ยิ่งใกล้วันพิพากษาโทษเจ้าชายกันนาร์ เจ้าหญิงกาอิยาห์ก็ยิ่งกระวนกระวายพระทัยจนนั่งไม่ติดที่ พระองค์เฝ้าแต่รอคอยการเสด็จกลับของประมุขแห่งกรีนแลนด์ หากรอแล้วรอเล่าก็ไม่มีวี่แววของราชาหนุ่ม หรือแม้แต่หญิงสาวที่เดินทางไปพร้อมกัน ซ้ำเจ้าภูติจิ๋วที่ทรงใช้ให้ไปส่งข่าวก็พลอยเงียบหายไปด้วยอีกตัว ไม่รู้ว่ามันหลงทางหรือว่าโดนจับเอาไปตุ๋นทำซุปเสียแล้ว
ในเมื่อวิธีของเจ้าชายกันนาร์ทำท่าจะไม่ประสบผลสำเร็จ เจ้าหญิงกาอิยาห์จึงเริ่มคิดถึงทางออกสุดท้าย นั่นคือลุยเข้าไปลักพาตัวพี่ชายจากคุกเสียเลย แต่มันติดตรงที่... พระองค์ไม่รู้จะลอบเข้าไปในคุกใต้ดินอีกครั้งได้อย่างไร โดยไม่ถูกทหารยามจับได้เสียก่อน
...ใช้วิธีวางยานอนหลับในเหล้าอีกหรือ?
ไม่น่าจะดี เพราะคราวที่แล้วขนาดไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกทหารยังตามล่าตัวเจ้าของเหล้าถุงนั้นซะแทบพลิกแผ่นดิน ขืนใช้เหล้าอีกครั้งมีหวังทั้งพระองค์ทั้งซิสถูกจับได้แหงๆ
...หญิง
หรือจะเปลี่ยนเป็นใช้ธนูอาบยานอนหลับ... คนคิดส่ายหัว ...ไม่เอาดีกว่า วิธีนี้ก็ไม่ดีเหมือนกัน ธนูมันเด่นเกินไปแถมยังอันตราย เกิดพลาดพลั้งถูกทหารตายเข้าจริงๆ ทีนี้ละเรื่องใหญ่กว่าเหล้าอีก ที่สำคัญซิสยิงธนูเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่พระองค์นั้นยิงไม่เป็นแน่นอน ...เจ้าหญิงเพคะ เอ...ยังมีอาวุธอะไรอีกมั้ยนะที่มีขนาดเล็ก แล้วก็โจมตีได้จากระยะไกลแบบฉึกเดียวเข้าเป้า เจ้าหญิงกาอิยาห์เพคะ! เด็กสาวสะดุ้งโหยงเมื่อคุณพี่เลี้ยงเอ่ยนามเป็นครั้งที่สามด้วยเสียงดังราวฟ้าผ่า พอหันไปเห็นหน้าตาบึ้งตึงของอีกฝ่าย รอยยิ้มแหยก็ตามมาโดยอัตโนมัติ
ม..มีอะไรหรือนอร่า เรียกซะเสียงดัง ตกใจหมด นอร่าตวัดหางตาค้อนผู้เป็นนายด้วยความหมั่นไส้
มีชาวแลมพ์ตันมาขอเข้าเฝ้าเพคะ
ชาวแลมพ์ตัน มาขอพบข้า ...ใครกัน
เจ้าหญิงกาอิยาห์หลุดพระโอษฐ์ถามออกไปแล้ว คำตอบก็พลันวาบเข้าสู่สมอง อารามดีพระทัยทำให้พระองค์แทบจะทิ้งหนังสือในพระหัตถ์ เสด็จพรวดพราดไปที่ห้องโถงด้านหน้าทันที โดยลืมไปว่าควรจะต้องประทับรออย่างสงบเสงี่ยมอยู่บนพระเก้าอี้ ให้นางกำนัลขานนามเบิกตัวผู้ขอเข้าเฝ้าอย่างเป็นทางการตามธรรมเนียมเสียก่อน จึงจะยอมให้คนผู้นั้นเข้าพบได้
ยังไม่ทันจะถึงที่หมาย พระสุรเสียงใสแจ๋วก็ดังนำไปก่อนแล้ว
เมล ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ข้ากำลังรอเจ้าอยู่พอ....
คำพูดสุดท้ายถูกกลืนหายไปในพระศอ เจ้าหญิงกาอิยาห์ชะงักกึกอยู่หน้าประตูห้อง ทอดพระเนตรไปยัง ชาวแลมพ์ตัน ที่นั่งรออยู่บนเก้าอี้พนักโค้งริมผนังด้วยอาการอ้าพระโอษฐ์ค้าง เขาไม่ใช่คนที่พระองค์กำลังรอคอยด้วยใจจดจ่อ หากแต่เป็นชายหนุ่มรูปงาม เจ้าของรอยยิ้มกรุ้มกริ่มและดวงตาคมซึ้งบาดใจสาว
ดูจากเครื่องแต่งกายที่ยังไม่ได้ผลัดเปลี่ยน ก็พอจะบอกได้ว่าชายหนุ่มเพิ่งเดินทางมาถึงลินเด็น แล้วคงรีบร้อนตรงมายังตำหนักแสงจันทร์เลยทีเดียว
ไม่ได้พบกันเสียนานนะเจ้าหญิงน้อย
ผู้เป็นแขกขยับลุกขึ้นยืนพลางค้อมกายลงอย่างล้อเลียน ดวงตาคมหวานแลกวาดทั่วร่างเด็กสาวอย่างพึงพอใจ ก่อนตวัดไปยังสตรีสาวใหญ่ท่าทางเข้มงวดที่ตามมาหยุดยืนอยู่เบื้องหลัง
นั่นไม่ใช่เมลของข้านี่นา
คำทักทายกึ่งถามของชายหนุ่ม ทำให้เจ้าหญิงกาอิยาห์ต้องเหลียวไปมองเบื้องพระปฤษฎางค์อย่างฉงน
อ๋อ... นี่นอร่าเพคะ พี่เลี้ยงของหม่อมฉันเอง เด็กสาวตอบแล้วเลยถือโอกาสแนะนำผู้เป็นแขกให้คุณพี่เลี้ยงได้รู้จักเสียเลย
นอร่า นี่เจ้าชายเอเดรียน โอรสองค์ที่สองของราชาซาเรียแห่งแลมพ์ตัน
ยินดีที่รู้จักครับนอร่า
เจ้าชายเอเดรียนปราดเข้าไปคว้ามือคุณพี่เลี้ยงที่กำลังย่อกายถอนสายบัว ยกขึ้นจุมพิศด้วยลีลาของหนุ่มเจ้าชู้ เล่นเอาสาวน้อยสาวใหญ่ในห้องนั้นพากันเขินอายหน้าแดงไปตามๆ กัน โดยเฉพาะเจ้าตัว พอชายหนุ่มปล่อยมือ นอร่าก็แทบจะลืมไปทีเดียวว่านางเคยบ่นเกลียดชาวแลมพ์ตัน เพราะพวกเขานั้นแสนจะป่าเถื่อนไร้วัฒนธรรม
เจ้าหญิงกาอิยาห์เอ่ยเชื้อเชิญผู้เป็นแขกให้เข้าไปสนทนากันในห้องนั่งเล่น หากเจ้าชายเอเดรียนทรงปฏิเสธอย่างนุ่มนวล อ้างว่ามีธุระต้องรีบกลับไปทำ แล้วตรัสถามถึงสิ่งที่ยังคาพระทัยอยู่อย่างไม่อ้อมค้อม
เมลของข้าอยู่ที่นี่หรือเปล่า
คนถูกถามกลืนน้ำลายเอื๊อก รู้อยู่เต็มอกว่าจุดประสงค์ในการมาเยือนกรีนแลนด์ของอีกฝ่าย ไม่ใช่เพื่อนำทหารผลัดใหม่มาส่งมอบตามพันธะสัญญา หากเป็นเพราะเขาต้องการตามตัวคู่หมั้นกลับไปเข้าพิธีแต่งงานที่แลมพ์ตันต่างหาก แน่นอนว่านางไม่เห็นด้วยและไม่มีวันยอมเด็ดขาด แต่ในเมื่อยังคิดไม่ออกว่าควรจะตอบอย่างไรดี ก็เลยใช้วิธีพื้นฐานคือฉีกยิ้มเอาไว้ก่อน
ว่าไงล่ะ ผู้เป็นแขกถามย้ำอีกครั้ง เมลอยู่ที่ไหน
เอ่อ.. ก็อยู่... แถวๆ นี้ละเพคะ
เจ้าหญิงชี้พระดัชนีไปรอบตัวแบบส่งเดช เรื่องที่จะให้บอกความจริงว่าเมลอยู่ไกลถึงเมืองลัสเตอร์สโตนนั้น ไม่มีอยู่ในสมองของพระองค์ตั้งแต่แรกแล้ว
เจ้าชายแห่งแลมพ์ตันเลิกพระขนงขึ้นเล็กน้อย ดวงเนตรคมกริบฉายแววครุ่นคิดที่เด็กสาวอ่านไม่ออก
ถ้างั้นเจ้าช่วยตามนางมาพบข้าหน่อยได้มั้ย
ตอนนี้เลยหรือเพคะ เจ้าหญิงย้อนถามอย่างลืมพระองค์ หากพอนึกขึ้นได้ก็รีบลดระดับเสียงลงพร้อมกับยิ้มจืดๆ
จ...จะดีหรือเพคะ
ชายหนุ่มทำหน้าพิศวง แล้วทำไมถึงจะไม่ดีล่ะ หรือว่าเจ้าไม่อยากให้ข้าได้เห็นหน้าคู่หมั้นของตัวเอง
เปล่าเพคะ ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่ เอ่อ... หม่อมฉันใช้ให้เมลออกไปทำธุระที่ตลาด... ข้างนอกปราสาทน่ะเพคะ ตอนนี้นางก็เลยไม่อยู่ กว่าจะกลับก็คงค่ำ
ถ้างั้นเจ้าบอกมาแล้วกันว่านางพักอยู่ที่ไหน ข้อจะไปรอพบนางเอง
อย่า เอ๊ย...ไม่ดีมั้งเพคะ เจ้าหญิงกาอิยาห์ชักเหงื่อตก แต่ก็ยังอุตส่าห์หาเหตุผลมาสนับสนุนคำปฏิเสธจนได้
คือ ที่กรีนแลนด์มีกฎเข้มงวดมากเพคะ ห้ามชายหญิงที่มิใช่คู่สมรสอยู่ด้วยกันสองต่อสองในยามวิกาล หรือต่อให้ไม่ใช่ยามวิการแต่เป็นที่ลับตาคนก็ไม่ได้เพคะ... ข้อหลังนี้ทรงเติมขึ้นมาเองสดๆ ร้อนๆ
เจ้าชายเอเดรียนนิ่งไปอึดใจหนึ่งก็ถอนพระปัสสาสะออกมาอย่างยอมจำนน หากพระโอษฐ์ยังยิ้มเมื่อทรงตอบว่า
ก็ได้ เพื่อไม่ให้ขัดกับกฎอะไรที่เจ้าว่า ข้าจะมาใหม่พรุ่งนี้ก็แล้วกัน
เพคะ เด็กสาวรีบรับคำด้วยความโล่งอก
หลังจากมองดูจนแน่ใจว่าร่างสูงสง่าของผู้เป็นแขกลับหายไปจากกรอบประตูเรียบร้อยแล้ว เจ้าหญิงกาอิยาห์ก็แทบจะรูดพระวรกายลงประทับกับพื้นห้องด้วยอาการหมดเรี่ยวแรง ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่จะต้องเผชิญในวันรุ่งขึ้น พระองค์ก็อดที่จะกุมขมับไม่ได้ เจ้าชายเอเดรียนไม่ใช่คนโง่ ลำพังแค่คำพูดบ่ายเบี่ยงไปเรื่อยๆ ของเด็กสาวคนหนึ่ง ไม่มีทางหลอกเขาได้สำเร็จแน่ นอกเสียจากจะยอมให้เขาได้พบกับเมล
พบกับเมลอย่างนั้นหรือ...
ความคิดบางอย่างสว่างวาบขึ้นในสมองของเจ้าหญิงกาอิยาห์ เพียงครู่เดียวรอยแย้มสรวลเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นบนเรียวโอษฐ์
เสียงก้อนหินกระทบบานหน้าต่างดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ดังมาแล้วไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง ตามติดด้วยเสียง เพล้ง พร้อมกับวัตถุบางอย่างลอยหวือมากระทบศีรษะเจ้าของห้องก่อนตกลงสู่พื้น เด็กหนุ่มรามือจากการชโลมน้ำมันลงบนดาบ ก้มลงหยิบก้อนหินสีเทาอ่อนขนาดย่อมกว่ากำปั้นเด็กนิดเดียวขึ้นมาเพ่งพิศ นี่ถ้าหากคนขว้างออกแรงมากกว่านี้อีกสักหน่อย เขาคงหัวแตกไปแล้ว
ซิสก้าวยาวๆ จากโต๊ะกลางห้องไปที่หน้าต่าง เปิดมันออกกว้างทั้งสองบานแล้วชะโงกหน้าลงตะโกนใส่ความมืดมิดเบื้องล่างอย่างฉุนจัด
เฮ้ย หยุดสักที จะขว้างขึ้นมาทำไมนักก้อนหินเนี่ย คิดจะฆ่ากันหรือไง
ใครจะฆ่าใคร เสียงใสๆ แหวกลับมาทันควัน
ข้าแค่จะเรียกเจ้าให้ออกมาคุยกันหน่อยเท่านั้น เจ้าก็เล่นตัวอยู่ได้นี่นา
เด็กหนุ่มถอนใจเฮือก นึกแล้วเชียวว่าคนใต้หน้าต่างต้องไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากยัยเจ้าหญิงม้าดีดกระโหลก
ก็ทำไมไม่เคาะประตูเรียกกันดีๆ เล่า เล่นขว้างหินแบบนี้ใครจะไปรู้ ที่สำคัญเจ้าทำกระจกข้าแตกด้วย
ช่างกระจกมันเหอะน่า นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายนะซิส
ซิสทำหน้าเมื่อย ...เรื่องคอขาดบาดตายของเจ้าหญิงกาอิยาห์จะมีอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องพี่ชาย คราวก่อนเขาก็ถูกลากไปจนถึงคุกใต้ดินทีหนึ่งแล้ว คราวนี้นางจะหาเรื่องอะไรมาให้ปวดหัวอีกล่ะ...
แม้จะไม่เต็มใจ หากเด็กหนุ่มก็ยอมโหนตัวข้ามขอบหน้าต่างลงมายืนอยู่บนพื้นดินชื้นแฉะข้างเงาร่างเล็กๆ ในชุดกระโปรงฟูฟ่องจนได้ เขาปรายตามองเครื่องแต่งกายเต็มยศของอีกฝ่ายแล้วต้องเลิกคิ้วขึ้นสูง แต่ยังไม่ทันได้ปริปากถาม คนเป็นเจ้าหญิงก็ชิงพูดขึ้นเสียเองเหมือนจะแก้ตัว
ข้ารีบน่ะ เลยไม่ทันได้ปลอมตัว ...ว่าจะชวนเจ้าไปที่วิหารด้วยกันหน่อย
วิหาร... ไปทำไม?
หาของที่ทำตกไว้คราวก่อนน่ะสิ คิดว่ามันน่าจะยังอยู่ที่เดิม
ซิสจ้องหน้าเด็กสาวด้วยความอัศจรรย์ใจอย่างบอกไม่ถูก หาของตอนกลางคืนเนี่ยนะ แล้วตอนกลางวันเจ้ามัวไปทำอะไรอยู่
ข้าก็มีธุระของข้าบ้างสิ... เอ้า ว่ายังไง ตกลงจะไปหรือเปล่า
เด็กหนุ่มมีอาการลังเลอยู่เพียงครู่เดียวก็ตัดสินใจพยักหน้า
ก็ได้
ดี งั้นเจ้ากลับขึ้นไปเอาตะเกียงกับเชือกยาวๆ มาด้วย เร็วเข้า ข้าจะรออยู่ตรงนี้แหละ
ซิสขมวดคิ้ว ...ตะเกียงนั้นเขาพอจะเข้าใจว่าต้องใช้เพื่อส่องทาง แต่เชือกนี่สิ ยังนึกไม่ออกว่ายัยเจ้าหญิงม้าดีดกะโหลกจะให้เขาแบกไปด้วยทำไมให้หนักเปล่าๆ แม้จะข้องใจ หากเด็กหนุ่มก็ไม่ปริปากถาม คงทำตามคำสั่งเอาแต่ใจที่ได้รับแต่โดยดี
เมื่อกลับออกมาอีกครั้ง เขาก็เดินตามเจ้าหญิงกาอิยาห์ไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าวิหารจันทรา เด็กสาวก้าวฉับๆ ขึ้นบันไดนำลิ่วไปยังแท่นบูชาด้านในด้วยความใจร้อน นางก้มๆ เงยๆ มองที่พื้นหินเหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยืนจ้องก้านโลหะสีคล้ำเข้มที่ดัดเป็นลวดลายอ่อนช้อยคล้ายเถาไม้เลื้อย รองรับกระถางดินเผาก้นกลมปากผาย มีกองฟืนท่อนสั้นสุมอยู่เกือบเต็มพร้อมด้วยเปลวไฟที่ลุกเรือง ราวกับไม่เคยเห็นมันมาก่อน
มัวดูอะไรอยู่ จะหาของก็รีบหาเข้าสิเจ้าหญิง ซิสร้องเร่งอย่างรำคาญเต็มแก่
ก็กำลังหาอยู่นี่ไงเล่า
หาอะไรของเจ้า ข้าเห็นเจ้ายืนเฉยมาตั้งแต่ตะกี้แล้ว
ก็หาทางลงไปใต้วิหารน่ะสิ
คนฟังแทบทำตะเกียงพลัดหลุดมือ
หาทางลงไปใต้วิหารเนี่ยนะ คราวก่อนเกือบตายอยู่ในนั้นเจ้ายังไม่เข็ดอีกหรือไง
ข้าก็ไม่ได้อยากลงไปนักหรอกน่า แต่มันจำเป็นนี่ หวีของเมลตกอยู่ข้างล่าง ข้าต้องไปเอามันขึ้นมา เจ้าหญิงโต้กลับทั้งที่ยังไม่ละสายพระเนตรจากภาชนะดินเผาที่มีเปลวไฟลุกเริงตรงหน้า พระองค์ตรัสต่อไปคล้ายรำพึงกับองค์เองมากกว่าจะพูดกับอีกฝ่าย
คราวที่แล้วข้าสะดุดพื้นหินตรงนั้น แล้วก็เซมาตรงนี้ ทรงสาวพระบาทไปตามที่พูด มือเลยปัดไปโดนกระถางไฟเอียงจนเกือบล้ม
ระหว่างที่พระโอษฐ์ทบทวนเหตุการณ์ หัตถ์ขาวนวลก็ยื่นออกไปสัมผัสกระถางไฟแล้วออกแรงผลักเบาๆ จนกระทั่งกระถางดินเผาบนขาตั้งทรงสูงเบนออกจากตำแหน่งเดิมเล็กน้อย
เจ้าหญิง!!
ซิสร้องเรียกเสียงหลง ทำเอาคนถูกเรียกพลอยสะดุ้งไปด้วย นางหันขวับไปมองเด็กหนุ่มตาขุ่น หากยังไม่ทันได้พูดอะไร ฝ่ายนั้นก็บุ้ยใบ้ไปที่พื้นศิลาซึ่งขยับแยกออกจากกันเป็นช่องกว้างประมาณหนึ่งฝ่ามือ เด็กสาวอ้าปากค้างอย่างลืมตัว พอจะก้าวเข้าไปดูให้ชัด แผ่นหินตรงหน้าก็กลับเลื่อนชิดติดกันดังเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียแล้ว
เจ้าหญิงกาอิยาห์หันขวับไปมองกระถางไฟ แล้วเกือบจะต้องอ้าพระโอษฐ์ค้างอีกรอบ เมื่อพบว่าวัตถุชิ้นนั้นก็กลับมาตั้งอยู่ในสภาพตรงแน่วราวกับไม่เคยถูกผลักให้เอนออกจากที่มาก่อนเช่นเดียวกัน
...หรือว่า นี่คือวิธีเปิดทางลงไปใต้วิหาร... ไวเท่าความคิด พระองค์ออกแรงผลักกระถางไฟจนมันเอนไปสุดทาง แล้วรีบหันมาเฝ้าดูพื้นหินอ่อนด้วยพระทัยจดจ่อ คราวนี้มันเลื่อนห่างจากกันจนเกิดเป็นช่องว่างขนาดสี่ศอกเศษให้เห็นกับพระเนตร ใช่จริงๆ ด้วย!! ซิสปรายตามองเจ้าของเสียงอุทานแวบหนึ่ง ก่อนขยับเข้าไปชะโงกหน้ามองหลุมลึกที่เพิ่งปรากฏขึ้น แล้วออกความเห็นโดยไม่ต้องมีใครร้องขอ
ถ้าจะลงไปข้างล่างนั่น เจ้าต้องหาอะไรมาขัดกระถางไฟเอาไว้ก่อน ไม่งั้นกลไกมันจะดีดกลับที่เดิม ทว่าในห้องนั้น นอกจากคบไฟก็มีเพียงแท่นบูชา ซึ่งไม่น่าจะใช้การได้ทั้งสองอย่าง เจ้าหญิงกาอิยาห์จึงสรุปง่ายๆ เจ้าแหละ ไปนั่งขวางมันเอาไว้หน่อย ข้าอีกแล้วหรือ ซิสใช้นิ้วชี้จิ้มจมูกตัวเอง แน่นอนสิ ไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร ก็ข้าต้องลงไปหาหวีข้างล่างนี่ เอ้า ส่งเชือกกับตะเกียงมาแล้วหันหน้าไปทางโน้นด้วย เด็กหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมทำตามคำสั่งของอีกฝ่าย ทำไมจะต้อง หันไปทางโน้น เขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็เดินไปทรุดลงนั่งพิงกระถางไฟ หันหลังให้คนเป็นเจ้าหญิงโดยดี เจ้าหญิงกาอิยาห์จัดการมัดเชือกด้านหนึ่งให้เป็นปมห่างๆ กัน ก่อนนำปลายอีกด้านไปผูกไว้รอบโคนเสาต้นที่อยู่ใกล้กับรอยแยกบนพื้นห้องมากที่สุด เมื่อลองดึงดูว่าแน่นดีแล้ว พระองค์จึงผูกตะเกียงเข้าที่ปลายเชือก หย่อนมันลงไปในหลุมลึก แล้วถอยกลับมาถอดฉลองพระบาทกับชุดสีชมพูขลิบลูกไม้ตัวนอกออกจากร่าง เหลือไว้เพียงชุดชั้นในผ้าฝ้ายสีขาว
ซิสเริ่มเป็นห่วงเพราะเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนานผิดปกติจึงเอี้ยวตัวกลับมามอง พอเห็นสภาพของด็กสาวเต็มตา เขาก็ร้องลั่น
เฮ้ ย! เจ้าจะทำอะไรน่ะ ถอดเสื้อทำไมกัน อ้าว จะไต่เชือกลงไปข้างล่างก็ต้องถอดสิ เจ้าจะให้ข้าลงไปทั้งชุดเต็มยศนี่หรือไง เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำ รีบหันหลังกลับแทบไม่ทัน ก็ใครบังคับให้เจ้าต้องไต่ลงไปเองเล่า เรื่องแค่นี้บอกมาคำเดียว ข้าทำแทนให้ก็ได้ เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงพระสรวลกับท่าทางร้อนรนของอีกฝ่าย ไม่เอาละ เจ้าตัวหนักกว่าข้าตั้งเยอะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นข้างล่างนั่น ใครจะลากเจ้ากลับขึ้นมาบนนี้ไหว ข้าไม่ได้มีแรงมากมายขนาดนั้นหรอกนะ ซิสเงียบไปอย่างยอมจำนน ก่อนพึมพำคำพูดที่คนเป็นเจ้าหญิงไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ยินจากปากของเขา ถ้างั้นก็... ระวังตัวด้วยล่ะ... แน่นอน มือชั้นนี้แล้วน่า เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าหญิงกาอิยาห์ค่อยๆ ไต่ลงไปตามเส้นเชือกโดยอาศัยปมที่ทรงทำไว้เป็นที่ยึดเกาะ เรื่องนี้ไม่ยากสำหรับพระองค์ เพราะทรงแอบหนีออกจากตำหนักจนชินเสียแล้ว เพียงแต่ต้องคอยเกร็งข้อพระหัตถ์ให้ดี เพื่อไม่ให้ตะเกียงที่ผูกอยู่สุดปลายเชือกเหวี่ยงไปกระทบผนังศิลาจนแตกเป็นเสี่ยงๆ เสียก่อนเท่านั้น
แสงสีเหลืองนวลจากดวงตะเกียงที่แกว่งไกวอยู่ใต้ร่าง ก่อให้เกิดรูปเงาวูบวาบชวนเวียนหัว พระองค์พยายามไม่ใส่ใจกับมันด้วยการเพ่งสมาธิไปยังพื้นหิน เท่าที่ลองคะเนดูด้วยสายตา ฐานตะเกียงน่าจะลอยอยู่สูงจากพื้นประมาณหกฟุตเศษ มากกว่าความสูงของพระองค์แน่นอน หากก็เป็นระยะที่พอจะกระโดดลงไปยืนได้โดยไม่ถึงกับทำให้เจ็บตัวมากนัก
เด็กสาวปล่อยมือเมื่อไต่ลงมาจนเกือบสุดปลายเชือก พื้นศิลาแข็งกระด้างกระแทกฝ่าเท้าเต็มแรงจนนางต้องสูดปาก ร่างแบบบางเสียหลักเซไปเล็กน้อย หากเมื่อทรงตัวได้ นางก็เริ่มกวาดสายตามองหาของสำคัญชิ้นนั้นทันที
ข้าถามจริงๆ เถอะเจ้าหญิง เจ้าจะอยากได้หวีของท่านเมลไปทำไมกัน หวีของตัวเองก็น่าจะมีอยู่เป็นสิบๆ อันแล้วไม่ใช่หรือ
ซิสอดซักไม่ได้ เสียงถามของเขาที่สะท้อนก้องอยู่ในอุโมงค์ใต้พื้นวิหารฟังแปร่งแปลกราวกับเป็นเสียงของผู้อื่น
ก็จะเอามาสร้างเมลตัวปลอมน่ะสิ
สร้าง... อะไรนะ? เด็กหนุ่มนึกว่าตนหูฝาดไปแล้ว
เมลตัวปลอม ข้าหมายถึงตุ๊กตาที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเมลทุกอย่างน่ะ ตอนนี้เมลไม่อยู่ที่ลินเด็น ข้าเลยจำเป็นต้องใช้มันเพื่อหลอกเจ้าชายเอเดรียน... รู้แล้วเจ้าก็เหยียบเอาไว้เลยนะ เจ้าหญิงกาอิยาห์ตะโกนตอบกลับไปโดยที่ดวงเนตรยังไม่หยุดแลหาสิ่งที่ทรงต้องการ
เงียบไปอึดใจใหญ่ คำถามใหม่ก็ดังขึ้นอีก
ทำไมต้องหลอก
คราวนี้เสียงของเด็กหนุ่มดูเหมือนจะทุ้มต่ำกว่าเดิมจนรู้สึกได้ หากคนเป็นเจ้าหญิงไม่ทันสังเกต เพราะมัวแต่แหงนมองแผ่นผนังที่มีรากไม้ห้อยเต็มตรงหน้า
ก็เจ้าชายเอเดรียนจะพาเมลกลับแลมพ์ตันนี่นา แต่ข้าอยากให้เมลอยู่กับข้ากับพี่กันนาร์ที่กรีนแลนด์ เลยต้องสร้างเมลตัวปลอมขึ้นมาหลอกให้เจ้าชายเอเดรียนพากลับแลมพ์ตันแทนตัวจริง... อ๊ะ! อยู่นั่นเอง
หวีกระอันเล็กๆ ห้อยพันอยู่กับรากไม้ สูงเลยศีรษะของเด็กสาวขึ้นไป
ซิส ข้าเจอมันแล้ว
เจ้าหญิงกาอิยาห์พยายามกระโดดเพื่อใช้พระหัตถ์เขี่ยหวีที่อยู่สูงเกินเอื้อมให้ตกลงมา พระองค์ต้องทำเช่นนั้นอยู่หลายครั้งกว่าหวีกระอันน้อยจะยอมเลื่อนหล่นลงมาที่พื้นสมพระทัย
ได้แล้วซิส ทรงร้องบอกเด็กหนุ่มอย่างดีใจก่อนเสด็จย้อนกลับไปหาเส้นเชือกที่ห้อยต่องแต่งอยู่เหนือพระเศียร มันอยู่สูงเกินกว่าที่พระองค์จะคว้าปลายถึง จึงตะโกนสั่งให้คนข้างบนปลดเชือกจากเสาแล้วหย่อนลงมาเพื่อที่พระองค์จะได้ยึดปลายข้างหนึ่งเอาไว้ แล้วให้เขาสาวดึงขึ้นไป
พอขาดคำ ปลายเชือกก็เลื่อนต่ำลงมาเร็วทันใจ เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงแก้ปมที่ผูกหูตะเกียงออก รวบมันไว้ด้วยกันในพระหัตถ์ข้างหนึ่ง จากนั้นจึงตะโกนบอกคนข้างบนให้ออกแรงดึง เพียงอึดใจเดียวร่างแบบบางก็ลอยขึ้นสู่พื้นวิหาร มือใหญ่แข็งแรงของใครบางคนเอื้อมมาคว้าต้นแขนของพระองค์ ฉุดให้ก้าวขึ้นยืนบนแผ่นหินตรงหน้าอย่างนุ่มนวล เพียงแต่ว่า...
นั่นไม่ใช่มือของซิส!
เจ้าชายเอเดรียนประทับนั่งหมิ่นๆ อยู่บนขอบแท่นบูชา พลิกหวีกระหุ้มทองในพระหัตถ์ดูด้วยท่าทางสนใจยิ่ง มีเจ้าหญิงกาอิยาห์ที่สวมเสื้อตัวนอกกลับคืนเรียบร้อยแล้วยืนหน้าม่อยอยู่เบื้องพระพักตร์ ส่วนเด็กรับใช้หนุ่มน้อยอีกผู้หนึ่งนั้น ถูกทหารผู้ติดตามของพระองค์รวบตัวไว้อย่างแน่นหนาตั้งแต่ต้น จึงไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงเตือนเพื่อนร่วมชะตากรรมแม้แต่แอะเดียว ปล่อยให้นางสาธยายแผนการทั้งหลายจนหมดเปลือก
นี่หรือหวีของเมล เสียงเจ้าชายเอเดรียนตรัสถามเบาๆ คล้ายรำพึงมากกว่าจะต้องการคำตอบจริงจัง หากเด็กสาวก็ยังสะดุ้งอยู่ดี
พ..เพคะ
สวยดีนี่ รอยยิ้มยั่วเย้าผุดขึ้นบนเรียวโอษฐ์งามได้รูป ถ้างั้นข้าจะเก็บเอาไว้คืนให้นางเองก็แล้วกัน เจ้าคงไม่ขัดข้องสินะกาอิยาห์
เจ้าหญิงกาอิยาห์มองหวีอันน้อยที่ถูกหย่อนลงในถุงหนังข้างเอวอีกฝ่ายด้วยความเสียดายสุดขีด นางจะมีปัญญาไปขัดข้องได้อย่างไร ในเมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขาพร้อมของกลางขนาดนี้ อย่างมากที่ทำได้คือกล้ำ กลืนความเจ็บใจเอาไว้ แล้วก้มหน้าก้มตา เพคะ อีกรอบเท่านั้นเอง
เจ้าชายเอเดรียนทรงพระสรวลเสียงนุ่ม ลุกเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กสาว แกล้งยื่นพระพักตร์เข้าไปใกล้จนลมหายพระทัยอุ่นจัดรินรดแก้มนวล แม้ท่าทางที่ทรงแสดงออกจะไม่ใช่การขู่ขวัญ หากประโยคที่ตรัสออกมาทั้งยังยิ้มนี่สิ ทำเอาคนฟังหน้าซีดเผือด
ในเมื่อเจ้าเคยบอกว่าที่ลินเด็นมีกฎเข้มงวด ห้ามชายหญิงที่ไม่ใช่คู่สมรสอยู่ด้วยกันตามลำพัง ถ้างั้นเจ้าก็น่าจะรู้นะว่าข้าคงเก็บเรื่องนี้เอาไว้เฉยๆ โดยไม่กราบทูลให้พระนางแอนน์ทรงทราบไม่ได้...
ผู้พูดแกล้งหยุดเพื่อรอดูปฏิกิริยาของเด็กสาว ก่อนจะทรง รุกฆาต ต่อไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลดุจกำมะหยี่
...เว้นเสียแต่ว่า เจ้าจะพาข้าไปพบเมล หรือไม่ก็บอกความจริงมาว่าตอนนี้นางอยู่ที่ไหน อ้อ! อีกนิดหนึ่งเผื่อเจ้าจะลืม ข้าได้ยินหมดแล้วว่าเมลไม่ได้อยู่ที่ลินเด็น
เพราะถูกชายหนุ่มดักคอเสียก่อนแล้ว โอษฐ์จิ้มลิ้มที่เผยออ้าเตรียมตอบโต้เลยต้องหุบดังกึก ดวงพักตร์นวลใสงอง้ำเป็นม้าหมากรุก เนตรคมตวัดค้อนปะหลับปะเหลือก แต่ครั้นจะไม่ตอบอะไรเสียเลย เจ้าหญิงกาอิยาห์ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะทำตามคำขู่จริงๆ จึงต้องฝืนพระทัยตรัสอ้อมแอ้มออกไปในที่สุด
ลัสเตอร์สโตนเพคะ
หือ... เจ้าชายเอเดรียนส่งเสียงในลำคออย่างแปลกพระทัย
ลัสเตอร์สโตนหรือ แล้วนางไปทำอะไรที่เมืองอัญมณีในแคว้นอังมาร์กันล่ะ
คราวนี้เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงปิดปากเงียบ และดูเหมือนอีกฝ่ายก็ไม่ได้คาดคั้นเพื่อจะเอาคำตอบเช่นเดียวกัน
แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 54 11:26:51
จากคุณ |
:
akihiro
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ต.ค. 54 11:24:49
|
|
|
|