Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพียงเพื่อนใจ (บทที่ 10 สุทธิดา) ติดต่อทีมงาน

บทที่ 9 คบเพลิง http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11179715/W11179715.html

บทที่ 10 สุทธิดา

ณภัทร์รีบเดินดุ่มๆ ไปยังศาลาหน้าปากซอยเพื่อรอรถโดยสารตามปกติเช่นทุกวันแต่ทว่าเสียงรถมอเตอร์ไซด์ที่ดังตามหลังเขามานั้นก็ทำให้หนุ่มร่างบางแปลกใจ คบเพลิงรีบขับรถมาใกล้ๆ ก่อนเอื้อมมือไปดึงแขนอีกฝ่ายไว้
ณภัทร์หยุดกึกเพราะแรงดึงจากร่างหนา ใบหน้าขาวสะอาดหันไปมองคบเพลิงตรงๆ “มีอะไร...”

คนขับหนุ่มคลี่ยิ้มก่อนบอก “ขึ้นรถ เดี๋ยวฉันไปส่ง”

“ไม่เป็นไร ฉันไปรถโดยสารก็ได้” พูดพร้อมกับแกะมืออีกฝ่ายออกเบาๆ เมื่อเห็นว่าณภัทร์หันหน้าหนีและออกเดินต่อไปคบเพลิงจึงขับรถไปขวางเอาไว้ คราวนี้หนุ่มร่างบางต้องจ้องมองเขาตาเขียว

“คุณน้าบอกว่าให้ฉันดูแลนาย ขึ้นรถเดี๋ยวนี้ณภัทร์” พูดจบเขาก็ใช้เท้าปัดขาตั้งลงพื้นและเดินดุ่มๆ ตรงไปหาณภัทร์ก่อนแย่งเอาหนังสือเล่มใหญ่ที่อีกฝ่ายหอบอยู่มาถือไว้

ร่างหนายักไหล่พร้อมกับผายยิ้มกว้างและณภัทร์ก็ต้องเดินตามเขามาขึ้นรถในที่สุด ณภัทร์วางหนังสือไว้ตรงตักขณะที่รถมอเตอร์ไซด์ค่อยๆ ขับออกไปเรื่อยๆ แต่ทว่าพลันนั้นเองคบเพลิงก็หักหลบหลุมเล็กๆ ไม่ทัน ร่างเพรียวลมข้างหลังจึงถลาเข้าใส่คนขับหนุ่มอย่างแรง

“ระวังหน่อยสิ...” บ่นอุบอิบอย่างหัวเสียก่อนเอื้อมมือขวาไปกอดเอวหนาของคบเพลิงไว้แน่น คนขับหนุ่มจุดยิ้มมุมปากก่อนค้อมศีรษะรับความผิด

“ขอโทษๆ...ก็มันไม่เห็นนี่ เกาะแน่นๆ แล้วกัน” เขารีบออกรถอีกครั้ง คบเพลิงรู้สึกว่าอากาศยามเช้าของวันนี้ช่างสดชื่นเสียจริง ทิวหมอกขาวโพลนยังคงจับกลุ่มกันอยู่สองข้างทาง เหล่านักศึกษาชุดสีขาวต่างทยอยกันขับรถมุ่งหน้าสู่วิทยาลัยโดยพร้อมเพรียงกัน

เมื่อมาถึงโรงรถ ทันทีที่จอดรถร่างเพรียวลมก็หันมาขอบคุณผู้เป็นสารถีก่อนรีบวิ่งดุ่มๆ จากไปทันที คบเพลิงต้องรีบตะลีตะลานวิ่งตามอีกฝ่ายมาอย่างกระหืดกระหอบ

“เดี๋ยวก่อนภัทร์...” เสียงตะโกนเรียกทำให้ณภัทร์ต้องหยุดกึกลงกลางทาง คบเพลิงคว้ามืออีกฝ่ายไว้พลางหอบหายใจแฮ่กๆ

“ขอเดินด้วยคนสิ” เมื่อหายเหนื่อยแล้วจึงเงยหน้าบอกอย่างอารมณ์ดีและคว้าเอาหนังสือจากมือณภัทร์มาถือไว้ “เดี๋ยวฉันเดินไปส่งนะ...” บอกเสียงเรียบอย่างหน้าตายก่อนหันไปมองหนทางเบื้องหน้า ณภัทร์เอียงคอมองร่างสูงที่ดูแปลกไปแวบนึงก่อนก้าวขาเดินตรงไปยังตึกเรียน

คบเพลิงมาส่งณภัทร์จนถึงหน้าห้องเรียน สร้างความแปลกใจให้กับหนุ่มร่างบางเป็นอย่างมากรวมทั้งเพื่อนสาวทั้งสามของเขาด้วย เมื่อส่งหนังสือคืนให้แล้วคบเพลิงก็ถือโอกาสนัดหมายณภัทร์ไปด้วยเลย

“เดี๋ยวตอนเที่ยงทานข้าวด้วยกันนะภัทร์” คำชวนของเขาทำให้หัวใจของณภัทร์เต้นแรงขึ้นมา ดวงตากลมๆ คู่สวยของชายหนุ่มตรงหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ความห่วงใยที่ทำให้ณภัทร์หลงคิดไปไกลเกินคำว่าเพื่อน

ช่อทิพย์กำชับหนักหนาว่าให้เพื่อนๆ ทุกคนไปดูเธอรำในงานฉลองเปิดอาคารใหม่ของที่ทำการ อบต. มณีนิลเย็นนี้ให้ได้ หญิงสาวเองก็ตั้งใจไปซ้อมที่บ้านนางสินีนาฏหลังเลิกเรียนทุกวันแถมยังมีชายหนุ่มรูปงามอย่างชานนท์คอยไปรับไปส่ง ฐานะของเธอกับเขาทำให้เพื่อนๆ ทุกคนเข้าใจไปว่าทั้งสองกลายเป็นแฟนกันแล้ว

“กิ่งดาว...” เสียงเรียกของช่อทิพย์ทำเอากิ่งดาวสะดุ้งโหยง หญิงสาวเบิกตากว้างก่อนหันมาหาเพื่อนๆ ที่จ้องมองเธอเป็นตาเดียว ภายหลังจากที่อาจารย์ประจำวิชาขอลาไปประชุม เหล่านักศึกษาก็รีบจับกลุ่มคุยกันยกใหญ่ บางคนก็นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น บางส่วนก็นั่งคุยกันเจื้อยแจ้วเหมือนกับกลุ่มของเธอตอนนี้

“เหม่ออะไรอยู่ดาว...มีเรื่องอะไรรึเปล่า?” ณภัทร์เอ่ยถามก่อนที่กิ่งดาวจะยกมือปฏิเสธ รอยยิ้มที่สร้างขึ้นคงกลบเกลื่อนอาการหวั่นวิตกของเธอได้ไม่ดีนัก หญิงสาวยังจำสีหน้าของเทพพิพิธเมื่อเช้านี้ได้ดี เขาเดินมาหาเธอก่อนยื่นกระเป๋าเงินส่งให้ เมื่อเปิดออกก็พบกับรูปถ่ายของเธอกับสุรเดช... ไม่รู้ว่ามันไปอยู่ในนั้นได้ยังไง? แล้วเทพพิพิธจะคิดเช่นไร...

“ว่าแต่...เมื่อกี้คุยเรื่องอะไรกันเหรอ?” คำถามของเธอทำให้ช่อทิพย์ต้องทำตาเขียวใส่ก่อนที่กล่อมแก้วจะบอกเสียงใส

“พอดีว่าเย็นนี้เราจะไปดูช่อทิพย์รำในงานเปิดอาคารใหม่ของ อบต.มณีนิลน่ะจ้ะ” จบคำเสียงออดก็ดังขึ้น เหล่านักศึกษาทั้งห้องต่างรีบเก็บสมุดหนังสือลงกระเป๋าและรีบลุกจากเก้าอี้เพื่อไปพักเที่ยง

ระหว่างที่เดินไปโรงอาหารช่อทิพย์ก็เอาแต่คุยจ้อถึงเรื่องเพลงที่จะรำว่าเพราะพริ้งอีกทั้งชุดและท่ารำก็สวยงามกว่าวงอื่นๆ ที่เคยเห็นมา โดยเฉพาะชุดของเธอที่ชานนท์อุตส่าห์สั่งให้ช่างตัดให้เป็นการส่วนตัว ยิ่งคิดช่อทิพย์ก็แทบจะตัวลอยขึ้นไปบนฟ้าเพราะความรักและหวังดีที่เขามีให้

“เอ่อ พอดีว่าวันนี้ฉันมีนัดน่ะ...ขอตัวก่อนนะ” เมื่อถึงโรงอาหารณภัทร์ก็ร้องบอกอย่างตะกุกตะกัก ร่างเพรียวลมกำลังจะเอี้ยวตัวเดินหนีไปแต่ช่อทิพย์ก็คว้าแขนเอาไว้ได้เสียก่อน

“นัดอะไร กับใครไอ้ภัทร์” คำถามของเพื่อนสาวทำให้ณภัทร์ต้องปั้นยิ้มบางๆ กล่อมแก้วและกิ่งดาวเบิกตาจ้องมองเพื่อนหนุ่มพร้อมกัน

“เอ่อ..ก็ นัดกับคบเพลิงน่ะ...พอดีนายนั่นบอกว่าจะรอกินข้าวเที่ยงด้วย” จบคำช่อทิพย์ก็อ้าปากค้างทันที นางรำสาวหันมาส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับสองเพื่อนสาวด้านหลังก่อนที่กล่อมแก้วจะแทรกขึ้นเสียงหวาน

“ไปเถอะภัทร์...เดี๋ยวพวกเรากินข้าวกันสามคนก็ได้” ณภัทร์กวาดตามองเพื่อนสนิททั้งสามคนที่คลี่ยิ้มส่งให้ก่อนรีบก้มหน้างุดอย่างเขินอายและเดินแหวกกลุ่มนักศึกษาเข้าโรงอาหารไป

“รอนานมั้ย?” คำถามของผู้มาถึงทำให้ใบหน้าคมเข้มต้องเงยขึ้นมอง ณภัทร์วางสมุดหนังสือลงบนโต๊ะก่อนทรุดนั่งลงฝั่งตรงข้ามกัน

“ไม่นานหรอก...กินอะไรดีล่ะ ก๋วยเตี๋ยวไก่ดีมั้ย?” คบเพลิงเชิดหน้าไปทางร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่มีคนต่อคิวยาว เจ้านี้ณภัทร์กินประจำแทบทุกวันแต่ว่าวันนี้สงสัยว่าคิวจะยาวไปหน่อย

“เอาเป็นข้าวราดแกงก็ได้”

“งั้นเอาอะไรดีเดี๋ยวฉันไปซื้อให้...” คบเพลิงอาสา ณภัทร์ยิ้มบางๆ ก่อนหยิบเอาเงินในกระเป๋าสตางค์ส่งให้ชายหนุ่มหุ่นนักกีฬาแต่ทว่ามือหนากลับยื่นธนบัตรคืนให้ “เดี๋ยวป๋าคบเลี้ยงเอง...” คนพูดตบหน้าอกตัวเองเบาๆ สองสามทีทำเอาณภัทร์เกือบหลุดหัวเราะ คบเพลิงลุกจากเก้าอี้ก่อนตรงไปยังร้านขายข้าวแกงที่มีคนต่อคิวซื้อน้อยกว่าก่อนกลับมาพร้อมกับอาหารในมือ

เขารีบวางจานอาหารลงก่อนก้าวยาวๆ ไปยังร้านขายน้ำและกลับมาพร้อมกับน้ำปั่นสองแก้ว ร่างหนาทรุดนั่งลงก่อนหยิบเอาหลอดแดงขึ้นดูดน้ำโกโก้ปั่นให้หายเหนื่อย

“รู้ได้ยังไงว่าฉันชอบน้ำมะพร้าวปั่น...” ณภัทร์ใช้หลอดเขี่ยชิ้นมะพร้าวที่โรยบนปากแก้ว อ้าปากถามอย่างสงสัย

“ก็ฉันเห็นนายสั่งทุกวันนี่ ไม่กินมะพร้าวปั่นก็กินมะนาวปั่น มีสองอย่างนี่แหละ...” จบคำก็รีบโซ้ยอาหารในจานทันทีทิ้งเอาคนที่นั่งตรงหน้าต้องนั่งมองเขาแน่นิ่ง นี่นายคบเพลิงใส่ใจเรามากขนาดนี้เลยเหรอ?...


ณภัทร์รีบวิ่งโร่มาหากล่อมแก้วและกิ่งดาวทันทีที่มาถึงงาน อาคารหลังใหม่ถูกส่องสว่างด้วยแสงไฟจนสว่างโร่ ด้านข้างเป็นเวทีขนาดย่อมที่ตอนนี้กำลังมีคนใหญ่คนโตของเมืองขึ้นไปกล่าวเปิดงาน ช่อทิพย์บอกว่าโชว์ของเธออยู่ในช่วงท้าย ตอนนี้คงกำลังแต่งตัวกันอยู่กระมัง

คบเพลิงทิ้งให้ณภัทร์คุยกับเพื่อนๆ ทั้งสองของเขาขณะที่ตัวเองปลีกตัวออกมายังจุดที่เสียงไม่ค่อยดัง ชายหนุ่มรีบยกโทรศัพท์กดหาเพื่อนแสนรักของเขาทันที

“ไอ้เทพ...แกอยู่ไหนวะ” เสียงทักทายจากเพื่อนหนุ่มทำให้คนที่กำลังนั่งดูถ่ายทอดสดฟุตบอลนัดสำคัญต้องเลิกคิ้วสูง

“ก็อยู่บ้านสิ เอ็งมีอะไรไอ้คบ” ถามกลับเสียงห้วนพร้อมกับยัดขนมเข้าปาก

“นี่แกปล่อยให้ดาวเค้ามางานคนเดียวได้ไงวะ เรื่องนั้นยังเคลียร์ไม่จบกันอีกเหรอ?” คนฟังถึงกับอ้าปากค้างทันทีที่คบเพลิงพูดจบ เทพพิพิธคว้าเอาเหยือกน้ำก่อนรินใส่แก้วและกรอกเข้าปาก

“อะ อะไรนะ...ดาวไปงานคนเดียว งานอะไร?”

“ก็งานเลี้ยงฉลองเปิดอาคารใหม่ที่ อบต.น่ะสิวะ เอ็งรีบมาเดี๋ยวนี้เลยนะถ้าไม่อยากให้ไอ้สุรเดชมันคาบกิ่งดาวไปกินซะก่อน...แค่นี้แหละ” คบเพลิงกดวางสายก่อนถอนหายใจยาว ร่างหนาเอี้ยวตัวหันหลังกลับและรีบวิ่งดุ่มๆ ไปหาณภัทร์

ช่อทิพย์นั่งมองใบหน้าตัวเองที่ถูกตบแต่งอย่างงดงาม หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างด้วยความอิ่มเอมใจ วันนี้เธอจะแสดงอย่างสุดความสามารถ จะให้ไม่ให้ชานนท์และคุณย่าสินีนาฎต้องผิดหวัง

“เข้าไปแต่งชุดได้แล้วช่อ อีกสิบห้านาทีเราจะเดินทางไปงานกันแล้วนะ” ครูฝึกอีกคนตบไหล่เธอเบาๆ ก่อนที่หญิงสาวจะพยักหน้ารับและลุกจากเก้าอี้ เดินไปหยิบเอาเครื่องแต่งตัว

แต่เมื่อสวมชุดรำเข้าไปได้ไม่นานหญิงสาวก็เริ่มรู้สึกแสบร้อนและคันไปทั่วผิวกาย เมื่อเอานิ้วเกาก็เกิดเป็นรอยแดงและเกิดเป็นผื่นไปทั่วทั้งตัว เหล่านางรำคนอื่นๆ ต่างกรูกันเข้ามามุงดูอย่างเป็นห่วง

“คันมากมั้ยช่อ...พอไหวรึเปล่า” เพื่อนนางรำคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงพร่าขณะที่ช่อทิพย์เอาแต่เการ่างตัวเองทั้งน้ำตา รู้สึกว่าอาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างกายเธออยู่ตอนนี้มันยิ่งทำให้เธอปวดแสบปวดร้อนมากขึ้น

“ฉันว่าไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่านะ...เธออาจจะแพ้อะไรก็ได้” นางรำอีกคนสมทบก่อนที่ผู้เป็นครูฝึกและนางสินีนาฎจะเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น...” หญิงวัยหกสิบร้องถามเสียงขรึม ทุกคนต่างหันไปมองช่อทิพย์ที่นั่งน้ำตานองหน้าพร้อมกัน “ตายแล้ว...นี่ตัวหนูเป็นอะไรนี่ ทำไมถึงมีผื่นแดงไปทั้งตัวแบบนี้” นางสินีนาฎยกมือขึ้นทาบอกอย่างตกใจก่อนตรงปรี่เข้าไปหาช่อทิพย์ ครูฝึกเองก็มองหญิงสาวอย่างหน้าเสีย อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงงานก็จะเริ่มแล้วด้วย

“สงสัยเราต้องวางตำแหน่งกันใหม่แล้วหละ...” ครูฝึกเอ่ยขึ้นเสียงเรียบพลางถอนหายใจยาวด้วยความหนักใจ

“แต่ครูคะ...หนูยัง...” ช่อทิพย์กระอึกกระอัก ก่อนรีบยกมือเกาแขนซ้ายที่เริ่มถลอกเพราะอาการคันที่รุนแรงขึ้นเป็นทวีคูณ หยดน้ำตาร่วงเผาะลงเปื้อนผ้าซิ่นที่สวมใส่ในขณะที่เหล่าเพื่อนๆ นางรำต่างตบไหล่ให้กำลังใจ

“ไม่เป็นไรนะทิพย์ เธอต้องรีบไปหาหมอ ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวพวกเราจะหาทางแก้ไขสถานการณ์กันไปก่อน” นางรำที่อยู่ใกล้เธอบอกให้กำลังใจ และทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกัน

สินีนาฎใช้ให้คนไปเรียกชานนท์เข้ามาพาตัวช่อทิพย์ไปโรงพยาบาลก่อนที่คณะนางรำจะรีบเดินทางไปงานอย่างรวดเร็ว ราวสิบนาทีต่อมาช่อทิพย์ก็มาถึงมือหมอโดยมีชานนท์และสุทธิดานั่งรอเธออยู่หน้าห้องตรวจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ชานนท์จำได้ดีว่าเขาวานให้สุทธิดาไปเอาชุดรำของช่อทิพย์ที่ตัดไว้มาให้ แล้วพอหญิงสาวสวมชุดก็เกิดอาการแพ้ทันที “ช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อยสิว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง...” น้ำเสียงแข็งกระด้างที่ได้ยินทำให้สุทธิดาต้องหันขวับมามองเขา หญิงสาวยังคงวางหน้าเรียบเฉยเหมือนอย่างเคย

“นายพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงชานนท์...จะบอกว่าฉันแกล้งช่อทิพย์งั้นเหรอ?” สุทธิดาสะบัดเสียงขณะที่ชานนท์ประสานมือทั้งสองข้างเข้าหากันและกำมันแน่น  “คนที่ร้านอาจทำสารเคมีหรืออะไรเปื้อนชุดนั่นก็ได้นี่...” คำตอบที่ได้ยินทำให้ชายหนุ่มต้องแสยะยิ้ม เขาพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านให้เป็นปกติ รู้ว่ายังไงสุทธิดาก็ไม่มีวันยอมรับว่าตัวเองเป็นคนผิดแน่ และไม่ว่ายังไงผู้หญิงที่เขาเลือกก็จะไม่มีทางเป็นสุทธิดาแน่นอน

แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 54 09:16:08

จากคุณ : ผีเสื้อสีดำ
เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 09:02:37




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com