หิวข้าววววว...
เสียงคนขับรถโอดครวญข้างๆ หู ทำให้หญิงสาวที่กำลังอ้าปากหาวเหลือบตาดูน้อยๆ ก่อนตอบ ก็กำลังจะไปหาข้าวกินอยู่นี่ไง ไม่ต้องคร่ำครวญมากก็ได้นะ
ใจร้ายจัง ผู้หญิงอะไรปากจัดชะมัด
ไหงมาว่าฉันซะงั้นล่ะ
ไม่สนเว้ย...หิวข้าว พาลน่ะ...โมโหหิวน่ะรู้จักมั้ย คนเป็นหมอหันมาแยกเขี้ยวขาวๆ ใส่ ก่อนที่จะเลี้ยวรถเข้าไปในลานจอดอย่างรวดเร็ว
ไปๆ เลือกร้านเร็วๆ เลยนะเธอ เราไม่ไหวแล้ว... ชายหนุ่มยังครวญต่อ
คราวนี้พริมาหันไปมองร่างสูงตรงๆ ใบหน้าคมดูซีดลงนิดหน่อย ทำให้หล่อนต้องเอ่ยปากถาม ไม่ได้กินข้าวเช้าใช่มั้ยเนี่ย
ก็...ตื่นมาก็เกือบได้เวลานัดกับอาจารย์หมอแล้ว ก็เลย...
เลยไม่กินข้าว... หญิงสาวต่อให้เสียงเย็น
ง่า...อย่าดุเค้าสิ คนตัวสูงกว่าเริ่มใช้ไม้อ่อนเมื่อเพื่อนสาวเริ่มดุใส่ ไม่ได้ตั้งใจลืมกินหรือไม่อยากกินนะ แค่ไม่อยากผิดนัดกับอาจารย์เท่านั้นแหละ อาจารย์หมอวีน่ากลัวจะตายเธอก็รู้นี่
พริมานึกไพล่ไปถึงใบหน้าขาวนวลหวานหยดที่แฝงแววเรียบๆ เย็นๆ เอาไว้ก็ไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวตรงไหน แต่หล่อนก็ยอมลงให้เพื่อนเมื่อเห็นสายตาละห้อยที่มองสบมา
คราวหน้าก็อย่าลืมอีก จำไว้สิว่านายน่ะเป็นโรคกระเพาะ แล้วก็เป็นหมอด้วย! อย่าให้คนอื่นต้องเตือนเรื่องแบบนี้ให้มากนัก เข้าใจมั้ย
คร้าบบบบ...
ร่างสูงลากเสียงยาวอย่างประจบ ก่อนจะเดินตามคนตัวเล็กกว่าไปต้อยๆ แล้วก็ได้เห็นเธอหยุดเดิน มองไปทางกลุ่มคนขนาดย่อมๆ ที่กำลังหันมามองหล่อนเช่นกัน
ภูธเรศมองตาม ก่อนเอ่ย เพื่อนที่เรียน ป.โท กะเธอนี่นา?
อืม...
ทักทายซะหน่อยก็ดีนะ หมอหนุ่มแนะนำเพื่อน แต่ก่อนที่เพื่อนสาวจะทันขยับปาก คนทางโน้นก็หันมาตะโกนเรียกเสียก่อน
ยัยพริม...คุณหมอ...มาทานข้าวด้วยกันสิคะ
เพื่อนรักสองคนหันมามองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษา ก่อนที่คนเป็นหมอจะพยักหน้านิดๆ แล้วเดินตรงไปยังกลุ่มนั้นอย่างอารมณ์ดี
รบกวนหน่อยนะครับ
ต๊ายยย! ไม่รบกวนซักนิดเลยค่า รุ่นพี่สาวๆ ยิ้มแย้มแก้มแทบปริ ก่อนจะรีบขยับที่นั่งให้หมอหนุ่มนั่งตรงกลาง ล้อมรอบไปด้วยพวกเธอเอง พริมาที่เดินมาถึงทีหลังหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวท้ายๆ ที่เพื่อนๆ รีบขยับที่ให้จ้าละหวั่น
เมื่อกี้เราสั่งไปแล้ว คุณหมอกับยัยพริมจะสั่งอะไรเพิ่มอีกรึเปล่าคะ? อนงค์นาถที่นั่งห่างหมอหนุ่มออกมาหน่อยเป็นคนเอ่ยถาม เมื่อเห็นแต่ละคนที่นั่งใกล้หมอมัวแต่จ้องใบหน้าหล่อเหลาไม่วางตา
เนื่องจากร้านที่เข้าไปนั่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นราคาย่อมเยา เพราะต้องการตีตลาดนักศึกษาที่เรียนอยู่ใกล้ๆ พริมาจึงไม่แม้แต่จะเหลือบดูเมนูเมื่อสั่ง
ราเม็งต้มยำหมูอบชาชูค่ะ
สองที่เลยครับ คนเป็นหมอสั่งเพิ่มทันควัน พลางหันมาแจกยิ้มกับคนที่อยู่รายรอบ (ที่ยังมองหน้าอยู่จนกระทั่งเดี๋ยวนี้)
คำพูดง่ายๆ นี้เรียกเสียงแซวจากกลุ่มสาวๆ ได้เยอะทีเดียว แหม...ใจตรงกันจังเลยนะคะคู่นี้ ถ้าไม่รู้ว่าคุณหมอมีแฟนมาก่อน ภัทรต้องนึกว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันแน่ๆ เลยล่ะ
ฮ่ะๆ จริงหรือครับ ผมกับยัยพริมก็ชอบกินอะไรคล้ายๆ กันแค่นั้นล่ะครับ ไม่มีอะไรมากหรอก
...ใช่...ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ได้หรอก...
พริมาฝืนยิ้มขื่น แต่ใบหน้าที่แสดงออกนั้นสดใสเกินกว่าที่เพื่อนคนใดจะจับสังเกตได้ อย่ามาเหมางั้นสิคะพี่ภัทร เดี๋ยวพริมก็ขายไม่ออกหรอก หนุ่มๆ เข้าใจผิดหมด ใช่มั้ยคะพี่บาส
ท้ายประโยคหล่อนหันไปถามผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มผู้ชายน้อยคน น้อยจนแทบจะกลืนหายไปกับผู้หญิงหมด
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อที่ถูกอ้างอิงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ส่งให้ใบหน้าที่หล่อเหลาพอสมควรน่ามองขึ้นอีกโข พริมน่ะขายออกแน่ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าไม่มีใคร...มาควงกะพี่ก่อนมั้ยล่ะ?
ทั้งโต๊ะหัวเราะสนุกสนาน รู้ๆ กันอยู่ว่าพี่บาสน่ะมีแฟนอยู่แล้ว เพียงแต่แฟนพี่เค้าทำงานอยู่คนละจังหวัดเท่านั้นเอง
แต่คนในโต๊ะที่ไม่รู้ความจริงนั้นมีคนหนึ่ง...
ภูธเรศฝืนหัวเราะไปกับคำแซวตรงๆ นั้น หากในใจขุ่นเคืองรางๆ จนแทบจับไม่ได้...
...ไม่ได้นะ เขาน่ะต้องปกป้องยัยบ๊องนี้ไว้ ตามสัญญาที่ให้กับแม่หล่อน...ว่าจะดูแลหล่อน จนกว่าจะมีผู้ชายที่ดีพอที่จะสามารถดูแลพริมาต่อจากเขาได้ชั่วชีวิต...
ถ้าพี่จะจีบยัยนี่จริงๆ ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะเหมือนขำไปพร้อมๆ กับคนอื่นๆ ต้องมาคุยกับผมก่อนนะครับ อย่าลืมล่ะ
เสียงคนสำลักเสียงหัวเราะตัวเองดังขึ้นทันควัน ก่อนที่แต่ละคนจะเหลียวมองมาที่เขาเป็นตาเดียว ไม่เว้นกระทั่งหญิงสาวคนที่เป็นต้นตอปัญหาด้วย
ภูธเรศทำตาโตเหมือนประหลาดใจเต็มที่ ก่อนหัวเราะเรื่อยๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีผมรับฝากยัยนี่จากแม่เค้าเท่านั้นแหละ
แม่ยัยพริม...ที่...เอ่อ... คนถามเหลือบตามองมาทางพริมาเหมือนเกรงใจที่จะพูดว่าแม่ของหล่อนเสียชีวิตไปแล้วนี่นา
ครับ...ผมรับฝากแม่เค้าเอาไว้น่ะ
อ๋อ... อนงค์นาถทำเสียงเข้าใจ ลืมไป หมอภูเป็นเพื่อนกะยัยพริมมานานแล้วนี่คะ
ก็สามปีแล้วล่ะครับ
อาหารที่สั่งไว้เริ่มทยอยมาส่งเรื่อยๆ ดังนั้นทุกคนจึงพักคำถามชั่วคราว ถึงกระนั้นก็ยังมีคนบอกให้ชายหนุ่มเล่าเรื่องว่าไปเจอหล่อนได้ยังไง แต่อนงค์นาถที่อยู่ในเหตุการณ์วันแรกที่ทั้งสองคนเจอกันบอกให้ทุกคนกินเสร็จก่อนค่อยเล่าตอนนั้นดีกว่า...เพราะเจอครั้งแรกตอนไปดูการชันสูตร คงไม่เป็นเรื่องเล่าที่ทำให้คนฟังเจริญอาหารซักเท่าไหร่
ว่าแต่คุณหมอเป็นหมอประจำ OPD[14]อยู่ใช่มั้ยคะ แสดงว่าอายุมากกว่ายัยพริม ไหงทำไมเรียกกันซะเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกันเลยอ่ะ?
หมอนี่เรียนเร็วค่ะพี่ พริมเลยไม่ต้องเรียก พี่ ให้กระดากปาก หญิงสาวที่นั่งเงียบปล่อยให้ประวัติตัวเองถูกเพื่อนสนิทสาวไส้ออกมาเรื่อยๆ เอ่ยขึ้นมาบ้าง
เสียงอืออาในลำคอของหลายคนบ่งบอกความเข้าใจแจ่มแจ้ง จนกระทั่งกินอาหารเสร็จ คุยสัพเพเหระอีกซักพักก่อนจะสลายตัวกันไปด้วยความอิ่มท้อง
ตราบจนกระทั่งอยู่ด้วยกันตามลำพังอีกครั้ง เมื่อพาหญิงสาวไปส่งตรงจุดที่เธอจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ หมอหนุ่มก็เอ่ยปากถามเล่นๆ อย่างอารมณ์ดีผิดกับขาไปลิบลับเพราะอิ่มเรียบร้อย
ถามจริง...เรียกเราว่าพี่มันกระดากปากมากเลยเหรอ?
ฉันคิดว่านายน่ะไม่เหมาะกับการเป็นพี่ชายหรอกหมอ อีกอย่าง...แก่กว่าฉันแค่ปีสองปี อยากจะให้เรียกให้ตัวเองดูแก่ขึ้นเรอะ
ไม่อ่ะ ชายหนุ่มสั่นศีรษะพรืด แล้ว...ทำไมเธอถึงเรียกผู้ชายคนนั้นว่าพี่ได้ล่ะ
เชาหมายถึงตอนที่ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยปากขอควงคนตรงหน้าตรงๆ นั่นแหละ
พริมานิ่งคิด ก่อนจะเอ่ย พี่บาสน่ะเหรอ ก็เค้าอายุมากกว่าฉันจริงๆ นี่
เราก็มากกว่าเธอเหมือนกัน
วันนี้มาแปลกนะ เป็นไรป่ะเนี่ย คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น เมื่อพิจารณาดูดวงหน้าของเพื่อนชายอย่างละเอียดเพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ดูเป็นปกติดีนี่หว่า...เกิดไรขึ้นล่ะ?
ไม่มีอะไรหรอก แค่สงสัยเฉยๆ ทีคนอื่นเรียกได้ ทีเราเรียกไม่ได้นะ
อ้าว...ก็คนอื่นไม่ใช่นายนี่นา
แล้วเราต่างจากเพื่อนคนอื่นของเธอตรงไหนล่ะ?
คำถามตรงๆ นั้นทำเอาหัวใจดวงน้อยวูบลงไปนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ก่อนที่หญิงสาวจะตั้งตัวแล้วตอบเขาไปอย่างเป็นปกติ
ก็เป็นเพื่อนสนิทไง ฉันไม่อยากเรียกเพื่อนที่ฉันสนิทให้มันมีพิธีรีตองอะไรมาก เข้าใจรึยัง!
เข้าใจแล้วคร้าบบบบ... ใบหน้าคมกลับมายิ้มทะเล้นเมื่อได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ ก่อนจะเดินกลับขึ้นรถ ทิ้งหญิงสาวไว้ข้างมอเตอร์ไซค์ของเธอเอง แต่ก่อนที่เขาจะออกรถ พริมาก็รีบถามขึ้นมาก่อน
เรื่องสร้อยเส้นนั้น...
เธอหมายถึงสร้อยคอเล็กๆ รูปหัวใจดวงน้อยเกาะเกี่ยวกัน ฝังอัญมณีสีชมพูใสตรงหัวใจสองดวงที่อยู่ชิดกันแนบแน่น...เหมือนความรักของเขาและเธอคนนั้น...
สร้อยเส้นนั้นเธอเป็นคนช่วยเขาเลือกไปง้อนุชนาถเองเมื่อวันก่อน หลังจากได้ของ เอาหล่อนไปทิ้งไว้ในห้องตามเดิม เจ้าตัวก็แล่นออกไปหาแฟนสาวเร็วรี่ แล้วเงียบหายต๋อมไปเลย...
ส่งมาเพียงข้อความว่า Thank you! ^^
เท่านี้หล่อนก็พอเดาออกรางๆ แล้วว่านุชนาถคงคืนดีกับเขาเช่นเดิม อาจจะมีกระเง้ากระงอดบ้างเล็กน้อย แต่ก็...เป็นธรรมดาของผู้หญิงที่กำลังใช้สิทธิของความเป็นคนรักอยู่...
ภูธเรศยิ้มแป้น ลืมเล่าไปเลย บอกได้แต่ว่านุชปลื้มมากกกกกก... ชายหนุ่มลากเสียงยาวอย่างเป็นนัยให้อีกฝ่ายคิดเอาเองว่าปลื้มมากนี่...จะแสดงออกมาได้ขนาดไหน คนให้ถึงทำหน้าปลื้มแทนขนาดนั้น
ก็วันนั้นเล่นไม่โทรกลับมาเลยนี่หว่า หายต๋อมไปเลย
ง้อสาวใครจะมีเวลาโทรหาคนอื่นเล่า...ถ้าเธอมีแฟนเดี๋ยวก็รู้เองแหละ ไปก่อนละนะ อีกไม่กี่ชั่วโมงนุชจะกลับจากสิงคโปร์แล้ว ต้องรีบไปแต่งตัวหล่อๆ ไปรับ...
ชายหนุ่มปิดประโยคด้วยรอยยิ้มกริ่มทั้งสีหน้าและแววตา ประกายความสุขฉายชัดออกมาจากเจ้าตัวไม่ได้ทำให้คนที่ยืนฟังรู้สึกเป็นสุขไปด้วย...
...หล่อนกำลังซาบซึ้งกับคำว่า คนอื่น ที่เขาเผลอหลุดออกมาในประโยคนั้น...
...รู้ว่าเขาไม่ได้หมายความว่าอะไรรุนแรง ไม่ได้แปลว่าหล่อนเป็นคนอื่นจริงๆ หรอก แต่...
...มันก็อดที่จะรู้สึกอะไรไม่ได้...จริงๆ นะ...
เราไปก่อนนะ แล้วจะโทรไปหาละกัน ขับรถกลับหอดีๆ ล่ะ...เป็นห่วง
รถเก๋งสีขาวนั้นออกวิ่งไปแล้ว ทิ้งไว้แต่เพียงรอยยิ้ม สีหน้า แววตาของคนที่เพิ่งบอกเป็นห่วงเธอหยกๆ เมื่อครู่
พริมาถอนหายใจเฮือก...ไม่ได้เข้าใจความรู้สึกตัวเองมากมายเท่าไหร่ หากแต่...
...เพื่อนกัน...อย่างน้อยก็ยังเป็นห่วงกันได้ล่ะนะ!
..............................................
[1] Fingerprint หรือลายนิ้วมือ เป็นวิชาที่ว่าด้วยลายนิ้วมือ รวมไปถึงลายฝ่ามือและฝ่าเท้า [2] เรื่องราวของคุณหญิงมธุการี ติดตามได้ใน สายใยสิเน่หา [3] นิติวิทยาศาสตร์ เป็นการเรียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาทางคดีโดยนำเอาวิธีการทางวิทยาศาสตร์ไปหาคำตอบ ดังนั้นผู้ที่เรียนนิติวิทยาศาสตร์จึงต้องมีความรู้ทั้งทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และทางด้านวิทยาศาสตร์ด้วย นักนิติวิทยาศาสตร์ส่วนมากทำงานในสายงานของตำรวจ เช่นกองพิสูจน์หลักฐาน เป็นต้น [4] คำเรียกย่อๆ ของใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทนายความ [5] ในที่นี้หมายถึงวงแชมเบอร์ออเครสตร้า (Chamber Orcrastra) ซึ่งเป็นวงที่มีผู้เล่นน้อยกว่าวงออเครสตร้า [6] ในวงจะมีการแบ่งเป็นส่วนต่างๆ เรียกว่าพาร์ท ซึ่งทั้งคอร์รัสหรือวอยซ์จะหมายถึงส่วนของนักร้องประจำวง ซึ่งอาจจะร้องเดี่ยวหรือร้องหมู่ประสานเสียงก็ได้ [7] การร้องเพลงประสานเสียง จะมีการแบ่งเป็นส่วนตามระดับเสียงร้องของแต่ละคน ซึ่งโดยทั่วไปจะมี 4 พาร์ทคือโซปราโน่ (เสียงสูงของผู้หญิง) อัลโต (Alto เสียงต่ำของผู้หญิง) เทเนอร์ (Tenor เสียงร้องสูงสุดของผู้ชาย) และเบส (Bass เสียงร้องต่ำสุดของผู้ชาย) ถ้าแบ่งมากกว่านี้จะมีเสียงอัลโตสอง (ตำแหน่งของผู้หญิงเสียงต่ำกว่าอัลโตปกติ) และบาริโทน (Baritone เสียงร้องของผู้ชายที่อยู่ระหว่างเทเนอร์กับเบส) ซึ่งจะใช้กับวงที่มีขนาดใหญ่ คนมาก [8] Tenor Saxophone เป็นแซกโซโฟนที่ถูกใช้มากในการเล่นดนตรีแนวแจ็ส แต่ก็สามารถเห็นแซกโซโฟนเทเนอร์ได้ในการเล่นดนตรีแบบอื่น ๆ เสียงของแซกเทเนอร์จะมีลักษณะแบบนุ่ม ๆ อ้วน ๆ ระดับเสียงBb และต่ำกว่าแซกโซโฟนอัลโต้และแซกโซโฟนโซปราโน รองจากแซกโซโฟนอัลโต้ (โทนเสียงที่เล่นได้จะอยู่ในโทนอัลโต้-เทนเนอร์) ถือเป็นเครื่องที่ใช้แทนวิโอล่าในวงประเภทเครื่องเป่า แล้วแซกโซโฟนเทเนอร์ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่มือใหม่ควรจะใช้ในการเริ่มต้น [9] ในกองพิสูจน์หลักฐานแต่ละจังหวัดจะมีการแบ่งออกเป็นฝ่ายต่างๆ ซึ่งหลักๆ จะมีฝ่ายตรวจสถานที่เกิดเหตุ และมีงานตรวจลายนิ้วมือแฝง ซึ่งครอบคลุมไปถึงรอยลายฝ่ามือ รอยลายฝ่าเท้าด้วย [10] ฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน และสเปิร์มตัวเดียวกัน แต่มีการแบ่งแยกเซลล์พัฒนาออกมาต่างหากแยกกัน คนที่เป็นแฝดแท้จะมีลักษณะเหมือนกันในตอนเกิดทุกประการ ยกเว้นลายนิ้วมือที่จะไม่เหมือนกัน เพราะลายนิ้วมือนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อทารกได้แยกออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว [11] การตรวจลายนิ้วมือต้องมีการยืนยันตำแหน่งของตำหนิลายนิ้วมือที่ตรงกัน ในกฎหมายไทย คดีอาญาจะกำหนดให้ต้องเหมือนกัน 10 ตำแหน่งขึ้นไป ในขณะที่คดีแพ่งจะกำหนดให้ต้องเหมือนกัน 12 ตำแหน่งขึ้นไป และโดยส่วนใหญ่แล้วแต่ละประเทศก็จะกำหนดจุดที่จะต้องเหมือนกันกี่จุดแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับกฎหมายของประเทศนั้นๆ ว่าจะกำหนดไว้อย่างไร [12] Polygraph เป็นชื่อเรียกอย่างหนึ่งของเครื่องจับเท็จ และเป็นชื่อเรียกวิชาว่าด้วยการจับเท็จและการใช้เครื่องจับเท็จ [13] ติดตามเรื่องราวของอโณชาได้ใน เพียงรักเคียงใจ
จากคุณ |
:
ส้มเช้งเองจ้า
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ต.ค. 54 20:43:20
|
|
|
|