พิศวาสนาคา เสน่หานิรมิต (บทที่ 17 เจ็บปวด)
|
 |
บทที่ 17 เจ็บปวด
เมื่อคลาดกันกับชายหนุ่มตั้งแต่อยู่บนดาดฟ้าของคฤหาสน์รักตปักษ์ เก็จลดาก็รีบตรงดิ่งไปหาผู้เป็นนายของตนด้วยความร้อนใจ แต่ทว่าองครักษ์ทั้งสามแห่งราชวงศ์นาคเสนกลับมีท่าทีเฉยเมยต่อสิ่งที่เธอนำมาแจ้ง นาคสีเขียวถูกพวกครุฑทำร้าย มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราสักนิด...
จงอย่าตกใจหรือตื่นกลัวไปเลยเก็จลดา มันเป็นไปตามวัฎจักร นาคตั้งเท่าไหร่ที่ต้องตกเป็นอาหารของพวกครุฑา อสุนีบอกแก่หญิงสาวเสียงค่อยแต่สีหน้าของเธอก็ยังคงขุ่นมัวด้วยความเป็นห่วงในความปลอดภัยของศรัณย์ นิลนาค แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ถูกตรีดาว รักตปักษ์จับตัวไปก็ตาม แต่พวกครุฑก็ต้องกลับมาเอาชีวิตเขาแน่
เธอมีใจปฏิพัทธ์ต่อทายาทของภุชคินทร์ นิลนาค งั้นรึเก็จลดา? คำถามของอำภุชทำให้หญิงสาวสะดุ้งน้อยๆ นาคทั้งสามนี้ต่างมีฤทธิ์เดชมากมาย ย่อมรู้แน่ว่าเธอกำลังรู้สึกเช่นไรอยู่
เก็จลดาค่อยๆ เบิกตามองบุคคลทั้งสามตรงหน้าอย่างช้าๆ ก่อนที่วาสิตาจะเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ การที่เราดูดเอาวิญญาณของนิทรามาใส่ร่างเธอ...ไม่ใช่เพื่อให้เธอเอาไปต่อสู้กับพวกครุฑหรือเพื่ออวดอ้างในอิทธิฤทธิ์ของตัวเอง แต่เพื่อให้เธอนำมันมาใช้ในทางที่ถูกต้อง ทางที่จะนำประโยชน์มาสู่หมู่มวลนาคาทั้งกัณหาโคตมะและนาคเสนเรา คำพูดของหญิงสาวผู้มีฤทธาเก่งกาจที่สุดทำให้เก็จลดามิกล้าเอ่ยวาจาคัดค้าน แต่จะให้เธอทนดูศรัณย์ต้องถูกพวกรักตปักษ์รังแกต่อไปแบบนี้งั้นหรือ?
นิลนาคเองก็ใช่ว่าจะไม่มีเขี้ยวเล็บ พวกเขามีมณีนาคสวาทสีเขียวมรกตเอาไว้ครอบครองแถมยังมีสาวกอีกตั้งมากมาย คงพอต่อกรกับรักตปักษ์ได้...
คำพูดของอสุนีที่ปลอบโยนผู้เป็นลูกน้องฟังดูมีเหตุผล เก็จลดาระบายลมหายใจอันร้อนรุ่มออกเบาๆ ดวงตาสีดำขลับกวาดมององครักษ์แห่งนาคเสนทั้งสามร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้า ตรีดาว รักตปักษ์ ได้จับตัวชลธิชาไปค่ะ พวกนิลนาคกำลังหาวิธีที่จะเอาตัวเธอคืนมา รักตปักษ์คงใช้โอกาสนี้โดยการจับชลธิชาเป็นตัวประกันเพื่อให้ศรัณย์นำมณีนาคสวาทมาไถ่ตัวเธอคืนไป...
จริงเหรอ? เป็นครั้งแรกที่วาสิตาร้องถามด้วยน้ำเสียงตกใจ ดวงหน้าซูบตอบจ้องมองเก็จลดาแน่วนิ่ง รักตปักษ์เคยทำสงครามกับเราครั้งนึง หากครานี้นังตรีดาวได้มณีนาคสวาทสีเขียวเป็นอาวุธก็คงยากที่เราจะต่อกรเพราะฝั่งนั้นก็มีครุฑที่ทรงฤทธิ์คอยให้การช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังเช่นกัน คำกล่าวของหญิงสาวทำให้นาคาทั้งสามตน ณ ที่นั้นต้องนิ่งคิดด้วยความกังวลไปตามๆ กัน ศรัณย์ออกมาห่างจากมณีนิลพอสมควรแล้ว ชายหนุ่มพริ้มตาหลับก่อนเพ่งสมาธิ...พลันนั้นจึงปรากฎภาพชลธิชาในมโนจิต เธอถูกนำตัวไปยังหุบเขาทางใต้ปราสาทพนมรุ้ง ด้วยที่นางตรีดาวอ่อนแรงเพราะอาการบาดเจ็บ ก่อนที่นางครุฑจะโฉบบินพาเธอหนีไปเขาต้องรีบตามไปเอาตัวชลธิชาออกมาให้ได้
ภายหลังที่นิทราสิ้นชีพเพราะถูกวาสิตาฆ่าโดยการดูดวิญญาณออกจากร่างก่อนจะดันพลังชีพสู่กายเก็จลดา มนุษย์สาวที่มีพลังอำนาจเหมือนกับนาคา นับแต่นั้นมาปริตรก็กลายเป็นนาคาที่โดดเดี่ยว อ้างว้าง พวกนาคที่สังกัดต่างก็ไม่ยอมสมัครใจไปทำร้ายอรวินทร์และศรัณย์อีก ด้วยที่นาคสีเขียวเหล่านั้นกริ่งเกรงในฤทธิ์ของมณีนาคสวาท แต่ความแค้นที่ยังฝังลึกอยู่ในใจของนาคหนุ่มก็ยังไม่จางหายไป ปริตรจึงทำได้เพียงแค่ติดตามศรัณย์ไปห่างๆ รอโอกาสที่จะเข้าสังหารอีกฝ่ายให้ถึงแก่ความตายตามเจตนาตน
แต่ทว่า...ปริตรกลับไม่ใช่คนเดียวที่คอยสะกดรอยตามศรัณย์ นิลนาคไป กลางดึกคืนนี้เขาได้กลิ่นนาคสีดำอยู่ไม่ไกลนัก มันเป็นสิ่งที่ทำให้ความกังวลเริ่มเกาะกุมความคิดนาคหนุ่มและทำให้เขาเริ่มลังเลใจ มีกัณหาโคตมะคอยติดตามลูกชายของภุชคินทร์งั้นหรือ? ความพรั่นพรึงในตัวองครักษ์ทั้งสามแห่งนาคเสนทำให้ความหวาดกลัวปกคลุมจิตใจปริตรในฉับพลัน แต่ความอยากรู้ก็ผลักดันให้นาคหนุ่มติดตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่ลดละ แม้ว่ามันจะเสี่ยงมากก็ตามที
ศรัณย์หยุดยืนที่ใต้ร่มสักต้นใหญ่ก่อนเอาแขนทาบกับลำต้นไว้ขณะหอบแฮ่กๆ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย หุบเขาแห่งนั้นอยู่อีกไม่ไกล ดวงตาเขียวคล้ำเหม่อมองทิวเขาตรงหน้าอย่างเปี่ยมความหวังก่อนจะกัดฟันออกวิ่งดุ่มๆ ไปอีกครั้ง แต่ทว่า...สายลมเย็นยามดึกที่พัดหอบเอากลิ่นบางอย่างมาด้วยก็ทำให้เขาหยุดกึกกระทันหัน
กลิ่นหอม...กลิ่นหอมคล้ายกลิ่นกายชลธิชาไม่มีผิดเพี้ยน
พลันนั้นหัวใจที่อกซ้ายก็เต้นรัวเร็วด้วยเลือดที่สูบฉีดแรงขึ้น กลิ่นหญิงคนรักชัดเจนคล้ายกับว่าเธอกำลังยืนอยู่ข้างกายเขา
ศรัณย์... เสียงกังวานใสที่ได้ยินทำให้ศรัณย์หันหลังขวับ ดวงหน้าเนียนละเอียดที่ยืนรออย่างน้ำตาไหลพรากทำให้สองเท้ารีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว มือหนาดึงรั้งร่างแบบบางเข้ามากอดไว้แนบแน่น มือเรียวสวยของหญิงสาวโอบร่างเกร็งแกร่งไว้อย่างหวงแหน
ไม่เป็นไรแล้วนะชล...ไม่เป็นไรแล้ว ผมจะไม่ยอมให้ใครทำอะไรคุณได้อีก ศรัณย์เอื้อมจมูกโด่งไปสูดไอหอมจากซอกคอเนียนขาวของหญิงสาวเพื่อคลายห่วงจากนั้นจึงพาเธอมาหลบที่ร่มไม้ใหญ่กลางป่าลึก
ชลรออยู่นี่นะครับ เดี๋ยวผมเดินออกไปสำรวจแถวนี้หน่อย หญิงสาวรับคำเมื่ออีกฝ่ายบอกเสียงขรึม ร่างหนาลุกจากกองหญ้าที่ทรุดนั่ง ก่อนออกเดินไปสำรวจรอบบริเวณที่จะใช้พิงพักคืนนี้ แต่เมื่อเขากลับมาก็ต้องพบกับความว่างเปล่า
ชล... ศรัณย์รู้สึกเหมือนมีก้อนตะกวดจุกอยู่ที่ลำคอ ชายหนุ่มหันซ้ายขวาด้วยความตระหนกแต่ก็ไม่พบกายคนรัก ชล...คุณอยู่ไหน? สองเท้ากำลังจะออกวิ่งตามหาแต่ทว่ามือเย็นที่คว้ามือเขาไว้ก็ทำให้ชายหนุ่มเอี้ยวตัวกลับมาเสียก่อน
ชั่วแวบเดียวที่ผินวงหน้ากลับมาริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาวก็ทาบทับเรียวปากหยักสวยของเขาแนบแน่นก่อนบดขยี้อย่างรุ่มร้อน ปลายนิ้วเรียวไล้ไปบนแผงอกก่อนฉีกเสื้อยืดผืนบางให้ขาดออก ร่างหนาที่มีอาการประหม่าอย่างไม่ได้ตั้งตัวถูกร่างแบบบางที่ยึดครองให้โน้มกายลงต่ำ
ชล... เมื่อหญิงสาวที่คร่อมร่างถอนรอยจูบเขาจึงได้เรียกเธอด้วยเสียงแผ่วเบา บางอย่างที่อ่อนยวบค่อยๆ แข็งขืนขึ้นมาตามธรรมชาติ ร่างระหงเปลื้องอาภรณ์ตัวเองออกต่อหน้าคนรัก อกอวบอิ่มโน้มต่ำลงแนบแผงอกแข็งแกร่งของชายหนุ่มขณะที่ปลายลิ้นโลมไล้ไปบนต้นคอเรื่อยไปจนถึงติ่งหู
มือหนาปลดเปลื้องกางเกงตนเองออกอย่างรวดเร็วก่อนดึงรั้งร่างบางลงสู่พื้นและทับร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้แน่น สองมือฉีกกระโปรงผืนบางของหญิงสาวออกก่อนเหวี่ยงทิ้ง ริมฝีปากร้อนผ่าวก้มลงสูดกลิ่นสาวทั่วร่างที่ครอบครอง แสงจันทร์ขึ้นสิบสี่ค่ำบนฟากฟ้าสาดส่องลงมายังสองร่างที่สอดประสานหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
ชลธิชาเปิดดวงเนตรที่ชุ่มฉ่ำด้วยม่านน้ำใสๆ ขึ้นมองพระจันทร์บนฟ้าที่ทอรัศมีเจิดจ้า ริมฝีปากอิ่มสวยเม้มแน่นก่อนใช้ฟันกัดไว้อย่างเจ็บปวด ร่างกายแข็งแกร่งที่เธอเคยสัมผัส ครอบครอง...กำลังบดเบียดอยู่กับเรือนร่างเนียนนุ่มของเก็จลดาด้วยความเสน่หาและสุขสม กลางป่า กลางเขา อย่างไม่อายเทวดา ฟ้าดิน
สองมือของหญิงสาวกำยอดหญ้าไว้แน่นขณะที่ภาพนั้นฉาบวาบขึ้นในหัวอีกครั้งราวกับมีคนคอยสั่งการให้เธอได้เห็นมัน ชายหนุ่มและหญิงสาวจูบกอดโลมเลียเรือนร่างของกันและกันอย่างสุขสม เสียงครางอ่อนๆ ของเก็จลดาดังก้องอยู่ในสองหูจนชลธิชาต้องยกมือปิด
เธอเป็นอะไร... ตรีดาวหันขวับมาทันทีเมื่อเชลยแสดงอาการผิดปกติ ดวงตาสีน้ำตาลแดงเพ่งมองมนุษย์สาวอย่างพินิจพิเคราะห์
ชลธิชาหอบหายใจก่อนค่อยๆ ลดมือลง ดวงหน้าที่เต็มเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาหันมาหาประมุขแห่งรักตปักษ์ ได้โปรด...ฆ่าฉันเถอะ ฆ่าฉันให้ตายไปเลย มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จับฉันมาแบบนี้ ศรัณย์...ผู้ชายคนนั้น เขาไม่ได้รักฉันอีกต่อไปแล้ว
อะไรนะ เธอพูดว่าอะไรเมื่อกี้ ตรีดาวกระชากเสียงก่อนลุกจากที่นั่งเดินมาหาชลธิชา
คุณได้ยินไม่ผิดหรอก เขาไม่ได้รักฉันแล้ว คุณไม่มีทางจะได้มณีนาคสวาท เขาจะไม่มีวันตามฉันมาแน่นอน จบคำอีกฝ่ายก็หัวเราะร่าก่อนกอดอกยกยิ้ม
จะให้ฉันเชื่อเหรอ อุบายตื้นๆ แบบนี้อย่าคิดว่าฉันจะหลงเชื่อนะ จบคำก็หันหลังขวับกลับไปนั่งยังโขดหินใหญ่ ดวงตาหลักแหลมเพ่งมองชลธิชาที่เอาแต่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น แม่มนุษย์สาวตนนี้ช่างเล่นละครตบตาได้เก่งเสียจริง...
อรวินทร์พานาคผู้ทำนายมายังเรือนพักของนางพิมพ์ดาวเพื่อหาตัวของตรีดาวและชลธิชา รวมทั้งสืบหาว่าตอนนี้ศรัณย์ นิลนาค ที่แอบย่องหนีไปนั้นตอนนี้อยู่ที่ใด
เมื่อนาคผู้มีญาณวิเศษพริ้มตาหลับ กลุ่มบุคคลที่รายล้อมต่างก็ยืนเฝ้าอย่างใจจดใจจ่อกระทั่งร่างที่เหมือนมนุษย์ทุกประการเบิกดวงเนตรขึ้น หญิงสาวในอาภรณ์สีเขียวคล้ำหันมาทางอรวินทร์ผู้เป็นนายด้วยสายตาแน่วแน่
ตอนนี้แม่ครุฑตนนั้นอยู่บนเขา เลยปราสาทพนมรุ้งไปราวสิบกิโลเมตรเจ้าค่ะ จบคำ ประมุขแห่งนิลนาคก็หันไปสบสายตากับภุชคินทร์และกลิ่นจันทร์ด้วยความโล่งใจ
ยังดีที่ไปไม่ค่อยไกล รูปหน้าที่ยังงดงามเอ่ยถามผู้เป็นลูกน้องอีกครั้ง
แล้วศรัณย์ล่ะ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? นาคผู้ทำนายพริ้มตาหลับอีกครั้ง คราวนี้สีหน้านางเจือไปด้วยความกังวลเมื่อลืมตาขึ้น
เขาอยู่ใกล้ๆ บริเวณที่นางครุฑตนนั้นพักอยู่เจ้าค่ะ แต่ว่า...
แต่ว่าอะไร... กลิ่นจันทร์ซักต่อด้วยความร้อนใจ ดวงตาสีเขียวเข้มหันไปมองอรวินทร์แวบนึงก่อนเอ่ยบอกตามสิ่งที่ได้เห็น
เขาอยู่กับนาคสีดำตนนึงค่ะ...ไม่ใช่สิ เหมือนกับหญิงสาวผู้หนึ่ง ข้าเห็นรัศมีสีดำอันเป็นพลังของพวกกัณหาโคตมะรอบกายนาง... หล่อนและชายหนุ่มคนนั้นกำลังร่วมหลับนอนกัน...
อะไรนะ... เธอพูดอะไรออกมา กลิ่นจันทร์เอามือทาบอกก่อนเซถลาด้วยอาการหน้ามืด พิมพ์ดาวรีบมาประคองคนเป็นเพื่อน ขณะที่ญาดาวีและภุชคินทร์ต่างจ้องหน้านางนาคผู้ทำนายอย่างไม่ยอมเชื่อ
จริงค่ะ... ผู้หญิงคนนั้นมีฤทธิ์มาก เธอนิรมิตตัวเป็นชลธิชา หลอกล่อให้หนุ่มผู้นั้นร่วมหลับนอนกับเธอ...
อาจเพราะอากาศที่เหน็บหนาวและเหลือบริ้นที่คอยกัดจึงทำให้ร่างหนาที่ไร้อาภรณ์ลืมตาตื่นขึ้นจากภวังค์อันสุขสม ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดออกจากเรือนกายเนียนนุ่มที่ครอบครองก่อนหยิบเสื้อผ้าขึ้นสวมใส่
ชล...ใส่เสื้อผ้าเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย มือหนาเอื้อมไปแตะไหล่บางที่เย็นเฉียบของหญิงสาว เมื่ออีกฝ่ายบิดกายหันมาหาเขา ศรัณย์ นิลนาค ก็ต้องผงะออกด้วยความตกใจ
เรือนร่างเนียนขาวไร้อาภรณ์ที่นอนแผ่หลาอยู่นั้นไม่ใช่ชลธิชาผู้เป็นยอดดวงใจของเขาแต่อย่างใด ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มรู้สึกชาวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าราวกับมีใครเอาน้ำเย็นจัดมาราดทั่วทั้งร่าง
ดา... เก็จลดา กรามหนาขบแน่นขณะที่อีกฝ่ายค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น เมื่อดวงเนตรสีดำสนิทได้จ้องมองร่างสมส่วนเบื้องหน้าที่ยืนจ้องมองเธอประหนึ่งสัตว์ที่น่ารังเกียจ หยดน้ำตาใสๆ ก็พลันร่วงพรูออกมาเป็นสายทันที
เธอได้ฉันไปแล้วศรัณย์...ฉันเป็นของเธอแล้ว หญิงสาวย้ำถึงความสาวที่ได้มอบให้กับเขาแล้ว แม้อยากจะโต้เถียงหรือด่าทอแต่กลับไม่มีถ้อยคำใดเล็ดลอดออกไปจากปากชายหนุ่มสักคำ คงมีแต่ความปวดร้าว เจ็บแค้นและผิดหวังอยู่ในสองตาเขียวคล้ำที่แดงก่ำคู่นั้น
จากคุณ |
:
ผีเสื้อสีดำ
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ก.ย. 54 21:05:12
|
|
|
|