Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กลร้ายในเงารัก - บทที่ 5 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11207951/W11207951.html

บทที่ 5

ชีวิตสมรสส่ายรวนเพราะปะทะเข้ากับมรสุมของอดีตอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง คือความกลัดกลุ้มหนักหน่วงที่ดึงพุธชมพูให้ลุกขึ้นมานั่งว้าวุ่นใจในความมืด

สามีหลับไปแล้ว ก่อนหน้านั้น เธอปลาบปลื้มใจมากที่สนองความปรารถนาให้เขาอิ่มเอม เขาจะบอกเสมอว่า มีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาแห่งรักกับเธอ

หากแต่ตราบใดที่เขายังคบหาอคินเป็นเพื่อน ชีวิตสมรสนับจากนี้ ก็คงต้องเดินปัดเป๋ไปบนเส้นทางที่ถูกแทรกกระหน่ำด้วยกระแสพายุ อคินคือเจ้าของกระแสร้ายกาจที่ว่า และเชื่อว่าหนุ่มเอาแต่ใจคนนี้ ต้องไม่หยุดกลางคัน จนกว่าเป้าหมายที่ปรารถนาจะลุล่วง

"คิดอะไรครับทูนหัว"

"อุ๊ย พี่ดนัย พุธทำอะไรเสียงดังหรือคะ"

ดนัยดลหัวเราะแผ่วพร่าในซอกคอ เธอทำอะไรเสียงดังเล่า เขายังไม่หลับสักหน่อย รู้สึกตั้งแต่เธอลุกขึ้นแต่ไม่ลงจากเตียง จากนั้น ก็รู้สึกว่าเธอจะนิ่งกับถอนหายใจแผ่ว

มันเบามาก เพราะเธอคงจะระมัดระวังเต็มที่ แต่ในความสงัดของรัตติกาล เบามากแค่ไหน เขาก็ได้ยิน ไม่อย่างนั้น จะลุกตามมากอดกระแซะ หาเรื่องลูบไปกอดไปแบบนี้หรือ

"พี่รักพุธนะยาหยี กลุ้มใจอะไรก็บอกมา อย่าถอนหายใจเฮือกๆ แบบนี้ ได้ยินแล้วพี่ไม่สบายใจ"

"พี่ดนัย" พุธชมพูหมุนตัวกลับเข้ามาอบอุ่นในอ้อมกอดแข็งแรง "ตาของพี่ดนัยไม่มีอาการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างเลยหรือคะ อย่างเช่น มีแสงแวบๆ ให้เห็นเป็นบางช่วง"

"ยังครับ ไม่ต้องเฉไฉ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทูนหัวกลุ้มนี่นา พี่แค่ตาบอด สมองไม่ได้ฝ่อนะ โดยเฉพาะหัวใจของพี่ มันสัมผัสได้ว่าสุดที่รักของพี่กำลังมีปัญหาคับอก เอ๊ะ หรือจะหนัก ก็มันใหญ่ออก"

"บ้า พี่ดนัย พุธกลุ้มอยู่นะคะ ทำไมทะเล้นไม่เป็นเวลา" พุธชมพูตีอกแง่งอน สามีเลยรั้งเข้าไปกอดโอ๋

"นี่ไง คนเก่งหัวหมอนะ ยอมรับแล้วนี่ว่ากลุ้ม ไหนบอกมาซิ กลุ้มอะไร ยกเว้นเรื่องตาบอดของพี่นะ"

"พี่ดนัย" พุธชมพูยกแขนคล้องคอสามีสุดที่รัก ก่อนจะแนบแก้มซบไหล่อย่างอบอุ่น แล้วเปรยถามแผ่วๆ ว่า "พี่ดนัยยังจำเรื่องที่พุธเล่าให้ฟังก่อนที่เราจะจดทะเบียนสมรสกันได้หรือเปล่าคะ"

"จำได้ครับ"

ดนัยดลตอบอ่อนโยน ใจก็ระลึกย้อนกลับไปในวันวาน ก่อนจดทะเบียนสมรสสักสิบนาทีกระมัง พุธชมพูคล้ายมีความในใจที่ก่อความอึดอัดลังเล ทำให้ไม่กล้าตัดสินใจร่วมหอลงโรงอย่างเด็ดขาด

"พุธหมายถึงเพื่อนเก่านิสัยเอาแต่ใจคนนั้นใช่ไหม"

"ค่ะ"

"มีอะไรหรือ นอนคุยเถอะ นั่งแบบนี้ ลูบไม่ยากแต่ไม่ค่อยทั่ว"

พุธชมพูหัวเราะวาบหวาม สามีอารมณ์ดีได้ทุกเวลาอย่างน่าทึ่ง จะมีสักกี่คนไหมที่ควบคุมการเปลี่ยนแปลงได้หนักแน่นเท่ากับเขา ยามที่ตกอยู่ในโลกมืด แม้จะทราบว่ามันแค่ชั่วคราว แต่ความมืดในโลกใบนั้น มันมืดอย่างน่ากลัวเกินไป

มันยากไม่ใช่หรือที่จะทำใจยอมรับ แล้วดำเนินชีวิตต่อไปโดยไม่อินังขังขอบ แต่ตั้งแต่เขากลับมา น้ำเสียงหงุดหงิดสักครึ่งคำ สามีก็ไม่เคยเผลอหลุดออกมาให้เธอได้ยินเลยด้วยซ้ำ

สองร่างทอดลงนอน พุธชมพูนอนไม่สบายนัก เพราะสามีคอยแต่หาเรื่องเย้าแหย่ ปั่นไฟเสน่หาให้ลุกพรึ่บแล้วดับอยู่เรื่อย เขาลากเธอขึ้นไปเกยซ้อน ประสานนิ้วรัดขังไว้หลวมๆ

"แล้วยังไงครับ ทำไมจู่ๆ มากลุ้มเรื่องของเขา พุธบอกว่าไม่เจอเขาอีกเลย หลังจากที่เขาผลักคุณพ่อล้มลงจนเข้าห้องไอซียู แล้วพุธก็ไล่เขาออกไปจากชีวิต ตัดไมตรีมิตรภาพฉับๆ "

"พุธเล่าแบบนั้นหรือคะ"

"แนวนี้แหละ แต่ถ้าให้เท้าความแบบพุธ มันเครียดไปนะ"

"พุธไม่ค่อยไว้ใจนิสัยไม่ยอมแพ้ของเขาค่ะ เพื่อนโทรมาบอกว่าเจอร่องรอยของเขาในกรุงเทพ พุธกลัวว่า.. "

"ไม่ต้องกลัว" สามีแทรกเสียงหวาน รัดล้อมกายแน่นขึ้นอีกนิดดั่งจะยืนยัน "พี่จะไม่ยอมให้เขาหรือใครมาทำอะไรพุธของพี่ ตราบใดที่พี่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่เจอก็ดี แต่ถ้าเจอก็ต้องเจอ ไม่ต้องหลบต้องหนี"

"พี่ดนัยคะ"

"พี่ว่าดีออก หากเขามาให้เราเจอ พี่จะได้ช่วยยืนยันให้เขายอมรับความจริงเสียทีว่า พุธไม่เคยรักเขา และความรักที่เขาเคยมีให้พุธก็ควรจะจบลง ไม่มีอะไรจะทำให้เรามีความสุขได้จริงๆ เท่ากับการยอมรับความจริงหรอก จริงไหมที่รัก จบข่าวเถอะ"

"ฮื่อ พี่ดนัย"

พุธชมพูโอดครวญเสียงหวิว ร่างน้อยซวนเพราะโดนเหวี่ยงลงนอนข้างอย่างหยาบๆ อึดใจเดียว ร่างหนักร้อนก็ซ้อนทับ แล้วถัดจากนั้นไม่นาน ลำนักสวาทก็เริ่มครวญ ความกลัดกลุ้มหนักหน่วงแค่ไหน ก็ต้องยอมถอยและหันหลังให้กับกระแสเสน่หาที่ไหลครืนต่อเนื่องร่วมชั่วโมง

มันคงไตร่ตรองแล้วละว่า ทู่ซี้อยู่ต่อไป พุธชมพูก็ไม่แยแสหรอก ก็ดูเธอสิ ยามนี้มีสมาธิคิดครุ่นเสียที่ไหน สามีเย้าหยอกล่วงล้ำเร้าใจ วิถีส่งตัวตนบางคราเนิบนุ่ม บางครั้งฮึกเหิมหนักแน่น และตอนนี้ ก็จริงจังคึกคัก กระทั่งสองร่างสั่นไหวอยู่ในเงาสลัว

ผ้าห่มหมอนข้างพร้อมใจกันถอยตัวเองออกห่าง ไม่อยากเกะกะเกลียวคลื่นรักที่สาดคลั่งเข้าหาฝั่ง กระทบถึงปุ๊บ เสียงแห่งความสุขสมก็พลันกรีดสะท้านปั๊บ กระสันสยิวมหาศาลแค่ไหน ก็เปล่งปล่อยออกมาหมดเกลี้ยง ไม่ต้องเกรงใจความเงียบ ณ รัตติกาลอ่อนหวานกันเลยเชียว

คราวนี้ ไฟรักที่มอดเชื้อโดยสิ้นเชิง ก็ทำให้ดนัยดลหลับสนิทจริงๆ ต่างจากพุธชมพูที่พอสิ้นสร่างช่วงนาทีเสน่หา ความกลัดกลุ้มก็ย้อนกรูกลับคืน

เธอห่มผ้าให้สามี ตัวเองก็นอนก่ายหน้าผาก คิดไม่ตกว่าจะเชื้อเชิญอคินให้ออกไปจากชีวิตสมรสของตนยังไง การเหิมเกริมและตั้งมั่นหักหาญเอาแต่ใจในวันนี้ ทำให้เธอหวาดผวาเร้นลึก และหมดความสุขไปกว่าครึ่ง



เวลาสองเดือนครึ่งผ่านไปอย่างอึมครึม ม่านหมอกสีเทาทึบยังคงคลี่คลุมหลังคาบ้านไว้อย่างเหนียวแน่น ดั่งจะตอกตำความหวาดผวาของพุธชมพูให้ตื่นตัวกระวนกระวายทุกวี่วัน

"ที่รักจ๋า เสร็จหรือยัง" ดนัยดลถามอ่อนหวานมาจากเก้าอี้

"เสร็จแล้วค่ะ อนงค์ ยกไปใส่ท้ายรถนะ อ้อ คุณอคินล่ะ มาหรือยัง"

"รอในห้องโถงแล้วค่ะ ป้าพิศชงกาแฟไปต้อนรับแล้วค่ะ"

อนงค์ซึ่งเข้ามาในจังหวะสนทนาสั้นๆ ของเจ้านาย รีบหิ้วกระเป๋ากลับออกไป

พุธชมพูย้ายตัวเองจากเตียงมานั่งตัก ยกแขนคล้องคอบึกบึนอย่างแสนรัก โน้มจูบหน้าผากอุ่นอีกนิด แก้มอีกหน่อย แต่ตอนท้าย พลาดท่าเสียหลักให้สามีจับคางแล้วประทับจุมพิตลึกซึ้งเอาเสียได้

อนงค์ลงบันไดไปแล้ว โดยไม่เห็นฉากหวานของสามีภรรยา และไม่เห็นว่าอคินแอบขึ้นมาซ่อนอยู่ในซอก ป้าพิศข้างล่างก็คงไม่นึกหรอกว่า เพื่อนของคุณผู้ชายจะอุตริขึ้นมาบนนี้

เมื่อนางไม่เห็นในห้องโถง อย่างมากก็คิดว่า ชายหนุ่มคงไปเดินเล่นเตร็ดเตร่ข้างนอก ระหว่างรอคุณผู้ชาย เพื่อที่จะเดินทางไปเจรจาการค้ากับลูกค้าเกาหลีเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์

ฉากหวานที่สามีภรรยาปรนเปรอให้กันด้วยความรัก จึงไม่ต่างจากเชื้อไฟแห่งริษยา เมื่อน้ำตาแห่งความชิงชังคับแค้นหยดลงไปผสม พระเพลิงก็พวยเปลวร้อนกล้า สะบัดดุดันและแข็งกร้าวต่อเป้าหมายที่ลามเลียไปถึง มันต้องไม่มีผลลัพธ์อื่นใดเลย นอกจาก 'พังพินาศ'

"คอยดูไปเถอะ เราจะแย่งพุธมาเป็นของเราเหมือนเดิมให้ได้ ต่อให้คนทั้งโลกตราหน้าว่าเราเป็นชู้สารเลว เราก็ยอม"

วาจามุ่งมั่นลอดไรฟันอยู่หน้าประตู มันแผ่วเหมือนคำรามอยู่ในคอ เงาเสน่หาของสามีภรรยา ยังส่ายไหวอวดความวาบหวามซาบซ่านที่ก่อเกิดจากสัมผัสของกันและกัน

ทั้งบดขยี้จุมพิตเร่าร้อน โลมลูบส่วนซ่อนเร้นที่คนที่สามจะไม่มีวันล่วงล้ำไปถึง ร่างนุ่มบนตักขยับเร้าใจ ประหนึ่งจะปลุกตัวตนที่นอนสงบในซอกขาเพรียวให้ตื่นเพื่อครวญลำนำสวาท

อคินซ่อนน้ำตาคับแค้นไม่ไหว และจำต้องปล่อยให้ไหลอย่างอ่อนแอ เขาหลบวืดไปยืนพิงผนังด้วยจิตที่ปะทุไปด้วยไฟรักร้อน ตะครั่นตะครอกับกระแสพิฆาตที่พลุ่งพล่านตลอดร่าง

มันก็มีอยู่สักนาทีล่ะ ที่เขาอยากกำจัดดนัยดล แต่เมื่อนึกถึงไมตรีที่หนุ่มใหญ่มีให้ตั้งแต่แรกพบจนถึงวันนี้ อย่างเก่งก็คงอะลุ่มอล่วยให้ได้แค่ 'เขี่ยให้พ้นทาง'



ชายเอาแต่ใจเป็นที่ตั้งย้อนกลับลงมายืนล้วงกระเป๋า ฉายอารมณ์ปลอดโปร่งเสแสร้งผ่านแววตา

พุธชมพูชำเลืองมองเพียงแวบเดียว ขณะช่วยเปิดประตูให้สามีเท่านั้น เธอใจหายวาบ เมื่อนิ้วเล็กโดนเกี่ยวอย่างวิสาสะ ยามปรายตามองสามีที่ขยับนั่งด้วยอิริยาบถสบาย ใจก็หวาดหวั่น เกรงว่าเขาจะได้ยินสุ้มเสียงผิดปกติ

"ทำอะไร" เธอตวาดไม่เต็มเสียงนัก ใจระส่ำระสายหวาดกลัวกับการฮึกเหิมของเพื่อนเก่า

"เราคิดถึงนี่ กว่าจะกลับมาก็อีกเจ็ดวันโน่น ดีไม่ดีก็นานกว่านั้น ให้เราชื่นใจแค่เกี่ยวก้อยก็ไม่ได้หรือ"

"ปล่อย"

บริเวณท้ายรถ มันก็ไม่มีใครอยู่หรอก แต่พุธชมพูก็ไม่วางใจสายตาในที่เร้น คนสวนอาจไม่ตั้งใจสอดส่อง แต่หากบังเอิญเห็นเข้า ก็คงเก็บไปวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไขว้เขว แล้วถ้ามันลอยเข้าหูสามี เรื่องใหญ่ในอกเธอ ก็จะรั่วไหลกลายเป็นเรื่องมหาศาลในบ้านที่เคยสงบสุขเรื่อยมา

"ทำไมใจร้ายกับเราแบบนี้ ทีกับคุณดนัย.. "

"เงียบนะ จะมาตัดพ้อไร้เหตุผลกับพุธแบบนี้ไปเพื่ออะไร พุธไปใจร้ายกับอคินตอนไหน"

"ก็ตอนไหนล่ะ ที่นั่งตักให้คุณดนัยเฟ้นฟอนตามใจชอบ ไม่อิดออด ไม่ขัดขืน"

พุธชมพูตาโตระคนกับใจหายวาบ ตระหนักว่าอคินทำตัวเหมือนปีศาจ แฝงเร้นตามซอกตามมุมทั่วบ้านหลังนี้ได้อย่างเสรี เขาฮึกเหิมถึงกับบุกรุกห้องนอนส่วนตัว และเฝ้ามองความรักของเธอกับสามีด้วยจิตชิงชัง

ฝีเท้ากุกกักดังขึ้นในพุ่มไม้ ทำให้พุธชมพูฉวยโอกาสสลัดนิ้ว ผลุงกายสั่นนิดๆ หนีชายคุกคาม เธอแสร้งเรียกสามีดังๆ เพื่อสะกดกิริยาสาวเท้าตามกระชั้นชิดข้างหลัง

"ไปถึงแล้วต้องรีบโทรหาพุธนะคะ" เธอเข้ามานั่งกอดแขนสามี แรงกอดอบอุ่นของเขา ก่อน้ำตารื้นขึ้น จู่ๆ ก็พลันใจหายบอกไม่ถูก

"รู้แล้วครับคุณแม่ ลูกชายจะทำตามที่คุณแม่กำชับแข็งขันทุกอย่างเลยครับ พอใจไหม"

"พี่ดนัย" ภรรยาครางหวิวๆ หน้ามืดเหมือนจะเป็นลม นึกชิงชังกับกระแสหวาดหวั่นเร้นลึกที่พลุ่งขึ้นมาท่วมใจ

"พี่จะรีบกลับให้เร็วที่สุดนะครับ หวังว่าการเจรจาจะราบรื่น กลับมาคราวนี้ เห็นทีต้องรีบมีลูกสักคนเสียแล้ว"

"พี่ดนัย"

"ตกลงนะครับ"

น้ำตารื้นไหลนองแก้มในที่สุด เธอรีบซับด้วยนิ้วว่องไว ไม่อยากให้สามีสัมผัสได้ เกรงว่าเขาจะไม่สบายใจ ยามที่ร่างละมุนอบอุ่นอยู่ในบ่วงอ้อมแขนปลอดภัย สายตาหวาดหวั่นก็กระทบกับแสงแข็งกร้าวในตาเรียวใหญ่ของอคินที่เขม็งจ้องอย่างไม่พอใจ

อยากร้องไห้ดังๆ ให้สาสมกับที่ใจมันคับคั่งไปด้วยตะกอนความกลัว อยากบอกสามีให้ล้มเลิกการเดินทาง ให้เขาสั่งอคินเดินทางไปตามลำพัง

การไม่มีชายเอาแต่ใจมากร่างคุกคามอยู่ในบ้าน คงจะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายและปลอดโปร่งขึ้น ตอนนั้น สมองก็คงจะควานหาวิธีดีๆ เหมาะๆ เจอ เพื่อที่จะใช้กำจัดปัญหาใหญ่ระดับวิมานรักสั่นคลอนให้หมดไป

แต่ความปรารถนาเศร้าสร้อยก็เป็นได้แค่ความปรารถนาในห้วงคำนึง เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเผยมันออกมาให้สามีนึกสงสัย ดังนั้น ในอีกสิบนาทีต่อมา พุธชมพูจึงได้แต่โบกมือส่งสามีเดินทางไปเกาหลีด้วยใจที่เหงาหงอย

ใจหนึ่งก็อดที่จะคลายกังวลลงเล็กน้อยไม่ได้ เพราะอย่างน้อย อคินก็ตามสามีไปด้วย เธออยู่ทางนี้ ก็ไม่ต้องหวาดผวากับการคุกคามที่เขากำเริบได้อย่างเสรี แล้วเธอก็คาดเดาไม่ได้ด้วยว่า มันจะเกิดขึ้นตอนไหน



การเจรจาการค้าราบรื่นกว่าที่คิด ทำให้หนุ่มใหญ่ใจดีมีเวลาพักผ่อนได้มากขึ้นตลอดสามวันในเกาหลี

อคินกำลังคุยโทรศัพท์ น้ำเสียงค่อนข้างหงุดหงิด ตอนท้ายก็สบถฉุนเฉียว ทำให้หนุ่มใหญ่ตาพิการต้องเอียงหน้าไปยังต้นเสียง รีรอจนเกิดความเงียบชั่วขณะ จึงค่อยถามไปเบาๆ ว่า

"มีปัญหาอะไรหรือเปล่า"

"นิดหน่อย" อคินตอบสะบัดๆ เดินมานั่งตรงข้าม "ผมคงต้องเดินทางไปแคนาดาพรุ่งนี้ เพราะเจ้าของเช็คตัวแสบเดินทางไปพักผ่อนกับครอบครัวที่นั่น ธนาคารโทรมาโวยวายกับผมเรื่องเช็คเด้งซ้อนกันสองสามครั้งแล้ว เฉพาะของไอ้หมอนี่"

"อืม แล้วจะเดินทางเมื่อไหร่"

"ผมเป็นห่วงคุณ แต่ผมจำเป็นต้องไปลากคอไอ้หมอนั่นมารับผิดชอบ คุณจะอยู่.. "

"โอ๊ย ไม่ต้องห่วงหรอก" หนุ่มใหญ่โบกมือ หัวเราะอารมณ์ดี "ผมมีคนทางนี้ดูแลดีอยู่แล้ว"

"แต่ผมก็อดกังวลไม่ได้ คนอื่นจะดูแลคุณได้ดีเท่ากับผมหรือ"

"ไม่เป็นไร นี่ก็รอว่าท่านประธานจะกลับมาจากปักกิ่งเมื่อไหร่ ถ้าได้คำตอบแน่ชัดจากเขา เราก็กลับเมืองไทยร่างสัญญาคู่ค้ากันได้เลย สองสามวันนี้ คงน่าจะพอสำหรับธุระลากคอเจ้าของเช็คมารับผิดชอบกระมัง"

"คุณไม่เคืองผมนะ ผมไม่อยากให้คุณคิดว่า ผมเห็นแก่ธุระส่วนตัวจนทอดทิ้ง.. "

"เฮ้ย เหลวไหลน่า ผมเป็นคนแบบนั้นหรือ ไปทำธุระให้เสร็จเถอะ มีอะไรก็โทรมาหารือผมได้"

"แต่ผมก็ยังไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี"

"เอาเป็นว่า ถ้าทางนี้มีปัญหาขลุกขลักยังไงในระหว่างที่คุณยังทำธุระไม่เสร็จ ผมก็จะโทรตามให้คุณกลับมาจัดการงานของเราก่อน ตกลงไหม"

อคินเม้มปาก มองหน้าหนุ่มใหญ่ใจดีด้วยแววตาว้าวุ่น ใจก็นึกพิศวงว่า ทำไมดนัยดลถึงต้องเป็นคนดีหาที่ติไม่เจอขนาดนี้ด้วย มันทำให้เขานึกเปรียบเทียบกับตัวเองวูบหนึ่งไม่ได้

ถ้าหนุ่มใหญ่เป็นสีขาว ตัวเขาก็คงเป็นสีดำ มันแตกต่างและตรงกันข้ามจนเห็นได้ชัด โดยไม่ต้องแยกแยะคัดกรองให้เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย ก็ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมสวรรค์ไม่ลิขิตให้เขาเป็นสีขาวเล่า เขาจะได้ไม่ต้องรุ่มร้อนเหมือนในอกในร่างมันเต็มไปด้วยเปลวเพลิงตลอดเวลาเช่นนี้

"คุณเป็นคนดีมาก ผมละอายใจที่ก่อนหน้านี้ ดูแคลนคุณไว้เยอะเลย ทั้งซื่อเกินไป ใจดีเกินไป เชื่อใจคนง่ายเกินไป แต่ทั้งหมดนี้ ก็คือสิ่งดีๆ ที่คุณมีและแบ่งปันสู่คนอื่น ผมน่าจะมีอย่างคุณสักครึ่งก็ยังดี"

"โอ้ รำพันเรื่องอื่นก็เป็นหรือ นึกว่าจะเก่งแต่รำพันถึงนางในอดีตเสียอีก"

"คุณดนัย"

อารมณ์ละอายใจสะดุดกึกกับเสียงทะเล้นสัพยอก เขาไม่พอใจนะสิ พุธชมพูจะไม่มีวันเป็นนางในอดีต เธอจะเป็นปัจจุบันทุกๆ วัน

คนพูดต่างหาก เตรียมตัวเตรียมใจแปรสถานะตัวเองเถอะ วันไหนที่เขาแย่งชิงพุธชมพูกลับคืนมาได้สำเร็จ คนพูดนั่นล่ะ ที่จะถูกผลักไสให้หายลอยเข้าไปในวังวนของ 'อดีตที่ตายดับ'



ในระหว่างที่อคินเดินทางไปสะสางธุระส่วนตัว ก็เกิดเหตุแปรเปลี่ยนเล็กน้อยทางเกาหลี เพราะท่านประธานเจ้าของคำตอบเด็ดขาด ไม่สามารถเดินทางกลับมาเจรจาได้

แต่ลูกน้องก็จัดการประสานงานให้ดนัยดลเจรจาผ่านช่องทางออนไลน์ จนได้บทสรุปที่ตรงกัน และเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายด้วย ดนัยดลพยายามโทรศัพท์เพื่อแจ้งข่าวการเปลี่ยนแปลง แต่อคินก็เหมือนจะหายสาบสูญไปในแคนาดายังไงชอบกล

เลขาท่านประธานแดนเกาหลี แวะเข้ามากินข้าวเย็นด้วยในห้องพัก เพราะถูกชะตาว่าหนุ่มใหญ่น่ารัก อารมณ์ดี แม้สองตาจะพิการ แต่จิตใจแลจะเข้มแข็งและปลอดโปร่งตลอดเวลา

"นี่ถ้าคุณไม่ถือสา ผมตั้งใจหาสาวสวยๆ มาบริการแก้เหงาเชียวนะ"

"ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่นิยมเรื่องทำนองนี้ ไม่อยากให้ภรรยาต้องสูญสิ้นความศรัทธาเชื่อใจ ผมรักเธอ อยากเป็นสามีที่ดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง"

"แหม น่าอิจฉาภรรยาของคุณจริงๆ "

ดนัยดลฟังไปยิ้มไป เขาได้ยินประโยคทำนองนี้บ่อยแล้ว ใครต่อใครก็พากันอิจฉาพุธชมพู ทั้งที่ความจริงแล้ว ทุกคนน่าจะอิจฉาเขามากกว่า ที่โชคดีมีวาสนาได้ครอบครองสาวสวยตาหวานไปตลอดทั้งชีวิต

"โอ้ โทรศัพท์ของคุณแน่ะ คุณหมอริชาร์ด"

"หรือครับ"

สุ้มเสียงรับรู้ของหนุ่มใหญ่ค่อนข้างตื่นเต้นระคนกระตือรือร้นไม่เบา เลขาท่านประธานแดนเกาหลีรีบส่งโทรศัพท์วางบนฝ่ามือ เห็นเขายกแนบหูแล้วกรอกเสียงยินดีลงไป

"ครับ ขอบคุณมาก แล้วผมจะแวะไปนะครับ พรุ่งนี้ครับพรุ่งนี้ ตอนนี้หรือ ผมยังอยู่ในกรุงโซลอยู่เลย แต่พรุ่งนี้ถึงแน่นอนครับ สัญญาด้วยเกียรติหนุ่มตาบอด"

คนฟังใกล้ๆ ถึงกับหลุดเสียงหัวเราะกับวาจาทะเล้นตอนท้ายของหนุ่มใหญ่ชาวไทย หลังจากที่ตัดสายจากทางโน้น เขาก็เอ่ยรบกวนให้ช่วยจองตั๋วเครื่องบินอย่างด่วนไปนิวยอร์กให้ด้วย ซึ่งก็ไม่มีปัญหา เรื่องเล็กแค่จองตั๋วเครื่องบิน กระดิกนิ้วกะพริบตาทีเดียว ทุกอย่างก็ราบรื่นสมดั่งใจ

"น้องชายของคุณหมอจะแต่งงานพรุ่งนี้ครับ เขาอยากให้ผมไปร่วมอวยพรคู่บ่าวสาวด้วย" เขาเฉลยด้วยรอยยิ้ม

"เหลือเกิน คุณมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง ทำไมยังเชื้อเชิญเหมือนตอกย้ำชอบกล"

"ไม่หรอกครับ คุณหมอคงไม่มีเจตนาอย่างนั้นหรอก เราสองคนก็สนิทกันพอสมควร ก็ตั้งแต่ผมจับพลัดจับผลูไปเป็นคนไข้ของเขานั่นแหละ"

"ผมนึกว่าคุณหมอริชาร์ดจะไม่ยอมออกจากกรุงโซลอีกแล้วเสียอีก เพราะท่าทางเขาจะติดใจที่นี่ จนถึงขั้นแต่งงานกับสาวกรุงโซลของเราแล้วด้วย"

"นั่นสิครับ เขาก็โทรบอกผมเหมือนกัน แต่ตอนนั้น เขากำชับให้ผมอยู่เฉยๆ อย่าเดินทางบ่อยๆ คงเป็นห่วงว่าผมยังไม่คุ้นเคยกับโลกมืดนั่นละครับ"

"อืม คุณดูเป็นคนเข้มแข็งและยอมรับความจริงได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว"

"ขอบคุณ แต่พรุ่งนี้นะ ไม่ว่ายังไง ผมก็ต้องไปร่วมงานแต่งน้องชายเขาให้ได้ ถือโอกาสนี้ สังสรรค์เฮฮากับคุณหมอเสียเลย ไม่ได้เจอกันเกือบสามเดือนแล้ว"

คู่สนทนาพยักหน้าหงึกๆ ว่าเข้าใจ พลางช่วยรินเบียร์แล้วยกแก้วใส่มืออุ่น คะยั้นคะยอให้ดื่มให้หมด แถมยังสัพยอกทำนองว่า 'ขอทำหน้าที่ปรนนิบัติแทนภรรยาชาวไทยสักคืน' หนุ่มใหญ่ก็หัวเราะครื้นเครง ตื้นตันว่าตนโชคดี ได้เจอเพื่อนน่ารักเพิ่มขึ้นมาอีกคน



การสนทนาแกล้มอาหารเย็นสิ้นสุดลงในอีกสิบนาทีต่อมา เมื่อแขกกลับออกไป ดนัยดลก็ได้เวลาพักผ่อน ยาหยีที่รักโทรเข้ามาเย้ายั่วตัวตนให้ตื่นนิดๆ เขาคุยไปหัวเราะไปตามประสาอารมณ์ดี ตอนท้ายก็บอกว่า

"มะรืนนี้ พี่ถึงบ้านแล้ว ดีใจไหม"

"จริงหรือคะ ตายแล้ว พุธนัดกับหนุ่มหล่อไว้คนหนึ่ง แย่จัง คงต้องบอกเลิกนัดไปก่อนแล้วสิ เสียดายจัง"

"แม่สาวปากดี ระวังเถอะ พี่กลับไปถึงเมื่อไหร่ จะจับนั่งตักตบจูบให้เข็ดหลาบ"

พุธชมพูหัวเราะวาบหวาม เผลอขยุ้มผ้าปูที่นอนด้วยจิตกระสันลึก แค่ได้ฟังเสียงทุ้มนุ่มเย้าหยอก อารมณ์รักก็ปั่นป่วนพาใจกระเจิงลงไประเริงกลางทะเลปรารถนาเสียแล้ว แต่มันก็ไม่มีความสุขเต็มร้อยได้เท่ากับแหวกว่ายลอยคอกับสามี เธอจึงต้องกล้ำกลืนมันเอาไว้ก่อน

"พุธดีใจที่งานพี่ดนัยราบรื่นไปอีกเรื่อง คราวนี้ ความฝันที่จะขยายสาขาก็ใกล้จะเป็นความจริงแล้วสิคะ"

"ยังหรอกครับ ต้องรอดูว่าตาสองข้างมันจะยอมเป็นมิตรกับพี่หรือเปล่า นี่ พี่แอบตื่นเต้นด้วยรู้ไหม ลุ้นว่าพอครบสามเดือนแล้ว พี่จะมองเห็นอีกครั้งตามที่หมอได้ยืนยันมั่นใจ จริงหรือเปล่า"

"ต้องจริงสิคะ หมอที่ไหนจะโกหกคนไข้ แล้วพุธก็สวดมนต์ไหว้พระ ขอพรจากท่านให้ช่วยสามีที่น่ารักหายเจ็บหายป่วยจากโรคเล็กโรคใหญ่เร็วๆ รวมทั้งกลับมามองเห็นตามปกติด้วย เชื่อสิคะว่า พระต้องคุ้มครองคนดี"

"โอ๊ย พี่ไม่ต้องการเป็นคนดีของใคร มากไปกว่าเป็นสามีที่พุธรักตลอดกาล จริงๆ นะ"

"ปากหวาน"

"ทุกอย่างในตัวพี่หวานหมด นี่ไม่ได้คุยเกินจริงนะ พุธเองก็ชิมแล้วชิมอีก ยังเคยบอกว่ากลมกล่อมชวนกลืนนี่นา"

"บ้า พี่ดนัย ทะเล้นไม่เป็นเวลาเลยนะคะ ไม่เอาล่ะ พักผ่อนเถอะค่ะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางไปนิวยอร์กอีกไม่ใช่หรือคะ"

"ครับยาหยี คิดถึงนะ คิดถึงหมดใจเลย ฝากจูบเบาๆ ตรงซอกคอ เอ.. ร่องอกด้วยดีกว่า เอ๊ะ หรือว่าจะแถวๆ .. "

"พอแล้วค่ะ พุธขอให้จบแค่หน้าผาก ราตรีสวัสดิ์นะคะพี่ดนัย พุธรักพี่ดนัยค่ะ"

"ครับทูนหัว พี่ก็รักยาหยีสุดหัวใจเลย"

พุธชมพูวางโทรศัพท์แนบอกอุ่น พริ้มตาดื่มด่ำกับทุกสุ้มเสียงซึ้งของสามี น้ำตาไหลอย่างเงียบเหงาแกมโหยหา อยากให้วันมะรืนมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเสียเดี๋ยวนี้

สามีคนดีก็กำลังตกอยู่ในอิริยาบถเคลิ้มฝันเช่นเดียวกัน โทรศัพท์ถูกยกขึ้นมาจูบเบาๆ แล้ววางลงแนบอก หากแต่ขณะพริ้มตา ก็พลันกระทบเข้ากับแสงแลบแปลบคล้ายเส้นสีเงินกลางท้องฟ้ายามพายุฝนคลุ้มคลั่ง

มันผุดพาดขึ้นในความมืด แต่ก็เร็วมาก จนดนัยดลลังเลว่าตนอาจจะคิดไปเอง เขากะพริบตาหลายครั้ง หวังว่าจะเห็นเหตุไม่ปกติซ้ำอีกสักหน แต่ทุกอย่างก็มีแต่มืดกับมืด ดังนั้น เขาจึงสรุปกับตัวเองก่อนจะหลับใหลไปในคืนนั้นว่า 'คิดไปเองจริงๆ นั่นแหละ'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 08:13:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com