รักวุ่นวายของนายเหมียว บทที่ 2 : เดจาวู
|
 |
+++ เมี้ยว มิลค์มารายงานตัวแล้วฮับ บทนี้มิลค์มาเป็นแขกรับเชิญเท่านั้นฮับ เพราะจะเน้นหนักไปที่นายหน้าขาวนั่นกับนายโมฮับ
ว่าแต่ บ้นเพื่อนๆ น้ำท่วมหรือเปล่าฮับ ยังไงมิลค์ขอเอาใจช่วยให้ทุกคนผ่านวิกฤตนี้ไปได้นะฮับ +++
บทที่ 2 : เดจาวู
ประตูห้องบอสเปิดกว้างอยู่ก่อนอย่างเชิญชวน ทำให้คนที่ถูกเรียกตัวให้เข้าไปพบถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างกลัวๆ ถูกคนอย่างนิรินธน์ อิศเรศบดี เรียกพบอย่างนี้มันน่ากลัวน้อยอยู่เมื่อไหร่ บอสใหญ่ของบริษัทอิศเรศคนนี้ต้องเนี้ยบ ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบไม่มีข้อผิดพลาด เมื่อจู่ๆ เลขาสาวคนสวยหน้าห้องเดินมาหาหล่อนถึงโต๊ะทำงาน และบอกว่า 'ท่านต้องการพบ' หญิงสาวจึงถึงกับผวา พยายามทบทวนว่าวันนี้ตัวเองทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง พอตั้งสติได้จะถาม ก็ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ในห้องอีกแล้ว นี่หมายความว่ายังไงกัน ทุกคนจะลอยแพหล่อนหรือนี่
เข้ามาสิ คุณจะยืนอยู่หน้าห้องอีกนานไหม
เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากด้านใน หากเป็นผู้ชายคนอื่นแล้วคงชวนฝันไม่น้อยเลย แต่นี่ดันมาจากปากของนิรินธน์ หนุ่มหล่อนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่แสนจะพูดน้อย หล่อนไม่รู้หรอกว่านอกเวลางานเขาจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า แต่ในบริษัทนี้เป็นที่รู้กัน ถ้านายเอ่ยปากเมื่อไหร่ นั่นคือคำประกาศิตให้เดินเข้าหลักประหารชัดๆ
โมเรสเอื้อมมือมาเคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาตตามมารยาทก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน สายตาหล่อนกำหนดนิ่งอยู่ที่พื้นพรมนุ่มเท่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยขึ้นมองหน้าเขา ทั้งที่อยากมองใจจะขาด แล้วร่างสูงโปร่งอย่างหุ่นนางแบบของหล่อนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของเขา
นั่งสิ
หญิงสาวทำตามคำสั่งนั้นอย่างว่าง่าย หล่อนได้ยินเสียงเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ ถึงตอนนี้โมเรสอดใจไม่อยู่แอบเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นชายเสื้อสูทสีเทาอ่อนผ่านข้างตัวหล่อนไปแวบหนึ่ง ไม่ทันที่จะตั้งคำถามกับตัวเองด้วยซ้ำไป หูก็ได้ยินเสียงประตูห้องทำงานปิดดังปัง ตายละวา นี่หล่อนทำผิดขั้นอุกฤษฏ์หรืออย่างไร ถึงต้องปิดห้องขนาดนี้ ความตกใจทำให้โมเรสผุดลุกขึ้นยืนหันมามองชายหนุ่มทั้งตัว
ตกใจอะไรนัก คุณโมเรส
บอส ทำไมต้องปิดประตูด้วยคะ
ริมฝีปากสวยขยับเป็นรอยยิ้มนิดหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ในขณะที่ร่างสูงขนาด 190 ซม.ของเขาเคลื่อนเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว กิริยานั้นทำให้โมเรสถอยกรูดโดยอัตโนมัติ แต่ก็ทำได้ไม่มากเพราะโต๊ะทำงานตัวใหญ่เป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ร้ายไปกว่านั้นคือหล่อนซุ่มซ่ามขาพันกันล้มหงายลงบนโต๊ะเสียด้วยซ้ำไป นิรินธน์ปราดเข้ามาโน้มตัวลงคร่อมร่างหล่อนเอาไว้ มือทั้งสองท้าวไว้บนโต๊ะแทนกรงขังหล่อนอีกชั้นหนึ่ง
บอสคะ จะทำอะไร
โมเรสกลัวจริงๆ หน้าของนิรินธน์อยู่ห่างจากหน้าหล่อนไม่ถึงคืบเสียด้วยซ้ำ เขาไม่พูดอะไรสักคำนอกจากนัยน์ตาสีน้ำตาลที่วาววามเหมือนเสือจ้องมองเหยื่อคู่นั้น หญิงสาวร้องไม่ออกเมื่อนิรินธน์โน้มหน้าใกล้ลงมาทุกทีๆ ในที่สุดก็เลือกที่จะหลับตาปี๋แทน
อื๋อ! ทำไมสากๆ เย็นๆ อย่างนี้ล่ะ แล้วก็ไม่ได้หยุดแค่ที่ปากด้วย แต่ลากไปถึงแก้มหล่อนอีกต่างหาก บอสไม่จูบแต่เลียหน้าเลียปากหล่อนแทนเหรอเนี่ย สองมือหล่อนยกขึ้นดันหน้าของชายหนุ่มออกทั้งที่ยังไม่ลืมตา เอ๋! หน้าบอสมีขนด้วย นุ่มจังเลย
เมี้ยว
ฮะๆ บอสคะ บอสเล่นเป็นแมวเหรอคะ ไม่เอาน่า
เมี้ยว
เดี๋ยวนะ แมวเหรอ หญิงสาวคิดมาถึงตอนนี้ก็ลืมตาขึ้นทันที หน้าเล็กๆ นัยน์ตาสีฟ้าขนขาวที่อยู่ตรงหน้า มิลค์นี่นาไม่ใช่บอส แล้วไอ้สากๆ เย็นๆ นี่คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากลิ้นของมิลค์ ก็หมายความว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ก็เป็นความฝันน่ะสิ เฮ้อ! แอบชอบจนเก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะ จะมีใครน่าสงสารเท่ากับหล่อนอีกไหมนี่
เมื่อหญิงสาวโผล่หน้าเข้าไปในห้องครัว ก็เห็นร่างสูงผูกผ้ากันเปื้อนเรียบร้อยยืนสาละวนคนอะไรบางอย่างในหม้ออยู่หน้าเตาก่อนแล้ว กลิ่นหอมหวนของอาหารที่ลอยมาเข้าจมูกทำให้หล่อนสูดลมหายใจอย่างชื่นใจ ก่อนส่งเสียงใสร้องทัก
อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่เต
มาอรุณสวัสดิ์อะไรฉัน ฮะ
ชายหนุ่มตอบเสียงแข็งโดยที่ตายังไม่ละไปจากอาหารในหม้อเลย ขณะที่คนเป็นน้องสาวย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเดินไปใกล้ๆ พี่ชาย
เอ๊า งั้นจะให้โมพูดไงคะ ไฮ ดาร์ลิ่ง เหรอคะ
พูดสิเดี๋ยวเตะให้
ไม่พูดเปล่า พ่อเจ้าประคุณยังง้างเท้าทำท่าจะเตะน้องจริงๆ เสียด้วย ดีที่โมเรสฉากหลบออกพ้นรัศมีได้ทัน
พี่อะไรใจร้าย ชอบทำร้ายร่างกายน้อง
เออ ใจร้ายใช่มั้ย งั้นข้าวต้มกุ้งหม้อนี้แกก็ไม่ต้องกิน ฉันจะกินกับเจ้ามิลค์แค่นั้นพอ
โห อะไรน่ะ พูดนิดพูดหน่อยไม่ได้เลยนะ
พูดมาก ไป ไปเอาถ้วยมาให้ฉัน
โมเรสหัวเราะคิก หล่อนไม่ได้ถือโทษโกรธพี่ชายอะไรหรอก ถึงจะปากร้ายยังไงเตโชก็เป็นพี่ชายที่แสนดีสำหรับหล่อนเสมอ ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียชีวิตพร้อมกันจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสิบปีก่อน เตโชก็ดูแลน้องสาวคนเดียวที่อายุห่างกันถึงหกปีคนนี้มาตลอด ร่างโปร่งระหงเดินไปหยิบถ้วยข้าวต้มสองใบจากตู้ลอยใกล้ๆ ออกมาส่งให้พี่ชาย แล้วคอยรับเอาชามที่ใส่ข้าวแล้วไปวางบนโต๊ะอาหาร ระหว่างนั้นก็ชวนคุยไปด้วย
พี่เต เมื่อไหร่พี่จะมีแฟนเสียที
คำถามนี้ตอบยากพอๆ กับที่ฉันถามแกว่า เมื่อไหร่แกจะทำกับข้าวให้ฉันกินซะทีนั่นแหละ
ชายหนุ่มรับหน้าที่แม่บ้านจำเป็นมาตั้งแต่ครั้งนั้น งานบ้านแทบจะทั้งหมดเขาเหมารวม ยังดีที่หน้าที่ซักผ้า ล้างจาน และถูบ้านเป็นของโมเรส มิฉะนั้นเขาคงเลิกทำสำนักงานรับออกแบบแล้วไปสมัครงานพนักงานทำความสะอาดแทนแน่ ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้านตรงข้ามกับน้องสาว แล้วจัดการกับอาหารเช้าทันที
เสาร์นี้น่า โมสัญญาจะทำกับข้าวให้พี่กิน
เออ ให้มันแน่เหอะ แล้วเช้านี้จะไปทำงานยังไง ฉันไปส่งไหม
เตโชถาม เพราะรถญี่ปุ่นคันเล็กของโมเรสเข้าอู่มาตั้งแต่เย็นวันศุกร์แล้ว ช่างก็ยังไม่โทรมาให้ไปรับคืนสักที และยังไงวันนี้เขาก็ต้องออกไปติดต่องานข้างนอกอยู่แล้ว หญิงสาวตักข้าวต้มขึ้นเป่าก่อนจะบอก
ไปส่งโมแค่ปากซอยพอค่ะ ขึ้นรถเมล์แล้วไปต่อรถไฟฟ้าสะดวกกว่า เก้าโมงครึ่งนี่พี่เตต้องไปดูบ้านของลูกค้าอีกไม่ใช่หรือคะ ไปส่งโมกลับมาคงไม่ทัน
ตามใจนะ
อีกสิบห้านาทีต่อมา โมเรสเริ่มรู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาดอย่างแรงที่ไม่ยอมให้เตโชมาส่งถึงที่ทำงาน เพราะจนป่านนี้รถเมล์สายที่หล่อนต้องการก็ยังมาไม่ถึง ถ้าช้ากว่านี้อีกห้านาที รับรองได้ว่าหล่อนต้องไปทำงานสายแน่ๆ โมเรสเริ่มกระวนกระวายชะเง้อชะแง้ดูรถเมล์สลับกับดูนาฬิกาข้อมือไปพลาง แล้วหล่อนก็ยิ้มออกเมื่อเห็นรถเมล์แล่นมาแต่ไกล สายที่หล่อนต้องการด้วย แต่...โมเรสหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อเห็นคนโดยสารที่ล้นทะลักลงมาถึงบันไดทางขึ้น ถ้าพลาดคันนี้ไปก็ต้องรออีกนาน เป็นไงเป็นกันล่ะทีนี้
*** มีต่อฮับ เมี้ยวววว
จากคุณ |
:
อินทรายุธ
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ต.ค. 54 18:11:56
|
|
|
|