวเจ้ายิ้มนิดๆ ขณะที่อุ้มเหมียวไว้ในมือหนึ่ง ส่วนอีกมือหยิบหนังสือที่วางไว้บนเก้าอี้ยาวใกล้ๆ ขึ้นมา ก่อนพาเดินไปทางลานจอดรถ
พอมาถึงรถ หญิงสาวก็ใช้ร่างกายกับรถยนต์ของตนเองให้เป็นประโยชน์ ด้วยการเอาหนังสือมาวางเหน็บไว้ตรงกลางแล้วใช้เอวหนีบเอาไว้ให้ติดกับรถ ก่อนควานหากุญแจรถมากดเปิดล็อค พอเปิดประตูได้ หล่อนก็โยนหนังสือไปไว้ที่เบาะหลัง แล้วฉวยผ้าเช็ดรถที่เจ้าตัววางกองไว้กับพื้นรถมาปูรอง จากนั้นจึงค่อยๆ วางร่างจ้อยลงไป นัยน์ตาดำคมของหล่อนมองแมวน้อยอย่างเอ็นดูพลางบอก
เดี๋ยวก่อนเข้าบ้าน พี่จะพาเราไปหาหมอก่อนนะ ทำแผลก่อน
เอาไงเอากันฮับ เหมียวยอมทุกอย่างแล้ว
ว่าแต่ พี่จะตั้งชื่อเราว่าอะไรดีเนี่ย ไหนดูซิ
มือนุ่มลูบขนเจ้าตัวเล็กย้อนขนขึ้นดู ส่วนที่ไม่ขมุกขมอมเห็นชัดว่าขนแท้จริงของเจ้าตัวเป็นสีอะไร
มิลค์แล้วกันนะ เราขาวเหมือนนมสดเลย
นายว่าหัวเราะๆ แล้วปิดประตูรถ ก่อนอ้อมมาขึ้นอีกทางหนึ่ง ครู่เดียวรถญี่ปุ่นคันเล็กก็เคลื่อนออกจากลานจอดรถสวนสาธารณะแห่งนั้น
ไอ้โม! ไปเอาแมวที่ไหนมาเนี่ย ไหนแกบอกพี่ว่าจะไปอ่านหนังสือที่สวน แล้วไหงหอบเจ้านี่มาด้วยล่ะ
เสียงผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้แหวกอากาศมาดังลั่นจนเจ้าตัวน้อยที่ตอนนี้ขนขาวสะอาดแล้ว แถมที่ขาหลังยังทำแผลใส่ยา พันผ้าเอาไว้เรียบร้อยอีกต่างหาก กำลังซุกตัวหลับกับอกนายถึงกับตกใจจนสะดุ้งตื่น หน้าตาเลิ่กลั่ก พอเห็นเจ้าของเสียงยืนหน้าบึ้งจะกินเลือดกินเนื้ออยู่ตรงประตูบ้าน มิลค์ก็ชักกลัว ร่างเล็กๆ ยิ่งซุกกับอกนายมากขึ้น ก่อนโผล่หน้าเล็กๆ ลอดผ่านช่องว่างของแขนนายออกมาดู ผู้ชายคนนี้หน้าตาเข้มคม ผิวสีน้ำผึ้งเหมือนนายนี่แหละ เค้าหน้าก็ละม้ายคล้ายชนิดไม่ต้องรอให้ใครบอกถึงความสัมพันธ์เลยก็รู้ว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องกัน
พี่เต เสียงดังน่ะ มิลค์ตกใจหมด
โม หรือชื่อเต็มๆ ว่าโมเรสเอ็ดพี่ชายเสียงเขียว เตโชยิ่งแยกเขี้ยวหนักกว่าเก่า
ตั้งชื่อให้แล้วเรอะ นี่กะเอามาเลี้ยงเต็มที่ใช่ไหมเนี่ย
แหงสิ ทำไม เลี้ยงไม่ได้หรือไง
แกก็รู้ว่าพี่เป็นภูมิแพ้ แล้วแกยังจะเลี้ยงสัตว์ในบ้านอีก แกจะฆ่าพี่หรือไงฮะ ไอ้โม
เอาละวา สถานการณ์ชักไม่ค่อยดีแล้วสิ มิลค์จะทำยังไงดี เจ้าแมวน้อยมองนายสาวสลับกับเตโชอยู่พักหนึ่ง เอาน่า เป็นไงเป็นกัน ในเมื่อนายเดือดร้อน มิลค์จะอยู่เฉยๆ ได้ยังไง แล้วที่สองพี่น้องเถียงกันอยู่นี่ก็เพราะตัวเองเป็นต้นเหตุแท้ๆ มิลค์เลยตัดสินใจกระโดดลงจากอ้อมแขนนายสาวลงมากระแทกพื้นดังอั้ก เจ็บชะมัด แต่ยังไหว เจ้าตัวน้อยลุกขึ้นวิ่งเหยาะๆ ด้วยท่าทีที่ยังเขยกอยู่นิดๆ ไปหาเตโช หวั่นๆ เหมือนกันว่าอาจถูกเตะกระเด็นออกมา แต่ก็ต้องทำใจกล้าสู้สักตั้ง มิลค์ค่อยๆ เริ่มต้นเอาสีข้างไปถูที่ขาของชายหนุ่มกลับไปกลับมาอยู่สักพัก ก็เริ่มตะกายโดยไม่กางเล็บออก โมเรสที่กำลังตกใจเพราะเจ้าแมวน้อยดิ้นตกจากอ้อมแขนของหล่อนจนตกพื้น ก็เริ่มหายตกใจ นัยน์ตาสีดำกลมโตมองอากัปกิริยาของเจ้าตัวน้อยจนแทบลืมหายใจ เตโชเองก็มองมันเหมือนกัน และก็เริ่มใจอ่อนเมื่อสบตาสีดำสนิทคู่นั้นเข้า แต่ยังทำเป็นใจแข็ง
*** มีต่อค่ะ
จากคุณ |
:
อินทรายุธ
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ก.ย. 54 14:56:52
|
|
|
|