(ต่อค่ะ)
เขมเหลียวซ้ายแลขวา...เห็นคนที่เดินมาพร้อมกับเขายืนมองอยู่ข้างหลังพลางยิ้มกริ่มเหมือนอยากจะหัวเราะเต็มแก่ก็นึกออกทันทีว่าจะพาตัวให้รอดพ้นสถานการณ์ คับขันนี่ได้อย่างไร ชายหนุ่มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเอื้อมไปคว้าข้อมือบางของอีกฝ่ายแล้วดึงเบาๆ หากมีผลให้ร่างโปร่งเซถลามาตามแรง พริมาร้องอุทานเพราะไม่ทันตั้งตัว ร่างของหล่อนเซมาปะทะกับแผ่นอกแข็งแรงของเขมพอดิบพอดี
“เข็มคุยกับเพื่อนไปก่อน” เขาบอกน้องสาวก่อนหันไปเอ่ยกับเพื่อนของน้อง “ตามสบายนะ...พี่ขอตัวพา ‘แฟน’ ไปเดินเที่ยวก่อน” คนพูดตั้งใจเน้นคำบางคำ เป็นพิเศษแล้วก็รั้งข้อมือบางที่กุมไว้ให้เดินไปด้วยกัน พริมานึกไม่ถึงว่าเขมจะเล่นมุกนี้เพื่อหาทางออกให้กับตัวเองจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อก้าวตามแรงดึงของอีกฝ่ายจน ตัวแทบจะปลิว กระนั้นก็ยังทันเห็นสีหน้าของสองสาวชัดเจน...คนหนึ่งมีร่องรอยผิดหวังฉาบฉายทั้งบนใบหน้าและแววตา ขณะที่อีกคนนอกจากจะชอบใจแล้วยังมีรอย สะใจในดวงตาซะด้วย...
เมื่อเดินลึกเข้าไปในลานที่มีผู้คนและฝูงละมั่งหนาตา พริมาก็บิดข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของเขมได้สำเร็จ หล่อนบ่นอู้ทันที
“ไม่บอกให้รู้เนื้อรู้ตัวกันมั่งเลยนะเลยว่าจะเล่นไม้นี้”
“มีเวลาที่ไหนล่ะพริม...มันจวนตัว ข้าศึกประจันหน้าเสียขนาดนั้น” พริมาตีแขนคนพูดเบาๆ
“บ้า! น้องเค้าออกจะน่ารัก ไปเรียกเค้าอย่างนั้นได้ยังไง”
เขมแสร้งลูบแขนบริเวณที่ถูกพริมาตีป้อยๆ ราวกับเจ็บนักหนาก่อนจะโต้
“ไอ้น่ารักมันก็น่ารักอยู่หรอก...แต่แววตาของน้องเค้าทำให้ความน่ารักมันหดหายไปไหนไม่รู้สิพริม เจออย่างนี้ก็ไม่ไหวนะ น่ากลัว” เจ้าตัวพูดจบก็ทำท่าขนลุกขนพอง จนคนมองหมั่นไส้ อดไม่ได้เข้าก็หยิกหมับเข้าให้ที่ต้นแขนกำยำนั้นอีกครั้ง คนถูกหยิกถึงกับร้องโอดครวญ “โอ๊ย!”
“อย่ามาทำเป็นพูดดีเลยเขมน่ะ...ทุกทีไม่เห็นจะกลัวเลยนี่ มีแต่จะยิ่งกระโดดเข้าใส่สิไม่ว่า”
“มันก็ต้องมีบ้างล่ะน่า...พริมก็พูดเหมือนเขมเป็นพวกบ้ากาม เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้” เจ้าตัวทำเสียงราวตัดพ้อ มองหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาขอความเห็นใจ หากเป็นผู้หญิง คนอื่นถูกเขามองด้วยแววตาอย่างนี้ล่ะก็...ร้อยทั้งร้อยเป็นต้องใจอ่อน แต่กับพริมา เขาไม่เคยใช้มันแล้วได้ผลสักครั้ง เขมมองตามร่างโปร่งบางที่เดินห่างออกไป...พริมา อาจจะเป็นคนที่ดูเหมือนหัวอ่อนเพราะมักโอนอ่อนผ่อนตามคนอื่นอยู่เสมอ แต่ที่จริงแล้วหญิงสาวมีจุดยืนของตัวเองที่มั่นคงและน้อยคนนักที่จะสั่นคลอนจุดยืนนั้นได้...แม้กระทั่งเขา!
ฝูงละมั่งเริ่มเดินเข้ามาหาพริมาเมื่อเห็นอาหารในมือหญิงสาว เขมเดินตามมาสมทบแบ่งอาหารที่หล่อนถืออยู่ในมือไปบางส่วนแล้วเริ่มป้อนเจ้าสัตว์สี่ขาแสนเชื่องที่แวะเวียนกัน เข้ามาขออาหารกินอีกแรง ใช้เวลาไม่นานอาหารก็หมดถุง เขมดึงถุงเปล่าจากมืออีกฝ่ายมาแล้วออกปากถาม
“พอหรือยัง...หรือจะเอาอีกสักถุง?”
“พอแล้วล่ะ เดี๋ยวก็มีคนอื่นมาเลี้ยงมันอีก ดูสิ...” หญิงสาวบุ้ยใบ้ไปยังนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งมาถึงและกำลังแยกย้ายกันซื้อหาอาหารมาเลี้ยงฝูงละมั่ง “หรือถ้าเขม อยากจะให้มันกินอีกก็ตามใจ พริมยังไงก็ได้...คงมีคนรออยากให้เดินไปหาอยู่เหมือนกัน...ตรงนั้นน่ะ” คราวนี้หญิงสาวใช้วิธีปรายหางตาไปยังร้านค้าที่เรียงรายอยู่ตรง ลานจอดรถแทน
เขมมองตามแล้วก็แทบหันกลับไม่ทันเมื่อเห็นว่ามีหญิงสาวร่างบางยืนเมียงมองมาทางเขา ท่าทางเจ้าหล่อนเหมือนคนที่กำลังตัดสินใจไม่ถูกว่าต้องการทำอะไรแน่ดูละล้าละลังอย่าง เห็นได้ชัด และแม้จะอยู่ไกลขนาดนี้ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาหวานฉ่ำที่ฝ่ายนั้นส่งมาให้เมื่อเห็นเขาหันไปมอง...เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นเอง!
คนที่บอกให้เขาหันไปมองยิ้มอย่างชอบใจพลางเดินห่างออกไป เขมคิดว่าได้ยินเสียงหล่อนหัวเราะเบาๆ ด้วยซ้ำเมื่อเดินตามไปใกล้ๆ ชายหนุ่มแกล้งพ้อ
“วันนี้ได้ทีแกล้งกันใหญ่เลยนะพริม”
“ของหาดูยากแบบนี้เรื่องไรจะพลาด” แววตาคนตอบมีรอยว่าเจ้าตัวกำลังสนุกใจเต็มที่ “นานทีหรอกถึงจะเห็นเขมทำท่ากลัวผู้หญิงอย่างนี้” คราวนี้คนพูดหัวเราะออกมา อย่างกลั้นไม่อยู่ ครั้นเห็นแววตาวิบวับของอีกฝ่ายก็รีบพูดเสไปทางอื่น “เอ...แล้วนี่น้องเข็มหายไปไหน...ตะกี้ยังเห็นเดินอยู่กับคุณก้องตรงนั้นอยู่เลย...เขมเห็นมั้ย?”
“เค้าหายไปไหนก็ช่างเค้าเถอะ!” เขมตอบพลางก้าวเท้าตามคนที่เดินลิ่วๆ หนีไปให้ทัน
หากชายหนุ่มหันกลับไปมองข้างหลังคงได้เห็นแววตาผิดหวังของหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่มองมาไม่วางตา บัณรสยังคงมองตามร่างสูงที่เดินตามหญิงสาวอีกคนหนึ่งไปจนกระทั่ง ทั้งสองร่างลับหายไปในกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่กำลังเลี้ยงละมั่งและถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน กระทั่งเสียงเรียกจากเพื่อนในกลุ่มดังขึ้นไม่ไกลนั่นล่ะจึงเรียกสายตาหญิงสาว กลับคืนมา
“มัวแต่ยืนมองอะไรอยู่ได้ เค้ารอกันจะแย่แล้ว”
“ไป...ไป...” บัณรสตัดใจหันหลังทันที เบอร์โทรศัพท์ที่ขอเพื่อนเก่าไว้เมื่อครู่หล่อนบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือเรียบร้อยแล้ว อย่างไรเสีย...หล่อนไม่ยอมทิ้งโอกาส ที่จะพาตัวเองให้ได้เจอกับเพื่อนเก่าและพี่ชายสุดหล่อที่เป็นรักแรกของหล่อนหรอก หญิงสาวอมยิ้มกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น ทว่าเมื่อเดินตามเพื่อนที่มาตามได้ไม่กี่ก้าว โทรศัพท์มือถือ ของหล่อนก็ดังขึ้น เมื่อหยิบมาดูเบอร์ว่าใครโทรมา รอยยิ้มบนใบหน้าของหล่อนก็จืดจาง...ปรากฏรอยกร้าวและเย็นชาในแววตาแทนที่
“โทรมาทำไม?” น้ำเสียงที่ถามทางปลายสายมีกังวานเยียบเย็น “บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว” พูดจบก็ตัดสายทิ้งไปโดยไม่เปิดโอกาสให้ปลายสายได้พูดอะไรทั้งสิ้น คนมาตามถามอย่างเกรงใจเต็มทีอย่างคนที่รู้นิสัยอีกฝ่ายดีว่าอารมณ์เริ่มแปรปรวน
“พี่เก่งเหรอแบม...” เจ้าตัวพยักหน้ารับโดยไม่หันมาสักนิด หน้าตาที่แจ่มใสอยู่เมื่อครู่คล้ายมีเค้าเมฆดำพาดผ่าน “แบมน่าจะคุยกับพี่เค้าให้รู้เรื่องไปเลยนะ...เราว่า”
“จะให้เราคุยตอนนี้...ไหนว่ารอเรากันอยู่ไง” บัณรสหันมาถามเสียงเขียว คนเป็นเพื่อนจึงเก็บปากเก็บคำ อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะรู้สึกตัว “ขอโทษ...เราหงุดหงิดไปหน่อย เรื่องพี่เก่งเอาไว้กลับกรุงเทพฯ เมื่อไร ค่อยว่ากันเถอะ ตอนนี้เราไม่อยากคิดเรื่องอะไรทั้งนั้นแหละ...”
คนเป็นเพื่อนยิ้มเหมือนรู้ทันเมื่อเห็นอีกฝ่ายปรายตาไปยังทิศทางเดิมที่เห็นเจ้าตัวยืนมองจ้องอยู่เป็นพักก่อนที่หล่อนจะเดินมาตาม หากหล่อนเป็นบัณรสก็คงไม่อยากคิดถึงพี่เก่งหรอก ผู้ชายคนนั้น...ที่คนเป็นเพื่อนทักดูดีและหล่อกว่าเป็นไหนๆ
“คนที่แบมคุยด้วยเมื่อตะกี้...เพื่อนเหรอ?” คนเป็นเพื่อนเลี่ยงถามอีกทาง
“อือ...เพื่อนตอนเรียน ม. ปลายน่ะ”
“น่ารักดีนะ...ทั้งพี่ทั้งน้องเลย พี่หล่อน้องสวย” บัณรสหันมายิ้มให้คนเป็นเพื่อนไม่เหลือเค้าอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่แม้แต่น้อย
“พี่เขมน่ะเท่ห์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เวลามาส่งเข็มทีไร สาวๆ แอบกรี๊ดกันทุกที ส่วนยายเข็มก็หวงพี่ชายอย่างกับอะไรดี ลองรู้ว่าใครมากรี๊ดพี่ชายตัวเองล่ะก็...กันสุดฤทธิ์”
“นี่ขนาดกันนะ...พี่เค้าก็ยังมีแฟนนี่...” คนเป็นเพื่อนแกล้งแหย่แถมยังทิ้งท้ายอีกว่า... “สวยซะด้วย”
“สวยเหรอ...แบมว่างั้นๆ แหละ” คนพูดเบะปากพลางยักไหล่อย่างไม่แยแสแล้วก็เดินไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่รออยู่ที่รถโดยไม่รอคนมาตาม คนที่ถูกทิ้งไว้มองคนเป็นเพื่อนที่แม้จะคบกันไม่กี่ปี แต่ก็สนิทกันมากพอที่จะรู้นิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี ดีพอจะรู้ว่าบัณรสมีเป้าหมายใหม่เสียแล้ว และเป้าหมายนี้ก็ดูเพียบพร้อมกว่า เป้าหมายเดิมอย่างพี่เก่ง...เก่งประยุทธิ์เสียด้วย ถึงจะมีอุปสรรคเยอะแต่สาวิตรีก็รู้ว่าคนอย่างบัณรสไม่สะทกสะท้านแน่นอน ดูอย่างตอนที่รักกับพี่เก่งใหม่ๆ นั่นปะไร...
บัณรสทำทุกอย่างจนคว้าเก่งประยุทธิ์มาครอบครองได้สำเร็จ ไม่สนว่าสิ่งที่ทำอยู่จะถูกต้องหรือไม่ ขอแต่เพียงเป็นสิ่งที่ตนพอใจและต้องการ...ก็พอ ก็น่าแปลก...
คนบางประเภทลองได้แย่งเขาครั้งหนึ่งแล้ว...ก็มักจะชอบแย่งคนอื่นเขาอยู่ร่ำไป...
และคนอย่างบัณรสก็จัดอยู่ในประเภทนั้น!
อ่านต่อศุกร์หน้านะคะ ^^
เดี๋ยวกลับมาตอบเม้นต์ที่หลังนะคะ ^^
จากคุณ |
:
คีตาญชลี
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ต.ค. 54 09:06:40
|
|
|
|