Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นักรบจันทรา ตอนที่ 10 ไลล่า ติดต่อทีมงาน

การ์

ความสนใจของการ์เปลี่ยนจากเวเบอร์เป็นหญิงสาวที่ลูกน้องของพ่อเป็นผู้พามา กลิ่นหอมคุ้นจมูกกลบกลิ่นควันไฟจนหมดสิ้น เขาเคยได้กลิ่นแบบนี้จากนางมังกรครึ่งมนุษย์ฟลอร่าและตัวของเจ้าปากหนักไบรอัน บางทีเวเบอร์อาจช่วยฟลอร่าทันและนำมาส่งให้ผู้กล้าแสงตะวันด้วยความปรารถนาดี

“ยังกล้าโผล่หน้ามาอีกหรือ!” ผู้กล้าแสงตะวันคำรามดังลั่นพยายามเดินไปหาคู่อริ แต่การ์คอยดึงคอเสื้ออยู่จึงไม่สามารถทำอย่างนั้นได้

“ข้าก็ไม่อยากมาตอนนี้เหมือนกัน ที่มาเพราะเป็นคำสั่ง” ผู้มาเยือนถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยใจ “ข้าอยากฝากนายน้อยให้ช่วยดูแลใครสักคน”

“พูดมาสิ ท่านคงไม่ทำร้ายข้าหรอกจริงไหม อย่างเรื่องกองทัพมังกรท่านก็ไม่ได้โกหก” การ์ดัดแขนคนปากหนักเบาๆพอให้ได้ยินเสียงร้องแล้วส่งให้อลันช่วยจับไว้ไม่ให้เข้าไปหาเรื่องได้

“นางชื่อไลล่า แลนเซลท์ขอรับ นางเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นศัตรูกับข้าโดยเฉพาะท่านผู้นั้นจึงวานให้นำมาฝากไว้กับคณะเดินทางของท่าน จะได้มีคนช่วยขัดเกลาฝีมือและความสามารถของนางเพื่อรอการต่อสู้ตัดสินของเราสองคน” ผู้มาเยือนดึงตัวหญิงสาวข้างๆให้เขาเห็นชัดๆ สตรีผู้มีชื่อว่าไลล่ามีใบหน้าเหมือนกับนางมังกรครึ่งมนุษย์ผู้วายชนม์ไม่มีผิด “ส่วนรายละเอียดอื่นข้าถูกสั่งห้ามพูดเพราะท่านมีจักรพรรดินกเพลิงโฟเรีย และนางผู้หยั่งรู้แห่งเมืองแก้วผลึกรอให้คำตอบอยู่แล้ว”

การ์คิดว่าเรื่องนี้ฟังดูแปลกๆ คนยึดมั่นในอุดมการณ์แบบนั้นคงมีเหตุจำเป็นจริงๆที่นำคนมาฝากเข้ากลุ่มด้วยหากนางเป็นสายหรือมีแผนร้ายก็ให้การ์ลูสจัดการนำนางส่งคืนเสียก็ได้ ปัญหาคือเจ้าคนปากหนัก เมื่อวานยังเป็นผู้กล้าแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นพวกขี้แพ้ชวนตีไปเสียได้

“ไม่มีทาง เจ้าจะให้ผู้หญิงของตัวมาเป็นสายมากกว่า!” ผู้กล้าหมาขี้แพ้แม้จะถูกจับตัวไว้ยังสู้อุตส่าห์แสดงความเห็นออกมาได้อีกจนการ์ยอมรับในความพยายาม

“เรื่องที่บอกว่านางเป็นศัตรูของท่านเป็นเรื่องจริงใช่ไหม” หญิงสาวของคณะเดินทางละจากการร้องไห้แล้วเงยหน้าพูด “ไม่เป็นอะไรหรอก ประเดี่ยวข้าจับตาดูนางเอง” อลันที่รู้เรื่องแค่ครึ่งๆกลางๆเห็นการ์เชื่อใจผู้มาเยือนจึงรับข้อเสนอด้วย การ์จึงรับหญิงสาวมาเป็นเพื่อนร่วมทางอีกคนได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ

“ดีจริง ถ้าท่านไม่รับนางให้เดินทางไปด้วยข้าคงลำบาก” เวเบอร์ถอนหายใจเฮือก “แล้วเจอกันแลนเซลท์ รีบๆเก่งขึ้นล่ะ” ผู้มาเยือนกล่าวทิ้งท้ายแล้วรีบขึ้นหลังม้าวิเศษเพื่อเดินทางกลับ หญิงสาวแนะนำตัวกับการ์ด้วยความเขินอายอีกครั้งแล้วเดินตัวลีบไปนั่งกับริเรียซึ่งเป็นผู้หญิงเหมือนกัน

“ก่อนอื่นไบรอัน อธิบายเรื่องทั้งหมดมา” การ์นั่งลงเบื้องหน้าผู้กล้าแสงตะวันที่ถูกอลันจับมัดเอาไว้ “ทำไมเราจึงต้องเร่งตามนางมังกรครึ่งมนุษย์จนมาถึงที่นั่น แล้วทำไมนางจึงพาตัวเจ้าไปคุยในโดมน้ำแข็งประหลาดๆ บอกมาให้หมดไม่อย่างนั้นโดนเผาแน่” เขาตวัดดาบแสงตะวันไปทางป่าด้านข้าง กลุ่มก้อนอากาศความร้อนสูงพุ่งปะทะต้นสนใหญ่ลุกเป็นไฟในทันที เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงพลังอำนาจของตัวเอง คนถูกจับมัดเสมองไปอีกทางไม่ยอมสบตาเหมือนทุกครั้ง

“ก่อนเจ้าจะตื่นข้าเปิดดูอนาคตอย่างทุกครั้ง หลังจากนี้สองอาทิตย์พวกเราจะถูกนำพามายังสถานที่เมื่อกลางวันช่วงเวลาสามวันจากจุดนั้นข้าไม่สามารถมองเห็นได้ ในช่วงที่มองเห็นได้หลังจากนั้นข้าไม่พบพวกนางทั้งสองคนอยู่ในอนาคต ถึงระบุตัวเป้าหมายก็มองหาอนาคตของพวกนางไม่เจอเหมือนเดิม” การ์ไม่เข้าใจการดูอนาคตของเพื่อนร่วมทางสักเท่าไร แต่การที่มองไม่เห็นในอนาคตน่าจะหมายความว่าพวกนางตายไปแล้ว

“ตอนแรกข้าไม่คิดว่าพวกนางจะตายเพราะการดูอนาคตของข้าบางครั้งก็ไม่แม่นยำ อย่างเรื่องของเวเบอร์ ข้าคิดว่าบางทีนางอาจอยู่ในสภาพอื่น อย่างล่องหนหรือถูกสาป จนข้าคิดถึงความตายขึ้นมา ถ้าสาเหตุที่มองหาพวกนางไม่เจอคือความตายข้าคงต้องยอมรับมัน” อดีตคนปากหนักใช้เวทมนตร์เผาเชือกให้ตนเป็นอิสระ ความแข็งแกร่งหายไปอย่างเห็นได้ชัด “พอดีซาราห์มาบอกชอบข้า ก็เลยอยากให้นางมีความสุขกับคนที่นางชอบสักครั้งเผื่อนางจะสิ้นชีพจริงๆ พอดีฟลอร่ามาเห็นตอนพวกข้ากำลังเดินเที่ยวจึงตามไปเพื่อปรับความเข้าใจ ข้าคิดว่าอนาคตเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแล้วบางทีพวกนางอาจรอด สุดท้ายความพยายามของข้าก็จบลงอย่างน่าสมเพช”

สมองของการ์ประมวลผลอย่างหนักหน่วง เจ้าหมอนี่เป็นพวกคิดซับคิดซ้อนหากพยายามเปลี่ยนอนาคตก็ไม่แปลกเท่าไร เขาคิดว่าอนาคตกับโชคชะตาของใครคนนั้นน่าจะเป็นผู้กำหนดเอง อย่างเขาที่เลือกเดินทางมากับไบรอันจึงรู้ความจริงทั้งหมด ซาราห์ก็เลือกอนาคตของนางเองเมื่อหันคมดาบเข้าหาศัตรู แล้วใยยังมีคนรั้นฝืนเปลี่ยนอนาคตอีกเล่า บางทีสิ่งที่ไบรอันมองเห็นอาจเป็นอนาคตที่เขาอยากเห็นจึงไม่ใช่อนาคตจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้นเราไปเมืองแก้วผลึกเป็นจุดหมายต่อไป” การ์ตบเข่าฉาด “จะได้รู้ว่าเรื่องหลังฉากเป็นความจริงไหม ทำไมการดูอนาคตของไบรอันถึงพลาดได้ แล้วก็ดูด้วยว่าเวเบอร์จะตายอย่างไร” เขาพลันนึกถึงคำพูดสุดท้ายของสตรีปริศนาคนนั้นที่พูดว่าจะช่วยส่งไปเมืองแก้วผลึกให้ หากอนาคตคือสิ่งที่พวกเขาเลือกเอง แล้วนางรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะวางแผนไปเมืองแก้วผลึก

“จบไปเรื่องหนึ่งแล้ว เรามาทำความรู้จักสมาชิกใหม่ดีกว่า ชื่อไลล่า แลนเซลท์ใช่ไหม”

“ขนปีกเสียดแทง วายุโหมแรง ตะวันม่วงแกร่งกล้า ข้าขอเอ่ยนามด้วยพันธะสัญญาพิเศษ จอมจักรพรรดิวิหคเพลิง โฟเรีย” หญิงสาวทำอะไรสักอย่างที่พวกเขาไม่เข้าใจ ข้างกายนางมีกลุ่มก้อนความมืดแปลกๆลอยอยู่ เมื่อนางร่ายโคลงเสร็จการ์ลูสบริวารของการ์ก็ปรากฏร่างขึ้นแทนที่กลุ่มก้อนสีดำ การ์มองคนครึ่งนกสลับกับแหวนของเขาอย่างงุนงง

“สัญญาพิเศษเสร็จสมบูรณ์” คนครึ่งนกพูดลอยๆ ในระหว่างนั้นทุกคนตกอยู่ในความเงียบเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ให้ข้าแนะนำตัวให้หรือ อย่างน้อยท่านน่าจะแนะนำตัวด้วยตัวเองก่อนนะขอรับ ข้ามีพันธะสัญญาพิเศษกับท่านแล้วไม่ใช่ว่าจะต้องทำอะไรให้ทุกอย่างนี่นา ถึงท่านจะเขินอายอย่างไรก็น่าจะแสดงความจริงใจออกมาด้วยการแนะนำตัวด้วยตัวเองมากกว่าเรียกข้าออกมาช่วยนะ”

“ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักก่อน” การ์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำนกเพลิงประจำตัวให้ทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการ “นี่คือการ์ลูสนกไฟประจำตัวของข้า พูดมากไปหน่อยแต่เก่งมากเลยนะ”

เมื่อการ์แนะนำการ์ลูสเสร็จทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง แม้แต่เจ้านกปากมากก็ยังนิ่งเงียบรอให้เพื่อนใหม่รวบรวมความกล้าแนะนำตัวเอง การ์เคยเห็นวิชาแบบนี้ครั้งหนึ่งตอนอยู่ที่บ้านของซาราห์ เวเบอร์เรียกมังกรออกมาจากความมืด บางทีแลนเซลท์อาจทำในสิ่งเดียวกันได้

“ช่วยนิดเดียวนะขอรับ” เจ้านกปากมากคงทนคันปากไม่ได้จึงทำลายความเงียบขึ้น “นางชื่อไลล่า แลเซลท์ นอกจากนี้เอาไว้ไปถามนางผู้หยั่งรู้เองดีกว่าขอรับ” ว่าแล้วเจ้านกปากมากก็หายตัวไปเหมือนสายหมอกกลางแดดจ้า

มีเพียงการ์ที่ขมวดคิ้วส่งเสียงค้านในลำคอ คนครึ่งนกตัวนี้ปกติไม่เคยพูดต่ำกว่าสองประโยค มาคราวนี้เหตุใดจึงพูดสั้นราวกับเปลี่ยนไปเป็นตัวละตัว วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจนเขาปวดหัว ทั้งหมดสืบเนื่องมาจากความเอาแต่ใจของสองคนนั่น คนหนึ่งลากเขามาตามทางจนพบอลัน อีกคนหนึ่งก็พาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาด้วยแล้วบอกว่าขอฝากให้เป็นพวก ทำไมคนรักอิสระอย่างเขาจึงต้องทำตามความต้องการของคนพวกนี้ด้วย ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเงียบแบบนี้คงฝืนให้คึกคักขึ้นไม่ได้ การ์หันไปถามเพื่อนเก่าว่าเมืองแก้วผลึกเป็นเมืองแบบไหนในฐานะที่เคยไปเที่ยวชมมาก่อนแล้ว

“เป็นเมืองที่วิเศษมากเพราะมีหมอกอาคมล้อมรอบเมืองอยู่ทำให้มองเห็นท้องฟ้าได้ลางๆ ส่วนนางผู้หยั่งรู้อยู่ในวิหารแก้วผลึก เป็นปราการลอยฟ้ากลางหมอกหนาสีเหลืองอ่อน สวยมาก” อลันเริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งได้พบมา ในระหว่างนั้นการ์และริเรียเริ่มรู้สึกถึงปัญหาอีกอย่างที่กำลังรอการแก้ไข

การ์ชิงขัดขึ้นในตอนที่อลันกำลังเล่าถึงพวกปีศาจระหว่างทางไปจุดเคลื่อนย้ายใต้วิหารแก้วผลึก “ค่าที่พักแพงมากไหม” การ์ยิ้มแห้งๆ พวกเขาถูกลากตัวมาอย่างฉุกละหุก แม้แต่เสื้อผ้าเปลี่ยนยังไม่มีติดตัวแล้วจะมีเงินจ่ายค่าที่พักได้อย่างไรเล่า

“แล้วแต่จุด ถ้าเลือกตรงชานเมืองติดกับกำแพงหมอกก็ถูกอยู่หรอก แต่ตรงจุดที่ใกล้ตลาดและทางไปวิหารกลับแพงขึ้นเป็นเท่าตัว ยังเจ็บใจไม่หายที่ถูกหลอกให้ไปพักในที่พักราคาแพงระยับ ถุงใส่เงินบางลงอย่างเห็นได้ชัดและยิ่งสังเวชตัวเองหนักข้อขึ้นเมื่อรู้ว่าที่พักที่ดีและราคาถูกอยู่ตรงส่วนชานเมือง ซึ่งมองจากข้างนอกจะเห็นเป็นเพียงบ้านโทรมๆหลังหนึ่งเท่านั้น” ผู้กล้าอลันถอนหายใจควักถุงหนังแฟบๆออกมาให้ดูว่าเหลือเงินเก็บเพียงน้อยนิด

การ์และริเรียสุมหัวกันว่าจะเอาอย่างไรเรื่องเงินค่าอาหารและที่พัก อย่างน้อยพรุ่งนี้ก็ให้เจ้าผู้กล้าปากหนักใช้มนตราเคลื่อนย้ายกลับไปเอาเสื้อผ้าและอาหารจากไพน์ได้ แต่ยังไม่รู้ว่าถูกอดีตผู้นำกลุ่มผลาญหมดไปเท่าไร ยิ่งเพิ่มคนมาอีกสองยิ่งต้องใช้เงินมากกว่าเดิมอีกเกือบเท่าตัว

“พรุ่งนี้เช้าจะกลับไปเอาเสื้อผ้าให้ ส่วนเงินทุนเดินทาง ข้า ใช้ไป...” ผู้กล้าแสงตะวันลังเลระหว่างการ์และริเรีย สุดท้ายก็ไปกระซิบข้างหูริเรียที่น่ากลัวน้อยกว่า หญิงสาวนั่งนิ่งแทบไม่กระพริบตา หันหลับไปมองเพื่อนชายด้วยแววตาเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง “แต่เรามีกล่องทำเงินอยู่ตั้งหนึ่งคน จะกลัวอะไร” ผู้ถูกพาดพิงแทบจะเอาดาบแสงตะวันเสียบเพื่อนร่วมทางให้รู้แล้วรู้รอด ค่าที่เห็นเขาเป็นตัวทำเงิน

“ไม่มีทาง ไม่ว่าจะถูกใช้ไปเท่าไรแต่คนใช้ไม่ใช่ข้า” การ์ปัดปัญหาทั้งหมดกลับไปยังต้นเหตุ “ถึงจะมีเลือดของเชื้อพระวงศ์แต่ก็เกิดและเติบโตอย่างคนทั่วไป ดังนั้นข้าไม่กลับไปแบมือขอเงินกับญาติที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเด็ดขาด”

เพื่อนร่วมทางคนใหม่ได้ยินปัญหาของคณะเดินทางก็อธิบายเกี่ยวกับวิธีหาเงินในเมืองแก้วผลึก เมืองนี้มีหมอกอาคมปกคลุมทำให้ไม่มีปีศาจและสัตว์ร้ายเข้ารบกวน แต่สินค้าส่งออกอันดับต้นๆคือวัตถุมนตรา ไม่ว่าจะเป็นกระจกที่หลอมพร้อมกับผงจากเขายูนิคอร์น หรือเสื้อผ้าที่ถักทอด้วยขนของนกเพลิง ด้วยเหตุนี้จึงมีร้านค้ามากมายรับซื้อชิ้นส่วนของสัตว์วิเศษต่างๆ เช่น หนังมังกร หรือขนของสุนัขน้ำแข็งเพื่อเป็นวัตถุดิบในการทำสินค้าสำเร็จ การหาเงินทุนในการเดินทางในเมืองนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่พวกเขากังวล

“แต่ถ้าจะล่าสัตว์วิเศษเพื่อการค้า ในกลุ่มพวกเรามีตัวขัดลาภอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ” หญิงสาวตาสีฟ้าหรี่ตามองผู้กล้าแสงตะวันที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน “กลิ่นมังกรจากตัวท่านคือปัญหา ไบรอัน บรู๊ค” ริเรียตัดบทไม่เหลือเยื่อใย แถมยังหันไปอธิบายให้การ์เข้าใจอีกว่ากลิ่นที่อยู่รอบตัวของผู้กล้าแสงตะวันเป็นกลิ่นจากเส้นผมของนางมังกรครึ่งมนุษย์ ซึ่งเป็นกลิ่นที่สัตว์เกือบทุกประเภทเกรงกลัวไม่ว่าจะเป็นสัตว์วิเศษหรือไม่ก็ตาม

“ข้าไม่มีวันทิ้งเส้นผมของฟลอร่าไปเด็ดขาด”

“ทางไปเมืองแก้วผลึกจากที่นี่มีสองเส้นทาง” ผู้กล้าอลันแทรก “เส้นทางแรกสั้นแต่อันตราย มีทั้งกลุ่มโจรและดงต้นไม้กินคน ส่วนเส้นทางที่สองต้องอ้อมภูเขาใกล้ๆเลยใช้เวลามากกว่าร่วมเท่าตัว แต่อันตรายน้อยกว่าตรงที่เป็นแหล่งชุมนุมของสัตว์วิเศษชนิดต่างๆ...ส่วนใหญ่พ่อค้าหรือนักเดินทางมักเลือกเส้นทางที่สอง อย่างน้อยสัตว์วิเศษก็ไม่ได้มีนิสัยดุร้ายเสียทั้งหมด ดีไม่ดีอาจได้ของไปขายในเมืองแก้วผลึกด้วย”

“ถ้าอย่างนั้นข้ากับไบรอันจะไปทางลัดเอง ส่วนริเรีย อลัน แล้วก็ เล...แลนเซลท์ ไปทางอ้อม มีริเรียอยู่ก็วางใจได้ ถ้าปล่อยเจ้านั่นไปทางลัดคนเดียวมันอันตรายเกินไป” การ์ออกความเห็นอย่างซื่อๆตามประสา

“ไม่ได้ ถ้าผู้หญิงคนนั้นออกลายประเดี๋ยวสองคนจะแย่ ให้นางคนนั้นใช้ทางลัดร่วมกับข้าและการ์ดีกว่า” เป็นครั้งแรกในรอบวันที่การ์คิดว่าไบรอันทำตัวสมกับเป็นผู้กล้า

พอผู้กล้าแสงตะวันออกความเห็น ผู้กล้าอลันก็แย้งกลับว่าจะให้เขาเดินทางกับผู้หญิงตามลำพังสองคนได้อย่างไร พอจะให้การ์กับอลันไปทางอ้อมริเรียก็ขัดขึ้นมาอีกว่าให้คนโง่สองคนเดินทางไปด้วยกันคงไม่ได้อะไรมาขายเป็นทุนเดินทางเลย จนผู้แอบฟังที่นิ่งเงียบมาพักใหญ่ต้องปรากฏตัวออกมาหาทางออกให้

“ถ้าลำบากนักก็ให้ท่านไลล่าเดินทางไปกับท่านไบรอันสองคนสิขอรับ” การ์ลูสโผล่งขึ้นกลางการสนทนาที่ดุเดือด การ์คิดว่าเดี๋ยวต้องเตือนเจ้านกตัวนี้เรื่องการปรากฏตัวแบบไม่มีการเตือนล่วงหน้าสักหน่อย “ท่านไบรอันจะได้จับตาดูว่าหญิงท่านนี้เป็นสายจริงหรือไม่ เป็นถึงผู้กล้าแสงตะวันคงไม่ขืนใจหญิงฝ่ายศัตรูกลางป่าหรอก อย่างมากก็ฆ่าทิ้งแล้วอ้างว่านางพยายามลอบสังหาร ใช่ไหมขอรับ ดังนั้นวางใจให้สองท่านนั้นใช้ทางลัดได้เลยขอรับ”

ความคิดของการ์ลูสเป็นความคิดที่บ้าบิ่นแต่เป็นการสรุปการจัดกลุ่มได้อย่างเหมาะสม การ์คิดว่าระดับผู้กล้าแสงตะวันคงปกป้องผู้หญิงคนเดียวได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องทางอ้อมที่วกวนจำเป็นต้องให้อลันที่เคยผ่านมาแล้วเป็นผู้นำทาง อีกอย่างหากให้ไบรอันที่ฉลาดแกมโกงคอยจับตาดูหญิงที่เวเบอร์นำมาคงรู้ได้ว่านางมาเข้าพวกด้วยประสงค์ดีหรือร้าย

“เดี๋ยวจะเอาแผนที่ทางลัดให้ดู และจะบอกชื่อที่พักราคาถูกให้ด้วย” ผู้กล้าอลันค้นสัมภาระแล้วหยิบแผ่นหนังเก่าๆออกมา “เวลาการเดินทางที่ต่างกันอยู่ที่สามวัน ท่านผู้กล้าแสงตะวันจะถึงเมืองแก้วผลึกในวันที่สี่นับจากพรุ่งนี้ ส่วนพวกข้าจะไปสมทบกับท่านในวันที่เจ็ดนับจากนี้เช่นกัน”

การเดินทางล่าสัตว์วิเศษทำให้ความรู้สึกตื่นเต้นกลับมาหาการ์อีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าการเดินทางของไบรอันจะลำบากแสนเข็นแค่ไหน เจ้าปากหนักนั่นจะถูกฆ่าตายหรือไม่ก็ไม่ใช่ปัญหาของเขาสักนิด แค่รอให้พระอาทิตย์ขึ้นเท่านั้นเขาจะลบความเศร้าหมองด้วยการเดินทางครั้งใหม่ที่รอคอยอยู่ตรงหน้า...

จากคุณ : Lazy return
เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 17:25:18




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com