Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จันทร์เร้นใจ...บทที่ ๓ ติดต่อทีมงาน

สวัสดีค่ะ...ขอโทษด้วยนะคะที่อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้มาโพสต์ตอนใหม่ให้อ่านกัน
อาทิตย์แล้วยุ่งเหลือเกินค่ะ อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ยังไม่มีสต็อก เพราะเขียนไป
โพสต์ไป และเขียนสลับกับอีกเรื่องหนึ่งด้วย (ซึ่งไม่ได้โพสต์ที่ไหน)

ที่จริงเขียนไว้เกินครึ่งบท อีกหน้ากว่าๆ ก็จะจบบท แต่ไม่มีเวลามาเขียนต่อเลย
แถมเด็กก็ปิดเทอมแล้วด้วย จะได้เขียนก็เวลาเด็กหลับน่ะค่ะ

ขอรีบโพสต์ก่อนละกันค่ะ...เด็กตื่นแล้ว ต้องไปหาข้าวหาปลาให้กินแล้วค่ะ

ตอนที่แล้วค่ะ...
จันทร์เร้นใจ บทที่ ๑
จันทร์เร้นใจ บทที่ ๒




บทที่ ๓


ทั้งหมดตกลงใจกันว่าจะเช่ารถกอล์ฟขับชมรอบสวนสัตว์แทนที่จะขับรถยนต์คันใดคันหนึ่งไปเพราะน่าจะได้อรรถรสในการเที่ยวมากกว่า
ทั้งยังจอดขึ้นและลงได้สะดวกกว่ารถยนต์ จุดเช่ารถกอล์ฟอยู่ใกล้กันนั่นเองสองหนุ่มจึงไปจัดการเรื่องเช่ารถโดยมีสองสาวยืนรออยู่ใต้ร่มไม้
    
เมื่อได้รถแล้วเขมอาสาเป็นคนขับรถ เขมิการีบคว้าแขนคนรักแล้วพากันขึ้นนั่งตรงเบาะหลังเพื่อเปิดโอกาสให้พี่ชายได้นั่งกับพริมาที่เบาะหน้า
พริมาจึงรับหน้าที่เป็นเนวิเกเตอร์และไกด์นำเที่ยวไปในตัว หญิงสาวกางแผนที่ออกแล้วชี้ไปที่จุดเยี่ยมชมที่น่าสนใจจุดแรกนั่นก็คือ สวนละมั่ง
เขมขับรถกอล์ฟไปเรื่อยๆ ครู่เดียวก็มองเห็นละมั่งฝูงใหญ่บริเวณลานหญ้ากว้างๆ บ้างก็นั่ง บ้างก็นอน แต่ทุกตัวล้วนเชื่องและคุ้นกับคนเป็นอย่างดี
มีนักท่องเที่ยวหลายคนกำลังป้อนอาหารให้มันอยู่อย่างใกล้ชิด เสียงอุทานอย่างตื่นเต้นของเขมิกาดังมาจากด้านหลัง
   
“ดูสิคะพี่พริม...มันเชื่องมากเลย เดี๋ยวเราไปให้อาหารมันกันนะคะ...” เจ้าหล่อนชักชวน แล้วหันไปอ้อนคนที่นั่งข้างๆ
“พี่ก้องไปซื้ออาหารให้เข็มหน่อยน๊า...นะคะ...”
   
“ดูเอาละกันก้อง...นี่ขนาดเป็นแฟนยังใช้ขนาดนี้ แต่งงานเมื่อไร...รับรอง โดนใช้งานอาน...” เขมกระเซ้า เรียกเสียงหัวเราะจาก
ก้องภพขณะที่ผู้เป็นน้องสาวจ้องแผ่นหลังของพี่ชายเขม็ง...นี่ถ้าไม่ติดว่าพี่ชายกำลังหาที่จอดล่ะก็ มีหวังหล่อนคงกระโดดขย้ำคอไปนานแล้ว
แต่เมื่อทำไม่ได้จึงได้แต่เพียงเขม้นมองด้วยสายตาแฝงรังสีพิฆาต
   
แม้จะไม่ได้หันไปมองทว่าเขมกลับรู้ว่าคนเป็นน้องกำลังมองอยู่ด้วยสายตาเช่นไร เขาหัวเราะหึๆ ก่อนหักพวงมาลัยนำรถเข้าจอด แต่ก็ยังไม่วายหาพวก
   
“ไม่เชื่อ ถามพริมดูก็ได้...ก้อง พริมเป็นพยานได้ว่ายายเหม่งกดขี่ข่มเหงพี่ชายขนาดไหน”
   
“พี่ก้องจะเชื่อใคร?” เขมิกาหันไปทำตาวาวคาดคั้นคนรัก ก้องภพได้แต่หัวเราะหากไม่ตอบ
   
“คิดหนักล่ะสิเพื่อน...ห้ามแล้วไม่ฟัง จีบยายเหม่ง นอกจากจะได้แฟน ยังแถมแม่มาให้อีกคน...”
   
“พี่เขม!” คราวนี้น้องสาวเริ่มเสียงเขียว รถจอดนิ่งสนิทแล้วเขมิกาซึ่งกระโดดลงจากรถเป็นคนแรกเท้าสะเอวยืนมองพี่ชายด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับ
เขมลงจากรถหันมาเห็นเข้าก็รีบอธิบายเป็นพัลวัน
   
“โธ่ พี่ก็ไม่ได้ว่าไม่ดี...คือ...ที่พูดเนี่ยหมายความว่าก้องมันจะได้อยู่ในความปกครอง ไม่ออกนอกลู่นอกทางเหมือนพี่ไง”
   
“พี่เขมรู้ตัวด้วยเหรอเนี่ย...” เขมิกาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อหู “รู้ตัวช้าไปหรือเปล่า...ถ้ารู้ตัวเร็วกว่านี้สักห้าปีก็น่าจะดีหรอก ป่านนี้เข็มก็มีพี่สะใภ้
เป็นตัวเป็นตนกับเค้าแล้ว...” ได้ทีจิกกัดพี่ชายยังไม่พอ...น้องสาวจอมวางแผนยังอุตส่าห์โยงเข้าประเด็นจนได้ เขมเหลือบมองผู้ที่ถูกพาดพิงอีกราย
ครั้นเห็นเจ้าตัวไม่ได้มีทีท่าอึดอัดก็เบาใจ    

“เปิดทางให้ไม่ได้เลยนะเรา”

“แหงล่ะ...ใครจะยอมโดนแกล้งอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ ไปกันเถอะค่ะพี่พริม...ไปซื้ออาหารให้ละมั่งกันดีกว่า” เขมิกาหันไปชักชวนพริมา ก่อนจะหันหลัง
เดินจากไปน้องสาวตัวดียังอุตส่าห์ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผู้เป็นพี่ชายอีกระลอก
สองหนุ่มที่ยืนมองตามหลังส่ายหัวดิกแทบจะพร้อมเพรียงกัน

“ไม่โตสักที” น้ำเสียงของคนเป็นพี่ชายเจือรอยเอ็นดูอย่างเห็นได้ชัด

“เคยปรามๆ เรื่องพริมไปหลายครั้ง...” ก้องภพเปรย

“ไม่มีทางฟังหรอก...ลองว่าเหม่งมันปักใจอะไร ไม่มีทางจะเลิกเชื่อจนกว่าจะพิสูจน์ด้วยตัวเองว่า...ไม่จริง”

“ก็อยู่ที่นายด้วยว่าจะทำให้น้องเชื่อได้หรือเปล่าว่า นายกับพริม...ไม่มีใจต่อกันแล้ว” คนที่เป็นทั้งเพื่อนและว่าที่น้องเขยรุก

“เลิกกันมาห้าปี หกปีนี่ยังไม่พออีกเหรอ”

“มันก็น่าให้น้องเข็มคิดนี่หว่า...เลิกกันก็จริง แต่ทั้งนายทั้งพริมก็ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ถึงนายจะควงคนโน้นคนนี้เปลี่ยนหน้าไม่ซ้ำ แต่ก็มีหลายครั้งที่
พอทำท่าจะจริงจังเข้า นายเองนั่นล่ะที่เป็นฝ่ายถอยออกมาเสียเฉยๆ”

เขมฟังแล้วก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆ เพราะเรื่องที่ก้องภพพูดนั้นเป็นความจริงแทบทั้งสิ้น เรื่องบางเรื่องก็ซับซ้อนเกินกว่าคนอื่นจะเข้าใจ เขารู้ว่าในฐานะผู้ชาย
ด้วยกันแล้วก้องภพเข้าใจ หากแต่กำลังพูดในมุมมองของน้องสาวเขานั่นเอง

“ถึงยังมีใจให้กันแล้วยังไง...มันก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปคบกัน เป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ เป็นเพื่อนกันอย่างนี้อาจจะดีกว่าก็ได้ อย่างน้อย...”

“พริมจะได้ไม่เสียใจอีก...” ก้องภพต่อประโยคที่กำลังจะออกจากปากของอีกฝ่ายราวกับนั่งอยู่กลางใจ “มันเป็นข้ออ้างว่ะเขม...บางทีนายน่าจะลอง
ใช้ชีวิตอย่างที่ไม่มีพริมจริงๆ ดูสักที จะได้รู้ว่านายต้องการอะไรกันแน่”

เขมปรายหางตามองคนเป็นเพือนด้วยทีท่าครุ่นคิด...คำพูดอย่างตัดพ้อของสาวคนหนึ่งแว่วมาเข้าหู...

‘กับแฟนเก่า...เจอกันทุกวัน ทีแฟนใหม่...ต้องโทรนัดแล้วนัดอีกกว่าจะได้เจอ...ถามจริงๆ เถอะ...เลิกกันแล้วจริงเหรอ’

เขมไม่มีโอกาสตอบโต้คำพูดของคนเป็นเพื่อนเพราะสองสาวที่ไปซื้ออาหารให้ละมั่งเดินกลับมาพอดี...

ทั้งคู่หอบหิ้วทั้งอาหารที่จะเอาไปเลี้ยงสัตว์และน้ำดื่มกับถุงขนมขบเคี้ยวที่มองปราดเดียวเขมก็บอกได้ว่าน่าจะเป็นน้องสาวของเขาซื้อเสียมากกว่า...รายนั้น
ชอบกินขนมจุบจิบ โชคดีที่ตัวเล็กและไม่อ้วน ไม่อย่างนั้นป่านนี้เขาคงต้องกลุ้มใจกลัวน้องจะขายไม่ออก

เขมิกาส่งน้ำให้พี่ชายกับคนรักคนละขวด แล้วเอาถุงขนมที่ซื้อมาวางไว้ตรงเบาะหลัง

“ทิ้งไว้ตรงนี้ไม่กล้วหายหรือไงเหม่ง” เขมถามแหย่

“หายก็ช่างมัน...ยังไงพี่เขมก็ซื้อให้ใหม่อยู่แล้ว” คนเป็นน้องลอยหน้าลอยตาตอบ

“พี่บอกตั้งกะเมื่อไร...ฮึ? โน่น...มีแฟนก็ไปขอแฟนตัวเองโน่นไป...”

“ชิ...ไม่อยากคุยด้วยแล้ว ไปเถอะค่ะพี่พริม...ไปเลี้ยงละมั่งดีกว่า ดูสิ...หน้าตาน่ารักกว่าใครบางคนแถวนี้เยอะเลย” คนพูดปรายตาไปยังคนเป็นพี่ชาย
แต่เจ้าตัวกลับไม่ทุกข์ไม่ร้อน หนำซ้ำยังบอกอีกว่า...

“ดีแล้วล่ะเหม่ง...พี่ไม่อยากน่ารักเหมือน...ละมั่ง”

ทั้งก้องภพและพริมาหัวเราะออกมาแทบจะพร้อมกัน มีแต่เขมิกาเท่านั้นที่ไม่ขำไปด้วย ยืนเม้มปากแน่นด้วยหงุดหงิดใจที่เอาชนะพี่ชายไม่ได้สักที พริมารีบลากแขน
เขมิกาให้เดินนำไปยังลานกว้างที่มีฝูงละมั่งรออยู่ ก้องภพและเขมกำลังจะก้าวตาม พลันเสียงเรียกหวานแหลมก็ดังขึ้นขัดจังหวะคนทั้งหมด

“พี่เขม....”

“สาวคนไหนของพี่เขมอีกล่ะ” เขมิกาเอ่ยขึ้นมาอย่างฉุนเฉียว หญิงสาวหันขวับกลับมาทันทีแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นถนัดว่าใครเป็นเจ้าของเสียงนั้น
เพื่อนสมัยเรียน ม. ปลายคนนั้น!

แบม...บัณรส

“อ้าว...เข็ม” น้ำเสียงคนพูดมีแววตื่นเต้นยินดีก็จริง ทว่าดวงตาวาวระริกกลับไม่ได้จับอยู่ที่เขมิกาแม้แต่น้อย กลับหยุดนิ่งอยู่ที่ร่างสูงของผู้เป็นพี่ชายนานพอที่
จะทำให้เขมิกาหมั่นไส้สายตาหวานฉ่ำที่ส่งให้คนที่ยืนข้างหน้าหล่อนเสียเหลือเกิน นานราวชั่วอึดใจนั่นล่ะที่สายตาคู่นั้นจะผ่านเลยร่างพี่ชายมาหยุดที่หล่อน กระนั้นเจ้า
ตัวก็ยังไม่วายตวัดแววหวานปนขัดเขินกลับไปหาคนที่ยืนข้างหน้าเป็นพักๆ เขมิกาชำเลืองมองคนที่ยืนข้างพี่ชายก็เห็นพริมาหันมามองอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าที่มีรอยขำ
ดูเหมือนเจ้าตัวแทบจะกลั้นหัวเราะเลยทีเดียว หญิงสาวอยากท้วงอีกฝ่ายใจแทบขาดหากทำได้แค่เพียงยิ้มเจื่อนให้เพื่อนเก่า

เสียงหวานเท้าความ

“จำเราได้ไหม? แบมไง...แบม ม. ๖/๒ ไง” เขมิกาพยักหน้ารับก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

“จำได้! ที่มาขอยืมสมุดเล็คเช่อร์เราบ่อยๆ”

“ใช่ๆ ก็แหม...เข็มเล็คเช่อร์ละเอียดยิบแล้วลายมือก็อ่านง่ายด้วยนี่นา แบมก็เลยชอบยืมสมุดเข็มไปซีร็อกซ์ไว้อ่านตอนสอบค่ะพี่เขม” ประโยคหลังเจ้าตัวหัน
มาบอกคนร่างสูงที่เริ่มรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวชอบกล เขมยกมือขึ้นเสยผมอย่างไม่รู้จะทำอะไรก่อนหัวเราะแกนๆ เมื่อตอบ

“พี่ก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าอย่างยายหมะ...เข็มจะมีเพื่อนมาขอยืมเล็คเช่อร์ด้วย นึกว่าเป็นฝ่ายยืมเค้ามาซีร็อกซ์ซะอีก” เขมเปลี่ยนสรรพนามเรียกน้องสาวกลางอากาศ
เมื่อเจ้าตัวส่งสายตาพิฆาตมา...เวลาอยู่กับคนสนิทเท่านั้นที่เขมิกาจะยอมให้เขาเรียกด้วยสรรพนามหยอกเย้านั้น

“ก็มีแต่พี่เขมน่ะแหละที่ไม่รู้” ไม่พูดเปล่าคนเป็นน้องยังค้อนขวับให้อีก ครั้นหันไปเจอกับสายตาหวานเยิ้มที่เพื่อนสมัยมัธยมปลายมองเขาด้วยแล้ว ก็ยิ่งเหมือนเติมเชื้อ
ฟืนเข้าไปในกองไฟ เขมรู้ว่าน้องสาวหงุดหงิดและหมั่นไส้เต็มที ทว่าเขาเองก็อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน...เขาเป็นฝ่ายไปทำก้อร่อก้อติกก่อนเสียเมื่อไร
แม้จำ...ก็ยังจำไม่ได้ว่าเคยเจอเพื่อนของน้องคนนี้ที่ไหน...เมื่อไร ถ้าฝ่ายนั้นไม่มาทักก่อนเขาก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าเป็นใคร

(มีต่อค่ะ)

แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 54 09:08:42

จากคุณ : คีตาญชลี
เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 09:05:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com