บรรพที่ 31
ไม่มีใครทราบว่า สิ่งใด หรือ อะไร ที่ทำให้ปัณฑารีย์หวาดกลัวจนเสียจริตไป ทราบกันแต่เพียงว่าในขณะที่เปลวไฟร้อนกำลังเผาผลาญ มีบางสิ่งที่ทำให้หล่อนหวาดกลัวจนสติฟั่นเฟือนไป ภามินมองดูหล่อนด้วยแววตาสมเพชนัก ความสง่างามเต็มไปด้วยอำนาจ ท่าทางราวนางพญาของอดีตญาตาหายไปหมด อคิลเล่าให้น้องชายฟังว่าหล่อนเพ้อว่าเห็นผีมารดาของพวกเขาแล้วสลบไป กว่าจะนำตัวออกได้นี่ก็ทุลักทุเลนัก ปัณฑารีย์สลบไปยี่สิบสี่ชั่วโมงเต็มๆ เมื่อฟื้นขึ้นมาคล้ายว่าจะดีขึ้นมาคงจะหายดีในเวลาไม่ช้า เมื่อนั้นเวลาแห่งการสอบสวนจะมาถึง
ทว่าไม่ถึงครึ่งวันดี เมื่อหล่อนเอาแต่จ้องมองฝ่ามือตัวเอง แล้วกรีดร้องออกมาว่า...
ไม่มีแล้ว...พลังของฉัน หายไปหมดแล้ว นีรา...ทำไมท่านใจร้ายอย่างนี้ ทำไมต้องส่งดามิสามา ฉันแค่ทำเพื่อวิปุลาเท่านั้น ไม่ๆๆ ถ้าไม่มีพลังแล้ว...ฉันจะทำยังไง เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดางั้นหรือ? ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หล่อนกรีดร้องโหยหวนแล้วกลิ้งเกลือกลงกับที่นอน นางพยาบาลได้ยินเสียงร้องนั่นต่างกรูกันเข้ามาปลอบหล่อน แต่ปัณฑารีย์ยิ่งดิ้นรน จนในที่สุดต้องมัดไว้กับเตียง แล้วให้นายแพทย์ฉีดยาระงับประสาทจึงสงบลงได้
นอกจากเอาแต่กรี๊ดๆ เรื่องไม่มีพลังแล้ว ก็โวยวายว่าผีมามาหลอก มามามาเอาพลังไปหมดแล้ว เกลียดมามามั่งล่ะ มามาอิจฉาเธอมั่ง เธออิจฉามามาตั้งแต่เด็กมั่งให้มั่วไปหมด
ฉันเพิ่งรู้นะนี่...ว่ามามาของเราเคยเกือบได้เป็นญาตา
ไม่ได้เป็นก็เหมือนเป็นอยู่ดี สุดท้าย...มามาก็กลับไปรับใช้นีรา อคิลถอนหายใจออกมาแรงๆ
นายเชื่อว่ายัยป้านั่นเห็นมามาจริงๆ เหรอ? คนเป็นน้องถาม
ไม่รู้สิ...แต่ฉันอยากเชื่ออย่างนั้นนี่ มีปัญหาหรือไง? คนหน้าเข้มทำตาขวางใส่น้องชาย
อะไรนี่ ถามแค่นี้ต้องขู่ฟ่อ ว่าแต่ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่? อคิลนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะลำดับเหตุการณ์ออกมา
ในตอนนั้นนายทหารหนุ่มนึกแปลกใจ ว่าทำไมญาตาปัณฑารีย์ต้องเสี่ยงกลับเข้าไปทั้งที่ไฟกำลังไหม้ หรือว่ามีหลักฐานอะไรสำคัญมากจนต้องปกป้องไว้ด้วยชีวิตกันนะ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเพิ่งรำลึกขึ้นได้แล้วน้องชายของเขาเล่า ชามีศิตาภาคู่รักของภามินอีกด้วย เมื่อครู่เขาลืมสองคนนั้นไปเสียสนิทเลย แล้วพวกนั้นอยู่ที่ไหนกันนี่ หรือว่านางนักบวชมีแก่ใจจะไปตามหากันนะ พันตรีอคิลวิ่งไปด้วยใจว้าวุ่น ญาตาปัณฑารีย์ไม่ได้อยู่ห้องที่เกิดเหตุไฟไหม้ห้องแรก หล่อนเดินข้ามมันไปได้อย่างไรนะ แต่วิหารนี้กว้างใหญ่นักนอกโถงที่ถูกไฟไหม้แล้วยังมีห้องข้างเคียงอีกมาก หล่อนหายไปไหนกันนะ ไฟกำลังลามแล้วเสียด้วย
ญาตาคุณอยู่ไหน? เขาและฐานัสตะโกนเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบ
ระหว่างที่กำลังวุ่นวายใจอยู่นั่นเอง นายทหารหนุ่มกลับได้ยินเสียงเรียกชื่อใครบางคนดังอยู่ในห้องใกล้ๆ กัน ประตูไม่ได้ถูกล็อคแต่ฝืดเต็มที เพราะถูกความร้อนทำให้ไม้ระอุพองตัวขึ้นมา เมื่อชักช้าไม่ทันใจอคิลก็ยกเท้าขึ้นถีบดังโครม แรงกระแทกจากฝ่าเท้านายทหารสองนายที่ระดมกันถีบ ทำให้บานประตูเปิดออกไปดังผาง ไม้บางส่วนปริแตกแต่หาได้มีใครสนใจความเสียหายนั่นไม่ แล้วจึงพบนางญาตานั่งอยู่บนพื้นติดมุมห้อง หล่อนขดตัวอยู่กับผ้าม่านสองมือขยำชายม่านไว้แน่น ใบหน้าซีดเซียวทว่าเหงื่อกาฬแตกเต็มไปหมด ดวงตาเหลือลานเหมือนพบเห็นสิ่งใดที่น่าหวาดกลัว
อคิลพิศวงกับสิ่งที่พบเห็นนัก ไฟจากห้องข้างๆ ครุครุ่นอยู่แต่ไม่ร้ายกาจเท่าควันไฟจำนวนมาก ที่พุ่งโพยเข้ามา
ญาตา.. เขาเรียกหล่อน แต่ไร้ปฏิกิริยาตอบรับ นางนักบวชยังคดคู้อยู่กับม่าน
รีบไปกันเถอะญาตา ไฟจะลามมาแล้ว อคิลดึงแขนหล่อนให้ลุกขึ้นแต่หล่อนไม่ยอมทำตาม เอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธลูกเดียว นายทหารหนุ่มจึงลากตัวปัณฑารีย์ออกมา แต่นางญาตาเอาแต่ดิ้นรนโวยวาย
อย่ามายุ่งกับฉันนะ ปล่อยฉัน
มาสติแตกอะไรตอนนี้วะ เดี๋ยวก็ชกให้สลบแล้วหิ้วออกไปเสียหรอก
ดามิสา! แกตายไปแล้ว อย่าเข้ามานะ อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันไม่ผิดนะ กรี๊ดดดดดดดดด...ด!! ชื่อที่หล่อนเอ่ยออกมานั้นทำเอาอคิลชะงักไปบ้าง แต่เมื่อปัณฑารีย์กรีดร้องเสียงดังเขาก็ลงความเห็นว่าหล่อนขาดสติไปแล้ว
นังดามิสา อย่าเข้ามานะ ฉันเป็นญาตาฉันมีสิทธิ์ อีกหน่อยฉันจะเป็นอัญญาตา ฉันทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ นะ อย่ามาโทษฉันสิ...อย่า!! หล่อนยิ่งร้องยิ่งดิ้นแรงขึ้นทุกที จนอคิลชักจะไม่ไหว