Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
::: หลงกิเลนจันทร์ ::: บทที่ ๗ เสียงดนตรีจากแดนสวรรค์ (ครึ่งแรก) +++ อวดปกนิยายฯ ในงานสัปดาห์หนังสือฯ ปีนี้ค่ะ+++ ติดต่อทีมงาน

"กิเลน"  สัตว์เทพคู่บัลลังก์จักรพรรดิ

กิเลนจันทร์ผู้สูงส่ง กิเลนจันทร์ผู้น่าลุ่มหลง

กิเลนจันทร์ผู้เป็นดั่งพายุร้อนแรงพัดปลิดปลิวชะตาทุกผู้คน...


===========================================
1) ขออภัยค่ะ รอบนี้ทิ้งช่วงนานอีกแล้ว แต่จะปรับปรุงค่ะ!
2) ขออนุญาตทุกท่านอวดปกนิยายฯ ในพื้นที่หลังเนื้อบทนี้ค่ะ ^^

ขอบคุณค่ะ ^^ ติดตามนิยายกันต่อได้เลยจ้า
===========================================

บทที่ 7

เสียงดนตรีจากแดนสวรรค์ - ครึ่งแรก
(1/2)


ปลายปีที่เจ็ดนับแต่กิเลนจันทร์จุติมาสู่แดนสวรรค์ ทุกเขตแดนล้วนสงบร่มเย็น พืชผลอุดมสมบูรณ์ผู้คนเปี่ยมสุข แดนสวรรค์เป็นยิ่งกว่าดินแดนแห่งความฝัน สรรพสำเนียงแห่งความรื่นเริงดังสะท้อนไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่...ภายในเขตราชฐานแห่งอาณาจักรเยว่จินหรง


แว่วเสียงขลุ่ยดังแว่วหวาน กระจ่างใสดั่งหยาดฝนหล่นกระทบผิวน้ำใส หยาดแล้วหยาดเล่า ระลอกคลื่นเสนาะหูแผ่วพลิ้วรัวเร็วก่อนทิ้งจังหวะลากยาวแผ่วช้าทว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ดุจนกน้อยแสนงามที่กำลังแล่นโผบิน ปลายเท้าของมันสัมผัสกระจกน้ำฉ่ำเย็นคราหนึ่งก่อนทะยานขึ้นฟ้า สะบัดปีกแล้วร่อนลงลู่ลมอย่างร่าเริง ปลายหางพวงยาวกรีดผ่านอากาศทิ้งกระไอแห่งความสุขสดใสลอยละล่องไปทั่ว...


ราชันกิเลนสวรรค์จรดริมฝีปากบรรเลงเพลงขลุ่ย ขลุ่ยเซียว[1]หยกสีมรกตส่งเสียงใสเป็นท่วงทำนองรื่นรมย์ จวบจนเมื่อบทเพลงสิ้นสุดลงเยว่หรงเต๋อจึงทอดตามองลูกน้อยและราชินีทั้งสองที่นั่งฟังอย่างชื่นชม เยว่เทียนหมิงในอ้อมกอดจูเจินอวี้เหวินจับจ้องบิดาด้วยประกายตาสุกใส ใบหน้าอ่อนเยาว์ขับประกายงามสง่า ริมฝีปากสีแดงสดคลี่ยิ้มอ่อนหวาน ส่วนเยว่เทียนอ๋าวในอ้อมกอดมู่ตานกุ้ยฮวาหลับตาพริ้มพลางหยักยิ้มมุมปาก แพขนตาหนากระพริบเบาๆ ตามจังหวะหายใจ

“ไพเราะจังเลยเสด็จพ่อ ช่วยสอนลูกบรรเลงเพลงขลุ่ยเช่นนี้ได้หรือไม่”

เยว่เทียนหมิงเอ่ยน้ำเสียงกระตือรือร้น สายตาเว้าวอนอย่างยากจะมีผู้ใดปฏิเสธได้ ข้างเยว่เทียนอ๋าวได้ยินจึงลืมตามองพี่ชายข้างหนึ่ง ท่าทางสนใจ

“กิเลนน้อยของพ่อสนใจการดนตรีรึ? น่ายินดีนัก”

เยว่หรงเต๋อย่อตัวลงแล้วอ้าแขนออกพลางพยักหน้าเป็นทำนองให้เข้ามาใกล้ เทียนหมิงเห็นดังนั้นจึงค่อยๆ เดินเข้าไปหาอย่างมีมารยาท ทว่าเทียนอ๋าวกลับผุดลุกว่องไวพร้อมฉุดแขนเสื้อพี่ชายกระโจนเข้าหาบิดาพร้อมกัน กิเลนจันทร์น้อยทั้งสองหัวเราะคิกคักแออัดกันอยู่ในอ้อมกอดของบิดา เยว่หรงเต๋อลูบศีรษะบุตรชายทั้งสองด้วยความรักใคร่

“เทียนอ๋าวอยากเรียนด้วยหรือลูก?”

เทียนอ๋าวส่ายหน้าพรืดแล้วตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“การดนตรีจะสนุกเท่าการฝึกยุทธ์ได้อย่างไรเล่าเสด็จพ่อ แต่ถ้าเกอเกอสนใจ ข้าก็ย่อมสนใจตามเท่านั้น”

“เจ้านี่โตมาแล้วติดพี่ชายจริงๆ นะ อย่างนี้พ่อเสียใจแย่” เยว่หรงเต๋อว่าพลางขยี้ศีรษะบุตรชายคนเล็กเบาๆ ทีหนึ่ง

“เสด็จพ่ออย่าน้อยพระทัยไปเลย บางทีเทียนอ๋าวอาจจะสนใจการดนตรีแบบอื่นก็เป็นได้” เทียนหมิงหันมองน้องชายอย่างเอ็นดูพลางลูบแก้มเนียนเบาๆ

“ถ้าอย่างนั้นขลุ่ยหยกเลานี้ยกให้เทียนหมิงก็แล้วกัน”

ราชันกิเลนสวรรค์ประทานขลุ่ยเซียวหยกในมือให้บุตรชาย ผิวขลุ่ยเลานี้เย็นเยียบราวกับสายน้ำเหมันต์ เพียงสัมผัสก็ส่งประกายความสดชื่นเข้าสู่ร่างกายของเยว่เทียนหมิง เนื้อหยกสีมรกตดุจนัยน์ตาของบิดาชวนให้หลงใหล รัศมีสีเขียวอมฟ้าเปล่งประกายเรืองรองสมค่าสิ่งวิเศษควรเมือง

“ขลุ่ยเลานี้พ่อได้รับมอบมาจากสหายผู้เป็นเซียนขลุ่ย นับแต่นี้คือสมบัติของลูกสืบไป เสียดายเซียนขลุ่ยผู้นั้นได้ลาโลกนี้ไปแล้วเหลือเพียงบุตรีไว้คนหนึ่ง ถ้าเจ้าอยากเรียนวิชาขลุ่ยจงไปเรียนกับนางเถิด นางคือเซียนดนตรีเซียวอวี้แห่งน้ำตกไข่มุกเจินจูทัน”

ผู้เป็นบิดาเว้นจังหวะครู่หนึ่งก่อนเอ่ยทีเล่นทีจริง

“ขลุ่ยเลานี้ บิดาไม่ได้ให้เปล่านะกิเลนน้อย เมื่อรับไปแล้วเจ้าก็ต้องบรรเลงได้วิเศษกว่าบิดา”

“เสด็จพ่อโปรดวางพระทัย ลูกจะไม่ทำให้ผิดหวัง” เยว่เทียนหมิงดวงตาเป็นประกาย กล่าวอย่างมุ่งมั่น ท่าทางเอาจริงเอาจังเช่นนั้นเรียกรอยยิ้มอารมณ์ดีจากราชันกิเลนได้ทันที

“ประเสริฐนัก เช่นนั้นจะขอฟังเจ้าบรรเลงเพลงขลุ่ยในงานฉลองวันเกิดครบรอบแปดปีของพวกเจ้าดีหรือไม่?” บิดาเสนอคำร้องเพิ่มอีกข้อ และคำตอบจากบุตรชายก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

“ตามพระประสงค์เสด็จพ่อ”

เยว่เทียนหมิงยิ้มบางๆ ก่อนจะคำนับราชันกิเลนสวรรค์แล้วหมุนตัวเดินจากไปพร้อมกับน้องชาย

“ไปกันเถอะ เทียนอ๋าว”

“อื้ม เกอเกอ” เยว่เทียนอ๋าวรับคำอย่างร่าเริงพลางวิ่งตามพี่ชายไป


ลับหลังโอรสกิเลนน้อยทั้งสองไปแล้ว จูเจินอวี้เหวินจึงค่อยเอ่ยเบาๆ นัยน์ตาสีฟ้าพราวระยับ

“ฝ่าบาท ทรงส่งลูกไปหาเซียนดนตรีเซียวอวี้คราวนี้ ทรงมีแผนการในใจใช่หรือไม่เพคะ?”

“เซียวอวี้เลิกบรรเลงเพลงขลุ่ยมาหลายสิบปีแล้ว ฝ่าบาทหรงเต๋อคงทรงอยากจะสดับเสียงดนตรีแห่งแดนสวรรค์อีกครั้งนึงกระมัง?” มู่ตานกุ้ยฮวากล่าวอย่างรู้เท่าทันเช่นกัน

ราชันกิเลนหนุ่มหัวเราะเบาๆ ดวงหน้าคมคายงามสง่าฉาบประกายสูงส่งเหนือฝูงชนใต้หล้า

“ก็ได้แต่หวังว่าเทียนหมิงและเทียนอ๋าวจะเปลี่ยนใจเซียวอวี้ได้ เราจะได้ชมการบรรเลงของสิบสองเซียนดนตรีอีกครั้งหนึ่ง”

เยว่หรงเต๋อเผยรอยยิ้มนุ่มนวล ขยับสองมือไพล่หลังพลางเหม่อมองไปสุดขอบฟ้าแสนไกล




เยว่เทียนหมิงควบอาชาสีขาวบริสุทธิ์ลอยละล่องอยู่บนฟากฟ้า ตามหลังมาด้วยเยว่เทียนอ๋าวผู้ขับขี่อาชาสีดำทมิฬ เบื้องล่างของทั้งคู่คือหุบเขาสีเขียวสด ใจกลางหุบเขาคือธารน้ำตกห้าชั้นซึ่งลดหลั่นกันเป็นจังหวะอย่างพอดิบพอดี ธารธาราช่วงแรกนั้นสูงชะลูดที่สุด สายน้ำฉ่ำเย็นไหลเรื่อยเร็วทั้งยังเต้นระริกเป็นฟองสีขาว ขณะอีกสี่ชั้นที่เหลือต่างลดระดับความสูงลงมาทีละน้อย


ม่านน้ำสีขาวตกกระทบโขดหินส่งเสียงครื้นครั่น หยดน้ำเม็ดเล็กๆ ฟุ้งซ่านกระเซ็นราวกับไม่มีวันเหน็ดเหนื่อยและยังส่องประกายล้อแสงระยิบระยับสมชื่อน้ำตกไข่มุกเจินจูทัน[2]  ปลายทางสายน้ำตกคือทะเลสาบสีฟ้าใส สีฟ้าพิสุทธิ์กระจ่างนัยน์ตาจนสามารถมองเห็นก้นบึ้งที่บรรดาซุงไม้ใหญ่นอนหลับใหลอยู่อย่างสงบนิ่ง

“ดูสิธารน้ำแยกออกนับร้อยสายราวกับสายฟ้าฟาดผ่านผืนดิน ดูคล้ายบาดแผลงามบนพื้นพิภพเลยนะเทียนอ๋าว”

เทียนหมิงเอ่ยร่ายคำอย่างอารมณ์ดี ข้างเทียนอ๋าวตอบรับด้วยอาการพยักหน้า สายตาชื่นชมทิวทัศน์เบื้องหน้าด้วยเช่นกัน

ทั้งสองร่อนลงยังชายป่าริมทะเลสาบ ปล่อยให้เจ้าขาวและเจ้าดำและเล็มหญ้าอ่อนอยู่มุมหนึ่ง โอรสกิเลนสวรรค์ต่างพากันเดินเท้าไปสู่ริมทะเลสาบน้ำใส น่าแปลกที่จนถึงบัดนี้ยังไม่มีภูติวารีตนใดออกมาต้อนรับราชบุตรกิเลน โดยเฉพาะเยว่เทียนหมิงผู้เป็นบุตรแห่งจูเจินอวี้เหวินนางกิเลนวารีผู้เป็นดั่งวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งสายน้ำ

“เงียบสงบดีจริงๆ”

เยว่เทียนอ๋าวกล่าวออกมา ระยะหลังมานี่องค์ชายกิเลนจันทร์แห่งความมืดรู้สึกรำคาญเหล่าภูติบุปผาไม่น้อยเพราะพวกนางเฝ้าตามเขาและเกอเกอไม่หยุด การเป็นที่ ‘ชื่นชมบูชา’ มิใช่เรื่องเสียหายสำหรับเยว่เทียนอ๋าว หากแต่การเห็นพี่ชายต่างมารดาถูกจับจ้องด้วยสายตาร้อนแรงจนกระอั่กกระอ่วนก็ไพล่ให้รู้สึกสงสารอยู่หลายส่วน

“เงียบเกินไปหรือเปล่านะ ไม่มีแม้แต่เสียงกระซิบของภูติวารี อย่างนี้แล้วจะถามทางไปหาเซียนดนตรีเซียวอวี้กับใครดีเล่า?” เยว่เทียนหมิงกล่าวลอยๆ ดวงตาสีเงินก็มองกวาดไปทั่ว

“เจ้าหนูน้อยอยากพบเซียวอวี้งั้นหรือ? น่าเสียดายเห็นทีเจ้าคงมาเสียเที่ยวเสียแล้ว”

ทันใดนั้น จู่ๆ เสียงชายชราแหบแห้งก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย...

“บังอาจ! ใครกัน?”

เยว่เทียนอ๋าวรีบกระโจนไปทางต้นเสียง พริบตาก็พบบุรุษชราผู้หนึ่งนั่งตกปลาอยู่ริมทะเลสาบ ชายผู้นั้นมีหลังงองุ้มนั่งจับเจ่าอยู่บนโขดหิน เสื้อผ้าเก่าขาดวิ่นราวกับไม่เคยเปลี่ยนมาเป็นแรมปี ทว่าข้างกายชายชราผู้สกปรกไปด้วยฝุ่นดินกลับมีผีผา[3]งดงามตัวหนึ่งวางพิงโขดหินไว้ทั้งปูรองด้วยผ้าสะอาดอย่างดี ผีผาตัวนั้นคือสิ่งสะอาดสดใสที่สุดในบรรดาทรัพย์สมบัติของชายชรา จะเรียกว่าทองในห่อผ้าขี้ริ้วก็ไม่ผิดนัก

“เหตุใดท่านผู้เฒ่าจึงกล่าวเช่นนั้นเล่า?”

เยว่เทียนหมิงที่เดินตามน้องชายมา เอ่ยถามอย่างนอบน้อม

ชายชราเหลือบตามองเด็กน้อยทั้งสองคราหนึ่ง คนแรกท่าทางพยศร้ายกาจทว่าคนที่สองกลับสงบสุขุมเกินวัย

“เพราะมีข้าอยู่ไงล่ะ ถ้าตาแก่คนนี้นั่งอยู่ตรงนี้ ต่อให้พวกเจ้าเป็นราชันสวรรค์ก็ไม่มีภูติวารีตนไหนกล้าออกมา ยิ่งเซียวอวี้แล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่” ผู้สูงวัยกล่าวตอบด้วยใบหน้ายับย่นยิ้มเย้ยหยัน

“ไม่ทราบว่าท่านผู้เฒ่ามีบุญคุณความแค้นอันใดต่อเซียนดนตรีเซียวอวี้หรือ?” เยว่เทียนหมิงยังคงถามต่ออย่างใจเย็นพลางส่งสายตาปรามน้องชายที่ทำท่าฮึดฮัดอยู่ด้านข้าง

“ไม่มีอะไร ข้าก็แค่นั่งตกปลาอยู่ตรงนี้เท่านั้น พวกนางเองต่างหากที่ไม่ยอมปรากฏตัวออกมา”

ชายชราตอบแบบขอไปที ทว่าคำพูดเช่นนั้นไม่สามารถจูงใจเยว่เทียนหมิงได้

“จะเรียกว่าตกปลาก็คงไม่ถูกนักเพราะคันเบ็ดของท่านทำจากกิ่งไม้  สายเอ็นก็คือเถาวัลย์ แถมเหยื่อตกปลายังเป็นเพียงฟางเส้นหนึ่ง เหมือนท่านกำลังรอสิ่งใดเสียมากกว่า”

บุรุษชราได้ยินคำของเยว่เทียนหมิงพลันมีประกายตกใจในแววตาก่อนแสร้งกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม ‘อายุยังน้อยทว่าฉลาดเฉลียวนัก’

“นั่นแปลว่าเจ้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆ  ดี! ข้าจะเล่าสาเหตุที่ข้ามานั่งตรงนี้ให้ฟัง ฟังแล้วเจ้าอาจโชคดีได้พบเซียวอวี้ด้วยซ้ำ แต่ว่าข้าไม่บอกฟรีๆ หรอกนะ...”


******* มีต่อค่ะ ********

[1] เซียว (Xiao) เป็นขลุ่ยจีนโบราณประเภทหนึ่ง มีประวัติความเป็นมายาวนาน ลักษณะการเป่าจะเป็นแบบเป่าทางตรง โดยมากทำจากไม้ไผ่ นอกจากนี้ยังมีแบบที่ทำจากโลหะ และหยก

[2] เจินจูทัน หมายถึง น้ำตกไข่มุก

[3] ผีผา (หรือ ผีผะ แต่คนไทยนิยมเรียกว่าผีผา) คือเครื่องดนตรีจีนชนิดหนึ่งที่สืบเนื่องมาแต่สมัยโบราณ ลักษณะเป็นเครื่องดีดด้วยมือ มี 4 สาย รูปทรงคล้ายลูกแพร์ เปรียบเทียบกับได้กับกีตาร์ซึ่งมีรูปทรงคล้ายลูกน้ำเต้า

แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 54 03:14:54

 
 

จากคุณ : นู๋ครีมสด
เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 03:13:50




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com