สร้างจากเค้าโครงเรื่องสั้น (ของตัวเองเมื่อนานมาแล้ว)...และแรงบันดาลใจจากเพลง งานเต้นรำคืนพระจันทร์เต็มดวง
เขา พบ เธอ ในช่วงเวลาที่แปลกประหลาด สถานที่แปลกประหลาด เขา ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเจอผู้หญิงคนนี้ ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมถึงเป็น เขา ที่ได้เจอเธอ ทำไม เขา ถึงได้เจอ เธอ เพียงคนเดียว...และทำไม เธอ ถึงมาให้ เขา เห็นเพียงคนเดียว! .................................
บทนำ
หญิงสาวงับบานประตูแผ่วเบา ก่อนหันมายิ้มกับกระจกเงาบานยาวเต็มตัวนั้น...
รอยยิ้มน้อยๆ ถูกจุดขึ้นบนริมฝีปากบาง เมื่อยกชุดราตรีงามในมือขึ้นมาทาบทับเรือนร่างระหงของตน สีม่วงเข้มเกือบดำขับผิวขาวผ่องอมชมพูนั้นให้ดูละมุนตา การตัดเย็บประณีตของชุดเผยให้เห็นความอ้อนแอ้นของเรือนร่าง ส่งให้คนสวมดูสง่า สูงส่ง ดุจเจ้าหญิง...
เธอรวบผมสีดำสนิทขึ้นเกล้ามวยง่ายๆ ก่อนเสียบตรึงด้วยปิ่นไม้เรียบๆ หากแต่งแซมด้วยดอกไม้สีขาวหอมกรุ่นสร้อยคอเส้นบางที่มีเพชรเม็ดเล็กๆ รูปหัวใจประดับอยู่เพียงเม็ดเดียวทำให้เธอเป็นกังวลอยู่บ้างกับสายตาของคนในงาน...แต่ว่าเธอไม่มีเครื่องประดับมากกว่านี้แล้ว
ดวงตาสีดำสนิทของหญิงสาวไหววูบเล็กน้อยยามต้องประกายนวลจากแสงเทียนในห้อง ความไม่แน่ใจใดๆ ถูกผลักเข้าไปอยู่ในก้นบึ้งลึกสุดใจเมื่อมองไปที่แหวนเพชรวงน้อยบนนิ้วนางข้างซ้าย รอยยิ้มน้อยๆ หากบ่งบอกถึงความอิ่มเอมแย้มกว้างขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย
...ทำไมเธอต้องสนใจว่าใครจะคิดอย่างไร ในเมื่อคนที่เธอรักที่สุดยังไม่สนใจ?
...ต่อให้แหวนเพชรวงน้อยแล้วอย่างไร? ในเมื่อ เขา เป็นคนมอบให้เธอ...
หญิงสาวรวบชายกระโปรงยาวขึ้นเล็กน้อย สอดเท้าเล็กลงไปในรองเท้าส้นสูง...สีขาว...บางใส มีประกายระยิบระยับจากเพชรแตะแต้ม
...ซินเดอเรลล่าจะรู้สึกเหมือนเธอไหม ในวินาทีที่ได้ใส่รองเท้าแก้วและพร้อมที่จะเดินเข้าไปในงานของเจ้าชาย...
เธอเหลียวมองกระจกอีกครั้งเพื่อสำรวจความเรียบร้อย มองหญิงสาวในกระจกที่จ้องตอบเธอ...ด้วยสายตาที่แฝงด้วยความหวาดเกรง ระคนพรั่นกลัวในสิ่งที่กำลังจะเผชิญในไม่ช้า...
ก่อนที่สายตานั้นจะวับหาย แววทระนงผุดขึ้นยามใบหน้าของเขาผุดขึ้นมาในห้วงคำนึง กำลังใจอบอุ่นที่เกิดขึ้นแม้เมื่อได้รำลึกถึงดวงหน้านั้นทำให้เธอเชิดใบหน้าขึ้นน้อยๆ จ้องมองเงาสะท้อนในกระจกนั้นอย่างแน่วแน่
...ก่อนจะผละออกจากกระจกบานนั้น เปิดประตู และก้าวออกไปในค่ำคืนมืดมน...
แสงไฟที่ลอดออกมาจากคฤหาสน์นั้นทำให้เธอตาพร่าชั่วขณะ
เสียงดนตรีหวานดังแผ่วเคล้ากับบรรยากาศรื่นรมย์ ผู้คนที่เธอมองเห็นได้จากไกลๆ ล้วนเปล่งประกายระยับที่หู คอ ข้อมือ นิ้วมือ พร่างพร่าวดังดวงดาวในคืนแรม การเคลื่อนไหวงดงามของคนเหล่านั้นทำให้เธอนึกไปชั่วครู่ว่าสถานที่นั้นคือสรวงสวรรค์ และเขาเหล่านั้นคือเทพยดาทั้งหลาย
เธอจับชายกระโปรงแน่น อุ้งมือนุ่มชื้นเหงื่อ หากขาเล็กๆ ก็ยังก้าวไปข้างหน้าไม่หยุด
...เขาอยู่ข้างใน...รอเธออยู่...
หญิงสาวยืนอยู่เบื้องหน้าประตูใหญ่ สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนที่จะยกชายกระโปรงขึ้นสูงอีกเล็กน้อยยามก้าวขึ้นบันไดสูง หากเสียงหัวเราะแว่วๆ บนระเบียงกว้างชั้นสองก็เรียกสายตาของเธอให้ไล่ตามไปที่ต้นเสียง
เขาอยู่ตรงนั้น...กับผู้หญิงคนหนึ่ง!
หญิงสาวคนนั้นสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ ใบหน้าหวานแฉล้มนั้นกำลังแย้มยิ้มงดงาม เสียงหัวเราะกังวาลใสแผ่วพริ้วไปในอากาศ เธอคนนั้นกำลังหัวเราะกับบางสิ่งที่เขาพึมพำกระซิบข้างหู
...ชั่วแวบหนึ่งหญิงสาวทั้งสองสบตากัน...
ใบหน้างามนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนยิ้มให้เธอตามมารยาท ต่างกับเธอที่ได้แต่ยืนนิ่ง ทำสีหน้าบอกไม่ถูกจ้องมองไปยังเธอกับเขาอย่างไร้มารยาทต่อไป
วินาทีนั้นเขาก็มองตามสายตาของหญิงสาวคนนั้น ก่อนจะสบตากับเธอ
ทั้งสองประสานสายตากับชั่วแวบ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะก้มลงกระซิบบางอย่างกับหญิงสาวข้างกาย เธอคนนั้นยิ้มรับอ่อนหวาน ก่อนจะชำเลืองมองร่างบางข้างล่างด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ แตกต่างจากหญิงสาวเบื้องล่างที่เผยยิ้มบางๆ ออกมาได้อย่างโล่งอก
...เธอมาช้าเอง เขาเลยคุยกับคนอื่นฆ่าเวลารอเธอมาเท่านั้น ก็พอเธอมาถึง เขาก็รีบผละมารับเธอโดยที่ไม่สนใจคนอื่นอีกเลยไม่ใช่หรือ? เธอเลื่อนสายตากลับมามองด้านหน้า เพื่อจะพบว่าเขาเดินเร็วๆ มาถึงตัวเธอแล้ว...
เธอแย้มยิ้มอ่อนหวาน นัยน์ตาจับจ้องที่ร่างเขาเท่านั้น...คุณ...
เธอมาทำไม?
ลมหายใจของเธอสะดุด เคลื่อนสายตามองใบหน้าหล่อเหลาของเขา เธอพบร่องรอยเคร่งเครียดบางอย่างบนใบหน้าที่เธอรักนั้น
คุยตรงนี้ไม่สะดวก... ก่อนที่เธอจะได้เอ่ยอะไร เขาก็คว้าข้อมือเธอเดินดุ่มๆ มายังพุ่มไม้ที่อยู่ตรงมุมตึกโอ่อ่านั้น ที่ตรงนั้นแสงสว่างจากดวงไฟต่างๆ ส่องลอดใบไม้มาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หญิงสาวหน้าเสียเมื่อได้ยินคำถามของเขาเมื่อครู่ ใบหน้าน้อยซีดเผือดเมื่อพูด ฉันไม่ควรมาหรือคะ แต่คุณบอกฉันว่าวันนี้...
ฉันบอกว่าฉันจะไปรับ ไม่ต้องมาเองไม่ใช่หรือ? ชายหนุ่มพูดผ่านไรฟัน สีหน้าโกรธขึง
โทสะของเขาทำให้เธอเสียใจ หญิงสาวก้มศีรษะลง ซ่อนแววตาตื่นตระหนกในความผิดและหยาดน้ำใสที่เอ่อคลอนัยน์ตาให้พ้นจากสายตาของเขา ฉันขอโทษค่ะ
ช่างมันเถอะ...ไหนๆ ก็มาแล้ว น้ำเสียงแปลกๆ ของคนรักทำให้หญิงสาวต้องเงยหน้าขึ้นมองดูเขาอีกครั้ง ฉันลองคิดๆ ดูเรื่องของเรา แล้วก็เอาไปปรึกษากับทางบ้านแล้วนะ
ค่ะ... เธอรู้สึกถึงอากาศแน่นหน้าอกเล็กน้อยเหมือนจะหายใจไม่ออก ยามที่จ้องมองใบหน้านั้นและฟังเขาพูดประโยคต่อไป
เราเลิกกันเถอะ...ครอบครัวฉันรับเธอไม่ได้หรอก ต่อให้เธอเป็นลูกเมียเอกของท่าน แต่ว่าตอนนี้ทั้งพ่อทั้งแม่เธอก็เสียไปแล้ว ใครต่อใครในสังคมก็รู้กันทั่วว่าตอนนี้เธอกลายเป็นเพียงคนอาศัยในบ้านของตัวเองเท่านั้น...
แต่... น้ำตาเอ่อคลอนั้นเจียนจะหยดลง หากแต่น่าประหลาดที่มันกลับยังไม่หยดลงมา เรารักกันนี่คะ คุณเคยบอกฉันว่า...
ชายหนุ่มอึกอักเล็กน้อย เมื่อพูดประโยคต่อมา ...ลืมมันเสียเถอะ คุณพ่อถึงกับบอกว่าหากฉันยังดึงดันเรื่องของเรา ท่านจะตัดฉันออกจากกองมรดก ยกทุกอย่างให้สาธารณะแทนทายาทอย่างฉัน
น้ำตาของเธอพร่างพรูออกมาแล้ว หญิงสาวเอื้อมมือออกไปยึดเสื้อนอกของเขาไว้แน่น เอ่ยเสียงเจือสะอื้น
แต่คุณบอกว่ารักฉัน เรารักกันนี่คะ! คุณบอกว่าคุณจะสู้เพื่อฉันอย่างไร...
พอทีเถอะ! เธอมองสถานะตัวเองเสียบ้าง ในตอนนี้มีใครในสังคมที่ยอมรับเธอ รักได้ฉันก็เลิกรักได้เหมือนกัน จะรักเธอไปทำไมอีกในเมื่อเธอให้ในสิ่งที่ฉันกับครอบครัวต้องการที่สุดไม่ได้!
คุณ!... เธอร่ำไห้ ปวดปลาบไปทั้งใจ ..ไหนคุณบอกว่าจะไม่ทิ้งฉันอย่างไรล่ะคะ? ไม่ว่าฉันจะเป็นอย่างไร...
ออกไปจากที่นี่ซะ อย่าให้คนอื่นเขาต้องสมเพชเธออีกเลย เธอน่ะ...ไม่เหลืออะไรแล้ว อย่ากลับมาอีก...นี่เป็นความหวังดีอย่างเดียวที่ฉันจะให้เธอได้ ไปซะ!
น้ำตากลบดวงตาทำให้หล่อนมองภาพตรงหน้าไม่ชัดเจน แต่ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยโทสะของเขา น้ำเสียงหยามหมิ่นของเขา ท่าทางรังเกียจของเขา กลับทำให้ความรู้สึกอย่างร่ำไห้ อยากอ้อนวอนขอเลือนหายไป แทนที่ด้วยทิฐิแรงกล้า
เธอปาดน้ำตาทิ้ง แม้เจ็บปวดแค่ไหนแต่เธอก็ยังยืนอยู่ได้ ก่อนที่ร่างบางจะหันหลังกลับช้าๆ ออกก้าวเดินไปจากความรักที่ย่อยยับในพริบตาของตนเอง
เดี๋ยว... น้ำเสียงทุ้มที่เธอเคยรักใคร่หลงใหล เสียงเดียวกันกับที่ผลักไสหล่อนไปพบกับความเจ็บปวดใจที่สุดดังขึ้น ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินมาใกล้
แหวนที่ฉันให้เธอ มันเป็นของแม่ฉันเอง ฉันคงต้องขอคืน...
คราวนี้หญิงสาวหันกลับรวดเร็ว ก่อนรูดแหวนที่พอดีนิ้วออกรุนแรง ความพอดีนิ้วนั้นทำให้ยามถอดออกจึงครูดเนื้อ บาดลึกเข้าไปในเรียวนิ้วอ่อนรุนแรง เลือดเริ่มไหลซึม...เธอกำแหวนแน่น ก่อนเงื้อมือขึ้น
หากเขากลับคว้าข้อมือเธอไปบีบแน่น ก่อนแกะเอาแหวนในอุ้งมือออกมารวดเร็ว ชายหนุ่มสบถเล็กน้อยเมื่อแสงไฟส่งให้เห็นคราบเลือดบนแหวน เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเพียงเล็กน้อย ก่อนเดินกลับเข้าไปในงาน ทิ้งให้หญิงสาวยืนเดียวดายอยู่ตรงนั้น...
...ไร้คำลาใดๆ...
เธอหมุนตัวไปทางที่เขาก้าวเดิน ก่อนเอ่ยเสียงเย็น กลั้นก้อนขื่นคาวไว้ในลำคอ คุณมันไม่มีความจริงใจ ชั่วชีวิตนี้คุณก็อย่าหวังความจริงใจกับใครอีกเลย ซักวันหนึ่ง...คุณจะเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำกับฉัน จำไว้! ทุกสิ่งที่ฉันสูญเสียไป ฉันจะต้องทวงคืนมาให้ได้!
เขาหันกลับมามองเธอนิ่งเพียงชั่วครู่ก่อนหันกลับ และออกเดินต่อ...
...เมื่อครู่เธอเห็นแววบางอย่างในสายตาเขา...
เธอเดินช้าๆ ปล่อยให้น้ำตาร่วงริน...
ระยะทางระหว่างคฤหาสน์ใหญ่กับที่พักของเธอตอนนี้ดูจะไกลเสียจนเธอจะเดินไม่ไหว เมื่อกี้เธอหกล้ม เธอเพียงแต่ลุกขึ้นดวยสายตาว่างเปล่า ก่อนเดินลากขามาอย่างคนไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดทางกายใดๆ
รองเท้างดงามคู่นั้นขะมุกขะมอม หากเพชรเม็ดน้อยที่ประดับรองเท้าอยู่ดังเหมือนจะส่องประกายเย้ยหยันเธอ...
หญิงสาวยกมืกปาดน้ำตา วูบที่เธอทาบหลังมือกับเปลือกตา เธอก็มองเห็นแต่ความดำมืด
...วูบต่อมาเธอก็มองไม่เห็นอะไรเลย...
รองเท้าสีขาวของเธอ...
หญิงสาวมองรองเท้าของตัวเองข้างหนึ่งที่เหมือนจะหล่นลงบนพื้นด้วยความงุนงง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกหวาดผวาเมื่อรู้สึกถึงแรงรัดรึงกลางลำตัว...
เธอถูกมัด!
หญิงสาวเปล่งเสียงอู้อี้ เพราะริมฝีปากเธอถูกปิดไว้แน่นหนา เธอพยายามไถร่างไปกับพื้นเพื่อให้เข้าไปใกล้ประตู หากแต่แสงสว่างที่วาบขึ้น ก่อนกระจ่างแรงทำให้นัยน์ตาหวานซึ้งเบิกกว้างอย่างหวาดกลัว
ควันที่เริ่มลอยคลุ้งในอากาศทำให้เธอแสบตา แสงไฟจัดจ้าและความร้อนเร่าทำให้เธอกลัวจนอยากกรีดร้องขอความช่วยเหลือ...
ไฟไหม้! ช่วยด้วย!
ดวงตาเบิกกว้างตื่นตระหนก ทั้งร่างขยับรุนแรง พยายามอย่างยิ่งที่จะพาตัวเองให้หลุดพ้นจากเชือกที่พันธนาการร่างอยู่ กระ:-)กระสนดิ้นรนมาอยู่กลางห้อง เพราะผนังทั้งสีด้านเริ่มร้อนระอุ
ช่วยด้วย!
ควันคละเคล้าในอากาศทำให้เธอสำลัก หากแต่ริมฝีปากถูกอุดและพันผ้าปิดสนิททำให้เธอไม่สามารถสำลักออกมาได้ ใบหน้าเล็กๆ จึงแดงก่ำไปเพราะควันที่สูดเข้าสู่ร่างกายอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ปอดถูกแผดเผาด้วยควัน ม่านตาพร่ามัวก่อนที่น้ำตาจะไหลพราก...เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติที่ร่างกายจะสั่งให้ต่อมน้ำตาตอบสนองเมื่อดวงตาเกิดระคายเคือง อากาศที่สำลักกระอักกระไอออกไปไม่ได้จุกแน่นอยู่บริเวณอก รสเลือดฝาดคาวที่อวลอยู่ในคอเป็นเหมือนน้ำร้อนๆ ที่รินรดลวกอวัยวะภายในพร้อมๆ กับควันในอากาศ
เธอหันมองรอบตัว ที่มีเศษไม้กองๆ สุมเต็มห้องน้อย ท่ามกลางความร้อนระอุของเปลวไฟที่ลุกโชนรอบด้าน ความแน่ใจบางอย่างฉายชัดขึ้นมาในใจ...
...มีคนตั้งใจฆ่าเธอ...
ท่ามกลางแสงจันทร์เต็มดวง แสงสีส้มจากเปลวไฟ้ที่กำลังกัดกินบ้านน้อยหลังนั้นทะยานขึ้นสู่ฟ้า...
ความเจ็บปวดแผ่ขยายเท่าครอบครองทุกอณูของร่างกาย ความร้อนลามเลียเข้ามาใกล้ผิวเนื้อบางเรื่อยๆ จนกระทั่งผิวหนังส่วนโผล่พ้นผ้าเริ่มพอง
สติสัมปชัญญะรางเลือนถูกกระตุ้นให้รับรู้ความเจ็บปวดยามถูกเพลิงแผดเผา แสบร้อนจนเธออยากกรีดร้องให้สุดเสียง เธออยากหมดสติ อยากปิดกั้นตัวเองจากความรู้สึกทุกอย่าง...
หากเธอกลับรู้ตัว...รับรู้ความเจ็บปวดทุกวินาทีที่ผ่านไปช้าๆ อย่างทรมาน...
จวบจนวินาทีสุดท้าย...
แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 21:58:32
จากคุณ |
:
ส้มเช้งเองจ้า
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ต.ค. 54 17:44:12
|
|
|
|