บทนำ
บ้านเช่าทรุดโทรมหลังตลาดสดแห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ มาปรากฏเป็นเงากลางดวงตาเรียวหวาน ร่างสูงโปร่งในชุดลำลองสีเข้มเคลื่อนเนิบช้ามาหยุดชะงักข้างรั้วระแนงผุกร่อน
หัวใจเต้นแรงอย่างปลื้มปีติ ยามทอดตาเข้าไปข้างใน แลเห็นทางเดินที่ปูทับด้วยไม้กระดานเก่าซีดต่อยาวกันไปจนจรดบันได สองข้างคือพงหญ้ารกกับสวนครัวที่ขาดการดูแลเอาใจใส่ "มาหาใครหรือพ่อหนุ่ม เหมือนจะคุ้นๆ หน้าอยู่นะ" หญิงชราจูงเด็กหญิงวัยเตาะแตะผ่านมา ก็หยุดทักถาม
"อคินไงครับ ป้าช่อ น่าน้อยใจนะ ผมยังจำป้าช่อได้เลย กิจการข้าวต้มมัดเป็นยังไงบ้างครับ"
"อคินหรือ" หญิงชราเลิกคิ้ว พยายามเพ่งตาฝ้าฟางเขม็ง "เอ้อ พ่ออคินจริงๆ นั่นแหละ หายหน้าหายตาไปไหนเสียหลายปี"
"หลายปีอะไร ห้าปีเอง"
'อคิน' ตอบกลั้วหัวเราะ ไม่ถือสา 'ป้าช่อ แม่ค้าขายข้าวต้มมัด' ที่ขยับเข้ามาจดจ้องอย่างสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
มือเหี่ยวย่นและหยาบกร้านตามประสาคนหาเช้ากินค่ำมาตลอดชีวิต แตะเสื้อราคาแพงของเขาอย่างสนใจ ไล่ลงไปลูบเข็มขัดหนังสีดำ หยิกๆ กางเกงอีกเล็กน้อย คล้ายจะวิเคราะห์เนื้อผ้าว่าดีมากน้อยแค่ไหน ตาพินิจลดต่ำลงเพ่งรองเท้าหนังสีดำขัดมันจนขึ้นเงา
"พ่ออคินดูดีผิดจากแต่ก่อนเยอะเลย มิน่าล่ะ ป้าถึงจำไม่ได้" นางเงยหน้าแล้วเปรยเบาๆ "ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เสียใจเลย ถ้าหากคนทั้งโลกจะลืมผม ขอแค่มีคนอยู่คนหนึ่งจดจำผมไว้เป็นคนสำคัญตลอดไป"
ในดวงตาปรากฏหยดน้ำอุ่นซึมคลอหน่วย ไม่ใช่ด้วยความอ่อนแอ หากแต่เป็นกระแสตื้นตันระคนชื่นใจยามได้กล่าวพาดพิงถึงคนบางคนที่ประทับลึกซึ้งในหัวใจดวงนี้ไม่เคยเสื่อมคลาย
"แล้วนี่มาหาใครหรือพ่ออคิน"
"จะมาหาใคร ก็ต้องมาหาคนที่เช่าบ้านหลังนี้อยู่น่ะสิครับป้าช่อ ถามตลกอีกแล้วนะ"
"อะไรนะ พ่ออคินจะมาหาไอ้ฉมังหรือ ไปรู้จักกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่ คนแถวนี้ไม่มีใครอยากคบหากับมันหรอก ดีแต่ขี้เมาอาละวาดไปวันๆ งานการก็ทำวันเว้นสองวัน ขี้เกียจสันหลังยาว คบหาคนแบบนี้มีแต่จะพาตกต่ำลงนะพ่อ"
"ใครกันไอ้ฉมัง ผมไม่รู้จัก" อคินย้อนถามงงๆ เขาไม่ได้มาหาคนชื่อนี้ แต่มาหาคนเช่าบ้านหลังนี้ต่างหาก
"คนเช่าบ้านหลังนี้" ป้าช่อทวนด้วยน้ำเสียงงงๆ เมื่อฟังพ่อหนุ่มเปรยเสียงชื่นใจ จากนั้น ก็ค่อยฉุกคิดได้ จึงรีบบอกไปว่า "อ้อ พ่ออคินคงจะมาหาแม่หนูพุธสินะ ไม่อยู่แล้วละพ่อเอ๊ย"
"ไม่อยู่แล้ว" เสียงชื่นใจแปรเปลี่ยนเป็นตกใจเล็กน้อย ประกายสดใสในดวงตาก็แลจะหมองลงวูบ "ทำไมไม่อยู่แล้ว ป้าช่อบอกมาให้ชัดๆ หน่อยซิ"
ป้าช่อก็เลยสนองความปรารถนา ด้วยการเล่าความด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำ เริ่มจาก 'นายกำพล' บิดาขี้โรคของ 'พุธชมพู' ลาโลกไปแล้วเมื่อสองปีที่ผ่านมา รุ่งขึ้นอีกปี เธอก็แต่งงานไปกับนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ เป็นเจ้าของบริษัทนำเข้าเครื่องมือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ "ก็ดูว่ามีความสุขดีตามประสาผัวแก่เมียเด็กละนะ แม่หนูพุธก็ดูว่ารักอยู่ล่ะ สงสัยว่าผัวแก่คงจะเอาใจเก่ง ก็อย่างว่านั่นแหละ มีเมียเด็กก็ต้องพะเน้าพะนอกันหน่อย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะพานเบื่อและนอกใจ"
อคินไม่ได้สนใจฟังประโยควิพากษ์วิจารณ์ท่อนนี้ เขาปล่อยให้มันทะลุผ่านหูไปด้วยจิตใจหดหู่
ร่างสูงโปร่งแลสั่นระริกเหมือนถูกไข้ป่าคายพิษ หยดน้ำแห่งความตื้นตันระคนชื่นใจ ทวีความอุ่นเป็นร้อนจัด แล้วค่อยไหลอย่างผิดหวังเสียใจสุดขีด ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่า ย้อนกลับมายืนทอดกายพิงรถด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยากตั้งแต่เมื่อไหร่
"ทำไมทำอย่างนี้ ทำไมพุธไม่รอเรา พุธผิดสัญญากับเรา ไหนบอกว่าจะรอให้เราสร้างเนื้อสร้างตัวให้เป็นปึกแผ่นก่อน แล้วพุธก็จะแต่งงานกับเราไง เรากลับมาแล้วนี่ไงพุธ ทำไมไม่รอเราก่อน แค่ปีเดียวเอง ปีเดียวเองพุธ"
เสียงเครือครวญครางออกมาจากห้วงใจที่ระเบิดกระจายเหมือนโลกแตก อคินเจ็บเหมือนถูกจับไปฉีกแขนขาสดๆ เขาร้องไห้ด้วยความเสียใจ โดยไม่อับอายคนที่เดินผ่านไปผ่านมาในตรอกแห่งนั้น เด็กหญิงชายคู่หนึ่งจูงมือมาหยุดด้อมๆ มองๆ แล้วรีบวิ่งจากไป เมื่อเขาเหลียวหน้านองน้ำตาไปให้ยลชัดๆ
'กรุงเทพหรือ เมืองใหญ่ขนาดนั้น จะไปตามหาเธอเจอได้ยังไง' เมื่อหัวใจคร่ำครวญด้วยความสิ้นหวังเช่นนั้น น้ำตาก็ยิ่งไหลพรู อคินเข้ามานั่งหมดแรงในรถ สะอื้นอย่างผิดหวังระคนแค้นลึก ป้าช่อบอกว่า เธอย้ายตามไปอยู่กับสามีหนุ่มใหญ่ที่กรุงเทพแล้ว ป่านนี้ อาจจะมีลูกด้วยกันแล้วก็ได้
ไม่น่าเกิดเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้นเลย พุธชมพูไม่น่าทำลายหัวใจภักดีดวงนี้ มันแตกสลายและยับเยิบไม่มีชิ้นดีแล้ว เธอทำได้ยังไง ทำไมใจร้ายกับความรักมั่นคงของเขาถึงเพียงนี้หนอ "ฉันเจ็บเหลือเกิน พุธได้ยินหรือเปล่า ฉันเจ็บเหลือเกิน"
หนุ่มหัวใจสลายครางเครือกลั้วสะอื้นแรงหนัก ใบหน้าแปดเปื้อนหยาดน้ำชอกช้ำฟุบกับพวงมาลัย สองไหล่สะท้านสั่นถี่ กระแสสะอื้นมันอธิบายได้ว่า เขาเจ็บปวดแสนสาหัส แต่คงไม่มีคนสักคนในโลกเข้าใจ "ฉันเหนื่อยแค่ไหนตลอดห้าปี กว่าจะทำให้เจ้านายจอมเขี้ยวในอเมริกามันไว้ใจ ยอมขายหุ้นน้อยนิดของมันให้ฉันได้เป็นส่วนหนึ่งในบริษัทของมัน ฉันเหงาและคิดถึงมากแค่ไหนตลอดห้าปีที่ต้องอยู่ห่างไกลจากเธอ ทำไมเธอไม่สงสาร ไม่เห็นใจ"
เป็นความผิดของเขาเองใช่ไหม เพราะเขาเกิดมายากจน บิดามารดาเป็นแค่ชาวสวน เขาต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบส่งเสียตัวเองเรียนมหาวิทยาลัย
หัวใจมันแห้งแล้งเมื่อนึกว่า กลับบ้านไปทีไร บิดามารดาก็คะยั้นคะยอให้ลาออกมาช่วยทำสวน แต่เพราะเขาไม่ต้องการดักดานและจมปลักกับความยากจน จึงดึงดันกัดฟันสู้ โดยมีพุธชมพูเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างไม่เคยห่าง
ความรักของเขา มันสะดุดลงเพราะเขาไม่อยู่ในสายตาประทับใจของนายกำพลขี้โรค
บิดาคนนั้นจ้องแต่จะขัดขวางและทำลายความสัมพันธ์ของเขากับพุธชมพูให้พังพินาศ เอะอะก็อ้างโรครุมไข้แทรกดึงเธอไปคอยดูแล หวังเพียงว่าจะให้เธอเหินห่างจากเขา แต่สุดท้าย ความรักมั่นคงก็เอาชนะอุปสรรคเจ้าเล่ห์แค่นั้นได้อยู่ดี
มันควรจบลงด้วยดีไม่ใช่หรือ ถ้าเพียงแต่พุธชมพูจะไว้วางใจมอบชีวิตไว้บนอุ้งมือว่างเปล่าของหนุ่มยากจนคนนี้ไปตั้งแต่ห้าปีก่อน เขาสาบานได้เลยว่า จะก้มหน้าก้มตาหาเงินงกๆ มาปรนเปรอให้เธอกับบิดาอยู่กันอย่างสุขสบาย แต่เพราะนายกำพลเจ้าเล่ห์คนเดียว ที่ยื่นเงื่อนไขให้เขาต้องจำนนว่า
"อยากแต่งงานกับลูกสาวฉัน ก็พิสูจน์ตัวเองให้ฉันเห็นก่อนสิ ไม่ใช่เก่งแต่ปาก เอะอะก็ว่าจะดูแลให้อยู่ดีมีสุข ใครก็พูดได้ทั้งนั้นแหละ"
"แล้วคุณอาต้องการให้ผมทำยังไง"
"ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวสิ ให้ฉันกับลูกสาวได้แน่ใจว่า เมื่อต้องฝากชีวิตไว้กับเธอแล้ว จะไม่ต้องกินแกลบต่างข้าว"
"ทุกวันนี้ ผมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่เรียนจบ ผมก็ออกหางานทำทุกวัน จริงอยู่ว่า งานรับจ้างทั่วไปที่ทำอยู่ทุกวันนี้ มันอาจจะให้รายได้น้อยหน่อย แต่ผมก็มีทุกวันไม่ใช่หรือ แล้วผมก็เก็บหอมรอมริบ.. "
"แค่นั้นน่ะหรือ ที่เธอคิดว่าจะดูแลฉันกับลูกสาวให้สุขสบายได้ เธอเคยหยุดคิดบ้างหรือเปล่าว่า หลังแต่งงานกันไปแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่ง ต้องการอะไรจากสามีของเธอบ้าง"
"ความรักไงครับ ภรรยาทุกคนต้องการความรัก ความซื่อสัตย์ แล้วผมก็เป็นสามีที่มีสองสิ่งนี้อย่างเต็มเปี่ยม ผมมั่นใจว่าในโลกนี้ นอกจากคุณอาแล้ว จะไม่มีผู้ชายคนไหนรักพุธได้มากเท่ากับผมอีก"
"กินเข้าไปได้หรือความรักน่ะ มันก็แค่เหตุผลหวานๆ ที่จะทำให้ผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่งตกลงใจร่วมหอลงโรงกันเท่านั้น แต่ชีวิตจริงๆ มันเริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้นต่างหาก และความต้องการจริงๆ ของผู้หญิงก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้นเหมือนกัน"
อคินยกใบหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้น แววตาฉายความปวดร้าวอย่างยิ่งยวด เขาไม่เคยลืมความต้องการของผู้หญิงที่นายกำพลพล่ามให้ฟังด้วยน้ำเสียงดูแคลนในวันนั้น ผู้หญิงต้องการความสุข ความมั่นคง ความสะดวกสบาย
มีเงินใช้ไม่ขาดมือ มีบ้านหลังใหญ่ให้อาศัยและเป็นหน้าเป็นตาโอ้อวดเพื่อนบ้าน มีรถคันหรูไว้ขับเองก็ได้ หรือจะประดับบารมีด้วยคนขับรถอีกสักคนก็ไม่เลวนัก อาภรณ์เพชรทองต้องมีมาบำเรออย่าให้บกพร่อง เพราะมันก็เป็นวัตถุสำคัญไม่น้อยในการยกระดับตัวเองให้เทียบเทียมไม่น้อยหน้าเพื่อนบ้านอีก "ถ้าเธอให้ในสิ่งเหล่านี้กับภรรยาของเธอไม่ได้ เธอก็เดินออกไปจากชีวิตของลูกสาวฉันเถอะ"
"มันไม่สรุปง่ายเกินไปหน่อยหรือครับคุณอา"
"ใช่ ฉันสรุปง่ายๆ อย่างนี้แหละ เพราะฉันก็เหมือนกับพ่อคนอื่นๆ ที่ต้องการเห็นลูกสาวออกเรือนไปมีความสุขกับผู้ชายที่เพียบพร้อมและเป็นเสาหลักให้เธอยึดเหนี่ยวได้อย่างมั่นคงไปทั้งชีวิต แล้วฉันก็มั่นใจว่าผู้ชายคนนั้น ต้องไม่ใช่เธอ"
นายกำพลตัดสินความรักของเขาให้ถูกประหาร แต่พุธชมพูก็หน่วงเหนี่ยวมันให้มีชีวิตอยู่ในบ่วงพันธะของสัญญา เธอต่อรองกับบิดา ให้โอกาสเขาสร้างเนื้อสร้างตัวภายในห้าปี ถ้าเขาทำไม่ได้ เขาต้องยอมให้ความรักตายไปพร้อมกับอดีต
ก็นี่ยังไง ห้าปีที่เธอต้องการ เขากลับมาแล้ว มาตามคำสัญญา มาด้วยหัวใจพองโตและเปี่ยมด้วยความสุขเต็มที่ ยังนึกว่า ในวินาทีที่เห็นหน้าเธอ เขาจะโผเข้าไปอุ้ม จะกอดรัดให้สาสมกับที่คะนึงหา จะคุกเข่าแล้วขอแต่งงานด้วยแหวนวงนี้
แหวนแต่งงานในกล่องกำมะหยี่สีแดง มันไม่จำเป็นต้องอยู่ในกระเป๋ากางเกงอีกแล้ว อคินล้วงมันออกมาจ้องมองอย่างปวดร้าว กำเกร็งจนมือสั่น แล้วค่อยขว้างมันไปนอนไร้ค่าบนเบาะหลัง
เขาคงผิดเองกระมัง ที่หลงเชื่อถือหัวใจโลเลของผู้หญิงชื่อพุธชมพู เวลาห้าปีที่เธอต่อรองกับบิดา มันก็แค่ลมปาก เธอรอไม่ได้ แค่อีกปีเดียวเอง เธอรอไม่ได้
จากคุณ |
:
รัชนีกานต์
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ต.ค. 54 15:57:40
|
|
|
|