Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เซรีญา The Dragon's Gate (8 ครึ่งหลัง) ติดต่อทีมงาน

โอเค ปิดตอนได้ละ  ต่อจากนี้คงไม่ถี่ขนาดนี้แล้วละนะ T^T

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10109516/W10109516.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10161148/W10161148.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10183691/W10183691.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/06/W10737872/W10737872.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/07/W10823758/W10823758.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10933375/W10933375.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11142234/W11142234.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11146239/W11146239.html

###

อมมี่ @ วิเทนมันต๊องนะ...

คุณแสนดีคนในพื้นที่ @ :)

คุณ Draconia @ ถ้าตกเรือตาเทรมิสคงแฮปปี้ยิ่ง (แต่ขึ้นมาได้ก็ไม่แน่...)

คุณนริน @ พอบอกว่างูต้นตำรับนี่ฟังแปลก ๆ ดีแฮะ

เป้ @ เทรมิสเปลี่ยนหนัก ๆ ไปตั้งแต่นานแล้วน่ะ

พี่โร @ นั่นสิเนอะ

ratichan @ > <

จากคุณ Canossa @ ฮีฝึกมาขอรับ

คุณ chaiyanun @ ที่จริงลอร์คก็ตั้งใจว่าจะไม่มาจนกว่าเมราลจะพร้อมอยู่แล้วน่ะเนอะ

คุณนกน้อยในสวนม่วง @ ตอนใหม่มาแล้วนะคะ :)

ทินา @ อ๊าย ชอบบบ > <

###

...ไม่ใช่เมราล

ลอร์คานทราบทันทีที่คำล่วงพ้นลำคอ   เมื่อครู่เขาตื่นเต้นเกินไป   เห็นหญิงผิวขาวผมขาว  เห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างว่าดวงตาเธอเป็นสีแดง  ก็ทั้งดีใจทั้งตกใจ   ชายหนุ่มรู้สึกชัดเจนว่าในอกตนมีความรู้สึกเกือบคล้ายความเจ็บปวด  เขาคิดถึงเมราล   เขาคิดถึงเมราล  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

แต่เธอไม่ใช่เมราล  ยิ่งยามหันมาเผชิญหน้ากับเขา  ชายหนุ่มก็เห็นชัดว่าไม่ใช่  ใบหน้าของเธอไม่ได้เป็นแบบคนโคแรนนิอิด   แต่เป็นแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน   แม้ว่างาม  ก็งามอย่างแปลกตา  เสื้อผ้าของเธอก็ไม่ใช่อย่างที่เมราลจะสวมใส่   แม้นุ่งผ้ายาวกรอมเท้า  แต่ด้านบนกลับเพียงพันอกเปิดไหล่   เมราลไม่เปิดไหล่เช่นนี้เว้นแต่ในที่ที่แน่ใจแล้วว่าจะไม่เป็นไร   ผิวเธอบางอย่างยิ่ง   บางครั้งเขาเผลอโอบเอวอุ้มขึ้นหมุนด้วยความยินดี  เผลอจับแรงเกินไป  ผิวก็ช้ำเป็นรอย ทำให้ลอร์คานรู้สึกเสียใจ

"ขออภัย" เขาเอ่ยกับหญิงไม่มีสีคนนั้นในที่สุด "ข้าจำผิดคน"

ชายหนุ่มนึกต่อไปว่าควรถามเธอ...ที่นี่ที่ไหน   แต่แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ก้าวเข้ามาใกล้เสียก่อน  เธอยิ้มเยื้อน  รอยยิ้มเตือนให้นึกถึงเมราลเมื่อพบกันแรก ๆ อย่างประหลาด  ยิ้มยั่วเย้าเชิญชวน   แต่ลอร์คานไม่เคยชอบรอยยิ้มของหญิงสีขาวในสมัยนั้น  เขาเห็นว่าเธอไม่ได้ยิ้มจริง

'ไม่ผิดหรอก' หญิงดังกล่าวเข้ามาใกล้แล้ว  เสียงของเธอราวกับกระซิบข้างหู  แต่ในขณะเดียวกันก็ราวกับดังมาจากที่ห่างไกล 'ข้ารู้จักดี  ท่านกำลังหาใคร   ข้าจะพาท่านไปหานาง'

"หือ"

'มาเถิด  ไปหานาง'

หญิงคนนั้นเบือนหน้าไปครึ่งหนึ่ง  เธอยกมือมาใกล้เขา  เกือบเหมือนจะจับมือจูงให้ตามไป  ทว่าก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น  เพียงกวักมือให้ตามมา  ลอร์คานเพิ่งเห็นว่าเท้าของเธอเปล่าเปลือย  ไม่ได้สวมอะไร  เขาไม่แน่ใจ...เริ่มรู้สึกแปลกมากขึ้นเรื่อย ๆ

"ที่นี่คือที่ไหน   ท่านเป็นใคร" เขาถาม "เหตุใดเมราลจึงมาอยู่ที่นี่ได้"

'ตามมา  ตามมา'

เธอหันจากไปแล้ว  หญิงคนนั้น  แว่วเสียงแปลกประหลาดเหมือนไกลเหมือนใกล้  เหมือนหัวเราะสำรวล  เหมือนยั่วล้อยวนยี  ลอร์คานยืนนิ่งอยู่ชั่ววินาที  ครั้นแล้วเขาก็ตัดสินใจตามไป

แปลก...

ยามก้าวตาม  คล้ายกับจู่ ๆ ที่อับทึบชื้นนั้นก็สว่างขึ้น   กลิ่นเค็มอ่อนจาง  ความชื้นจนน่าอึดอัดสูญหาย  โลหะแปลกตาขึ้นสนิมผุพังบนผนังคล้ายกับไม่เก่าคร่ำคร่าดังเคยจำได้อีกต่อไป   ที่จริง กลับเห็นชัดว่ามันทำไว้เป็นที่วางตะเกียง   ตะเกียงติดลุกไปตามรายทาง   ตะเกียงนับร้อยนับพัน

ตะเกียงมาจากที่ไหน

ลอร์คานหันกลับไป  และเห็นว่าทางที่ตนผ่านมาก็ตามตะเกียงอย่างดีแล้วเช่นกัน   ส่องฉายให้เห็นพื้นและผนังชัดเจน  พื้นลาดปูพรม   ผนังเขียนลวดลายประดับ  รูปปั้นจำหลักต่าง ๆ ไม่แตกพังอีกต่อไป   เขามาอยู่ที่ไหน  สิ่งที่เขาเห็นคืออะไร

ชายหนุ่มไม่เดินต่อแล้ว  เขาหยุดยืน  กำมีดทองคำยกขึ้นเสมออก  ชี้ออกไป

"ภูตผีใดอยู่ที่นี่  ต้องการอะไรจากข้า จงปรากฏตัวออกมา!"

เสียงของชายหนุ่มสะเทือนอย่างยิ่ง   สะเทือนจนอากาศรอบตัวสั่นไหว  ไฟที่เต้นระริกอยู่เมื่อครู่หยุดเต้นค้าง  บรรยากาศชวนให้ลุ่มหลงเคลิบเคลิ้มแหลกกระจาย  ลอร์คานยืนนิ่งอยู่  หรี่ตาลง

'ท่านผู้มีเทพเจ้าต่างแดนคุ้มครอง   ท่านผู้เป็นบุตรชายของสิงโตขนทองแห่งทะเลทราย' เสียงล่องลอยมาราวใครกำลังขับเพลง 'ท่านรักนางไม่ใช่หรือ  แต่นางไม่รักท่านอีกต่อไป'

"หือ"

'นางไม่รักท่านอีกต่อไป  ไม่เช่นนั้นนางจะไม่ถอดกำไลของท่าน  สวมกำไลของผู้อื่นแทน'

"อย่าได้ว่าร้ายเมราล!" สิงโตทรายตวาดเปรี้ยงทันที

ทว่ารอบตัวเขามีเพียงเสียงหัวเราะสำรวลตอบกลับมา

................................................................................................

...เมราล

...เมราล  ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น   อย่าได้แสดงความรู้สึกออกมา

แชลลัมมักพูดเช่นนั้น  คล้ายจะเป็นคำแนะนำ  คล้ายจะเป็นคำปลอบโยน  เขาพูดเช่นนี้เสมอ  ตั้งแต่เธอจำความได้กระทั่งเติบโตเป็นสาว   เขาบอกว่าเมราล  เมื่อเป็นหัวหน้าก็อย่าแสดงความรู้สึกออกมา  ไม่ว่าดีใจหรือเสียใจ  ไม่ว่าเจ็บปวดอยากร้องไห้   ไม่ว่าโกรธแค้นเพราะถูกหยาบหยามอย่างไร  ก็อย่างได้แสดงความรู้สึกออกมา

มีหลายครั้งที่หญิงสาวไม่รู้ว่าถ้อยคำของแชลลัมถูกหรือผิด  ถึงอย่างนั้นเธอก็พบว่าตนมักทำตามที่เขาสอนโดยไม่รู้ตัว  บางทีคนเราก็เป็นเช่นนี้  แม้นึกว่าเติบโตจากอกบิดามารดาแล้ว  แต่กลับยังคงนำถ้อยคำของพวกท่านติดตัวมา  กระนั้นเมราลก็คิดว่าคำของแชลลัมช่วยเธอไม่น้อย  มันมากับเสียงของแชลลัมที่สุภาพและนุ่มนวล  มันมากับความรู้สึกว่าเธอจะไม่เป็นไร  เธอคือราชินีเกล็ดเงิน  แม้ไม่มีอะไรเลยหรือถูกลบหลู่ศักดิ์ศรีเท่าไร  เธอก็ยังคงเป็นราชินีเกล็ดเงิน

"แผนที่ดีจริง ๆ" ทัคทวาเอ่ยอยู่ข้างตัว

หญิงสีขาวขยับถอยหนีตามสัญชาตญาณทันที  เพียงเพื่อจะรู้สึกเจ็บแปลบรุนแรง   ความเจ็บไล่จากข้อมือที่กำไลรัดอยู่  กระจายไปทั่วร่างกาย   เจ็บจนน้ำตาไหล  หญิงสาวจึงเร่งยกมือขึ้นบังไว้   เช็ดออกไปอย่างรวดเร็ว

แผนที่ที่ทัคทวาพูดถึง  คือแผนที่เกาะมังกรขาว  แม้จ้าวเกาะลาตาจะมีแผนที่ที่ตกทอดมา  แต่ทัคทวาก็ไม่ทราบความเป็นไปในน่านน้ำแถบนี้อย่างชัดเจน  เมราลจึงนำแผนที่มา  แน่นอน...มันไม่ใช่แผ่นที่ดีที่สุดที่มี   เธอย่อมไม่มีวันนำแผนที่แสดงสิ่งสำคัญของเกาะมาให้คนนอกเห็น กระนั้น เพราะโคแรนนิอิดเป็นเผ่าที่มีพลังรับรู้มาแต่แรก  จึงทำแผนที่ได้สมบูรณ์อย่างยิ่ง  คนโคแรนไม่เพียงได้ยินเสียงในอากาศ  ยังรับรู้ถึงสภาพพื้นภูมิและแผ่นดิน

เมื่อเจ็บถึงเพียงนี้  แผนที่ในมือจึงถูกทัคทวาดึงไปโดยง่าย  เขาดึงไปอย่างนุ่มนวลทีเดียว  นุ่มนวลจนเห็นชัดว่าเสแสร้งเหยียดหยาม   เมราลไม่แสดงออกทางสีหน้า   เธอถูกเชิญขึ้นเรือลาตาที่มีคนฝ่ายนั้นมากกว่าหลายเท่า  แม้จะมีเคลกับทหารและนักบวชมาด้วยหลายคน  หญิงสีขาวก็ไม่คิดว่าเป็นจังหวะที่ควรทำอะไร  แชลลัมสอนเสมอว่าหากมีอะไร  ก็อย่าแสดงสีหน้า  ให้รอโอกาสไว้  งูร้ายมักซุกซ่อนตัว  จะแผ่นพังพานฉกกัดก็ต่อเมื่อได้โอกาสเอาให้ถึงตาย

ยามทัคทวามองแผนที่  ดวงตาก็มีประกายเกิดขึ้น...ประกายนั้นแปลก  เต็มไปด้วยความตะกละตะกราม  หมู่เกาะลาตาไม่มีการทำแผนที่ที่ก้าวหน้าถึงเพียงนี้  คนลาตาไม่ใช่เผ่าเวทมนตร์   แม้นานทีจะมีคนใช้ได้   ก็ไม่ใช้พลังรับรู้เหมือนเผ่าโคแรน  

"เผ่าของท่านนี่ดีจริง เมราล เชอยิน" เขายิ้ม "ดีกว่าที่คาดไว้มากทีเดียว"

ประโยคหลังของเขาต่ำ  เบา  เหมือนสัตว์ร้ายที่พบเหยื่ออันไม่ได้คาดหมายอยู่ตรงหน้า   เมราลฟังคำนั้นก็รู้สึกสะท้านแปลก  คล้ายกับคนที่พูดกับตนไม่ใช่คน  หากแต่เป็นสัตว์ป่า...เป็นหมาป่าตะกละในนิทาน  กินทั้งพระอาทิตย์พระจันทร์แล้วก็ยังไม่อิ่มหนำสมใจ

"ความสามารถควรมีไว้ใช้  แผนที่ดีเช่นนี้แม้คิดปราบเหนือตีใต้ก็ยังไม่ยากเกินไป"

"ท่านจะปราบอะไร  ไม่ใช่ทั้งหมู่เกาะนี่เป็นของท่านแล้วหรือ" เมราลไม่เข้าใจ

ทัคทวาหัวเราะ

"ผู้หญิงก็เป็นเช่นนี้  คิดการใหญ่ไม่เป็น"

เขามองเธออีก  ครั้นแล้วก็ทอดสายตาไปข้างหน้า  มองเคลที่ยืนกุมดาบระวังอยู่ห่างออกไป  มองนักบวชหลายคนที่จ้องกลับมา   เขาคงกำลังคิด...เมราลรู้...ว่าที่จริงคนโคแรนนิอิดอาจจะมีประโยชน์กว่าที่คาดไว้  และประโยชน์เหล่านั้นคืออะไร  ควรนำมาใช้อย่างไรจึงจะดี

"ใกล้ถึงแล้ว" จ้าวเกาะลาตาเอ่ยขึ้น "จะส่งคนดำลงไป"

บริเวณดังกล่าวอยู่ห่างฝั่งพอสมควร ดูเหมือนน้ำจะลึก ทะเลเป็นสีเข้มมองไม่เห็นก้นเหมือนหาดอีกด้าน  เรือจอดทอดสมอแล้วทัคทวาก็ส่งทหารแข็งแรงลงไป ทหารเหล่านั้นถอดเกราะเหลือเพียงผ้าเตี่ยว เอาเชือกรัดเอว พุ่งหลาวลงน้ำราวกับปลา

คนแรกที่ขึ้นมาไม่พบอะไร  บอกว่าข้างล่างมืดมาก  คนที่สองและสามก็เหมือนกัน  สุดท้ายลงไปเกือบสิบคนแล้ว  ถึงกับมีคนหนึ่งสิ้นสติต้องลากขึ้นมา  ทัคทวาก็ชักหงุดหงิดรำคาญใจ

"ข้าจะลงไปเอง" เคลเอ่ยในที่สุด "ท่านเมราล"

จ้าวเกาะลาตาเลิกคิ้ว  มองนายทหารของอีกฝ่าย  แต่เคลไม่ได้มองเขา  เพียงมองไปทางเมราล  หญิงสีขาวเห็นอย่างนั้นจึงพยักหน้า   คนโคแรนนิอิดอยู่กับทะเลมาช้านาน   เห็นทะเลเป็นมารดา  อย่าว่าแต่คนรุ่นเคลซึ่งเติบโตอยู่บนเรือ

ยามเมราลพยักหน้า  เคลจึงถอดเกราะ  เขาล่วงเข้าวัยกลางคนแล้ว  แต่แข็งแรงมากอย่างเห็นได้ชัด  ครั้นถอดเกราะหมดสิ้นก็ยื่นมือไปทางนักบวชคนหนึ่ง  เมราลห้ามไม่ทัน  พวกลาตารวมทั้งทัคทวาจึงเห็นอย่างชัดเจน  นักบวชคนนั้นมอบดวงแสงเรือง ๆ ให้กับเคล  หัวหน้านายทหารก็ถือมันต่างตะเกียง  ดำลงน้ำไป  การกระทำเช่นนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาหากมีนักบวชอยู่ด้วย   แต่หญิงสีขาวเห็นชัดว่าจ้าวเกาะหรี่ตาลง...เขาคงคิดว่า อ้อ สามารถทำแบบนี้ได้ด้วย

เคลลงไปนานทีเดียว  ทว่าเมราลรู้จักเขา  จึงห้ามเสียเมื่อคนอื่นถามว่าควรลากขึ้นมาหรือไม่   ผ่านไปพักใหญ่ หัวหน้านายทหารจึงโผล่พ้นน้ำขึ้นมา

"ข้างล่างมีสิ่งก่อสร้าง...ลึกลงไปมากทีเดียว" เขาบอก "ข้าหมดลมหายใจเสียก่อนจึงต้องขึ้นมา   คงต้องใช้เวทมนตร์ลงไป"

แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 09:17:27

จากคุณ : ลวิตร์
เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 01:36:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com