Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รักวุ่นวายของนายเหมียว บทที่ 3 : เลขา VS. เจ้านาย ติดต่อทีมงาน

บทที่ 3 : เลขา VS. เจ้านาย  

หญิงสาวนั่งมองแฟ้มกองโตตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ยากจะปั้นได้เหมือน เมื่อไหร่ที่หล่อนคิดว่าคงหมดแค่นี้ แฟ้มหนาก็จะถูกยกมาเติมอยู่เรื่อยๆ ส่วนคนที่ยกมาให้นั้นก็ส่งยิ้มให้กำลังใจแทนคำพูด โมเรสอยากจะลุกขึ้นยืนแล้วร้องกรี๊ดออกมาดังๆ สิ่งที่หล่อนต้องการตอนนี้ไม่ใช่กำลังใจ แต่ขอเป็นสมิตแอนด์เวสสันสักกระบอก จะได้เอามายิงคนที่นั่งเอนๆ พิงพนักเก้าอี้อยู่ให้ตายๆ ไปเสียเลย ฮึ่ม!

“นี่บอสแกล้งดิฉันหรือคะ”

“อะไรแกล้ง ทั้งหมดนี่คืองานที่คุณต้องศึกษาให้หมดภายในวันนี้”

“วันนี้!”

หล่อนร้องเสียงหลง จะบ้าแล้วหรือไง แฟ้มเอกสารหนาปึ้กไม่ต่ำกว่าสิบแฟ้มเนี่ยนะ ต้องศึกษาให้หมดภายในวันนี้

“ใช่”

“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”

“ทำไมเป็นไปไม่ได้”

นิรินธน์ถามเสียงเรียบพอกันกับหน้า ว่าที่เลขาท่านประธานคนใหม่แอบกำมือแน่น นับหนึ่งถึงสิบในใจอย่างยากเย็น ต่อให้เคยแอบชอบแค่ไหน ถึงตอนนี้ความชอบที่ว่ามันหายเกลี้ยงเรียบร้อย เห็นหน้านิ่งๆ แบบนี้ยียวนกวนอารมณ์เก่งเป็นที่หนึ่ง

“บอสคะ จะให้ศึกษางานดิฉันไม่ว่า แต่ให้ทำภายในวันเดียวน่ะเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยก็อาทิตย์หนึ่งล่ะค่ะ”

“นานไป ผมให้คุณสามวัน”

“เป็นพระคุณค่ะ บอส”      

โมเรสกระแทกเสียงตอบอย่างประชด ตอนนี้ตัวเลขในใจไม่ได้หยุดอยู่ที่สิบแล้ว แต่ขยับไปที่สองร้อยอย่างรวดเร็ว นายคนนี้ต้องแกล้งหล่อนแน่เลย ตอนพักเที่ยงหล่อนออกไปหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ตามคำสั่งของเขาเสร็จแล้วก็กะว่าจะแวะทานอาหารกลางวันที่ร้านใกล้ๆ แต่พ่อเจ้าประคุณไม่รู้เอาเบอร์โทรศัพท์มือถือของหล่อนมาจากไหน โทรมาบอกว่าให้หล่อนกลับเข้าบริษัทภายในห้านาที ภาระเลยตกอยู่ที่ยิหวาอีกที่ต้องซื้อข้าวกล่องกลับมาให้ จนป่านนี้อาหารสิ้นคิดกะเพราไก่ไข่ดาว ไข่แดงไม่สุก คงกลายเป็นไข่แดงสุกแข็งโป๊กแล้วมั้ง ก็มันตั้งสามชั่วโมงมาแล้วนี่ อีกชั่วโมงครึ่งก็เลิกงานแล้วแต่ข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้องเลยสักเม็ด  


คิ้วเข้มของนิรินธน์เลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินประหลาดเกิดขึ้นในห้องทำงาน นัยน์ตาเขาตวัดมองหน้าโมเรสด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออก ขณะที่เจ้าตัวนั่งหน้าแดงก่ำ

“นี่คุณไม่ได้ทานข้าวกลางวันหรือไง”

“ค่ะ ยังไม่ได้ทาน บอสโทรเรียกเสียก่อน”

หล่อนข่มความอายแล้วประสานสายตากับเขาตรงๆ เพื่อจะบอกว่า คุณนั่นแหละตัวต้นเหตุ

“อ้อ งั้นหรือ”

'เท่านี้เองเหรอที่คุณรับผิดชอบการกระทำคุณน่ะ'

โมเรสร้องเอ็ดอึงในใจ เอาแต่สั่งๆๆๆ ไม่คิดเลยว่าคนรับคำสั่งจะเป็นยังไงบ้าง ไม่รู้ว่าลุงพลทนทำงานกับนายคนนี้ได้ยังไง นิรินธน์ลุกออกจากโต๊ะแล้วออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไร ทิ้งให้เลขาคนใหม่ต้องทนหิวก้มหน้าก้มตาศึกษางานต่อไปคนเดียวพร้อมกับบอกตัวเองว่าอดทน อีกชั่วโมงครึ่งก็เลิกงานแล้ว ทีนี้ล่ะ หล่อนจะกินให้เปรมทีเดียว


เสียงประตูห้องทำงานเปิดและปิดอีกครั้ง แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า จนกระทั่งจานเล็กใส่ขนมเอแคลร์สี่ลูกพร้อมกับนมสดเย็นหนึ่งแก้วใส่รวมกันในถาดเล็กถูกเลื่อนมาวางไว้ตรงหน้า โมเรสเงยหน้าควับมองทันทีก็เห็นร่างสูงยืนพิงโต๊ะทำงานจิบกาแฟอยู่ หน้าเข้มๆ หันมามองหล่อนแวบเดียวก่อนบอกเสียงห้วน

“ของคุณ กินซะ รองท้องก่อน เลิกงานค่อยไปจัดการกับเมนูสิ้นคิดของคุณ”

หา ท่านประธานผู้สูงส่งลดตัวออกไปเอาของว่างมาให้หล่อนเนี่ยนะ แถมรู้ด้วยว่าอาหารกลางวันหล่อนเป็นเมนูสิ้นคิด

“อย่าคิดอะไรฟุ้งซ่านล่ะ ผมแค่ออกไปชงกาแฟ เห็นขนมกับนมอยู่ในตู้เย็นไม่รู้ของใครเลยเอามาให้ บังเอิญเห็นข้าวกล่องอยู่ในแพนทรีด้วย กลิ่นแรงมาก เดาว่าน่าจะเป็นของคุณ”

โมเรสหน้าร้อน เขาพูดเหมือนรู้ใจหล่อนว่าคิดเตลิดไปถึงไหนๆ แล้ว เอาน่ะก็ยังดี เขายังไม่ใจร้ายให้ลูกน้องต้องหิวตาย


เสียงเพลง Moonlight Sonata ดังขึ้นทำให้นิรินธน์ต้องวางถ้วยกาแฟลง แล้วเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูที่หน้าจอ พลางถอนใจออกมานิดหนึ่งก่อนกดรับ เสียงสูงๆ ที่ลอดผ่านออกมาจากในเครื่องทำให้ชายหนุ่มต้องถือห่างออกจากหูนิดหนึ่ง

“ครับ หนึ่งทุ่ม ผมไม่ลืมหรอกครับ”

ปลายสายพูดอะไรแว่วๆ มาอย่างหนึ่ง ชายหนุ่มหน้าเครียด

“ไม่ต้องมาครับ ถึงเวลาผมจะไปเอง”

พูดจบก็กดตัดสายทันที เขาหย่อนโทรศัพท์ราคาแพงรุ่นบางเฉียบเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อสูท ก่อนหันมาบอกโมเรสว่า

“นอกจากงานพวกนี้แล้ว อันดับแรกที่คุณต้องทำคือ กันผู้หญิงที่ชื่อดาริกาให้ห่างผมมากที่สุด”

“คะ แต่คุณดาริกาเธอเป็นคู่หมั้นบอสนี่คะ”

“รู้ดีจริงนะ หึ! อีกสิบนาทีดาริกาจะมาที่นี่ ผมอนุญาตให้คุณกลับก่อนเวลาได้ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะหักเงินเดือนคุณ”

“ทำไมใจดีนักคะวันนี้” หล่อนอดไม่ได้ที่จะประชดเล็กๆ

“บอสไม่อยู่แล้วเลขาจะอยู่ทำไม เก็บของซะ แฟ้มพวกนี้คุณเอากลับไปดูที่บ้านได้”

พูดง่ายทำง่ายดีแท้ พอพูดจบบอสใหญ่ก็เดินลิ่วออกจากห้องทำงานทันที โมเรสเก็บของพลางมองตามหลังเข้าอย่างไม่เข้าใจ ดาริกาเป็นผู้หญิงสวย เปรี้ยว และมีเสน่ห์ไม่น้อย มีผู้ชายหลายคนหมายปอง แต่คู่หมั้นกลับไม่สนแถมหนีเอาดื้อๆ ด้วย หรือว่าความจริงนิรินธน์จะไม่ชอบผู้หญิงกันเนี่ย


โมเรสหอบแฟ้มขนาดใหญ่สามแฟ้มเดินมาตามโถงทางเดินมุ่งไปสู่ลิฟต์ พอมาถึงหน้าลิฟต์ก็เห็นร่างสูงยืนอยู่ก่อนแล้ว คิ้วเรียวขมวดนิดหนึ่งด้วยความแปลกใจ เขาออกมาก่อนหล่อนตั้งนาน ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ แถมยังไม่ใช้ลิฟต์ส่วนตัวของผู้บริหารอีก  

“ออกมาช้าจริง”

“เอ่อ ค่ะ เก็บของ แล้วก็ตอกบัตรอยู่ค่ะ”

หล่อนตอบตามความจริง เพราะนอกจากจะเก็บของส่วนตัวแล้ว ก่อนออกจากห้องท่านประธาน หล่อนต้องเก็บจานและถ้วยใส่ในถาดเล็กยกกลับไปไว้ในแพนทรีอีก

“ยืดยาด แบบนี้จะทำงานกับผมได้เหรอ”

“ความผิดของดิฉันหรือคะ บอส ดิฉันไม่ทราบนี่คะว่าบอสรอ ไม่งั้นฉันคงรีบออกมา”

โมเรสสวนกลับไปอย่างไม่ยอม ถึงชอบแค่ไหนมารวนแบบไม่มีเหตุผลอย่างนี้ก็ไม่ชอบใจเหมือนกันนะ

“ผมจะบอกคุณว่า พรุ่งนี้มาทำงานหกโมงครึ่งนะ”

“คะ เช้าขนาดนั้น...”

“เงียบแล้วฟัง ผมเริ่มงานตอนหกโมงครึ่ง แล้วพอเจ็ดโมงครึ่งผมจะออกไปตรวจงานที่โรงงาน ส่วนจะกลับเข้าบริษัทช้าเร็วแค่ไหนขึ้นอยู้กับว่า งานที่โรงงานเรียบร้อยหรือเปล่า นี่ไงที่คุณบอกว่าผมสบาย”

“แต่นั่นมัน”

“ถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไป เลขาน่ะหาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ ยิ่งพนักงานยิ่งง่าย คนตกงานมีอยู่เกลื่อนเมือง”

นัยน์ตาคู่นั้นแฝงแววท้าทายชัดเจน โมเรสฮึดขึ้นทันที หล่อนจ้องตอบด้วยสายตาอย่างเดียวกันอย่างไม่กลัว

“ดิฉันทำได้ค่ะ คอยดูแล้วบอสจะต้องถอนคำพูด”

“ผมจะคอยดู”

นิรินธน์ว่าแล้วกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ แบบเยาะมากกว่าจะชอบใจ เอาสิ แม่คนปากดี ฉันก็จะรอดูเหมือนกันว่าเธอทำได้จริงหรือแค่ราคาคุย เสียงกิ๊งของลิฟต์ดังขึ้นทันเวลาก่อนที่โมเรสจะเถียงทัน ร่างสูงก้าวเข้าไปในลิฟต์แล้วรีบกดปิดทันทีแบบแกล้งๆ ทำเอาหญิงสาวยืนอึ้งพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่นานกว่าจะปราดเข้าไปกดเรียกลิฟต์ขึ้นแบบถี่ยิบ ทั้งที่รู้ว่ามันจะไม่ขึ้นมาถึงชั้นที่ 21 นี่ก่อนที่จะถึงชั้นกราวด์เด็ดขาด ส่วนลิฟต์อีกตัวหนึ่งก็เพิ่งมีคนกดเรียกขึ้นไปชั้น 40 ก่อนหน้านี้นิดเดียวเท่านั้น      


เตโชกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคอย่างตั้งใจ ที่ตักของชายหนุ่มมีเจ้าแมวสีขาวนอนขดตัวหลับอยู่อย่างบรมสุข นานๆ ทีเขาก็ก้มมองเจ้าตัวแสบเสียที แปลกที่เขาไม่ยักจามเวลาที่อยู่กับมันสองต่อสองในบ้าน แต่พอโมเรสกลับมาบ้านได้สักชั่วโมง อาการแพ้ขนแมวก็กำเริบทันที จนเขาอดคิดขำๆ ไม่ได้ว่า สงสัยเขาจะแพ้ขนยายนกยูงมากกว่าขนไอ้มิลค์แน่ แต่จู่ๆ เจ้าตัวที่หลับสนิทก็ลุกพรวดพราดขึ้นจนเจ้านายตกใจ เพราะไม่ใช่แค่มิลค์จะลุกขึ้นยืนเท่านั้น แต่มันยังเผลอกางเล็บจิกเนื้อเขาอีกต่างหาก

“โอ๊ย! ไอ้มิลค์ สอนไม่จำ อยู่กับฉันห้ามกางเล็บเฟ้ย”

มิลค์ส่งเสียงร้องเมี้ยวแล้วเอาตัวมาถูๆ แขนนายอย่างขอโทษก่อนเผ่นแผล็วไปที่ประตูเลื่อนบานใส ท่าทีนั้นทำให้เตโชเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังห้องอย่างแปลกใจ สี่โมงเย็น ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของน้องสาวด้วยซ้ำไป แต่ไอ้ตัวดีกลับไปยืนคอยรับแล้ว บางทีเขาก็อดคิดไม่ได้ ไอ้มิลค์มันเป็นหมาหรือแมวกันแน่ ไม่เคยเห็นแมวที่ไหนอยู่ติดบ้าน แถมเวลานายมา มันยังไปยืนรอหน้าประตูคอยต้อนรับอีก


*** มีต่อฮับ เมี้ยวววว

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 19:20:24




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com