Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กลร้ายในเงารัก - บทที่ 1 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11153554/W11153554.html

บทที่ 1

พายุสวาทกำลังโหมกระหน่ำกลางเตียง ไอกำหนัดแผ่พ่นร้อนฉ่า ฟูกหมอนผ้าห่มแทบจะละลาย สองร่างที่เคล้าคลุกเมามัน กำลังเสนอสนองอารมณ์รักฉบับเร่าร้อนสุดโต่ง

นาทีเกรี้ยวกราดหมายจะห้ำหั่นดับไฟกามให้มอดเช่นนี้ ใครก็อย่าเสนอหน้าเข้ามาขวาง แต่เสียงโทรศัพท์บนเก้าอี้โยกกลางห้อง กลับเหิมเกริมไม่เกรงใจ กรีดเสียงแผ่วหรี่ หากรัวถี่ไม่มียอมหยุด

"รับโทรศัพท์ก่อนไหม" สาวใต้ร่าง แม้กำลังกระตือรือร้นต่อการปลดเปลื้องแรงใคร่ แต่ก็ยังมีแก่ใจถามปนหอบเหนื่อย

"ไม่ต้อง เดี๋ยวมันก็หยุดไปเองนั่นแหละ"

อคินบอกปัดไปอย่างไม่แยแส เขาจำเสียงเพลงเรียกเข้าได้ จึงทราบว่าคนที่โทรมาคือ 'ดนัยดล' นาทีสำราญเข้าด้ายเข้าเข็มเช่นนี้ เพื่อนคนไหนก็หมดความสำคัญลงทุกคน เขาปรารถนาพัดพาตัวเองไปให้ถึงฝั่งพิศวาสที่ทอดผืนทรายสีแสดให้เขาลากร่างเหนื่อยขึ้นไปนอนแผ่หลาอย่างสาแก่ใจ

สาวใต้ร่างจึงกระอักเสียงครางกระเส่าปางตาย กับจังหวะจ้วงโถมไม่มีออมแรง หล่อนร้องไห้ระคนหัวเราะ เพราะสุดจะทานทนกับวิถีจู่โจมดุดันของชายหนุ่ม มันก่อความเสียวซ่านร้ายกาจ จนหล่อนอยากจะกัดลิ้นตายไปเสียให้พ้น

"ดุร้ายเหมือนเสือโกรธเหยื่อ" หล่อนวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากที่หลุดพ้นออกมาจากกระแสกระโชกของพายุราคะร้อน

"อย่าบ่น ค่าจ้างแพงไม่ใช่หรือ ฉันก็ต้องรีดเค้นความสุขในตัวเธอออกมาปรนเปรอตัวเองให้คุ้มหน่อย"

"แหม ทำไมต้องทำเสียงจริงจัง ฉันก็แค่ล้อเล่นเอง"

"ผู้หญิงจะไม่ล้อเล่นกับเงินๆ ทองๆ พวกเธออยากมีมันเยอะๆ ไว้สร้างเกียรติและบารมี ยกระดับให้เท่าเทียมคนอื่น"

สาวบริการยักไหล่ ไม่ค่อยอยากฟังชายหนุ่มแดกดันผู้หญิงด้วยน้ำเสียงชิงชังพิกล หล่อนเจอมาเยอะ ผู้ชายปากจัด ชอบนินทาผู้หญิงลับหลัง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความสุขบนเตียง มันรุดหน้าไปเองตามลำพังไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีผู้หญิงมาช่วยอีกแรง

"แน่ใจนะคะว่าจะไม่ให้ฉันค้างคืนด้วย"

"แน่ใจ แต่งตัวเสร็จแล้วใช่ไหม เงินก็ได้แล้วนี่ ไสหัวไป"

สาวบริการยักไหล่ไม่ยี่หระกับวาจาหยาบหยาม เขาโบกมือเหมือนจะเร่งให้ไปให้พ้นหน้าเร็วๆ หล่อนก็ไม่ยืดยาดหรอก แขกเงินหนักเงินถึงแบบเขา มีแต่จะต้องเอาใจเข้าไว้ สั่งให้อยู่ก็ต้องอยู่ สั่งให้ไปก็ต้องรีบไปเลย



ร่างสูงโปร่งในเสื้อคลุมโคร่งสีเทา เดินไปหยุดสำรวจตัวเองในกระจก มุมปากผุดยิ้มเหมือนเยาะหยัน ชีวิตที่ผ่านมาสามปี มันไร้สาระสิ้นค่าและน่าเบื่อ เขาหักโหมทุ่มเวลาให้หมดไปกับงานในนิวยอร์ก เลิกงานก็เตร็ดเตร่เกี่ยวสาวแปลกหน้ามาร่ายรัก ระบายความเจ็บปวดในหัวใจ

เตียงที่ปรากฏเป็นเงาอยู่ในกระจก ต้อนรับสาวสุดเร่าร้อนมากหน้านับไม่ถ้วน ทุกคนล้วนกระเส่าสะท้าน และแทบจะทานทนไม่ไหวกับพายุสวาทที่ขาดความนุ่มนวล

แต่เขามีสิทธิ์ที่จะระบายความใคร่ด้วยวิธีใดก็ได้ใช่ไหม เพราะเขาจ่ายเงินซื้อแล้ว แพงด้วย พวกสาวๆ พอเห็นเงินก้อนโต ตาก็โตตามไปด้วย ต่อให้เขาซาดิสม์ พวกหล่อนก็จะไม่กล้าโอดครวญให้ระคายอารมณ์แม้แต่สักครึ่งคำ

โทรศัพท์มือถือบนเก้าอี้โยก ปรากฏชื่อคนโทรเข้าล่าสุดให้เขาผุดยิ้มเบื่อๆ ก่อนจะกดปุ่มโทรกลับไป แล้วรอจนฝ่ายโน้นกรอกเสียงทุ้มสุขุม จึงค่อยถามออกไปว่า

"เมื่อกี้นี้ ผมติดพันภารกิจบางอย่าง ปลีกตัวมารับสายไม่ได้ ขอโทษด้วย"

"ไม่เป็นไร ผมโทรมาถามเฉยๆ เพราะสองสามวันก่อน คุณบ่นว่าไม่สบาย ก็เลยอยากถามอาการว่าดีขึ้นหรือยัง"

"ก็ดีครับ ผมไม่ได้ไปหาหมอ ซื้อยามากินเอง นอนพักเต็มๆ วันไปหนึ่งวัน ก็ดีขึ้นมาก ขอบคุณนะครับ นอกจากเรื่องนี้.. "

"นอกจากเรื่องนี้ ก็มีอีกเรื่องที่เราเคยคุยๆ กันไว้ คุณมีคำตอบให้ผมหรือยัง"

"ขอเวลาไตร่ตรองอีกสักสองสามเดือน ระหว่างนี้ ผมจะค่อยๆ สะสางงานทางนี้ไปด้วยเลย ถ้าตัดสินใจได้ยังไงแล้ว ผมจะรีบโทรบอกเลย"

"ตามใจนะ แต่ผมขอยืนยันว่า เราสองคนถูกชะตากันมาก แล้วผมก็ไม่ชอบเห็นเพื่อนคนไทยถูกเจ้านายต่างชาติข่มเหงวางอำนาจ ผมจึงหวังว่าคุณจะตัดสินใจให้รอบคอบ ยังไงเสีย เมืองไทยก็บ้านของเราแท้ๆ นะครับ"

อคินผุดยิ้มกับผนังกระจก ในแววตาฉายความเจ็บปวดขึ้นวูบ เขาร้องรับในไมตรีของเพื่อนนักธุรกิจชาวไทยไปเบาๆ ก่อนกล่าวอำลาแล้วตัดสายเลย จากนั้น ก็ย้ายไปโต้ลมหนาวหน้าระเบียง มองทิวทัศน์เมืองนิวยอร์กยามดึกสงัด ถนนข้างล่าง ปรากฏยวดยานเคลื่อนผ่านไปมา

ชีวิตเดียวดายของเขาก็เหมือนกับมันนั่นล่ะ ขับเคลื่อนไปมาทั้งกลางวันกลางคืน ถนนทุกสายยังดีหน่อยว่า มีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด ยวดยานทุกคันก็ออกจากจุดเริ่มต้นแล้วจอดเมื่อถึงจุดสิ้นสุด แต่ชีวิตเดียวดายของเขา มันหาจุดเริ่มต้นไม่ได้ และสิ้นไร้จุดสิ้นสุดให้พักเหนื่อยถาวร

น้ำตาคือเพื่อนสนิทเสมอ ทุกครั้งที่หัวใจดวงเจ็บ พร่ำเพ้อถึงพุธชมพู อคินเป็นผู้ชายหน้าโง่เป็นบ้า จนป่านนี้ ก็ไม่อาจลืมเลือนผู้หญิงหัวใจโลเลและหน้าเงินคนนั้น เธอทรยศเขา แต่งงานไปกับหนุ่มใหญ่นักธุรกิจคนหนึ่ง จากนั้น ก็ทิ้งเมืองเชียงใหม่บ้านเกิด ย้ายไปครองรักครองสุขกันที่กรุงเทพ

ก่อนตัดสินใจย้อนกลับมารับใช้เจ้านายชาวอเมริกันจอมเขี้ยว เพื่อแลกกับหุ้นอีกจำนวนหนึ่ง เขาลงทุนเช่าบ้านนานเกือบสามเดือน ตระเวนไปตามซอกตรอกและถนนใหญ่ทุกสาย คาดหวังว่าจะเจอหน้าสุดที่รักสักครั้ง

เขาอยากถามว่า ทำไมเธอถึงตัดเวลาของเขาทิ้งไปก่อนหนึ่งปี ทำไมไม่รอให้ครบห้าปีตามสัญญา ทำไมต้องหลอกลวงและฆ่าความรักของเขาจนตาย

สวรรค์ไม่เมตตาเขาขนาดนั้นหรอก ความตั้งใจของเขามันถึงได้ล้มเหลว และทำให้เขาฮึกเหิมต่อการตัดสวาทกับบ้านเกิดเมืองนอน มันจำเป็นอะไรจะต้องจมจ่อมอยู่กับอดีตรักที่แตกสลายไปแล้วด้วยเล่า

เขาต้องเข้มแข็ง และต้องไม่ทิ้งความหวังด้วยว่า สักวันหนึ่ง ต้องได้เจอผู้หญิงใจร้ายคนนั้น คำถามที่เตรียมไว้ถาม ก็จะไม่ทิ้งไม่ลืม แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เขาต้องเร่งยกระดับตัวเองให้สูงส่งเกือบจะทัดเทียมกับนักบริหารเก่งๆ ในอเมริกาเสียก่อน

ที่นี่ เขาอาจจะเดินตามหลังเจ้านายจอมเขี้ยว แต่บริหารงานได้สุดฉมัง มันการันตีได้ด้วยรางวัลสารพัดที่เจ้าตัวได้รับมานั่นล่ะ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขากลับเมืองไทย เขาต้องเป็นผู้ชายแถวหน้าเท่านั้น

เงินทองที่กอบโกยจากทางนี้อย่างหักโหมตรากตรำ เมื่อหอบหิ้วกลับไปทางโน้น มันก็จะกลายเป็นขุมทรัพย์ในสายตาของผู้หญิงหน้าเงินทั้งหลาย

เขาจะสลัดใส่หน้า หรือโปรยลงดิน พวกหล่อนก็ต้องตะลีตะลานตามเก็บตามกอบให้เขาเห็นอย่างสะใจ และจะสะใจยิ่งกว่านั้นอีก ถ้าในจำนวนนั้น มันจะปะปนผู้หญิงชื่อพุธชมพูอีกคน



งานที่ขับเคลื่อนไปไม่หยุดนิ่งและว่องไวมากในวันนี้ ทำให้อคินแทบจะไม่ได้นั่งเก้าอี้ในห้องทำงานเลย

เขาต้องตามเจ้านายอเมริกันจอมเขี้ยวไปพบลูกค้าชาวอาหรับที่สนามบิน เจรจาต่อรองกับลูกค้าชาวจีนกับญี่ปุ่น ว่าด้วยเงื่อนไขและอัตราส่วนแบ่งกำไรในการจัดจำหน่ายสินค้าที่จะมาจากสองประเทศยักษ์ใหญ่

"กาแฟมาด่วนเลย คุณเจมี่"

"ท่าทางคุณจะเหนื่อยเอาการ วันนี้ เจ้านายอารมณ์ไม่ค่อยดี พายุลงยังไงก็ไม่ทราบ"

เลขาสาวหุ่นเซ็กซี่ในชุดทำงานสีขรึม กล่าวทักทายกึ่งสัพยอก ก่อนจะกลับออกไป โดยไม่ลืมทิ้งหางตาเชิญชวน

อคินผุดยิ้มเยาะจนเกือบจะติดเป็นนิสัยไปแล้ว นาฬิกาข้อมือบอกเวลาบ่ายสามโมง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหิวจัดนัก กว่าจะหลุดจากมรสุมงานมหาโหดของเจ้านายออกมา กว่าจะได้กลับเข้ามานั่งในห้องทำงาน เหนื่อยสายตัวแทบขาดเชียว

"มีแขกมารอพบอยู่ข้างนอก คุณอยากพบไหมล่ะ ฉันเห็นคุณเหนื่อยๆ จะให้ฉันเลื่อนไปก่อนไหม"

แฟ้มบนตักถูกทิ้งชั่วครู่ เมื่อได้ยินเสียงเลขาหุ่นน่าฟัดย้อนกลับมาพร้อมกับกาแฟหอมกรุ่น หล่อนแถมเค้กมาสองชิ้นด้วย แต่อคินไม่ได้สนใจเท่ากับประโยคบอกเล่ากรายๆ ของหล่อน

"คงจะเป็นคุณเจียง หรือไม่ก็คุณเหว่ย จริงสิ ผมนัดเขาสองคนไว้ตอนบ่ายสามโมงครึ่ง นี่ก็.. " เขาพลิกข้อมือดูนาฬิกาอีกแวบ "อีกยี่สิบนาที ไปบอก.. "

"ไม่ใช่หรอก เขาเป็นคนไทย บอกว่าชื่อดนัยดล"

"อะไรนะ ดนัยดลหรือ"

ชายหนุ่มสำลักกาแฟก่อนแล้ว ถึงค่อยโพล่งถามอย่างตกใจระคนคาดไม่ถึง ก็เมื่อคืนนี้ เพิ่งจะโทรคุยกัน ไม่ได้ยินเลยว่า เพื่อนนักธุรกิจชาวไทยบอกกล่าวว่ามานิวยอร์ก เขายังนึกว่าโทรจากเมืองไทยเสียอีก

"ตกลงว่า.. "

"ตกลงว่าพบ รีบไปเชิญเลย อ้อ ขอกาแฟกับไอ้เค้กแบบนี้มาเพิ่มด้วยนะสุดสวย"

"เปลี่ยนจากสุดสวยเป็นอย่างอื่นดีไหม ฉันรออยู่นะ"

"รอไปก่อน อารมณ์ยังไม่เกิดเลย ไปได้แล้ว"

เลขาสุดสวยไปทันที ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มที่เขาอ่านออก มันหมายความว่า 'รอได้เสมอ' ดวงตาเรียวหวานหรี่ลงอย่างดูแคลนวูบหนึ่ง ขณะดื่มกาแฟอึกที่สอง อีกวูบ ก็นึกเสียดายอึกแรกที่สำลักเล็กน้อย

ไม่ใช่เขาไม่ทราบว่า 'เลขาเจมี่' แอบก่อสัมพันธ์สวาทฉบับลับร้อนกับเจ้านายจอมเขี้ยว หล่อนแน่มากในความรู้สึกของเขา เพราะทุกคนต่างก็ทราบกันดีว่า ภรรยาของเจ้านายดุปนโหดแค่ไหน



ร่างสูงสง่าของนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ชาวไทยใจดี ปรากฏขึ้นในอีกห้านาทีต่อมา เขาส่งยิ้มไมตรีไปทักทายเจ้าของห้องก่อน สองขาเพรียวซ่อนในกางเกงสีดำ ก้าวคล่องแคล่วไปหาเก้าอี้นั่งเอง โดยไม่ต้องรอให้เชิญ หรือแม้แต่เค้กสองชิ้นในจานเล็ก เขาก็กินเลย ไม่ต้องขออนุญาต

"อร่อยมาก ของฟรี" เขาหยอดเสียงทะเล้น นั่งไขว่ห้าง แต่ดูเท่และมีมาดนักธุรกิจไม่สร่าง

"ของฟรีทุกอย่างในโลก ล้วนดีหมด อยากได้หรือไม่อยากได้ ก็ไม่ค่อยปฏิเสธกัน" อคินแหย่เสียดสียิ้มๆ

"แหม มันก็ไม่ถึงกับต้องทุกอย่างหรอกนา ของฟรีบางอย่างก็ไม่กล้ารับเหมือนกัน อย่างเช่น สาวขายบริการริมถนนไง ผมโบกมืออำลาสวยๆ ใส่พวกเธอทุกทีที่เธอพรวดพราดมาเกาะกระจก"

"แถวไหนหรือ"

"บอกได้หรือที่ทางแถวนั้น มันเป็นความลับที่ทางการอยากรู้อยู่"

สองหนุ่มวัยห่างกันหลายปีหัวเราะประสานกัน อคินดื่มกาแฟที่เหลือจนหมด ซึ่งก็พอดีกับเลขาเจมี่ย้อนกลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มของว่างสำหรับแขก

"ขอบคุณครับ" ดนัยดลกล่าวด้วยไมตรี

"ยินดีค่ะ ฉันไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า คุณอคินมีเพื่อนหนุ่มไทยหล่อเฟี้ยวแบบนี้ น่าสนใจค่ะ"

"เขาไม่สนใจคุณหรอกเจมี่" อคินรีบขัดเลขาเจ้าชู้ "คุณดนัยดลมีภรรยาแล้ว เขาแต่งงานแล้ว ได้ยินไหมคุณเจมี่"

เลขาหุ่นเซ็กซี่ยักไหล่ คลี่ยิ้มกว้าง ก่อนบิดสะโพกอำลาสองหนุ่ม ตาหวานพราวเสน่ห์ก็ทิ้งชม้ายเชิญชวน หนุ่มไทยแต่งงานแล้วอมยิ้มอย่างเข้าใจความหมาย อคินส่ายหน้าระอาความใจกล้าและหน้าทนของแม่สาวเลขาเหลือกำลัง

"อย่าสนใจเธอนะครับ คุณเจมี่ก็เจ้าชู้ไปทั่วแบบนี้แหละ เห็นใครหล่อหน่อยไม่ได้ เธอเป็นแถมาหว่านเสน่ห์เสมอ"

"คุณก็เป็นอีกคนที่โดนเธอหว่านเสน่ห์ละสิ น่าสนใจ" ตอนท้ายก็เลียนแบบวาจาครึกครื้นของคุณเลขาแล้วหัวเราะเบาๆ

"อย่ามาหาเรื่อง" หนุ่มไทยอกหักยับเยิบรีบแก้ต่าง "ผมไม่มั่วกับคนในที่ทำงานหรอก อีกอย่าง คุณเจมี่ก็ร้อนสวาทเกินไป ผมไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในคู่นอนที่เธอหิ้วขึ้นเตียงได้สำเร็จ ผมจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนเอาชนะผมได้อีกแล้ว"

ดนัยดลยิ้มบาง พลางคนกาแฟเบาๆ เขารู้จักกับอคินเกือบสิบปีแล้ว ตอนนั้น เขามาหาบริษัทผลิตอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ โดยมีเพื่อนชาวอเมริกันคนหนึ่งคอยให้ความช่วยเหลือ

เขาเจอหนุ่มหล่อคมคายคนนี้ ดื่มเหล้าเมามายในผับ บทอาละวาดของเจ้าตัว มันไม่เข้าท่านัก จึงโดนนักเลงอเมริกันตัวโตล่ำบึกกว่า รุมซ้อมอย่างมหาโหด จนเขาต้องรีบออกหน้าไกล่เกลี่ย

ตอนเมามายไม่ได้สติ หนุ่มหล่ออคินก็ระบายความคับแค้นในใจออกมาหมด ปะปนกับอาเจียนหลายกอง ที่ส่งกลิ่นคละคลุ้งในห้องพักของเขา

แม่บ้านยังเบะปากสะอิดสะเอียน แถมยังเลี้ยวมาตำหนิว่าเขาหาเรื่องใส่ตัว คนแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้ ไปวุ่นวายช่วยเหลือ ทำให้หล่อนต้องมาพลอยยุ่งยากไปด้วย

แต่สำหรับเขา การได้ช่วยเหลือหนุ่มไทยคนนี้ ไม่ใช่ความยุ่งยาก เขาเป็นคนไทย เห็นคนไทยด้วยกันถูกรุมทำร้ายจากชาวต่างชาติ เลือดไทยมันก็พลุ่งพล่านร้อนฉ่า คิดแค่ว่ายอมไม่ได้ รู้จักหรือไม่รู้จัก สู้ได้หรือไม่ได้ เขาก็จะออกหน้าไว้ก่อน

ซึ่งก็ไม่เลวนัก เพราะผลจากการออกหน้า ทำให้เขากับอคินกลายมาเป็นเพื่อนต่างรุ่นได้อย่างสนิทสนมในเวลาต่อมา

"แล้วนี่ยังไง" ภวังค์ขณะคนกาแฟหายวับกับเสียงกระทุ้งกึ่งถามกึ่งขอคำอธิบายของอคิน "จู่ๆ ก็โผล่มา"

"ผมมาตั้งสองสามวันแล้ว ได้ข่าวว่ามีบริษัทผลิตอะไหล่เปิดใหม่ เป็นของชาวไต้หวัน แต่มาเปิดในนิวยอร์ก ผมสนใจก็เลยมาทาบทามติดต่อขอไปจัดจำหน่าย งานยังไม่เสร็จ ผมก็เลยไม่ได้แวะมาหา"

"มาคนเดียวหรือ"

"ครับ จะให้ควงภรรยามาทำงานด้วยหรือ ไม่ไหวหรอก ผมไม่ชอบอวดภรรยาให้ใครดูโดยไม่จำเป็น ผมหวง"

หนุ่มอกหักเกือบจะผุดยิ้มเยาะกับวาจาทะเล้นแกมลึกซึ้งของคนพูด เขาไม่มีสิทธิ์เคืองหรืออิจฉาความสุขของเพื่อนต่างรุ่นคนนี้หรอกใช่ไหม ดนัยดลคงทำบุญมาดีกว่า จึงเจอภรรยาที่มีหัวใจมั่นคงในความรัก เป็นผู้หญิงที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อผู้ชายที่ตนมอบใจฝากชีวิต

ตอนทราบข่าวว่าดนัยดลแต่งงาน เขายังอยู่เมืองจีนกับเจ้านายจอมเขี้ยว จึงได้แต่ส่งของขวัญไปอวยพรแทน

"ผมจะกลับเมืองไทยพรุ่งนี้ตอนบ่าย เรานัดกินข้าวกันดีไหม ผมอยากคุยกับคุณเรื่องนั้น"

อคินหัวเราะเบาๆ วูบหนึ่ง ก็อดที่จะซาบซึ้งไมตรีของดนัยดลไม่ได้ เขาชักชวนกึ่งคะยั้นคะยอให้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทที่เมืองไทย แต่เพราะหัวใจแหลกสลายที่นั่น อดีตรักร้าวรานก็ลอยละอองอยู่ที่นั่น การตัดสินใจจึงดูว่ารีรออย่างลังเล

"อคิน" ดนัยดลถอนใจ พลางโน้มน้าวเสียงนุ่ม "อดีตดี จะจดจำไว้นานแค่ไหน ก็คงไม่มีใครว่าหรอก แต่ถ้ามันเลวร้ายนัก ทำไมคุณไม่ค่อยๆ ทิ้งมันไป แล้วมองไปข้างหน้า"

"ผมไม่มีข้างหน้าให้มอง"

"อคิน"

"คุณไม่มีวันเข้าใจหรอกคุณดนัย เพราะคุณโชคดีกว่าผมในทุกด้าน เกิดมาร่ำรวยเลย เรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก จบแล้วก็มีทุนรอนเปิดบริษัทโดยไม่ต้องขวนขวาย เจอผู้หญิงที่รักและซื่อสัตย์ เวลานี้ก็เป็นภรรยาที่ดีมาก ไม่อย่างนั้นคุณก็คงไม่หวง"

"ไม่เอาน่า นี่มันคนละเรื่องกับที่เราคุยกันเลยนะ" ดนัยดลพยายามหันเหแรงเสียดสีในหัวใจชอกช้ำ

"ก็เราคุยเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ" อคินตอกย้ำความเจ็บปวด "ผมไม่มีในสิ่งที่คุณมี ผมจะไม่เสียใจหรอกกับชะตากรรมลูกชาวสวน ที่ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบหาเงินมายกระดับให้ตัวเอง เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่เสียใจ แค่ว่าผู้หญิงที่ผมเจอ จะเหมือนกับผู้หญิงที่คุณเจอ"

"ในเมื่อคุณเกลียดเธอ แล้วทำไมยังจดจำเธอไว้อีก ทำไมไม่ลืมแล้วทิ้งเธอไว้ในอดีต มองหาผู้หญิงคนใหม่ที่จะ.. "

"ไม่ ผมจะไม่ลืมผู้หญิงคนนั้น ผมจะจำเธอไว้จนกว่าจะได้เจอเธออีกครั้ง ผมมีคำถามที่อยากถาม แล้วก็อยากฟังว่าเธอจะตอบผมยังไง อ้อ คุณเข้าใจผิดแล้วด้วยคุณดนัย ผมไม่ได้เกลียดเธอ ผมรักเธอ"

ดนัยดลพยักหน้าว่าเชื่อ เพราะคืนแรกที่เจอกัน หนุ่มหล่อคมคายคนนี้ ก็ระเบิดความรักจากใจออกมาคลุกเคล้ากับความอ่อนแอได้อย่างน่าสงสารไม่น้อย

เขาต้องฟังหนุ่มเมามายร้องไห้สลับกับหัวเราะคับแค้น วาจาแต่ละประโยค เค้นออกมาเสียดสีแดกดันความเจ็บปวดที่ตนได้รับอย่างถึงแก่น แต่สุดท้ายแล้ว ก่อนจะหลับผล็อยเหนื่อยอ่อน คนเมาก็ไม่วายคร่ำครวญว่า 'เรารักเธอ'



บ้านสวนสวยบนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ถูกโอบล้อมด้วยเนินหญ้าลดหลั่นต่างระดับ มันแผ่กว้างไปจนชิดสระว่ายน้ำ และสวนหย่อม ดอกไม้หลายพันธุ์หลายสีกำลังเบ่งบาน อวดความสดใสกลางแสงแดดยามบ่ายแก่

ศาลาโปร่งทรงกลมตั้งน่ารักอยู่บนเนินหญ้าที่ทำบันไดทอดขึ้นสามขั้น จากตรงนี้ จะมองเห็นอิฐบล็อกทาสีฟ้าน้ำทะเลทอดตลอดทางคดเคี้ยวไปจนสุดกำแพงรั้ว

หญิงสาวกำลังดื่มชายามบ่ายกับขนมอบที่ทำเอง มันอุ่นกำลังดี ฝีมือก็พัฒนาจากไม่ได้ความจนอร่อยลิ้นบ้างแล้ว เพื่อนบ้านข้างเคียง มักจะเป็นหนูทดลองอันทรงเกียรติ ที่จำต้องกล้อมแกล้มชิมตามมารยาท

แต่พอหยิบชิ้นแรกขึ้นแตะปาก ยังไม่ทันได้กัดได้เคี้ยว เสียงแตรรถก็ดังลั่นมาตามทางอิฐบล็อกสีชื่นตา

"อ้าว" เธออุทาน พลางวางขนมกลับลงในจานแก้ว แล้วรีบลุกขึ้น ทอดแววตาประหลาดใจไปหยุดที่รถยนต์สีควันบุหรี่

"ยาหยีที่รัก ยอดดวงใจกลับมาแล้วจ้ะ"

พุธชมพูหัวเราะขวยเขิน สามีตะโกนอะไรก็ไม่ทราบ ไม่กระดากปากบ้างหรือยังไง คนสวนก็เดินเตร่ไปเตร่มา ได้ยินเข้าก็พากันมองตาอมยิ้ม เขาไม่อาย แต่เธอวางหน้าไม่ถูกนะ

"อุ๊ย อะไรกันพี่ดนัย เล่นตลกน่ะ คนสวนอยู่เยอะแยะ" เธอประท้วงวุ่นวาย เมื่อเขาพรวดพราดมาอุ้ม ทันทีที่เธอลงจากศาลามารับหน้า

"เยอะแยะอะไร สองคนเอง พี่จะเอาเงินเดือนที่ไหนไปจ้างเยอะกว่านี้ เราน่ะพูดไปเรื่อย ไหน มาชื่นใจหน่อย คิดถึง"

พุธชมพูหัวเราะละเหี่ยใจ สามีทะเล้นผิดวิสัยวัยหนุ่มใหญ่เสียจริงๆ ตอนเจอครั้งแรกในสตูดิโอของเจ้านาย เขาเคร่งขรึมหวงมาดนักธุรกิจจะตาย พบหน้าเธอก็เอาแต่มอง จากมองก็เปลี่ยนเป็นจ้อง จากจ้องก็แปรเป็นเขม็ง สุดท้ายก็ 'ค้างนิ่ง'

"อุ๊ย ทำอะไรคะพี่ดนัย" ภวังค์หวานส่ายรวนเหมือนร่างระหงที่เริ่มจะเวียนหัวกับการถูกพาโยนพาหมุน

"แสดงความคิดถึงมากยังไง อยากให้แสดงความรักหรือ ตรงนี้ไม่ได้หรอก ต้องข้างบน"

เขาบุ้ยปากขึ้นไปบนระเบียงโค้งที่สดชื่นไปด้วยพันธุ์ไม้สีเขียวประดับเป็นแพปล่อยห้อยระย้าตามธรรมชาติ ถัดลึกเข้าไปจากตรงนั้น ก็คือห้องนอนสวยที่เขาชอบเรียกมันว่า 'วิมานรัก'

"วางพุธลงได้ไหมคะ พุธเวียนหัว" เธอบอก แต่แววตาขวยเขิน

"เวียนหัวอย่างเดียวหรือ คลื่นไส้ด้วยไหม อยากอาเจียนหรือเปล่า แล้วบนโน้นอะไร จานอะไรนั่น ของดองของเปรี้ยวไหม"

"บ้าหรือ หาว่าพุธแพ้ท้องหรือคะ เกินไปจริงๆ ผู้ชายอะไร"

ดนัยดลหัวเราะร่วน ชอบอกชอบใจก็ไม่เท่าวาบหวามใจที่ได้อุ้มภรรยาสุดหวงไว้เต็มสองแขนเช่นนี้ ไปทำธุระตั้งหลายวัน คิดถึงทั้งยอดยาหยี ทั้งยอดอารมณ์แห่งรัก ทุกคราที่เกิดความปรารถนา ตัวตนปลุกเร้าเรียกร้อง หัวใจก็โหยหาอยากบินลัดฟ้ากลับเมืองไทย มาร่วมเสน่หาให้สาแก่ใจถวิล

ร่างระหงค่อยลงยืน แต่ก็ไม่ได้ห่างหายจากร่างสูงสง่าอบอุ่นของสามี พุธชมพูลอบสังเกตกรอบหน้าหล่อเข้มที่ห่างหายไปหลายวันด้วยภารกิจต่างแดน

ดนัยดลไม่เปลี่ยนเลยตั้งแต่เจอกันวันแรกจนถึงวันนี้ เขาอบอุ่นน่าเข้าใกล้ จริงใจน่าฝากชีวิต ค่ำคืนอันแสนวิเศษสุด ที่เขาคุกเข่าลงขอแต่งงานด้วยแหวนเพชรวงน้อย แม้จะเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง แต่เธอก็ตื้นตันจนต้องหลั่งน้ำตา

จากวันที่เธอตัดสินใจมอบชีวิตโดดเดี่ยวไว้ในความดูแลของดนัยดลคนนี้ วันที่เธอผูกมัดตัวเองด้วยทะเบียนสมรส วันที่เธอก้มกราบหลุมฝังศพของบิดา เพื่อให้ดวงวิญญาณของท่านอวยชัยให้พร

ถัดจากวันนั้นไปไม่ถึงหนึ่งเดือนเสียด้วยซ้ำ ความโดดเดี่ยวก็ค่อยๆ ถอยห่างจนต้องโบกมืออำลา ช่องว่างที่เธอเคยมีและแลเห็นเรื่อยมา มันถูกเติมเต็มด้วยทั้งหมดที่เป็นเขา

"แน่ะ แอบมองอะไรเขาน่ะ น่าไม่อาย มองตรงๆ ก็ไม่ได้ ผู้หญิงอะไร"

ภวังค์ตื้นตันหายไปเลยกับเสียงทะเล้นที่กระทุ้งแผ่วข้างหู เอวบางโดนรวบ ร่างระหงโดนรั้ง ทรวงละมุนเบียดชิดแผงอกเต็มตึง กระแสวาบหวามก็พลันแล่นครืนอยู่ข้างใน

พุธชมพูซาบซ่านตามประสาภรรยาที่อิ่มเอมในรสสวาทที่สามีปรุงจนกลมกล่อม แล้วเธอก็ดื่มได้กลืนได้ด้วยอารมณ์รัญจวนลึกซึ้ง เธอหยิกเนื้ออ่อนแถวหน้าท้อง ตอนเขาเบี่ยงกายพาชีวิตเล็กๆ มาเย้าแหย่ซุกซน

"อะไร ทำร้ายร่างกายสามี กฎหมายก็เอาผิดได้นะครับ"

เขาขึ้นมาหยุดบนศาลา คลายแขนปลดมือห่างร่างระหงที่คะนึงหา ทำทีชะเง้อชะโงกมองขนมอบสีครีมอมส้มรูปทรงเดือนดาวหลายชิ้นในจานแก้ว แล้วแสร้งเปรยเหมือนบ่นว่า

"ขนมอบอีกแล้ว ไม่เบื่อหรือไง"

"อร่อยแล้วนะคะ"

"อ้อ อร่อยแล้วหรือ จริงหรือ คุณๆ บ้านหลังไหนยืนยันมาหรือ"

พุธชมพูสะอึกเลย เธอตวัดค้อนแง่งอน แล้วทุบไหล่สามีปากร้าย แขวะฝีมือแม่บ้านแม่เรือนที่ไม่ค่อยเอาไหนของภรรยา

โดยไม่ทราบเลยว่า อากัปกิริยาไม่จริงจังเช่นนี้ จะกระทุ้งคลื่นปรารถนาขึ้นในร่างแกร่ง มันแปรปรวนและม้วนเกลียว ก่อนจะสาดกระแสซาบซ่านนิดๆ กระสันหน่อยๆ จนอยากจะอุ้มเธอขึ้นไประบายไอร้อนบนห้องนอนเสียให้รู้แล้วรู้รอด

"งานราบรื่นดีไหมคะ" เธอรินชาให้ มองเขาเคี้ยวขนมอบ แล้วอดยิ้มปลาบปลื้มไม่ได้

"เรียบร้อยดีครับ เจ้าของบริษัทก็คุยง่ายดีนะ ไม่ค่อยเขี้ยว แต่ก็ยังไม่ตกลงอะไรแน่ชัดหรอก เขาขอเวลาศึกษาข้อมูลบริษัทของเราอีกสักเล็กน้อย"

"แล้วที่บอกว่าจะแวะไปชวนเพื่อนมาร่วมหุ้นละคะ ราบรื่นไหม"

"อันนี้ไม่นะ เขาดื้อชะมัด โลกของเขาแคบลง เพราะอกเขาหัก ไม่ใช่ดังเป๊าะนะ แต่มันแตกเปรี้ยงๆ เลย น่าสงสาร"

"สงสารเขาหรือ ระวังตัวเองให้ดีเถอะ ชอบเดินทางไปโน่นมานี่บ่อยๆ ภรรยาทางนี้ ต้องโดนหนุ่มหน้าอ่อนซิวไปกอดสักวัน"

"เอาสิ ลองดู แล้วจะรู้ว่าพี่เป็นหนุ่มโหดลึกๆ นะจะบอกให้"

"จะฆ่าหนุ่มหน้าอ่อนหรือคะ"

"ครับ"

พุธชมพูหัวเราะขำๆ เธอไม่เชื่อหรอกว่าสามี จะกล้าลงมือสังหารเพื่อนร่วมโลกได้ลงคอ เขาใจดีออก เพื่อนบ้านละแวกนี้ ต่างก็พากันอิจฉาความโชคดีเหมือนบุญหล่นทับ เหมือนถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่หนึ่งตลอดชีวิต ที่เธอได้มาเจอและแต่งงานกับดนัยดลคนดีคนนี้

ขณะที่ภรรยาครุ่นคิดขำๆ ระคนชื่นชม สามีกลับคิดต่างออกไป ดนัยดลใจดีก็จริง แต่ยกเว้นเรื่องยอดยาหยีเรื่องเดียวที่เขาจะไม่ละเว้น ใครก็ตามที่คิดแหยมหน้ามาหักหาญแย่งชิง เขาพร้อมจะเผยบทโหดลึกๆ อย่างที่บอกออกมาให้ประทับใจเชียว

เขารักพุธชมพู รักตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรกในสตูดิโอของลูกค้ารายหนึ่ง ตามจีบอยู่เกือบปี กว่าเธอจะยอมไว้ใจ และยอมแต่งงานด้วย

ตอนไปช่วยจัดการเรื่องงานศพบิดาของเธอ เขาสงสารจับใจกับกิริยาว้าเหว่เดียวดาย เธอทำให้เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่า โลกทั้งใบของเธอ มันแตกสลายไปพร้อมกับสังขารดับสูญของบิดาไปแล้ว ซึ่งมันไม่จริง เขานี่ไง โลกแท้ๆ ของเธอ

"อร่อยไหมคะ"

"ครับ เยี่ยมเลย"

เสียงทุ้มทะเล้นนิดหน่อย พุธชมพูจึงเดาไม่ถูกว่ามันเป็นคำชมหรือเสียดสีกันแน่ รอยยิ้มละไมบนปากบางสวยก็เห็นจนคุ้นตาเจนใจ แยกไม่ออกเหมือนกันว่าพูดเล่นพูดจริง

เขาลุกขึ้นอวดความสูงที่แลสง่าอยู่ในชุดลำลองสีเข้ม กระดิกนิ้วพร้อมกับฉายแววตาล้นเล่ห์ เธอมองปราดเดียวก็เข้าใจความหมาย เขาร้อนรักแล้วล่ะ ไฟอุ่นในดวงตาซึ้งปะทุสีสวาทงดงามและเร้าใจ แล้วเธอก็ 'ชอบมอง'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 10:08:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com