Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Body Talk (Boys love) ทดลองโพสต์ บทที่ 5 ติดต่อทีมงาน

บทที่ 5

โชคชะตาคืออะไรหรือครับ?
จริงหรือครับที่มันแขวนเส้นทางชีวิต ความรัก ของเราไว้กับมัน จะโยกไปทางไหนก็ได้ตามใจ โชคชะตาทำกับเราราวหุ่นเชิดอย่างนั้นจริงๆหรือครับ? ถ้าเช่นนั้นผมก็อยากขอร้องให้โชคชะตา โปรดเมตตาฟังผมสักนิด ฟังในสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้.....


กองผ้าที่เก็บมาจากห้องนอนถูกโยนลงตะกร้ารอซัก ในความเงียบสงัดผมยืนเหม่อมองรอยด่างดวงสีแดงซีดจาง มือก็ยื่นไปหยิบเสื้อคลุมอาบมาห่อหุ้มร่างกายเปลือยเปล่า ผมไม่คิดว่าทั้งเสื้อ กางเกง ผ้าปูเตียง จะใช้ได้อีกแล้วล่ะ พอคิดแบบนั้นผมก็หยิบทั้งหมดในตะกร้าออกมายัดใส่ถุงขยะสีดำ มัดปากถุงแล้วหิ้วมันออกไปทิ้งที่ปล่องทิ้งขยะของอาคาร ผมเปิดฝาปล่อง มองถุงใบนั้นค่อยไหลเลื่อนลงช้าจนลับสายตาจึงกลับห้อง ปิดประตูมองทั่วห้องแล้วเข้าห้องน้ำ ผมต้องอาบน้ำ ถึงเวลาชำระล้างแล้วหลังจากเป็นของสกปรกอยู่นาน ผมเปิดฝักบัวถอดเสื้อคลุม ก้าวเข้าหาสายน้ำอันเย็นเยือก บาดแผลสดยังเจ็บแปลบแต่ไม่มีเลือดแล้ว หยิบขวดโฟมอาบน้ำมาเท แล้วละเลงทั่วตัว ตั้งแต่ปลายเส้นผมจรดเท้า ขัดถูทุกสัดส่วนอย่างรุนแรงด้วยเรี่ยวแรงตัวเองเท่าที่มีในตอนนี้ เล็บที่ยังไม่ได้ตัดข่วนโดนผิวเนื้อตรงไหนผมไม่สนใจ คว้ายาสีฟันมาบีบบนแปรง แล้วกระทุ้งยัดเข้าปากแล้วสีอย่างไม่ยั้งมือ  ผมแค่อยากสะอาด อยากทำให้หมดจด หมดคราบจุมพิตของเขา

หมดคราบสัมผัสของเขา หมดกลิ่นกายของเขา ผมเงยหน้ารับกระแสน้ำให้พร่างพรมลงใบหน้า  แล้วก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าสายน้ำจะชะล้างความทรงจำของผมได้ไหมนะ หากทำได้ผมก็อยากเปลี่ยนห้องน้ำด้วย เราร่วมรักกันในนี้หลายต่อครั้ง กระเบื้องที่ผนัง ที่พื้น ล้วนรองรับแผ่นหลังของผม ร่างกายของเราทั้งสองในช่วงเวลาอันความร้อนแรง ผมอุดหูเมื่อแว่วได้ยินเสียงครางสุขสมของตัวเองผสานกับเสียงหอบของเขาอย่างรื่นรมย์ ผมปิดฝักบัว หยิบเสื้อคลุมมาสวมแล้วรีบออกมา กวาดสายตามองทุกมุมของคอนโด ผมคงเปลี่ยนทั้งคอนโดไม่ไหวหรอก ด้วยว่าทุกพื้นที่ที่นี่ล้วนมีแต่กลิ่นอายของทศวรรษ ผมยิ้มกับตัวเอง ใช่แล้วผมเองนี่ล่ะที่ต้องเป็นฝ่ายหนีเสียเอง.....

       ผมแต่งตัวเสร็จมือถือก็ดังขึ้น ผมรับโดยไม่ได้มองเบอร์
"พี่คะ รถติดหรือคะ เห็นบอกจะออกมาตั้งนานแล้ว"
"อืม จะรีบเต็มความสามารถนะ ขอโทษด้วยครับ น้องเก๋"
ผมพลิกนาฬิกาข้อมือ ตัวเลขบนหน้าปัดทำให้ต้องรีบ  หันไปขว้ากุญแจแล้ววิ่งออกจากห้อง ข้างนอกแสงแดดยามสายทอทอดตามทางเดินจากหน้าต่างของอาคาร ผมที่กำลังวิ่งได้หันออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสีสวยเจิดจ้าด้วยแดดอุ่น ผมยกมือบังสายตา ตอนนั้นผมคิดว่ารอยยิ้มของผมกำลังคลี่บานราวดอกไม้ยามต้องตะวันอยู่แน่ๆ

คุณคิดอย่างไรกับโชคชะตาครับ สำหรับผมโชคชะตาของผมผ่านไปแล้ว และคง......ไม่ผ่านกลับมาอีกครั้งแน่นอน
ขณะที่เฝ้ารอให้ไฟจราจรเปลี่ยน ผมเปิดฟังเป็นเพลงที่ผมชอบ ผมเคยบอกคุณทศตอนที่แผ่นเพิ่งวางแผง ผมบอกให้เขารอหน้าร้าน แต่เขากลับดึงผมไว้แล้วเดินเข้าไปซื้อให้ มาถึงก็ยื่นให้แล้วบอกว่า ...เปิดให้ฟังบ่อยๆนะฉันจะได้จำทำนองได้ เปิดตอนที่เราอย่างว่ากันก็ได้... พอนึกถึงตรงผมก็เผลอหัวเราะออกมาเหมือนตอนที่ได้ยินได้ฟังในตอนนั้น ถึงจะรู้สึกกระดากแต่ผมก็พยักหน้ารับปากกับเขา แต่จนถึงบัดนี้มันก็ยังอยู่ในรถ และผมก็ไม่เคยเอาไปเปิดให้เขาฟังตอนเราอย่างว่า  ส่วนเขาเองก็ไม่เคยถามไถ่ถึงมัน จริงซินะตอนที่เขาแอบกระซิบน่ะลมหายใจของเขาเจือกลิ่นไวน์ที่ดื่มในมื้อค่ำของเรา  เขาอาจพูดไปด้วยความเมาพอสร่างที่พูดไว้ก็แล้วกัน เหมือนกับการกระทำไม่ว่าจะทำอะไรหากมันผ่านไป สำหรับคุณทศคือแล้วกัน เขาจะไม่ถอยหลังกลับอีก แต่ผม...มักจะยืนอยู่ข้างหลังเขาเสมอ ทิศทางที่เขาไม่คิดจะหวนคืน แต่ผมก็ก้าวเดินหน้ารวดเร็วอย่างเขาไม่ไหว ผมเยือกเย็นทอดทิ้งหัวใจสักคนที่ผมรักไม่ลงหากต้องเดินหน้าต่อไป เพราะผมเชื่องช้าน่ารำคาญแบบนี้นี่เล่าถึงไม่มีใครอยากรักผมจริงจังสักคน พี่ชายต่างแม่เพียงคนเดียวของผม ผู้หญิงที่คบด้วยสมัยเรียนมหาวิทยาลัย พวกเขาต่างไม่สามารถหยุดรอที่จะฟัง สิ่งที่หัวใจผมอยากพูดได้สักคน  ที่พูดเขาพูดแม้จะต่างวาทะหากมันก็ซ้ำความหมายเดียวกัน

ผมก้มหน้าเม้มปาก ผมลืมมันเสียดีกว่า ไฟเปลี่ยนแล้ว ผมออกรถอย่างเร่งรีบ รถแล่นไปตามถนนที่พอมีที่ว่างให้ผมแซงแทรกร่วมทางไปได้ ผมหักพวงมาลัยปาดซ้าย ขวาเพื่อให้เส้นทาง มีรถบางคันบีบแตรไล่ หรือบางทีมันอาจเป็นคำด่าอยู่ก็ได้ แต่ช่างมันเถอะ ขอโทษผมกำลังรีบ  ไม่นานผมก็พารถเข้ามาจอดที่รถทันเวลา น้องเก๋ผู้ช่วยเอาของออกมารออยู่ก่อนแล้ว ผมโดดลงจากรถไปรับเอาของทั้งหมดใส่รถอย่างเบามือ ทั้งหมดนี้เป็นของลูกค้าคนสำคัญของผม ความหวังความรักของหล่อนอยู่ในนี้ทั้งหมด
"พี่รุจน์ เป็นอะไรหรือเปล่าคะหน้าซีดจัง" เก๋ช่วยผมจนเสร็จจึงค่อยถามหล่อนคงสังเกตุเห็นแต่แรกที่ผมลงจากรถแล้ว

"ไม่มีอะไรหรอก พี่ไม่ค่อยสบายน่ะ ถึงมาสายไป"
"แต่ตอนคุยโทรศัพท์พี่ก็ยังดีๆอยู่นี่คะ"
"ไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไรซิจ๊ะ พี่แอ๊บสดใสไปอย่างนั้นล่ะ พอวางหูก็หมดแรงน่ะสิ" ผมไม่อยากพูดถึงเมื่อเช้าอีก มันไม่มีกับผมอีกแล้วนอกจากคำอำลาที่ผมไม่อยากฟัง ไม่อยากรำลึกถึงอีกต่อไป
"พี่ไปล่ะ เดี๋ยวไม่ทัน ฝากร้านด้วยนะ ช่วงสายๆน้องสาวคุณวุฒิอาจจะมาดูงาน" ผมสั่งก่อนขึ้นรถ
"ขับรถดีๆนะคะ เมื่อครู่น่ะ น่ากลัวมากเลย" หล่อนหมายถึงตอนที่ผมขับเข้ามา ผมพยักหน้ายิ้ม แล้วออกรถอย่างระวัง

ขับห่างจากร้านสักระยะ ความเงียบงันก็ครอบครองบรรยากาศในรถสิ้นเชิง ผมรู้สึกต่างแตกอย่างบอกไม่ถูก ที่อยู่ตรงนี้เหมือนไม่ใช่ตัวผม  ไม่รู้จักชีวิตประจำวันของผม เป็นใครสักคนที่ไม่รู้จักงานที่ผมทำ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ให้รู้สึกแปลกแตกต่างไปหมด ผมส่ายหน้าแล้วพยายามตั้งใจกับทางข้างหน้า แต่ก็ยังรู้สึกความเบาโหวงเหวงภายใน ผมเริ่มหายใจไม่ออก แต่ก็ยังอดทนที่จะขับรถไปให้ถึงที่หมาย

          ผมแสดงนามบัตรพร้อมบัตรประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ดูแลอาคาร เขายกหูโทรศัพท์พูดกับปลายสายแล้วหันมาหยิบบัตรเยี่ยมให้ผมแล้วดึงเอาบัตรประชาชนของผมไปคืนนามบัตรให้
"ชั้น 39 ห้องขวาสุดนะครับ" เจ้าหน้าที่พูดกับผมด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
"ขอบคุณครับ" ผมรับนามบัตรกลับมา
"คุณไม่สบายหรือเปล่าครับหน้าซีดจัง จะเป็นลมหรือครับ" เขาก้มมองผมอย่างตั้งใจ
"ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรจริงๆ" ผมยิ้มแล้วรีบผละมาที่ลิฟท์

ขณะรอลิฟท์ยกห่อภาพและช่อดอกไม้สำรวจดูความเรียบร้อยอย่างเอาใจใส่อีกครั้งก่อนจะละสายตาไปมองรอบตัว ที่นี่หรูหรา ผู้คนแต่งตัวดีด้วยแบรนด์เนมตลอดศีรษะจรดปลายเท้า การเข้าออกภายในอาคารเป็นทางการเสียจนผมเกร็ง อาคารธุรกิจแห่งนี้ถือเป็นอาคารที่อยู่อันดับต้นของประเทศเรื่องสถาปัตยกรรม ผมเคยเห็นในหนังสือบ่อยๆ เจ้าของคงรวยระดับชาติเหมือนกันซินะ พวกคนรวยนี่จะมีนิสัยเสียเหมือนกันทุกคนไหมนะ ผมย่นคิ้วเจ็บใจดันคิดถึงคนนิสัยเสียผู้ร่ำรวยใกล้ตัวอีกแล้ว คนแบบนั้นไม่อยู่แล้ว ท่องไว้ผมเตือนตัวเอง วันนี้ผมต้องปลอดโปร่งสดใส และไม่ทำให้คุณพิสราผิดหวัง ต่อให้วันนี้ผมไม่สบายมากกว่านี้ผมก็ต้องเอาความรักของเธอมามอบให้คนรักให้จงได้ ความรักของเธอต้องสดสวยไม่กลับกลายเหมือนผม

ผมเงยหน้ามองตัวเลขที่กำลังกระพริบเปลี่ยนจำนวนมากขึ้นเรื่อยตามจำนวนชั้น สมาธิผมจดจ่ออยู่ที่ชั้น 39 ห้องขวามือสุด...


"ท่านเชิญด้านในค่ะ" ผู้หญิงแต่งตัวเนี๊ยบทุกกระเบียดนิ้ว ใบหน้าเข้มด้วยเครื่องสำอางเคลือบฉาบไว้หากดูเย็นชาไร้ความรู้สึกราวตัวละครโนห์  หล่อนผายมือเชิญผมให้เดินตามไป ผมเดินตามหล่อนไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมสีแดงสดนุ่มเท้า สองข้างทางประดับด้วยของตกแต่งราคาแพง ขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านห้องเล็กที่อยู่ติดกับห้องที่สาวคนนั้นเดินลับกาย  ผมเห็นคุณพิสราอยู่ที่นั่น หล่อนชูนิ้วติดปากเป็นสัญญาณให้เงียบไว้ ผมพยักหน้าอมยิ้มแล้วก้าวตามทิศทางที่สาวสวยคนนั้นหายไป พอพ้นประตูก็เป็นห้องกว้างกระจกล้อมทุกด้าน นอกกระจกคือท้องฟ้า ผมไม่ทันที่จะมองสิ่งใดต่อก็ได้ยินเสียงคนคุยกันเข้ามาจากด้านหลัง

จากคุณ : vannessia
เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 21:47:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com