Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพลงดวงดาว ตอนที่ 14 ติดต่อทีมงาน

หมาที่ใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาตินั้น มักไม่ค่อยอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ เพราะยิ่งมีจำนวนมากเท่าไร ก็หมายถึงส่วนแบ่งอาหารที่ได้รับจากการล่าจะยิ่งลดลง ในฝูงจึงมักมีเพียงคู่พ่อแม่ กับลูกๆ ที่ยังเล็ก และมีอยู่บ่อยครั้งที่จะพบพวกมันใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง

ซึ่งนับเป็นโชคดี เพราะการใช้ชีวิตแบบนี้ ทำให้ความสามารถในการร่วมมือกันล่าเหยื่อของพวกมัน ไม่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปกว่าเดิม สิ่งที่พวกมันกำลังทำอยู่ในตอนนี้คือการเลือกเหยื่อที่อ่อนแอ และพยายามแยกเป้าหมายนั้นออกไปจากกลุ่ม ดวงใจที่มีลูกอ่อนอยู่ด้วยจึงต้องตกเป็นเป้าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

คีย์ได้แต่พยายามติดตามทั้งหมดไป ในขณะที่ซูฟีนั้นโลดแล่นกวัดแกว่งมีดสั้นในมือไปมาอย่างคล่องแคล่ว ไม่ยอมให้พวกมันเข้ามาใกล้ภรรยา กับลูกสาวได้

หมาตัวใหญ่หนึ่งในสองตัว ตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายมาจู่โจมใส่คีย์อย่างคาดไม่ถึง เขาเบี่ยงตัวหลบรอดจากคมเขี้ยวของมันไปได้อย่างหวุดหวิด เมื่อเห็นดังนั้น สมาชิกทั้งหมดภายในฝูง จึงหันมาจู่โจมใส่เขาแทน

“เรารีบไปเถอะ...”

หญิงสาวเข้ามากระซิบบอกซูฟี เธอคิดที่จะหนีเอาชีวิตรอด ในขณะที่หมาพวกนี้หันไปจัดการกับคนเมือง

“...แล้วค่อยย้อนกลับมาทีหลัง”

ซูฟีเข้าใจคำว่า 'ย้อนกลับมาทีหลัง' นี้ เธอหมายความว่า ค่อยออกติดตามหาร่องรอยอีกครั้ง หลังจากที่พวกมันจัดการกับร่างของคนเมืองเรียบร้อยแล้ว เพราะถึงอย่างไรพวกมันก็คงไม่กลืนกินไอพีเข้าไปด้วยแน่ แต่ก็ยังมีโอกาสที่มันอาจจะได้รับความเสียหายอยู่เหมือนกัน

“...ฉันให้สัญญาไปแล้ว”

เขาตอบเธอเพียงแค่นั้น ก่อนจะรีบพุ่งตัวออกไปช่วยคีย์ มีดสั้นในมือตวัดไปมาไม่ยอมหยุด

“อย่าออกห่างจากกลุ่ม”

ซูฟีตะโกนเรียกสติของคีย์ให้กลับคืนมา หลังจากที่เขาถูกพวกหมาไล่ต้อนจนเกือบจะหนีเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว แต่เมื่อทำอย่างนั้น กลับกลายเป็นการเปิดช่องว่าง ปล่อยให้ภรรยากับลูกอยู่เพียงลำพัง และพวกมันก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสในครั้งนี้ให้หลุดรอดไป

ซูฟีสบถเสียงดัง ในขณะที่พยายามจะย้อนกลับมาช่วย แต่หมาใหญ่ทั้งสองตัว ต่างพยายามขัดขวางเขาอย่างเต็มที่ ในขณะที่อีกสี่ตัวที่เหลือต่างเข้าล้อมสองแม่ลูกเอาไว้ เขาได้แต่ร่ำร้องอยู่ภายในใจ โทษว่าตัวเองกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดเมื่อครู่

ในที่สุดเขาตัดสินใจพุ่งเข้าใส่พวกมันอย่างยอมแลกชีวิต 'ขอเพียงให้พวกเธอรอดก็พอแล้ว' เขาจึงถูกหมาใหญ่ตัวหนึ่งกัดเข้าที่ขา ก่อนที่มันจะลากเขาจนล้มลงไป บาดแผลที่เกิดจากคมเขี้ยวนั้นเปิดกว้าง ทำให้เลือดไหลออกมาอย่างรวดเร็ว พวกที่เหลือต่างเปลี่ยนเป้าหมายมายังตัวเขาทันที

“หนีไปเร็ว หนีไปให้หมด”

“ไม่ ฉันไม่ยอมทิ้งคุณ”

“รีบพาลูกหนีไป”

ถึงตอนนี้พวกหมาก็ไม่สนใจคนอื่นอีกแล้ว พวกมันต่างแยกเขี้ยวเตรียมพร้อมที่จะรุมจัดการกับเหยื่อที่กำลังได้รับบาดเจ็บ  แต่เขาก็ไม่ได้เอาแต่นอนรอความตาย มีดในมือยังคงพยายามกวัดแกว่งปกป้องตนเองอย่างถึงที่สุด

คีย์ได้แต่ยืนมองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นราวกับมันเป็นฝันร้าย เขาอยากที่จะช่วย แต่ก็หวาดกลัวจนไม่อาจขยับตัวได้ เสียงกรีดร้องของทั้งแก้วตา ดวงใจ บาดลึกเข้าไปในหัวใจ จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจวิ่งเข้าไปเตะใส่หมาตัวหนึ่งโดยไม่คิดถึงผลที่จะเกิดติดตามมา

มันส่งเสียงร้องดังลั่นเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่แทนที่เขาจะเตะเข้าใส่บริเวณท้องซึ่งจะทำให้มันได้รับบาดเจ็บ เขากลับเตะใส่บริเวณต้นขาหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแทน อาจเป็นด้วยความไม่รู้ หรือเพราะความสงสารที่ยังคงซ่อนลึกอยู่ภายในระหว่างทั้งสองสายพันธุ์ที่มีความเกี่ยวข้องกันมาอย่างยาวนาน

สายตาวาวทั้งหกคู่หันมาทางเขา ก่อนที่พวกมันจะแสดงท่าทางที่ผิดปกติออกมา หางของพวกลูกๆ ทั้งสี่ตัวที่เคยชูสูงกลับลดต่ำลง แสดงออกถึงความหวาดกลัวที่ไม่อาจซ่อนเร้นเอาไว้ได้

“กล้าหาญดีนี่ คนเมือง”

เสียงผู้หญิงที่คีย์ไม่คุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านหลัง ก่อนที่จะมีมือข้างหนึ่งวางลงบนไหล่ของเขา มันเป็นมือที่ดูบอบบาง แต่ความรู้สึกที่ส่งผ่านออกมานั้น คือความเข้มแข็งอย่างไม่ต้องสงสัย และมันทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ถึงแม้ว่ายังคงต้องเผชิญหน้าอยู่กับคมเขี้ยวขาวแวววาวเหล่านั้น

ร่างภายใต้ผ้าคลุมเก่าขาด ก้าวออกมายืนเคียงข้างเขา แวบแรกที่หันไปมอง เขาคิดว่าเธอคือคนที่เขาเคยรู้จักก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าเธอคือเจ้าหน้าที่พิเศษทริก แต่ผู้หญิงคนนี้ตัวเตี้ยกว่า สองแขนเปลือยเปล่าที่อยู่นอกผ้าคลุมก็ดูแบบบางกว่ามาก และที่สำคัญหน้าอกของเธอดูแบนราบแตกต่างจากเธอคนนั้นราวฟ้ากับดิน

บนใบหน้าของเธอสวมใส่ไว้ด้วยหน้ากากใบหนึ่ง ไม่รู้ว่ามันทำขึ้นมาจากวัสดุชนิดใด เป็นรูปใบหน้าที่กำลังเศร้าโศกของมนุษย์ และถูกระบายตบแต่งด้วยสีต่างๆ แต่ซีดจางลงไปมากแล้ว แสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่ของมัน

“แต่ควรเลือกจู่โจมใส่ตำแหน่งท้องของพวกมันจะดีกว่า”

พอเธอพูดจบ หมาใหญ่ที่คงเป็นตัวผู้จ่าฝูง ก็ตัดสินใจพุ่งเข้าใส่เธอ เขาไม่ทันได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ร่างของหมาตัวดังกล่าวลอยกลับไปด้วยความเร็วที่มากกว่าตอนที่มันพุ่งเข้ามาเสียอีก มันร่วงลงไปนอนอยู่บนพื้น ปากอ้าค้าง ลิ้นตกออกมาข้างนอก โดยไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงร้องเลยสักครั้ง

หมาใหญ่อีกตัวรีบวิ่งเข้าไปดมร่างนั้น ก่อนเลียไปตามใบหน้าของมัน เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็เงยหน้าขึ้น และเริ่มส่งเสียงหอนอย่างหดหู่โหยหวน แต่แทนที่จะตัดสินใจจู่โจมเข้าใส่เธอ มันกลับรีบพาพวกลูกๆ ที่เหลือหลบหนีจากไปอย่างรวดเร็ว

แก้วตา ดวงใจ ต่างรีบเข้าไปทำการปฐมพยาบาลให้กับซูฟี ดูเหมือนทั้งสองคนจะรู้เรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี ในขณะที่ผู้หญิงสวมหน้ากากเดินตรงไปที่ร่างของหมาตัวนั้น คีย์เองก็ติดตามเธอไปด้วย และได้พบเห็นรอยรูปหมัดอย่างชัดเจนปรากฏอยู่ที่บริเวณส่วนท้องของมัน นั่นคงเป็นการโจมตีเพียงครั้งเดียวที่สามารถพรากชีวิตของมันไปได้

เธอนั่งลงเหนือร่างนั้น ยื่นมือออกไปเหนือศีรษะของมัน พร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่าง คีย์มองเห็นอย่างไม่ตั้งใจว่า ร่างที่อยู่ใต้ผ้าคลุมเก่าๆ นั้นเกือบจะเปลือยเปล่า ซึ่งทำให้เขาต้องรีบหันมองไปทางอื่น

“...ขอบคุณ ผู้อาวุโส”

ซูฟีที่ได้รับการปฐมพยาบาลเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาหา โดยมีดวงใจช่วยประคองร่างเอาไว้ และแก้วตาแอบอยู่ทางด้านหลัง หญิงลึกลับยื่นมือออกมาโดยไม่พูดอะไร เขาก็รีบส่งมีดของตนให้ไปอย่างนอบน้อม ก่อนที่เธอจะเริ่มลงมือชำแหละร่างของหมาตัวนั้น ถลกหนังของมันออกมาอย่างชำนาญ

คีย์ต้องเบือนหน้าไปทางอื่น เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างยืนมองดูอยู่เงียบๆ ซูฟีที่มีฝีมือทางด้านนี้อยู่บ้าง แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสลงมือทำ จับตามองการเคลื่อนไหวของเธออย่างชื่นชม

“ดู แล้วจดจำเอาไว้ให้ดีนะลูก นี่คือความเคารพต่อชีวิต ที่ผู้พเนจรอย่างเราต้องแสดงออกในยามที่ก่อการฆ่าขึ้น”

คีย์รับฟังคำพูดของเขาอย่างสนใจ การถลกหนัง แล่เนื้อหมาตัวนี้เกี่ยวข้องอะไรกับความเคารพต่อชีวิตที่พูดถึง เขาคิดว่าคงไม่เหมาะนักที่จะเอ่ยปากถามออกไปในตอนนี้ จึงได้แต่ขบคิดอยู่เงียบๆ ก่อนที่ความเข้าใจบางอย่างจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา

สิ่งที่เธอผู้นี้กำลังทำอยู่ไม่ใช่ความทารุณโหดร้าย แต่คือการนำทุกอย่างจากชีวิตที่จากไป มาใช้ให้เกิดประโยชน์ มันอาจเป็นความเคารพที่ถูกพูดถึงนั่นเอง

เธอใช้เวลาไม่นานนักในการจัดการกับร่างกายของมัน ทุกอย่างจบลงกลายเป็นผืนหนัง พร้อมกับเนื้อขนาดใหญ่อีกหลายชิ้น เธอเช็ดมีดให้เรียบร้อย ก่อนส่งคืนให้กับผู้เป็นเจ้าของ

“พวกเธอกำลังจะไปไหน แล้วคนเมืองผู้นี้เป็นใครกัน”

ซูฟีค้อมศีรษะลงเล็กน้อย รับมีดมาเก็บไว้ ก่อนตอบคำถาม

“พวกผมกำลังมุ่งหน้าไปสู่แชงกรีล่า ส่วนคนเมืองผู้นี้ตกลงมาพร้อมกับรถ และต้องการมุ่งหน้าไปยังที่เดียวกัน จึงขอร่วมทางมาด้วย...”

เขาตัดสินใจเอ่ยถามออกไป

“...แล้วผู้อาวุโสเหตุใดจึงเดินทางตัวเปล่าเช่นนี้”

คำเรียกหาที่เขาใช้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คีย์รู้สึกสงสัยตั้งแต่แรก ถึงแม้ว่าหญิงสวมหน้ากากผู้นี้จะมีอายุมากกว่าพวกเขา แต่ก็ไม่น่าจะมากจนถึงขนาดที่ต้องเรียกเป็นผู้อาวุโส

“ไม่ต้องใส่ใจกับเรื่องนี้ ตัวฉันเองก็กำลังมุ่งหน้าไปสู่แชงกรีล่าเช่นกัน”

แม้จะยังสงสัย เพราะการออกเดินทางโดยไม่มีสิ่งของจำเป็นติดตัวมาด้วยนั้น ย่อมไม่แตกต่างอะไรจากการฆ่าตัวตายเลยสักนิด ถึงแม้ว่าหญิงผู้นี้จะเป็นผู้เยี่ยมยุทธก็ตามที แต่เขาก็ไม่คิดจะถามถึงมันอีก นอกจากนี้ คำตอบของเธอยังทำให้เขาเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา

เขาเหลือบมองดูภรรยา และลูกสาวอีกครั้ง โดยเฉพาะแก้วตา ก่อนตัดสินใจเอ่ยปาก

“...ถ้าอย่างนั้น ผมอยากขอร้องผู้อาวุโสเรื่องหนึ่งได้หรือไม่ครับ”

ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอย่างไร เพราะน้ำเสียงของเธอราบเรียบ และหน้ากากใบนั้นได้ปกปิดสีหน้าที่แท้จริงของเธอเอาไว้จนหมดสิ้น

“ฉันเองก็มีเรื่องที่อยากจะขอร้องอยู่เช่นกัน แต่พูดเรื่องของพวกเธอมาก่อนเถอะ”

เขาก้มหน้าลงอีกครั้งก่อนเอ่ยปาก

“...ในเมื่อผู้อาวุโสคิดจะเดินทางไปยังแชงกรีล่าอยู่แล้ว ผม...ผมอยากจะขอฝากคนเมืองผู้นี้ไปด้วยได้หรือไม่”

“ก็ไหนพวกเธอบอกว่า กำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ”

“ก็...ก่อนหน้านี้ก็ใช่ครับ แต่เมื่อได้ผู้อาวุโสมาคอยนำทางให้กับคนเมืองผู้นี้แล้ว ผมก็จะขอเปลี่ยนจุดหมายไปยังสถานที่อื่น...ที่มีความสำคัญมากกว่าแทน”

คีย์พึ่งพบว่าตลอดเวลา เขาไม่เคยหันมาทางด้านนี้เลย เหมือนกับจงใจหลบตา

“...จะเอาอย่างนั้นก็ได้ ส่วนเรื่องที่ฉันอยากจะขอร้องคือ ช่วยจัดการกับเนื้อเหล่านี้ให้ด้วย ฉันต้องการเพียงหนังผืนเดียวเท่านั้น”

ซูฟีรีบรับปากด้วยความยินดี เมื่อไม่ได้เดินทางไปยังแชงกรีล่า เสบียงอาหารจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขา ดังนั้นแม้จะต้องเสียเวลาเพื่อจัดการเปลี่ยนสภาพเนื้อเหล่านี้ ให้สามารถเก็บไว้กินได้นานๆ แต่ก็นับว่าคุ้มเกินคุ้ม นอกจากนี้พวกมันยังเป็นที่ต้องการ สามารถใช้แลกเปลี่ยนกับสิ่งของจำเป็นอย่างอื่นได้ หากพบเจอกับแหล่งที่อยู่อาศัย หรือผู้พเนจรในหนทางข้างหน้า

ถึงตอนนี้ซูฟีจึงยอมหันมาสบตากับคีย์

“เราคงต้องจากกันเพียงเท่านี้ แต่คุณจะปลอดภัยยิ่งกว่า เมื่อมีผู้อาวุโสเดินทางไปด้วย”

เขายิ้มตอบ

“ถึงอย่างไร ผมก็ต้องขอบคุณอยู่ดี”

ซูฟีทำท่าอ้ำอึ้ง ก่อนตัดสินใจเอ่ยปากออกไป

“...เรื่องสัญญาที่เราเคยพูดกันในคืนนั้น คุณลืมไปหรือยัง”

เขายังคงยิ้ม

“ผมไม่ลืมหรอกครับ แต่ยังไม่รู้ว่าจะ...จะโอนเงินให้คุณได้อย่างไร ถ้าไปถึงแชงกรีล่าแล้ว ผมจะลองถามพวกนักบวชดูอีกครั้ง ไม่อย่างนั้นก็อาจจะต้องรอ จนกว่าผมจะได้กลับไปที่โรงเรียนอีกครั้ง”

เขาพูดออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่รู้อนาคตของตนเองเลยว่า จะได้ย้อนกลับไปเหยียบโรงเรียนแห่งนั้นหรือไม่ ซูฟีจ้องมองเขากลับมาด้วยสายตาแปลกๆ

“...คุณไม่เข้าใจ คุณให้คำสัญญาว่าจะตอบแทนโดยไม่ได้ระบุถึงสิ่งใด นั่นหมายความว่าคุณให้ผมเป็นคนเลือกสิ่งที่ต้องการเอง และผมก็ไม่ต้องการเงินที่คุณพูดถึง มันไม่มีประโยชน์สำหรับผมเลยแม้แต่น้อย”

รอยยิ้มของเขาแข็งค้าง ไม่คิดว่าคนที่ดูซื่อตรงในตอนแรกที่พบเจอ กลับมาพูดจากับเขาแบบนี้

“...ถ้าอย่างนั้น คุณต้องการอะไร”

“ผม...ต้องการ...ไอพี ของคุณ”

“อะไรนะ”

เขาร้องลั่น นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยนึกถึงมาก่อน แต่เมื่อมาคิดดูให้ดี สิ่งเดียวที่มีติดตัวอยู่ในตอนนี้ ก็คือมันเท่านั้น แต่เขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ดี ว่าทำไมซูฟีถึงต้องการไอพีของเขา เพราะมันไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย หญิงสวมหน้ากากยืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสนใจ

“ผมไม่นึกว่า...คุณจะกลายเป็นคนแบบนี้...”

เขาไม่อาจปิดบังความรู้สึกไม่พอใจที่พุ่งขึ้นมาได้

“...และผมไม่คิดว่า คุณจะมีสิทธิในการทำอย่างนี้”

ซูฟีจ้องเขากลับไปอย่างดุดัน

“คุณเป็นคนให้คำสัญญาเอง และเมื่อครู่นี้ ถ้าคุณยังจำได้ ผมได้เสี่ยงชีวิตปกป้องคุณเอาไว้”

“...ผมขอโทษ แต่ผมไม่รู้มาก่อนว่าการให้คำมั่นสัญญาออกไป จะกลายเป็นแบบนี้”

น้ำเสียงของเขาอ่อนลง แต่ก็ยังรู้สึกไม่อาจยอมรับได้อยู่ดี

“ถ้าคุณไม่ยินยอม เราคงต้องตกลงกันอย่างผู้พเนจร ด้วยมือเปล่า หรือมีด ซึ่งผมคิดว่า คุณคงจะยิ่งไม่ชอบใจขึ้นไปอีก ดังนั้นได้โปรดถอดไอพีออกมาให้กับผมเถอะ”

“...พวกคุณจะเอามันไปทำอะไร”

ซูฟีหันไปสบตากับครอบครัวของตนอีกครั้ง

“ลูกสาวของผมป่วยหนัก และไอพีอาจเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเธอ”

เขางงงันกับคำอธิบายที่ได้ยิน ไอพีของเขาจะช่วยรักษาความเจ็บป่วยให้เธอได้อย่างไรกัน

“...คุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้ว มันทำแบบนั้นไม่ได้ และถ้ามันทำได้จริง ผมจะรีบใช้มันช่วยรักษาเธออย่างไม่ลังเลเลย”

“ไม่ คุณไม่เข้าใจ ผมจะนำไอพีของคุณ พร้อมกับลูกสาว เดินทางไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด เมื่อมีสิ่งนี้ เธอก็จะสามารถเข้าไปภายในเมืองได้ แล้วคนพวกนั้นจะช่วยรักษาเธอเอง โรคที่ทางศาสนจักรไม่อาจรักษาได้ ก็คงเหลือเพียงวิธีนี้เท่านั้น”

เขายังคงไม่เข้าใจความคิดของคนพวกนี้อยู่ดี

“คุณทำแบบนั้นไม่ได้ ไอพีเป็นของส่วนบุคคลไม่อาจยกให้ใครได้ ถึงแม้พวกคุณจะเดินทางไปพร้อมกับไอพีของผม พวกเขาก็ยังไม่ยอมให้เข้าไปอยู่ดี”

“คุณโกหก เคยมีผู้พเนจรหลายคนที่ทำแบบนี้มาก่อน และตอนนี้พวกเขาต่างก็อยู่อย่างสุขสบาย กลายเป็นคนเมืองกันหมดแล้ว”

“ผมคิดว่ามันคงเป็นแค่คำเล่าลือเท่านั้น คุณเคยพบเจอคนพวกนี้ด้วยหรือไม่”

“...ไม่ แต่มันเป็นความจริง”

ซูฟียืนยันอย่างหนักแน่น อาจเป็นเพราะมันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขารู้ ที่อาจจะสามารถช่วยชีวิตลูกสาวเอาไว้ได้

“ผมเคยเสียลูกไปแล้วคนหนึ่ง และจะไม่ยอมเสียเธอไป...ได้โปรดส่งไอพีของคุณมาให้ผมแต่โดยดีเถอะ”

สองแม่ลูกที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง โอบกอดกันอย่างเงียบงัน เขาหลับตาลง แม้จะยังคงคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ถูกต้อง แต่ตอนนี้เขาไม่อาจทำอะไรได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก็คงไม่อาจเปลี่ยนแปลงความเชื่อของพวกเขาได้ ในที่สุดเขาก็ถอดไอพีออกจากชุดของตน แล้วยื่นส่งให้กับซูฟีซึ่งรับไปอย่างยินดี

ซูฟีติดตั้งมันลงบนแขนเสื้อของแก้วตา ซึ่งหันมามองดูคีย์ด้วยสายตาเศร้าๆ เขาจึงส่งยิ้มให้เธออย่างปลอบโยน ไอพีสามารถติดตั้งลงไปได้ก็จริง แต่พวกเขาไม่รู้วิธีใช้ และถึงรู้ มันก็จะไม่ตอบสนองคำสั่งของผู้ใดนอกจากตัวเขาเท่านั้น

“เราไปกันเถอะ”

หญิงสวมหน้ากากเอ่ยปากหลังจากเอาแต่ยืนนิ่งเงียบ เขาตัดใจก้าวเดินจากไปโดยไม่หันกลับไปมองพวกเขาอีก แม้จะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ดูเหมือนเขาจะแตกต่างจากหล่ง เพื่อนของเขาอย่างสิ้นเชิง เพราะสามารถทิ้งไอพีของตนเองได้โดยไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย

เงาหลังของทั้งสองค่อยๆ เคลื่อนห่างออกไป ในขณะที่สองสามีภรรยากำลังวุ่นวายจัดการกับเนื้อ เด็กน้อยเงยหน้าพร้อมกับชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ดูนั่นสิคะ หนูเห็นนกด้วย”

ทั้งหมดต่างเงยหน้ามองดู และทันได้เห็นเงาสีขาวร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า นกพิราบขาวตัวหนึ่งนอนนิ่งไม่ไหวติง เด็กน้อยนั่งลงแล้วใช้สองมือโอบอุ้มร่างของมันขึ้นมา ก่อนจะพบว่ามันเป็นเพียงร่างที่ไร้วิญญาณเท่านั้น

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 00:05:32




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com