โซลโทเหนื่อย
เขาเหนื่อยมากอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน และไม่เข้าใจว่าทำไม เขาก็เพียงแต่เดินไปเรื่อย ๆ เท่านั้น จากความทรงจำหนึ่งไปอีกความทรงจำหนึ่ง ชายหนุ่มยังไม่ได้เลือกอะไร เพียงดูเฉย ๆ ที่จริงไม่ค่อยกล้าคิดอะไรด้วย กลัวว่าถ้าคิดมากเกินไป ก็จะถูกเอาเปรียบอีก
เขาทราบค่อนข้างชัดว่าตนตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของอีกฝ่าย คล้าย ๆ ตัวหมากบนกระดานถูกหลอกให้เดินไป แต่ชายหนุ่มนึกไม่ออกว่าทำอย่างไรจึงจะพ้นจากสภาพนี้ได้ ถ้าหากคนอื่นมาอยู่ที่นี่ อาจจะทราบดีกว่านี้ แต่โซลโทไม่ค่อยถนัดการคิดเท่าไร เขาถนัดเรื่องความพยายาม เวลานี้ความพยายามกลับไม่ช่วยอะไร ที่จริง ดูเหมือนยิ่งพยายามเท่าไรก็ยิ่งเหนื่อยเท่านั้นเอง
บางที...เขาอาจจะเหนื่อยเพราะโลกของลุงเป็นอย่างนี้ เขาอธิบายเป็นคำพูดไม่ค่อยถูก เพียงแต่พอเดิน ๆ ไปก็รู้สึกว่าความทรงจำของไซธีนไม่มีอะไรสดชื่นแม้แต่น้อย บางทีคงเพราะลุงฉลาดมาก มองคนทะลุปรุโปร่ง บางทีคงเพราะลุงมีประสบการณ์มหาศาล และพบอะไรที่ร้ายแรงมา พอเป็นอย่างนั้นแล้ว ก็ไม่ค่อยมีที่ทางสำหรับความสุขสดชื่นเท่าไร
เขารู้ว่ายกเว้นตอนเด็กแล้ว ลุงก็เดินทางตลอดเวลา ไม่เคยคบหาใครนาน และไม่เคยมีบ้านเป็นหลักแหล่ง สถานที่เดียวที่เหมือนบ้านสักหน่อยคือห้องทำงานของเขา ซึ่งสร้างซ่อนไว้ในถ้ำแห่งหนึ่ง แต่ลุงก็ไม่ได้ไปที่นั่นเวลาต้องการกลับบ้าน เพียงต้องการไปเวลาจะทำงาน
ความทรงจำอันยาวนานของลุงไม่ค่อยมีคน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีตัวอะไรที่มีขนด้วย ไม่มีทั้งต้นไม้หรือดอกไม้ ทุกสิ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของฉากซึ่งไซธีนมองผ่านไป เขาหาบางอย่างตลอดเวลา คงเป็นวิญญาณธาตุน้ำกระมัง
โซลโทเดินไปเรื่อย ๆ ก็ชักจะเหนื่อยขึ้นทุกที จะเดินไม่ไหว เขาลงแดงตัวอะไรก็ได้ที่มีขนจะตายอยู่แล้ว เขาต้องการจามี หมา แมว คอกคาทริส อะไรก็ได้ เขาอยากเล่นกับรัฟ เขาอยากอยู่ในที่เปิดเห็นต้นไม้ต้นไร่ชัดเจน เขาคิดถึงบ้าน คิดถึงเรนา คิดถึงทุกคน
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองเดินอยู่นานเท่าไร ทั้งไม่รู้ว่าทรุดลงไปเมื่อไรด้วย เขาเพียงนึกออกราง ๆ ว่าน่าจะทรุดในความทรงจำอันใดสักอัน ความทรงจำนั้นดูเหมือนจะมีน้ำ...มีต้นไม้ เขารู้สึกได้อย่างนั้นเอง
...
"กินขนมไหม"
โซลโทสะดุ้งเฮือก นึกว่าตนจะถูกเล่นงานเสียแล้ว ทว่าพอลุกพรวดขึ้นมาก็กระพริบตางง ๆ ชั่วขณะหนึ่ง เขาไม่แน่ใจว่าตนอยู่ที่ไหน หรือทำอะไรอยู่ เขาทราบเพียงว่าตนอยู่ริมทะเลสาบ...น่าจะริมทะเลสาบกระมัง ว่าไป ทิวทัศน์คุ้นตามาก น่าจะเป็นทะเลสาบซีเลมากกว่าที่อื่น ...ฤดูใบไม้ผลิ แต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ อากาศกำลังสดชื่นทีเดียว
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอด รู้สึกแปลก เหมือนตนอึดอัดขัดข้องมาเป็นเวลานาน และเพิ่งตอนนี้เองที่สามารถโล่งใจได้บ้าง เขานั่งอยู่บนหญ้า ท้องฟ้าใส ต้นไม้ยังแตกใบไม่หมดสิ้น แต่ก็รู้สึกได้ว่าพลังชีวิตไหลเวียนเอิบอาบอยู่ในแผ่นดิน
"นั่งเงียบอยู่ได้ ไม่กินขนมหรือไง" เสียงข้างตัวถามอีก แกล้งทำเป็นขุ่นเคือง แต่ที่จริงหางเสียงบอกอารมณ์ล้อเลียนมากกว่า
เขาหันไปทางเสียงนั้น และเห็นเรนา
เรนานั่งอยู่ข้าง ๆ แน่นอนว่าต้องมีภูเขาหนังสือลูกย่อม ๆ อยู่ถัดออกไปด้วย โซลโทนึกเลือน ๆ ว่าอากาศคงดี และเขาคงเกิดโชคดีมีวันว่างขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง แม้วันแบบนี้จะทำให้กังวลเรื่องหนี้สินอยู่หน่อย ๆ แต่ก็เป็นวันดีที่ไม่เรนาก็เขาจะถือโอกาสจัดข้าวของใส่ตะกร้า ชวนอีกฝ่ายไปที่ไหนสักแห่งเพื่อจะได้มีโอกาสอยู่ด้วยกัน ที่จริงก็ไม่มีอะไร เพียงแต่เป็นความพอใจที่จะได้อยู่ใกล้อีกฝ่ายเท่านั้นเอง
โซลโทก็ไม่รู้ทำไม แต่เขารู้สึกคิดถึงเรนาอย่างประหลาด ราวกับจากเธอไปไกลและนานมาก เพิ่งจะได้พบกัน
"มีขนมอะไร..." ชายหนุ่มเอื้อมไปทั้งยังไม่ได้ละสายตาจากหน้าเธอ
แต่แล้วเขาก็รู้สึกแปลกอีก เขาว่าเขาสังเกตอะไรบางอย่าง ...ความรู้สึกแผ่วเบาหรือสัญชาตญาณ ซึ่งทำให้ต้องเร่งดึงมือกลับมา เขามองเธอ มองแล้วมองอีก ก็เรนา...ใส่แว่นตา มีรอยตกกระตรงจมูก ไว้หางม้าสูงแดง ๆ ยาว ๆ
"ท่านไม่ใช่เรนา" เขาเอ่ยในที่สุด
"รู้ได้อย่างไร" อีกฝ่ายยิ้มเล็กน้อย
"ไม่รู้ แต่ไม่เหมือนกัน" โซลโทที่เจอมาหนักตลอดเวลานี้เริ่มไม่ไว้ใจ "ท่านเป็นใคร"
"ข้าเอาขนมมาให้" หญิงสาวตรงหน้าบอกเขา เลื่อนตะกร้ามาใกล้อีกหน่อยหนึ่ง "ข้าคือผู้ท่องไปในความคิด โซลโท เอชาน กินขนมเสีย คงจะช่วยเจ้าได้บ้าง"
โซลโทรับตะกร้าไว้โดยอัตโนมัติ เขาจะพูดอะไร แต่ผู้หญิงตรงหน้ากลับลุกขึ้นยืน เธอหันหลังเดินออกไป โซลโทเห็นว่าหางม้าที่รวบไว้เป็นทรงเดียวกับเรนานั้นเลื่อนหลุดออก ผมเธอยาวมาก...ยาวถึงสะโพก และมันก็ไม่ได้เป็นสีแดงอีกต่อไป เขากะพริบตา เขาคิดว่าเส้นผมเธอสีดำ ทว่ามีประกายบางอย่างเรือง ๆ
ทิวทัศน์รอบตัวเปลี่ยนไป กลายเป็นฤดูหนาวแต่เมื่อไรไม่ทราบ ต้นไม้ทิ้งใบหมดสิ้น แต่หญ้าบางส่วนยังเพียงถูกน้ำค้างจนกรอบ ไม่ถึงตาย หญิงสาวคนนั้นเดินไป และพบชายคนหนึ่ง ชายดังกล่าวอายุมากกว่าเธอ แต่ก็ยังถือว่าหนุ่มอยู่
โซลโทเห็นใบหน้านั้นจนรู้แล้ว เขารู้ว่านั่นคือลุงไซธีน...บางทีคงเมื่อลุงอายุยังไม่มากนัก สักร้อยสองร้อยปี เป็นวัยหนุ่มสำหรับคนที่มีเชื้อสายรูเซลคาเท่านั้นเอง
เขาเห็นลุงมองหญิงสาว ครั้นแล้วเขาก็รู้ สายตาอ่อนโยนนั้นเหมือนคนทุกคนในโลกนี้ยามทอดมองคนที่ตนรัก โซลโทเพิ่งรู้ตอนนั้นเองว่าหญิงคนนั้นคงเป็นไอดา เฮเบล กระมัง แต่เขาไม่เห็นหน้าเธอ เธอหันหลังให้ เรนากับเทย์บอกว่าไอดาเป็นมิวส์ มิวส์คือภูตที่เกิดจากความคิด
แต่เมื่อครู่นี้คืออะไร ไอดามาหาเขาหรือเปล่า ไอดาจริง ๆ ที่ละทิ้งร่างกายไปแล้ว แต่ก็ยังคงดำรงอยู่ได้เพราะเป็นภูตแห่งแรงบันดาลใจ ชายหนุ่มมองตะกร้าในมือตน ตะกร้าไม่หายไปไหน เขาเปิดตะกร้าดูแล้วก็เห็นขนมทำจากข้าวเจ้า...ก้อนหยุ่น ๆ ขาว ๆ คงจะมีไส้ เรนาก็ทำขนมแบบนี้เหมือนกัน นาน ๆ ที เวลาที่โซลโทต้องทำงานออกแรงมาก เธอว่าขนมแบบนี้ก้อนเดียวก็อิ่มแล้ว คนกินจะได้มีแรง
ชายหนุ่มหยิบขนมขึ้นมาถือไว้ ไม่แน่ใจว่าตนกินได้หรือ เขาไม่รู้เช่นกันว่าขนมมาโผล่ในความทรงจำเช่นนี้ได้ หมายความว่าไอดาจำเพาะมาหาเขาจริง ๆ เปล่า โซลโทเคยได้ยินว่าถ้ากินอาหารของโลกของคนตาย ก็จะไม่ได้กลับไป
...นั่นไม่ใช่อาหารในโลกนี้...ใครบางคนราวกระซิบแผ่วเบา...นั่นคือความสงบใจ...
โซลโทยังคงถือขนมค้าง พอพูดถึงความสงบใจ ก็อดคิดถึงลุงไซธีนไม่ได้ เขามองผ่านไป ยังคงเห็นลุงกับไอดา คนทั้งสองราวกับถูกตรึงให้อยู่ในท่วงท่านั้น บางทีคงเป็นการพบกันครั้งแรกกระมัง
เขาไม่เคยเห็นลุงเป็นอย่างนี้ เป็นหน้าตาที่ไม่นึกว่าจะมีด้วย ลุงมองไอดา ก็เหมือนเขามองเรนา เขาเข้าใจความรู้สึกนั้นดี
...นี่กระมังตัวตนที่แท้จริง...ชายหนุ่มคิดโดยไม่ทันรู้ตัว
...ไม่ใช่หรอก!...เสียงสำรวลดังแทรกขึ้นทันที...ไม่ใช่ สองในสามแล้ว โซลโท จงเตรียมตัวให้ข้ากิน...
เจ้าของร้านเอชานตัวแข็ง แต่กว่าเขาจะคิดอะไรได้ ก็ดูเหมือนไซธีนจะจากไปอีกแล้ว
โซลโทรู้สึกเหนื่อย สิ้นแรง ความกลัวผ่านเข้ามาในใจ ความรู้สึกเหล่านั้นทำให้เขายังไม่อยากไปจากที่นี่ อย่างน้อยที่นี่ก็มีทะเลสาบ มีต้นไม้ แม้จะเป็นหน้าหนาว อย่างน้อยลุงในโลกนี้ก็ออกจะเป็นมนุษย์มนากว่าในความทรงจำอื่นมาก และไม่มีความขมขื่นอะไร เขาจึงคิดว่าขอพักทีนี้สักครู่ มีแรงแล้วก็จะไปต่อ แม้เขาจะไม่แน่ใจว่าไปต่อแล้วจะเป็นอย่างไร
และไหน ๆ ไอดาให้ขนมมาแล้ว ก็ควรกินสักคำ
ตอนที่กัดขนมเข้าไปนั่นเอง โซลโทจึงเพิ่งรู้ตัวว่าหิว มันไม่เหมือนหิวข้าว แต่มีความหิวอยู่แน่ ๆ ยามกินขนมเข้าไปจึงค่อยรู้สึกได้ว่าตนดีขึ้น ความรู้สึกกลัว ไม่สบายใจ ความเครียด ความไม่แน่ใจ ทั้งหมดทั้งปวงดูเหมือนจะเบาบางลงอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แปลกยิ่งนัก แม้เมื่อโซลโทกินช้าลงแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกอะไรที่ลิ้น บรรยายไม่ถูกว่าขนมนี้อร่อยหรือไม่อร่อย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารสชาติเค็มหรือหวานกันแน่
"เป็นอย่างไร"
โซลโทสะดุ้ง ไม่รู้ว่ามีคนมาอยู่ข้างตัวแต่เมื่อไร เขาหันไป และเห็นผู้หญิงสีดำคนนั้น...ไอดา เฮเบล กระมัง เธอเหมือนเรนานิดหน่อย โดยเฉพาะที่ดวงตา
"ไม่รู้เหมือนกันขอรับ" เจ้าของร้านเอชานตอบอู้อี้
"ค่อย ๆ กิน แล้วค่อย ๆ คิดเถอะ"
"แต่...นี่ขนมอะไรหรือขอรับ"
"อาหารสำหรับวิญญาณ นายทะเบียนกับคนแจวเรือฝากมา" ไอดาบอกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา "ตอนยังอยู่โลกโน้น เจ้าเป็นคนมีน้ำใจ หรือไม่ใช่ ถ้าหากเป็นคนมีน้ำใจ เมื่อมาถึงที่นี่ก็จะได้รับน้ำใจ อะไรที่เจ้าทำให้คนอื่น ก็จะได้ตอบแทน"
โซลโทที่ยังมีขนมคาปากทำตาปริบ ๆ
"เจ้าเป็นคนมีน้ำใจ ผู้ใดมีความกังวล มีความทุกข์ เจ้าเคยช่วยเหลือไว้" อีกฝ่ายพูดต่อไป "นั่นเป็นของอย่างเดียวกัน เพียงแปรรูปให้เหมือนอาหารเท่านั้น คนที่มาถึงโลกแห่งความตายต้องกลัวทุกคน จึงต้องทำให้จำได้ แม้ว่าส่วนใหญ่ในไม่ช้าก็ต้องลืม เพื่อจะได้ไปเกิดใหม่ แต่เมื่อสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งที่ทำ และผู้คนบนโลกนั้นได้ แม้จะรู้สึกอาลัย แต่จิตใจก็จะสงบลง"
"หมายความว่า..." เจ้าของร้านเอชานหน้าเสีย "ข้าจะต้องตายจริง ๆ หรือขอรับ"
"นั่นแล้วแต่เจ้าเลือก ข้าเพียงมาทำให้จำได้" ภูตแห่งความคิดลุกขึ้นยืน "ข้าต้องไปแล้ว โซลโท ข้าไม่สามารถปกปิดไม่ให้ไซธีนรู้ตัวเช่นนี้ได้นาน ข้าจะบอกเจ้า เส้นแบ่งระหว่างตัวเจ้ากับไซธีนบางมาก เขามีชีวิตมานานกว่าเจ้าหลายร้อยเท่า ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าไซธีนชนะ หรือสามารถกลืนเจ้าได้ แต่หมายความว่าเจ้ามีสิทธิ์อยู่ครึ่งหนึ่งเช่นกัน เจ้าก็ลองคิดดู ตัวเจ้าเองเป็นใคร"
โซลโทยังคงไม่เข้าใจ
ทว่าไอดาไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว
จากคุณ |
:
ลวิตร์
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ต.ค. 54 03:59:59
|
|
|
|