Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กลร้ายในเงารัก - บทที่ 4 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11192618/W11192618.html

บทที่ 4

ถ้วยกาแฟในมือร่วงตกแตก เศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยเกลื่อนกระจายแทบเท้านี่เอง

หากแต่ประกายตระหนกในดวงตาเรียวหวาน กลับจับจ้องไปยังอคิน ที่ปรากฏตัวอย่างเหนือความคาดหมาย ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบราวกับไร้ความรู้สึก ทั้งที่ดวงตาเรียวหวานแต่เจิดจ้าคู่นั้น ก็จ้องประสานตาแตกตื่นของเธอเขม็ง

"กะ.. เกิด.. เกิดอะ.. อะไรขึ้น" เธอตะกุกตะกัก พลางโผเข้าประคองสามีในวงแขนประคองของเพื่อนเก่า

"ไม่มีอะไร ใจเย็นก่อนนะที่รัก พี่อธิบายได้ พาพี่ไปนั่งซิ สั่งอนงค์เตรียมกาแฟของว่างมาเลี้ยงแขกด้วย อ้อ จัดห้องพักที่เรือนเล็กหลังสวนกล้วยไม้ให้ด้วย"

'หมายความว่าอคินจะพักที่นี่หลายวันหรือ' พุธชมพูพร่ำถามตัวเองด้วยใจตะครั่นตะครอ

เธอหวาดกลัวแววตาเจิดจ้าที่ไม่เคยจางแสงของความรัก หากแต่ขณะเดียวกัน เธอก็แลเห็นแสงประหลาดน่าพรั่นพรึงแทรกปนอยู่ด้วย เวลานี้อาจจะยังไม่เข้าใจนัก แต่ถ้าจะให้ดี เธอก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ และเขาก็ไม่ควรพักอยู่ที่นี่แม้แต่วันเดียว

"อุ๊ย ระวังค่ะ ทำไมสะดุดได้ละคะ อุ๊ย พี่ดนัย"

พุธชมพูต้องสลัดภวังค์กังวลออกไปก่อน รู้สึกตกใจระคนผิดสังเกตกับวิถีก้าวย่างอย่างลังเลของสามียิ่ง

เขาสะดุดเก้าอี้ตัวนั้นตัวนี้ บ้างก็ขา บ้างก็มุม แล้วครั้งล่าสุด ก็เท้าแขนพลาด มันไถลลงจากเบาะโซฟา บางที เขาคงหย่อนลงสำรวจว่าถึงที่ที่จะนั่งหรือยัง แต่ร่างที่คะมำลง ก็ทำให้เธอต้องรีบพยุงกอดอย่างเป็นห่วง

"นั่งค่ะ" เธอประคองร่างอบอุ่นลง ลูบแขนลูบมือ ก่อนจะช่วยถอดแว่นตาดำ แต่เขากลับเบนหน้าหนี "ทำไมคะ"

"ยาหยี พี่มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างอยากบอก แต่เราต้องสัญญาว่าจะกุมมือพี่ไว้อย่างนี้ตลอดไป ทำได้ไหม"

"ได้ค่ะ"

"พี่ประสบอุบัติเหตุนิดหน่อย ตอนอยู่เกาหลี ระบบสายตามีปัญหา และทำให้มองไม่เห็นสักสองสามเดือน"

"คะ"

ดนัยดลแสนสงสารเสียงครางแผ่วของภรรยานัก เดาว่าหน้าเธอคงเผือดและซีดไปเลย น้ำตาอาจจะรื้นอย่างหวาดกลัวระคนตระหนก มือเล็กเริ่มสั่นและเย็นลงจนเขาต้องเป็นฝ่ายบีบคลึงอย่างให้กำลังใจ

"พี่ดนัย"

"ทูนหัว พี่สบายดี"

เขาโอบกอดร่างสั่นระริกไว้อย่างแสนรัก ไม่รู้สักนิดว่า อิริยาบถหวานที่ตนทำ มันคือมีดคมกริบ ที่กำลังกระหน่ำจ้วงลงในหัวใจชอกช้ำของอคิน

"แล้วพี่ดนัยจะหายใช่ไหมคะ" พุธชมพูร้องไห้จริงๆ แล้วล่ะ เธอหวาดกลัวกับการเปลี่ยนแปลงที่จำเพาะต้องมาเกิดขึ้นในวันที่อคินปรากฏตัวเป็นแขก

"หายสิ หมอยืนยันแล้วว่าภายในสองหรือสามเดือน เร็วช้าก็ไม่เกินไปกว่านี้ พี่ต้องกลับมามองเห็นเหมือนเดิม อาจต้องใช้การผ่าตัดช่วยบ้าง ซึ่งพี่ก็ไม่มีปัญหา คิดถึงพุธจังเลย ขอโทษนะครับ ที่พี่ปิดบังเรื่องนี้ไว้ เพราะไม่อยากให้เราไม่สบายใจ"

"ตอนนี้ก็ไม่สบายใจ" ภรรยาแทรกตัดพ้อมาเสียงเครือปนสะอื้น

"โถ ทูนหัวของพี่" สามีก็ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอารี กิริยาลูบศีรษะก็แลเอ็นดูเสียจัง "เอ้อ เกือบลืม รู้จักกันไว้สิ นี่คุณอคิน เพื่อนคนไทยที่พี่เล่าให้ฟังไง ตอนนี้เขาตกลงจะมาเป็นหุ้นส่วนกับพี่แล้วนะ"

อคินไม่ยิ้มเลย เขาจ้องเขม็งเฉพาะดวงตาเรียวหวานที่เขาประทับใจและจดจำไม่เคยรู้ลืม พุธชมพูที่เขาโหยหาทุกค่ำคืน ผู้หญิงผิดสัญญา ใจโลเลและหน้าเงิน มานั่งอยู่ตรงหน้าแล้ว

ไหนเล่าคำถามที่เขาเตรียมไว้ มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ปากเขาเป็นอะไร ถูกฉีดยาชาไว้หรือ มันถึงเปิดไม่ออก ได้แต่เม้มแน่น แล้วปล่อยให้กรามข้างในบดหยาบไปตามกระแสคับแค้นแข็งกร้าว

"คุณอคิน นี่ไงครับ คนนี้แหละ ยาหยีที่รักของผม เธอชื่อพุธชมพู สวยอย่างที่ผมโม้ไว้หรือเปล่า"

"ไม่เลยครับ คุณดนัยไม่ได้โม้สักนิด เธอสวยกว่าที่ผมจินตนาการไว้เสียด้วยซ้ำ"

อคินตอบด้วยเสียงต่ำ มันถูกเค้นลอดไรฟันให้พุธชมพูได้ยินด้วยใจพรั่นพรึงประหลาด อคินเป็นหนุ่มอารมณ์ร้าย นิสัยเอาแต่ใจของเขามันน่ากลัว เขาจะไม่ยอมอะลุ่มอล่วยให้กับความปรารถนาของตัวเอง เมื่อเขาบอกว่าต้องการ เขาต้องได้สถานเดียว

"พุธจะไปดูความเรียบร้อยในครัวสักประเดี๋ยวนะคะ"

"จ้ะที่รัก ตามสบาย พี่สัญญาว่าจะไม่ลุกไปไหน จนกว่ายาหยีจะมาประคอง"

สามีน่ารักน่าเทิดทูนยิ่ง จนตัวเองกลายเป็นคนพิการไปแล้ว แต่น้ำเสียงยังคงปลอดโปร่ง บอกความอารมณ์ดี

ประโยคแฝงอารมณ์ขันเมื่อครู่ ก่อความเศร้าสลดขึ้นในใจของภรรยา น้ำตาพลันรื้นอุ่น แต่ก็ต้องรีบแข็งขืนสะกดไว้ไม่ให้ไหล ในภาวะเช่นนี้ เธอต้องเข้มแข็งไว้ อย่าให้สามีพะวักพะวนหลายด้านนัก

"ผมขอเข้าห้องน้ำ ถ้าไม่รบกวนเกินไป คุณผู้หญิงช่วยนำทางได้ไหมครับ" อคินเริ่มเผยความปรารถนาทันที

"บ้า คุณผู้หญิงอะไร เรียกพุธก็ได้ คุณสองคนน่าจะวัยไล่เลี่ยกัน เป็นเพื่อนกันได้ อย่าไปเรียกเธอให้แก่กว่าตัวเองเลย"

"ตกลง ผมจะไม่ขัดใจคุณ เพื่อให้คุณสบายใจ เอาเป็นว่า ผมจะเรียกภรรยาของคุณว่าพุธ พอใจแล้วใช่ไหม"

ดนัยดลหัวเราะในลำคอ มือก็เริ่มป่ายไปด้านข้าง จำได้ว่าภรรยาชอบประดับหมอนอิงเอาไว้ พอนิ้วกระทบก็ยิ้มกว้างอย่างยินดี

ไม่เห็นหรอกว่าภรรยายืนมองน้ำตาไหลอย่างสะทกสะท้อน ไม่เห็นหรอกว่า เพื่อนต่างรุ่นกำลังใช้แววตาประหลาดจับจ้อง แม้แต่อิริยาบถที่ทั้งสองยืนจ้องหน้าเหมือนศัตรูเก่าพบพาน เขาก็ 'ไม่เห็น'



ต้นแขนเล็กเจ็บวูบด้วยแรงกระตุกฮึกเหิม ร่างโปร่งซวนเข้าหาแผงอกกำยำ สองแขนแข็งแรงและร้อนจัด รีบกระหวัดกักขัง พร้อมกับขึงตาเข้มดุ สะกดไม่ให้ส่งเสียงอุทธรณ์ใดๆ นอกจากยอมจำนนให้เขาซึมซับไออุ่นที่ห่างหายไปนานเกือบสิบปีทีเดียว

"ทำไมพุธ ทำไมไม่รอเราก่อน ทำไมผิดสัญญา" คำถามที่เตรียมไว้โผล่มาแล้ว ผ่านสุ้มเสียงกร้าวระคนเจ็บปวด

"ปล่อยพุธเดี๋ยวนี้ อคินกำลังเสียมารยาทนะ เดี๋ยวนี้พุธไม่ใช่คนตัวเปล่าอีกแล้ว พุธมีสามีแล้ว เขาเป็นเพื่อนอคินด้วยไม่ใช่หรือ"

"ใช่ เรากับคุณดนัยเป็นเพื่อนกัน มันเจ็บใจตรงนี้แหละ เป็นเพื่อนกันตั้งนาน ฟังเขาโอ้อวดภรรยาตัวเองอยู่ได้ตั้งหลายหน มันตลกใช่ไหม ที่ระหว่างนั้น ไม่เคยคิดที่จะถามไถ่ชื่อแซ่ แล้วก็ไม่นึกสักนิดว่าจะเป็นพุธ ทำไมพุธ ทำไมทำกับเราแบบนี้ ทำไม"

พุธชมพูใจหาย เธออึดอัดกับแรงกอดแข็งกร้าว ทรวงสะท้านบดเบียดในแผงอกร้อนจัด เขาพยายามล่วงเกินภรรยาของเพื่อนรักอยู่ รู้ตัวหรือเปล่า

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ อย่ามารุ่มร่ามในบ้านของพุธ"

เธอกรีดร้องแผ่ว เบนหน้าหนีจุมพิตเคียดแค้นอย่างสุดความสามารถ สองมือยันอกใหญ่หวังจะให้ตัวเองสะบัดหลุดจากอ้อมแขนพยศ

แต่มันทำยากออก เพราะอคินกำลังโกรธและเอาแต่ใจ เขาปรารถนาอุ้มเธอไปบรรเลงเพลงรักที่ไหนก็ได้ในบ้านหลังนี้แหละ มันคงเป็นการแก้แค้นที่สาแก่ใจไม่น้อยเลย

"ทำไม ไหนคุยว่ามีสามีแล้ว แค่จูบนิดหน่อย ทำเป็นไร้เดียงสาแตกตื่นหรือ หันหน้ามานี่ หันมา"

คางมนถูกจับบิดหยาบๆ พุธชมพูไม่กล้าส่งเสียงดังไปกว่านี้ เพราะเกรงว่าจะลอยไปเข้าหูสามีที่ยังนั่งอยู่ในห้องโถง เธอภาวนาให้อนงค์หรือแม่บ้านพิศออกจากครัว ผ่านมาทางนี้

แต่มันคงยาก เพราะอคินฉวยโอกาสลากเธอมารังแกในซอกแคบระหว่างห้องน้ำกับห้องครัว ตอนนี้ ก็พลิกตัวเธอแนบผนัง แล้วฝังกายร้อนจัดลงอัดเบียดอย่างเอาแต่ใจ

"ถ้ายังไม่หยุด พุธจะร้อง เอาสิ พุธไม่กลัวหรอก พี่ดนัยต้องเชื่อในสิ่งที่พุธฟ้อง เพราะพุธเป็นภรรยาที่เขารักที่สุด"

"เราก็รักพุธที่สุด" หนุ่มใจช้ำตะคอกตาแดงก่ำ มันดุวาวจนสาวใต้ร่างหวาดผวาลึกๆ กันเลยทีเดียว "เราเคยบอกนี่ โลกนี้ยกเว้นคุณอา เรากล้ารับรองได้ว่า ไม่มีใครรักพุธได้เท่ากับเรา แม้แต่ชีวิตเราก็ให้ได้"

"เงียบนะอคิน ปล่อยพุธเดี๋ยวนี้"

"เคยถามคุณดนัยหรือเปล่า เขายอมให้หรือเปล่า ชีวิตเพื่อพุธน่ะ"

"พุธบอกว่าปล่อยตัวพุธเดี๋ยวนี้"

เมื่อเห็นว่าพูดขอร้องกันดีๆ อคินคงไม่ยอมความตามใจ พุธชมพูจึงตัดสินใจก้าวร้าวด้วยการกระทืบเท้า เขาสะดุ้งตัวงอเล็กน้อย เธอได้จังหวะก็ตบฉาดไปเต็มฝ่ามือ กัดหูอย่างหลับหูหลับตา

เขาคงเจ็บมากและโกรธมากเช่นกัน ถึงได้จิกไหล่เธออย่างลืมตัว พอปล่อยหู เธอก็ตบหน้าอีกฉาดใหญ่ แล้วผลักร่างเพลี่ยงพล้ำกระเด็นไปชนเสา ตัวเองก็รีบพุ่งปราดหลบหนี

"ร้ายจัง"

หนุ่มเจ็บทั้งตัวสบถกร้าว แรงโทสะฉีดพ่นไอกระสันพุ่งทะลักแทบจะท่วมตัว อคินกัดปากปวดร้าว เขาหมุนตัวไปรัวกำปั้นทุบใส่เสาต้นกลมที่แผ่นหลังเพิ่งจะกระแทกเกือบจุกไปเมื่อครู่ก่อน

ดวงตาเรียวถลึงดุร้ายและกร้าวร้อนไปด้วยไฟแห่งการช่วงชิง เขาไม่ยอมหรอก พุธชมพูเป็นของเขา เป็นความรักที่เขาเจอก่อน จองก่อน ดนัยดลจะมาชุบมือเปิบไม่ได้ เขาไม่ยอม 'ไม่ยอม'



ฝนตกพรำๆ ตั้งแต่บ่ายกระทั่งค่ำ ดนัยดลหัวเราะเบาๆ เมื่อทำช้อนส้อมหล่นใต้โต๊ะ อาหารค่ำมื้อแรกที่นึกว่าตนจะช่วยตัวเองได้ตามควร มันแย่กว่าที่คิด

อคินหรี่ตามองภรรยาสุดสวยรีบปรนนิบัติ ตอนนี้ ดนัยดลไม่ต้องป้อนเองแล้ว เพราะยาหยีที่รักพะเน้าพะนอไม่ห่างเชียว แม้แต่ดื่มน้ำ ก็ต้องยกป้อนติดปาก ทำไมไม่ป้อนแบบปากต่อปากเล่า จะได้รู้แล้วรู้รอด

"อาหารไทยเป็นยังไงบ้างคุณเพื่อน" เจ้าของบ้านถามเชิงสัพยอก

"อร่อยมากครับ พุธคงไม่ได้ทำเองหรอก"

"โอ้ คุณเดาเก่งจัง นี่ถ้าผมเป็นคนใจแคบสักนิด คงเคืองนะที่คุณพูดเหมือนลบหลู่ฝีมือปลายจวักของยาหยี แต่มันก็เป็นความจริง พุธทำกับข้าวไม่เป็น ทุกวันนี้ก็เรียนๆ หัดๆ กับแม่พิศอยู่ แต่รสชาติยังคงต้องให้หลบอยู่ในครัว ขึ้นโต๊ะยังไม่ได้"

"พี่ดนัย"

"จ๋า ล้อเล่นน่า อากาศเย็นๆ คุยเรื่องเย็นๆ ทำเป็นมีไฟ อืม แต่ก็ดีนะ มีไฟเสียแต่เดี๋ยวนี้"

"พี่ดนัย เหลวไหลใหญ่แล้วคะ เพื่อนพี่ดนัยยังไม่ลุกไปนะคะ"

อคินจ้องตาคนไล่กรายๆ พุธชมพูร้ายกาจกว่าตอนเป็นสาวสะพรั่งเมื่อสิบปีก่อน เธอกล้าหาญขึ้น ใช้แววตาแข็งจ้องมองเขาอย่างไม่สะทกสะท้าน ทั้งที่เมื่อก่อนนี้ แค่เขาขึงเข้ม เธอก็เบนหลบ ถอนใจเฮือก แล้วก็ 'ตามใจ'

"อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ผมอยู่เมืองนอกหลายปีแล้ว เคยทำอะไรแผลงๆ บนโต๊ะอาหารกับสาวฝรั่งก็หลายหน ทำนองว่า อิ่มท้องปุ๊บก็หิวเสน่หาปั๊บ"

"แหม ทำไมเพิ่งมาบอก ผมไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย แต่ก็จะจำไว้แล้วล่ะ รอให้กลับมามองเห็นเหมือนเดิมก่อนเถอะ ผมจะทดลองดูบ้าง ดีไหมจ๊ะทูนหัว"

"ไม่ดี"

พุธชมพูสวนทันควันเสียงเข้มตึง เธอลุกขึ้นพลางขยับเก้าอี้เตือนกรายๆ ให้สามีรีบลุกด้วย

ทางเดียวที่จะหนีสายตาคุกคามร้อนแรงของอคินได้ ก็คือหนีหน้าขึ้นห้องนอน อีกอย่าง สามีก็ควรจะพักผ่อนแทนการสนทนาไร้สาระ เขาน่ะ ไม่คิดอะไร แต่อคินจงใจใช้ประโยคสนทนาเหล่านั้น มาเสียดสีกดดันให้เธอรุ่มร้อนใจ

"ห้องนอนอยู่ไหน ผมช่วยดีกว่า"

พุธชมพูใจหายวาบ ร่างโปร่งซวนไปด้านข้าง สามีในวงแขนหลุดลอยไปอยู่ในสองแขนพยุงของฝ่ายตรงข้าม เธอรีบสาวเท้ากลับมา แต่ต้องชะงักเมื่อเขากัดปากถลึงตาดุร้าย

"นำทางสิครับ ให้ผมเดินหาเอง เดี๋ยวถึงช้านะ สามีคุณต้องพักผ่อนเยอะๆ หมอกำชับมาอย่างนั้น ถึงบันไดแล้วครับ ระวังนะ ขึ้นเลยครับ"

ตอนท้าย อคินผู้คุกคามก็ทอดเสียงอ่อนโยนบอกสามี ท่าทางประคองก็เอาใจใส่ทะนุถนอมเสียจัง ภรรยาหนุ่มใหญ่ก็ได้แต่มองกับเม้มปากอย่างอัดอั้นใจ ไม่สะดวกจะยื้อแย่งสามีกลับมาประคองเอง

โดยปกติเธอไม่ใช่คนหยุมหยิมเรื่องมาก แค่ว่าเพื่อนคนหนึ่งช่วยประคองสามี เธอต้องไม่เดือดร้อนเอะอะเหมือนเป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว แต่ถ้าเธอทำอย่างนั้นในตอนนี้ ก็เกรงว่าเขาจะผิดสังเกตในทันที

"พอแล้วค่ะ" หลังจากที่เดินตามหลังมาอย่างไม่สบายใจ พอถึงหน้าห้อง พุธชมพูก็รีบสาวเท้าแซงหน้าแล้วรีบดึงตัวสามีมาประคองเอง "คืนนี้ฝนตกกำลังสบาย อากาศก็น่านอน คุณอคินรีบกลับไปพักผ่อนที่เรือนเล็กเถอะค่ะ ราตรีสวัสดิ์"

"ใช่ ราตรีสวัสดิ์ครับคุณอคิน หวังว่าบรรยากาศในเมืองไทยบ้านเกิด จะช่วยให้คุณหลับอย่างมีความสุขและอบอุ่นที่สุด"

อคินแค้นใจนักหนา พุธชมพูเย็นชาไร้หัวใจต่อเขาได้ถึงเพียงนี้ นึกว่าสามีอยู่ด้วย แล้วเขาจะไม่กล้าคุกคามหรือ ตาบอดแบบนั้น จะไปรู้ไปเห็นอะไร เขาพิสูจน์ให้เธอสำนึกก็ได้

พอสิ้นความคิดเอาแต่ใจ ร่างสูงโปร่งก็ปราดไปแนบชิดสีข้าง กุมมือเล็กไว้ข้างหนึ่งอย่างถือดี แล้วพลันยกขึ้นพรมจูบอย่างท้าทาย พุธชมพูอ้าปากค้าง พลางรีบเบนหน้าหนีจุมพิตที่ย้ายจากมือหมายจะประกบปากอย่างใจหายใจคว่ำ

เธอเผลอหลุดเสียงอุทาน 'อุ๊ย' แผ่วๆ อคินยิ้มสะใจกับความหวาดกลัวที่เธอแสดงให้เห็น ในขณะที่สามีเอียงหน้าตะแคงหู อยากรู้อยากเห็นว่าอะไรทำให้ภรรยาอุทานเหมือนตกใจ

"มีอะไรหรือพุธ"

"มะ.. ไม่มีค่ะ คุณอคินสะดุดขอบบันได พุธนึกว่า เอ้อ เขาจะตกบันได"

"อ้อ" สามีรับรู้แล้วค่อยหัวเราะขำๆ "คงยังไม่ชินกับที่ทางบ้านเรา อยู่ไปสักพักก็ปร๋อเองนั่นแหละ ถ้าเขาไปแล้ว เราก็เข้าห้องกันเถอะ พี่คิดถึงวิมานรักของเราใจจะขาดแล้ว เร็วเข้ายาหยี"

อคินกัดปากกดฟันแทบจมซี่ เขานึกชิงชังดนัยดลขึ้นมาอย่างแรงกล้า ทั้งที่รู้เต็มอกว่า หนุ่มใหญ่ตาพิการพูดทะเล้นอย่างนั้น เพราะไม่เห็นว่าเขายังยืนอยู่ แต่ในน้ำเสียงทะเล้น มันแฝงกระแสเร่าร้อนเจือปนให้เขาคาดเดาได้ว่า เข้าห้องปุ๊บ ต้องปลดเปลื้องอารมณ์ใจจะขาดกันแบบปั๊บๆ เลย

แค่นึกวาดภาพไปว่า พุธชมพูที่เขารักหมดใจ ต้องตกอยู่ในห้วงพิศวาสของหนุ่มใหญ่ตาบอด หัวใจชอกช้ำก็พลันเต้นรัวพลุ่งพล่าน แทบจะทะลุแผงอกออกมาประท้วง

"พุธ"

เขากระซิบลอดไรฟัน ตะปบข้อมือเล็ก สกัดไม่ให้เธอเปิดประตู เขาทนไม่ได้ เธอเข้าใจเขาบ้างสิ ไม่ตระหนักว่าตัวเองใจร้ายเลยใช่ไหม ถึงได้เกร็งข้อมือบิดขลุกขลักดั่งว่ารังเกียจสัมผัสของเขาไม่หยุดหย่อน

"อุ๊ย ยุงกัดค่ะพี่ดนัย ที่ข้อมือพุธค่ะ" พุธชมพูไม่กล้าขัดขืนรุนแรง เพราะเกรงว่าสามีจะผิดสังเกตอีก เธอจึงต้องใช้การอ้อนมาแก้ปัญหา

"หรือจ๊ะยาหยี ตัวหวานจัดละสิ ไหน มันอยู่ไหน ไอ้ยุงตัวดี กล้านักนะ มาดูดเลือดหวานๆ ของทูนหัว"

อคินกัดปากเจ็บใจ เขารีบปลดนิ้วร้อนตัวเองออก เกือบจะเฉียดฉิวกับมือใหญ่ของดนัยดลเลื่อนๆ คลำๆ มากุมแทนที่ เจ้าตัวหัวเราะขำๆ เปรยตลกๆ ว่า 'ตาบอดแต่ทำซ่า คิดตบยุงอวดสาว'

"มันบินหนีไปแล้วค่ะ คงกลัวพี่ดนัย พุธโชคดีที่สุดที่ได้แต่งงานเป็นภรรยาของพี่ดนัย เพราะในโลกนี้ คงไม่มีผู้ชายคนไหนจะปกป้องพุธด้วยความรักหมดใจเท่ากับพี่ดนัยอีกแล้ว ดูสิ แม้แต่ยุงก็ไม่ให้ไต่ ไรก็ไม่ให้ตอม"

"ปากหวานนะจ๊ะ เปิดประตูเร็ว เดี๋ยวพี่ให้รางวัลดีกว่า"

น้ำตาน้อยใจไหลพรูทันทีที่ประตูห้องบัดซบเปิดปิดว่องไว พุธชมพูจงใจใช้ประโยคสุดท้ายทิ่มแทงอย่างโหดร้าย เธอคงอยากตอกย้ำให้สำนึกว่า เขาได้สูญเสียความรักไปอย่างถาวรแล้ว อย่าเหน็ดเหนื่อยดิ้นรนเรียกร้องหรือทวงคืน

ร่างสูงโปร่งสืบไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวครึ่ง จรดหน้าผากซบบานประตูหนาสีฟ้าอ่อน น้ำตายังไหลพรูอย่างขมขื่น ไม่อยากเห็นจินตนาการบัดซบที่คงจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

แต่เขาก็เห็นมันล่ะ เห็นจากช่องปรุช่องพรุนที่มันรั่วไปทั่วใจช้ำทั้งดวง เจ็บจริงๆ เจ็บแทบจะกัดลิ้นตายเสียเดี๋ยวนี้ ทำไมพุธชมพูทำร้ายเขาได้ลงคอ ทำไมเล่าพุธชมพู ทำไม

พุธชมพูไม่มีคำตอบให้หนุ่มอกสลายพอใจ เธอกำลังปรนนิบัติสามีพิการชั่วคราวด้วยเรือนร่างที่เขาถวิลหา

บนเตียงที่ห่างร้างสวาทมาหลายค่ำคืน ถูกไฟรักแผดเผาจนร้อนฉ่า ฟูกนุ่มต้องทำงานหนัก คอยรองรับสองร่างที่เกลือกกลิ้งทอดทับและถาโถมพลังแห่งรักลงปะทะกันอย่างดุเดือด

แสงสลัวระบายนุ่มนวลคลอเคล้ากับเสียงครวญครางของภาษาพิศวาส ช่วงเวลาที่ระอุไปด้วยเพลิงกระสันซ่านสยิวเช่นนี้หรือ ที่อคินเฝ้าพร่ำย้ำสาวสุดที่รักให้ตอบความ ด้วยคำถามที่ว่า 'ทำไม'



ที่มาที่ไปของการตอบตกลงยอมเป็นหุ้นส่วนกับหนุ่มใหญ่ตาพิการชั่วคราว กระทั่งลาออกจากงานที่กำลังรุ่ง มันก็เริ่มต้นจากการได้เห็นพุธชมพูยิ้มหวานอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของดนัยดลในค่ำคืนก่อนโน้นนั่นล่ะ

เจ้าตัวหลับด้วยความร้าวรานใจ เครื่องสื่อสารตัวเก่งก็ร่วงผล็อยลงจากอกมาซุกสีข้าง เขาเดินไปรินน้ำดื่มพอดี จึงช่วยเก็บ ตั้งใจจะวางบนโต๊ะ แต่ไม่รู้นึกอะไร จู่ๆ ก็อยากเห็นหน้ายาหยีที่รักของหนุ่มใหญ่ขึ้นมา

วินาทีสำคัญเช่นนั้น มันไม่ต่างอะไรกับโลกแตกเลย ตอนทราบว่าพุธชมพูแต่งงานแล้ว ทิ้งบ้านช่องย้ายตามสามีหนุ่มใหญ่ไปครองรักครองชื่นกันที่กรุงเทพ หัวใจก็ระเบิดกระจุยไม่เหลือชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว

แต่พอได้ปะทะกับความจริงที่หนักหน่วงและแสบสันต์กว่า ก็ต้องโลกแตกเท่านั้น มันถึงจะคู่ควรกับความรู้สึกที่ประดังประเดปนเปกับปฏิกิริยาอาการสารพัด ทั้งชาหนึบทั่วตัว ทั้งวูบวาบทั่วร่าง เดี๋ยวหนาวเหน็บสุดขั้ว เดี๋ยวร้อนระอุเหมือนพระเพลิงลุกโชน

"เราไม่ยอมหรอกพุธ เราจะไม่ยอมหยุดความรักไว้ในอดีตอีกแล้ว พุธเป็นของเราต่างหาก ไม่ว่ายังไง เราต้องแย่งพุธกลับมา พุธต้องเป็นของเรา ได้ยินไหมพุธ เราบอกว่าพุธต้องเป็นของเรา ของเราคนเดียว คนเดียว"

เสียงกร้าวเค้นออกจากลำคอที่ซ่านร้อนไปด้วยน้ำเมารสเข้มข้น อคินกลายเป็นหนุ่มดื่มจัดหลังจากที่อกหักยับเยิบจากพุธชมพู ก็เพราะดื่มจัดจนเมามายไม่ได้สตินี่ล่ะ ที่ทำให้เขาต้องโคจรไปเจอไมตรีของหนุ่มใหญ่ชาวไทยใจดีอย่างดนัยดลเข้า

บางที เหตุการณ์เหล่านี้ อาจเป็นความจงใจของสวรรค์ เขาต้องผ่านบททดสอบที่แสนเจ็บปวดบทนี้ไปให้ได้ ด้วยการพิสูจน์ว่า ความรักของเขายิ่งใหญ่จนฟ้าท้าทาย พุธชมพูต้องเชื่อว่า ในโลกนี้ ยกเว้นบิดาของหล่อนแล้ว อคินคนนี้เท่านั้น ที่รักเธอหมดใจ และให้ได้แม้กระทั่งชีวิต

"คอยดูไปก็แล้วกันพุธ" หนุ่มเมามายทอดนอนเกลือกกลิ้งไปบนฟูกนุ่มอ้างว้าง น้ำตาร้อนจัดไหลเป็นสายทางหางตา "เราจะทำให้พุธกลับมาเป็นของเราให้ได้ เรารักเธอ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เข้าใจเราได้มากเท่ากับเธอ พุธ เรารักเธอ ได้ยินไหม เรารักเธอ"

สิ้นถ้อยพร่ำพรรณนา หนุ่มเมามายก็หลับผล็อย แก้วเหล้ายังค้างนิ่งในมือ

ฝนพรำข้างนอกส่งเสียงซู่ๆ สลับกับเสียงฟ้าคำรามครืนครั่น รัตติกาลแรกบนผืนแผ่นดินไทยบ้านเกิด มันช่างอ้างว้างหนาวเหน็บ แทบจะไม่แตกต่างจากทุกรัตติกาลบนผืนแผ่นดินของเมืองนิวยอร์ก

หรือจะว่าไปแล้ว ทางโน้นยังดีเสียกว่า เพราะอย่างน้อยบนฟูกนุ่ม ก็ยังมีคู่ขาคู่สวาทให้อคินได้นอนก่ายเกย แต่ที่นี่ ในเรือนเล็กของดนัยดล 'ไม่มี'



ชีวิตยังคงดำเนินต่อไป และพุธชมพูก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอคินได้ภายในบ้านหลังเดียวกัน ความสุขค่อยๆ เลือนหายไป หลังจากที่แน่ใจว่าเพื่อนเก่าจะปักหลักเป็นส่วนเกิน ชีวิตสมรสของเธอหนีไม่พ้นมรสุมร้ายห้วงใหญ่เสียแล้วกระมัง

เธอเป็นฝ่ายถูกรังแกด้วยการกระทำดูหมิ่นและเหยียดหยามความเป็นหญิง อคินแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าต้องการครอบครองเรือนร่างนี้ ซึ่งเขาทราบเต็มอกว่า มันเป็นของดนัยดล แต่เพราะนิสัยเถื่อนดิบที่ฝังลึกอยู่ในสันดานกระมัง ที่ทำให้เขา 'ไม่สน'

"อุ๊ย อคิน จะทำอะไร"

คุณผู้หญิงร้องตระหนกแผ่วในลำคอ หากแต่ว่องไวพอจะเบนหน้าหนีจุมพิตลบหลู่

เธอใจหายวาบเมื่อร่างโปร่งโดนรั้งเข้าไปบดเบียดแผงอกใหญ่อย่างหยาบๆ ทรวงอวบอัดเสียดสีเนื้อชนเนื้อ คนทำจะรู้สึกวาบหวามซาบซ่านแค่ไหน เธอไม่อยากเดา แต่สำหรับเธอ มันเกิดอาการสะอิดสะเอียนกับสัมผัสสกปรกเช่นนี้เหลือเกิน

"อุ๊ย อคิน"

เธอร้องตระหนกเป็นหนสอง เพราะร่างซวนไปชนขอบโต๊ะเตรียมอาหาร แค่เสียหลักนิดเดียว อคินก็ฉวยเป็นโอกาสทอง กดไหล่กดร่างลงนอนทันที

เธออยากร้องไห้ เมื่อนึกว่าจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่แม่พิศกับอนงค์ออกไปจ่ายตลาด กว่าจะกลับก็อีกสองชั่วโมง คนสวนก็อยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยิน สามียังไม่กลับจากบริษัท

"จริงสิ" เมื่อความคิดร้อนรุ่มไหลมาถึงตรงนี้ พุธชมพูก็เอะใจ ลืมยันอกใหญ่ จนเปิดช่องให้เจ้าของทอดตัวลงทับ "เธอกลับมาทำไม ทิ้งพี่ดนัยไว้ที่บริษัทคนเดียว เขา.. "

"ทำไมต้องให้เราเป็นสุนัขรับใช้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง" อคินตะคอกเสียงกร้าวแกมน้อยใจ

"อคิน"

"เรายอมกล้ำกลืนทุกวันๆ ไม่ใช่เพราะมิตรภาพ แต่เพราะความรัก เราจะแย่งความรักของเราคืน ได้ยินไหม"

"เธอมันบ้าไปแล้ว ปล่อยตัวพุธเดี๋ยวนี้ ปล่อยสิ"

"ยอมให้จูบนานๆ ให้หัวใจแห้งๆ ของเราชื้นๆ สักหน่อย แล้วเราจะยอมปล่อย"

พุธชมพูร้องว่า 'ไม่' กลั้วกับใจที่หล่นตุบ อคินต้องการกดดันให้ผวาหนักหน่วง จึงแสร้งวางมือประคองทรวงสวย ลมหายใจร้อนจัดผ่าวลงรดผิวแก้ม

เธอคิดเด็ดเดี่ยวเพียงว่า ต้องปกป้องตัวเองไม่ให้เพื่อนเก่าล่วงเกินด้วยจูบบ้าคลั่ง จึงงัดวิธีกัดหูมาใช้คลี่คลายปัญหาร้อนแรงอีกครั้ง มันยังได้ผล เพราะอคินชะล่าใจว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านเลย และห้องครัวก็อยู่ไกลจากสวนสวยด้านหน้า

เขาร้อง 'โอ๊ย' อย่างเจ็บปวด เดาว่าหน้าคงชาไปอีกแถบแบบเดียวกับวันก่อนไม่มีผิด เพราะเธอตบเต็มเหนี่ยวเสียงดังฉาด มันก้องไปทั่วทั้งห้องครัว แต่เธอก็ไม่อยากฟังให้ชื่นใจ นอกจากตะลีตะลานวิ่งหนี ในใจก็ใคร่ครวญแล้วว่า ที่ที่ปลอดภัยที่สุด ก็ต้องเป็นที่โล่งแจ้ง

"อย่าออกไป ไม่อย่างนั้น เราจะไม่อะลุ่มอล่วย ไม่อดทน ไม่กล้ำกลืน แต่เราจะลุย"

อคินตามมาสะกดฝีเท้าเร็วรี่ด้วยเสียงอันทรงอำนาจ แววตาดุร้ายบอกความเด็ดเดี่ยวจริงจัง พุธชมพูหายใจหอบรัว เธอถอยหลังทีละก้าว หางตาเห็นประตูออกสู่ระเบียงอยู่ห่างแค่สี่ห้าก้าวเอง

"เดินเข้ามาหาเรา อย่าทำให้เราต้องระเบิดความบ้าออกมามากกว่านี้ เราไม่ได้กลับมาบ้านเพื่อทะเลาะ แต่เราอยากมีความสุขตามประสาคนรัก"

"คนรักอะไร" ภรรยาของดนัยดลกระชากเสียงสั่นๆ "เธอไม่เข้าใจหรือว่า พุธแต่งงานแล้ว มีสามีแล้ว พุธไม่มีวันรักใครได้อีกนอกจากสามีของพุธ"

"ก็เราไง"

"ไม่ใช่อคิน ไม่ใช่ พุธรักพี่ดนัย เขาเป็นสามีที่พุธรักหมดหัวใจ พุธไม่เคย.. "

อยากจะบอกออกไปว่า 'ไม่เคยรัก' แต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน พุธชมพูหายใจทั่วท้องขึ้น ในทันทีที่เสียงบ่นพึมพำของแม่พิศดังขึ้นพร้อมกัน

"อ้าว คุณผู้หญิง อ้าว คุณอคิน มาคุยกันอยู่ตรงนี้เองหรือคะ" นางร้องทักขึ้น มือก็กดปุ่มตัดสายโทรศัพท์มือถือ แต่สีหน้ายังไม่คลายความหงุดหงิด

"ทำไมไปจ่ายตลาดเร็วจัง" คุณผู้หญิงจำใจถามออกไป ปลายเสียงยังสั่นไม่หาย

"ก็แม่ตัวดีอนงค์สิคะ" นางตอบแล้วหันไปค้อนเคืองๆ ใส่เจ้าตัว ที่ยืนหน้าแห้งข้างๆ "ลืมกระเป๋าสตางค์ค่ะ น่าโมโหนักเชียว เดินกันไปจนถึงหน้าปากซอย กำลังจะเรียกรถรับจ้างแล้วเชียว เอ้อ ขอตัวไปหยิบ.. "

"ไม่ต้องหรอกแม่พิศ เมื่อกี้นี้ ฉันเปิดตู้เย็นดูแล้ว ก็พอมีผักมีเนื้อพอสำหรับทำอาหารเย็นวันนี้ล่ะ ค่อยไปพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ฉันจะไปด้วย"

"เอาอย่างนั้นหรือคะ"

"เอาอย่างนั้นล่ะ บอกอนงค์ไปชงกาแฟมาให้คุณอคินด้วย เขาเพิ่งมาถึง คงเหนื่อย หาขนมมาด้วยนะ อ้อ ฉันไปดูขนมเองดีกว่าว่ามีอะไรเหลืออยู่บ้าง"

'เจ้าเล่ห์นักนะ' อคินกึ่งสบถกึ่งคำรามในอกที่แน่นคับไปด้วยความแค้นใจ อยากปรี่ไปกระชากแม่บ้านสาระแนมาตบให้หน้าคว่ำ แล้วปราดไปซ้ำอีกสักฉาดบนแก้มใสๆ ของอนงค์ เลือดกบปากได้ยิ่งดี

ดูสิ ทันทีที่สองตัวแสบโผล่กลับมา โอกาสทองก็กลายเป็นนาทีกรวดทรายไปเสียฉิบ เขาต้องยืนอยู่กับที่ หรี่ตาที่ร้อนคั่งไปด้วยไฟรักมองตามหลังสาวสุดที่รักหายลับกลับเข้าครัว โดยที่ไม่อาจตามไปคุกคามอาละวาดได้อีกเลย

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 54 16:48:13




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com