Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พิศวาสนาคา เสน่หานิรมิต (บทที่ 19 ความสงบที่มาเยือน ตอนจบ) ติดต่อทีมงาน

บทที่ 18 ผู้สูงศักดิ์ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11147769/W11147769.html

บทก่อนหน้านั้นทั้งหมด สามารถติดตามอ่านได้ที่บล็อกนะครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=blackbutterfly



บทที่ 19 ความสงบที่มาเยือน


“ความแค้นในใจของนางครุฑตนนั้นไม่มีวันดับมอดจนกว่าร่างของนางจะแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีแน่ นางคงหาหนทางที่จะใช้มณีนาคสวาทสีเขียวของเอราปถเพื่อนำมาเล่นงานนาคเสนเราแน่” อสุนีหรี่ตามองห้วงน้ำสีดำที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็นหน้าวิมานแห่งนาคเสน อำภุชค่อยๆ ผินหน้าไปยังสตรีที่ยืนเด่นอยู่ตรงกลาง เหมือนเช่นทุกครั้งที่เขามิอาจจะรู้ได้ถึงความคิดของนางแม้จะพยายามคาดเดาสุดความสามารถแล้วก็ตามที

เมื่อครั้งที่รักตปักษ์พากองทัพครุฑบินมาโจมตีนาคเสน เหล่านาคาจากตระกูลอื่นต่างก็เข้ามาช่วยเหลือ รวมทั้งนิลนาค นาคาสีเขียวแห่งสายเอราปถด้วยเช่นกัน บัดนี้พวกเขากำลังประสบกับภัยร้ายเฉกเช่นเดียวกับที่นาคเสนเคยพบมา

“องค์ศรีโคตมะทรงมีบัญชาให้เรานำทัพไปช่วยนิลนาค...” คำสั่งที่ได้ยินจากปากผู้เป็นหัวหน้าทำให้อำภุชและอสุนีต้องหันไปมองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนหันมาถามวาสิตาพร้อมกัน

“คำสั่งขององค์เหนือหัวรึท่าน?” วาสิตาเอี้ยวตัวหันหลังกลับมาจ้องหน้าผู้เป็นลูกน้องทั้งสอง

“ส่งสาส์นไปแจ้งแก่นิลนาคและฝากไปบอกนังตรีดาวด้วย ว่าตราบใดที่คิดรุกรานนาคเสนเราก็จะกัดไม่ปล่อยเหมือนกัน ครั้งนี้คงเป็นศึกครั้งยิ่งใหญ่เท่าที่ข้าเคยเห็นมา... เหล่าฉัพยาปุตตะทางฝั่งลาวส่วนหนึ่งก็ยินดีที่จะเข้าสมทบกับอรวินทร์ด้วย”

“พวกนาคสีรุ้ง...คงเป็นพวกของนายพายัพ” อสุนีนึกไปถึงนาคหนุ่มที่เคยเป็นสายลับให้กับองค์ชายเล็กแห่งวิรูปักษ์ผู้อยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา อำภุชจุดยิ้มมาดมั่นก่อนสูดหายใจลึก

“นึกๆ ดูก็น่าปลื้มใจแทนนิลนาคไม่น้อย ที่มีนาคาทั้งสามตระกูลอาสาจะรบเคียงบ่าเคียงไหล่”

“ใครว่า...” วาสิตาแทรกขึ้น “สี่ตระกูลต่างหากล่ะ” คำตอบที่ได้ยินทำเอานาคหนุ่มทั้งสองต้องเบิกตากว้างพร้อมกัน “เอราปถ กัณหาโคตมะ ฉัพยาปุตตะและ...วิรูปักษ์”

“พวกนาคสีทอง...” อสุนีรำพึงเสียงแผ่วเบา อานุภาพและฤทธาของเหล่าวิรูปักษ์ถือได้ว่าร้ายกาจที่สุดในบรรดาเหล่านาคาทั้งมวล

“แต่อย่าพึ่งดีใจไปนักเพราะพวกปักษาก็มีที่พึ่งอย่างพระนางสวาหา ชายาแห่งพระอัคนี นาคาตั้งมากมายต้องจบชีวิตลงแน่”

“ถึงยังไงเราก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ” อำภุชกัดฟันพูด ขอบตาแดงก่ำร้อนผ่าวขึ้นมา “พวกเราทั้งสี่ตระกูลจะรบร่วมกัน มณีนาคสวาททั้งสี่ชิ้นจะสำแดงอานุภาพให้พวกครุฑมันได้เห็น...”

ตรีดาวแหงนมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเหล่าปักษาโผบินเวียนวนรอบหุบเขา ชลธิชาถูกมัดร่างติดไว้กับเสาไม้ที่สูงชะลูดบนยอดเขาแห่งนั้น

“พวกนาคามันตั้งทัพห่างจากหุบเขาไปทางเหนือราวห้ากิโลเมตรค่ะ” ศรุตารีบบอกแก่นายสาวภายหลังบินออกสำรวจพื้นที่โดยรอบ “มันยกมาทั้งสี่ตระกูลเลยค่ะ” กระแทกเสียงอย่างเจ็บใจขณะที่ตรีดาวกำมือแน่น กระฟัดกระเฟียดตรงไปหาครุฑสูงศักดิ์ผู้นับถือ

“พวกนาคามันยกมาทั้งสี่ตระกูลเลยเจ้าค่ะ ข้าเกรงว่า...”

“ไม่ต้องกลัวไปหรอก อีกไม่นานกองทัพของพระนางสวาหาก็จะยกลงมาจากสวรรค์แล้ว” ครุฑผู้สูงศักดิ์ตอบเสียงหนักแน่น แต่เมื่อผู้ส่งสาส์นจากเบื้องบนมาถึงทั้งหมดก็ต้องหน้าถอดสีไปตามๆ กัน

นางครุฑฑีผู้เป็นสาวกแห่งศรสวรรค์ลงมาแจ้งข่าวแก่ตรีดาวและครุฑสูงศักดิ์ตนนั้นว่า

“พระนางสวาหาทรงมิยินยอมที่จะลงมาช่วยหรือส่งครุฑของพระนางมาช่วยตรีดาว รักตปักษ์สู้รบกับนาคาในครั้งนี้ เหตุเพราะพระนางได้พินิจดีแล้วว่ามันเกิดจากความเคืองแค้นส่วนตัวของรักตปักษ์กับนิลนาค และรักตปักษ์ก็ได้ทำการอันมิสมควรหลายอย่าง...”

“ไม่จริง...เพราะนังศรสวรรค์ไปทูลเรื่องเท็จให้พระนางสวาหาน่ะสิ แส่ไม่เข้าเรื่องนัก” ตรีดาวตวาดใส่ครุฑสาวตรงหน้า

“เจ้านายข้าเพียงแค่ทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น ท่านจงปล่อยตัวมนุษย์นางนี้ไปเถิด มิเช่นนั้นแล้วครุฑอีกมากมายต้องสิ้นชีพเพราะฤทธิ์มณีนาคสวาทของพวกนาคาแน่”

“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ พูดจบแล้วก็ไสหัวไปให้พ้น” ประมุขแห่งรักตปักษ์ไล่ตะเพิดก่อนที่อีกฝ่ายจะสะบัดกายบินหนีไปอย่างไม่พอใจในความยโสของเธอเช่นกัน


ศรัณย์จ้องมองร่างแบบบางของคนรักที่ถูกมัดติดไว้กับเสาไม้ที่สูงละลิ่ว เสียงกรีดร้องของพวกปักษาที่บินล้อมรอบตัวเธอทำให้เขากัดฟันอย่างเจ็บใจ มิอาจทนเห็นเธอทรมานแบบนี้ได้อีกต่อไป

ร่างหนากระโจนออกจากที่กำบังไปในที่สุด ตรงดิ่งไปยังตีนเขาแห่งนั้นด้วยหัวใจที่เดือดพล่าน ครุฑมากมายบนฟ้าต่างกระพือปีกบินลงหมายจะโฉบเอาร่างเขาขึ้นไปฉีกเป็นชิ้นๆ แต่แสงสีเขียวสว่างจ้าที่เปล่งออกมาจากร่างหนาก็ทำให้เหล่าปักษาหยุดกึกกระทันหัน

ศรัณย์ นิลนาค ชูมณีนาคสวาทสีเขียวมรกตขึ้นเหนือหัว ลำแสงอันทรงพลานุภาพสะท้อนจากฟ้าลงสู่ผืนดินจนภูเขาใหญ่สะเทือนเลื่อนลั่น เสียงสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงยังร่างครุฑที่โฉบบินทำให้ตรีดาวต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ
กลุ่มเมฆสีดำหนาทึบเคลื่อนปิดดวงตะวันบนฟากฟ้า ผู้สวมอาภรณ์สีดำสนิทค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาจากหมอกควันสีเข้ม สองตาสีดำสนิทของวาสิตา โอปปาติกนาคาผู้เป็นองครักษ์อันดับหนึ่งแห่งราชวงศ์นาคเสนจ้องมองตรีดาว รักตปักษ์ด้วยความอาฆาต

ศรุตาและศราวินนำหน้าครุฑราวสิบตนไปจัดการกลุ่มนาคสีรุ้งที่มีกำลังน้อยกว่า พายัพส่งสัญญาณให้พวกพ้องเตรียมหลบกรงเล็บของพวกปักษา ก่อนเลื้อยหนีเข้ามาในป่าทึบอีกฝั่งเพื่อล่อให้พวกครุฑตามมา และเมื่อพวกมันหลงกล เหล่าสาวกแห่งนิลนาคก็ตรงเข้าจัดการมันในที่สุด

ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย อรวินทร์ก็คอยดูผู้เป็นหลานชายซึ่งตรงดิ่งไปหาคนรักอยู่ห่างๆ แต่พลันนั้นเองเธอก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มอีกร่างที่ติดตามศรัณย์ไป ปริตร นั่นเอง...

เธอรีบกลายร่างเป็นนาคาก่อนเลื้อยเข้าไปขวางปริตรไว้ อีกฝ่ายจ้องมองเธอด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างไม่พอใจ นี่เป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้จัดการกับศรัณย์ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสดีๆ แบบนี้หลุดมือไปแน่

ปริตร นิลนาค กลายร่างเป็นนาคาสีเขียวแห่งเอราปถ รีบเลื้อยหลบอรวินทร์ไปอีกทาง ด้วยจิตที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นจ้องตรงไปยังร่างหนาของศรัณย์ขณะเลื้อยเข้าใส่อย่างรวดเร็ว แต่ทว่า...ครุฑสองตนที่บินลงมาจากฟากฟ้าก็กางกรงเล็บโฉบเอาร่างนาคหนุ่มขึ้นไปฉีกออกเป็นชิ้นๆ ต่อหน้าอรวินทร์...


ศรัณย์แหงนมองดวงหน้าหวานละมุนที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวแล้วก็กลั้นใจพุ่งกายฝ่าวงล้อมพวกครุฑเข้าไปหาเธอ สายฟ้าของอสุนีฟาดลงใส่ท่อนไม่จนหักออกจากกัน ชายหนุ่มรีบตรงเข้าไปรับร่างบอบบางอย่างรวดเร็ว มือหนาตรงเข้าไปแก้มัดให้หญิงสาวเสร็จแล้วจึงสำรวจร่างกายเธออย่างเป็นห่วง

“ผมจะปกป้องคุณ ไม่ต้องกลัวนะชล” ศรัณย์บอกเสียงหนักแน่นแต่อีกฝ่ายกลับสะบัดหน้าหนีไม่หันมามอง ชลธิชาลุกขึ้นยืนก่อนวิ่งเหยาะๆ หนีไปอีกทาง

“ชล...คุณกำลังเข้าใจผิด” ศรัณย์ตะโกนบอกหญิงสาวขณะรีบวิ่งตามเธอไปติดๆ แต่ว่าขณะนั้นเองตรีดาวก็กระชากร่างเขาขึ้นสู่ห้วงอากาศอันเบาหวิวด้วยกรงเล็บแหลมคมที่จิกลงยังไหล่หนา

“ชล...” เสียงตะโกนเรียกที่ดังลั่นทำให้ชลธิชาหันขวับมา สองตากลมใสเบิกมองร่างหนาของคนรักที่กำลังถูกนางครุฑพาขึ้นสู่ผืนฟ้า

“ศรัณย์...” ชลธิชากรีดร้องเรียกเขาสุดเสียง ศรัณย์ยกสองมือขึ้นยึดขานางครุฑไว้ พยายามใช้แรงหน่วงให้อีกฝ่ายบินช้าลงแต่ตรีดาวก็ยิ่งใช้กรงเล็บจิกลงไปยังไหล่ของชายหนุ่มแรงขึ้น


เก็จลดากลายร่างเป็นนาคาสีดำด้วยฤทธิ์ของนิทราที่ได้รับ นาคสาวผงาดขึ้นสู่ห้วงเวหาก่อนพ่นพิษใส่ดวงตาของตรีดาวจนอีกฝ่ายเสียหลัก คมเคี้ยวกัดเข้าที่ขาซ้ายของนางครุฑพร้อมกับพิษที่แผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกาย ศรัณย์จึงหล่นฮวบลงสู่ผืนดินในที่สุด

เมื่อตั้งหลักได้เก็จลดาจึงถูกเล่นงานกลับ ครุฑมากมายบินโฉบตรงมายังเธอก่อนที่ตรีดาวจะสะบัดเอานาคาสาวไปกลางเวหาให้สมุนปักษาของหล่อนจัดการ

ชลธิชาวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มทั้งน้ำตาเมื่อร่างหนากระแทกลงพื้นอย่างแรง นางปักษากรีดร้องพร้อมกระพือปีกบินโฉบลงมาหาศรัณย์ด้วยความเร็ว ศรัณย์รีบผลักชลธิชาออกห่าง มือหนาชูมณีนาคสวาทขึ้น ลำแสงสีเขียวอันทรงอาณุภาพพุ่งทะลุร่างนางครุฑแห่งรักตปักษ์

“เราชนะแล้ว...” ภุชคินท์ตะโกนร้องอย่างดีใจ ท้องฟ้าอึมครึมดำมืดด้วยเมฆฝน ลมพายุโหมกระหน่ำใส่ครุฑด้วยแรงกำหนดของวาสิตา พวกที่ไม่ตัดใจบินหนีก็ต้องตายลงด้วยกระแสจิตของเหล่านาคาแห่งวิรูปักษ์
สงครามจบลงแล้ว... จบสิ้นลงแล้ว

“ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับ...ผมเสียใจ” ศรัณย์บีบมือชลธิชาไว้ สีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวดของชลธิชาทำให้เขาต้องขบกรามแน่น หญิงสาวถอนลมหายใจยาวก่อนจับสองมือของชายหนุ่ม

อรวินทร์รีบใช้ให้นางนาครับใช้ผูัมีอำนาจจิตสื่อไปยังชลธิชาให้เธอได้เห็นภาพขณะที่เก็จลดาแปลงกายเป็นเธอเพื่อหมายจะมีสัมพันธ์กับศรัณย์ในคราวนั้น “ฉันเข้าใจศรัณย์...ชลเข้าใจเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว” คำตอบที่ได้ยินทำให้ศรัณย์ต้องผายยิ้มกว้างก่อนถลันกายเข้าสวมกอดร่างแบบบางไว้

นับแต่นี้ต่อไปเธอและเขาก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเสียทีแต่ก็ยังเหลืออีกสิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มจำต้องทำเพื่อผู้เป็นบิดาและมารดา มันคือสิ่งที่กลิ่นจันทร์หวังให้ได้เห็นก่อนจะสิ้นลม นั่นคือได้เห็นชายผ้าเหลืองสักครั้ง...

ศรัณย์สูดลมหายใจลึกเข้าปอดพร้อมกับถอนอ้อมกอดออกจากร่างชลธิชา ทั้งสองหันมาคลี่ยิ้มให้กับสมาชิกจากนิลนาคที่ค่อยๆ เดินเข้ามาหาอย่างยินดี ญาดาวีจูงมือวายุเดินดุ่มๆ มาแต่ไกลในขณะที่องครักษ์ทั้งสามแห่งกัณหาโคตมะค่อยๆ ลอยละลิ่วลงมาจากฟากฟ้า เป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปีที่วาสิตาคลายยิ้มด้วยความอิ่มเอมใจ แม้เก็จลดาจะสิ้นชีพไปแล้วแต่อย่างน้อยสงครามระหว่างนาคกับครุฑก็จบลงเสียที


อภินัง นาคา สาธุโนภันเต ยะมะ ยะมะ
ข้าพเจ้าขมาและขอน้อมบูชาเหล่านาคาทุกตระกูลอันมีจิตเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา

ขอบุญกุศลที่ได้ทำในวันออกพรรษานี้ร่วมอนุโมทนาไปกับดวงไฟที่เจิดจรัศเป็นประทีบกลางลำน้ำโขง ด้วยเถิด

จบ

แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 54 11:58:21

แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 54 19:05:04

จากคุณ : ผีเสื้อสีดำ
เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 54 11:01:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com