Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Secret Love : ปฏิบัติการแอบรัก (เนื้อเรื่องไม่วัยรุ่นนะเออ ^^) บทที่ 3 ติดต่อทีมงาน

บทนำ + บทที่ 1 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11185178/W11185178.html
บทที่ 2 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11199793/W11199793.html


วันนี้ที่ตึกคณะมีรถบางตา...

         อาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุด ทำให้ลานจอดรถที่ถ้าเป็นวันธรรมดาคงเรียกได้ว่า ‘ไร้ทางขยับ’ โล่งว่าง มีมอเตอร์ไซค์เพียงไม่กี่คัน รถยนต์ยิ่งน้อยกว่าที่จอดอยู่

           หญิงสาวขับมอเตอร์ไซค์เข้าไปจอดตรงช่อง ถอดหมวกกันน็อคออกด้วยแรงเกือบเป็นกระชาก ก่อนจะออกวิ่งอย่างรวดเร็วเมื่อลงจากรถได้ ขาเรียวภายใต้กางเกงยีนต์เนื้อหนาพาตัวหล่อนไปยืนอยู่หน้าประตูห้องที่ปิดสนิท...

           ก่อนที่พริมาจะสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้า เปิดประตูเข้าไปโดยไม่ต้องเคาะ

           “อ้าว...มาแล้ว วันนี้ติดธุระอะไรอีกล่ะพริม?”

           ร่างบางของคนที่กำลังยืนบรรยายอยู่หน้าห้องแทบจะเรียกได้ว่า ‘เปล่งประกายงดงาม’ เมื่อดวงตาสีน้ำตาลงดงามจดจ้องมาที่เธออย่างอยากรู้ระคนขัน หญิงสาวที่มาสายก็ได้แต่ทำตัวลีบ ก่อนเดินต้อยๆ เข้ามานั่งที่ตัวเองอย่างไร้ปากเสียง

           “ว่าไงยัยพริม ตื่นไม่ทันเหรอวันนี้?”

           “ก็...” พริมายิ้มแหย เงยหน้ามองอาจารย์พิเศษด้วยความรู้สึกผิดหน่อยๆ “...ค่ะ”

           “ไปทำอะไรมาอีกล่ะ” คนถามทำหน้าอยากรู้

           “เมื่อวาน...มหา’ลัยมีงานน่ะค่ะ แล้วน้องที่ชมรมก็บอกว่าคนขาดให้ไปช่วยหน่อย หนูก็เลย...”

           “อ๋อ...ถึงว่าเมื่อวานคุ้นๆ เราเองเรอะ”

           “คุณหญิง...อาจารย์ก็ไปงานนั้นด้วยเหมือนกันเหรอคะ?” หญิงสาวถามเสียงอ่อย...รู้สึกหน้าร้อนนิดๆ เมื่อรู้ว่าคนรู้จักดันไปเห็นภาพเธอตอนอยู่บนเวทีเข้า

           คราวนี้คนที่เปลี่ยนมาโดนถามบ้างหัวเราะเฉย “อ้าว...อย่าลืมสิว่าเราก็เป็นศิษย์เก่าของที่นี่เหมือนกัน งานนี้เป็นงานศิษย์เก่า ทำไมเราจะไปไม่ได้ล่ะ ไม่ใช่แต่เรานะ เพื่อนเราหลายคนเลยแหละที่ไปด้วย”

           “หา...”

           พริมาเหลียวมองเพื่อนๆ ที่นั่งเรียนด้วยกันประมาณ 20 คนด้วยสีหน้ากระดากหน่อย แล้วก็พบว่าคนที่เป็นศิษย์เก่าเหมือนกันส่งยิ้มที่แปลออกมาเป็นคำพูดได้ว่า ‘ฉันเห็นนะ’ จนเจ้าตัวได้แต่ทำหน้าแหยๆ รับคำพูดของเหล่าเพื่อนร่วมสถาบันที่ตามมาติดๆ ถึงเรื่องที่เธอขึ้นเวทีร้องเพลงในงานเลี้ยงรวมศิษย์เก่าของมหา’ลัยเมื่อวานนี้

           “ทีอย่างนี้ไม่ชวนนะพริม” อนงค์นาฏเอ่ยก่อนคนแรก

           ต่อด้วยภัทริยา “ไม่รู้จะอายอะไร เสียงเธอออกจะเพราะ”

           “น่าจะไปประกวดร้องเพลงซะให้มันรู้แล้วรู้รอด...” เสียงห้าวๆ นี่เป็นของอดุลย์ ผู้ชายร่วมสถาบันคนเดียวที่ตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทในสาขานี้

           “ก็นะ...” พริมาได้แต่ยิ้มอ่อนๆ ส่งให้เพื่อน “เอาไว้งานหน้าถ้ามีอีก ฉันจะส่งบัตรเชิญไปให้ทุกคนเลยเอามั้ยล่ะ”

           “เอา!”

           “...” เธอพูดประชดนะ ตอบรับกันมาได้...

           “พอๆ ได้แล้วเด็กๆ กลับมาเรียนต่อได้แล้ว” อาจารย์พิเศษตบมือเบาๆ สองสามทีเพื่อเรียกความสนใจของบรรดาหนุ่มสาวตรงหน้าให้กลับมาอยู่ที่เธอเอง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานกังวานของตนตามเนื้อหาที่เตรียมมา

           “วันนี้ถึงไหนแล้ว...อ้อ...Fingerprint[1] ใช่มั้ย...ok มาต่อกันนะ...”

           เสียงของ ร.ต.อ. หม่อมราชวงศ์มธุการี[2] หรือที่เรียกกันติดปากทั้งในกองพิสูจน์หลักฐานหรือที่มหา’ลัย ที่คุณหญิงได้รับเชิญมาเป็นอาจารย์บรรยายพิเศษว่าคุณหญิงผู้กองนั้นดังกังวาน มั่นคง บ่งบอกว่าคนพูดมีความรู้ในเรื่องที่ตนเองกำลังพูดดีขนาดไหน...

           ทั้งๆ ที่เป็นวันหยุด นักศึกษาปริญญาโทอย่างเธอก็ยังต้องมาเรียนอีก นั่นเพราะว่าอาจารย์ที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิหลายคน อย่างเช่นคุณหญิงผู้กองเป็นข้าราชการตำรวจ ซึ่งไม่อาจมาสอนให้ในวันเวลาธรรมดาได้ ตารางเรียนของเด็ก ป.โท สาขานิติวิทยาศาสตร์[3]จึงมีเรียนในวันหยุด วันที่มหา’ลัยค่อนข้างเงียบเหงาเช่นนี้

           เมื่อจบปริญญาตรีทางด้านกฎหมาย พริมาเคว้งไปซักระยะ มองไม่เห็นว่าตัวเองจะทำอาชีพอะไรได้ เธอจึงสอบเอาตั๋วทนาย[4]ไว้ อย่างน้อยมันก็เป็นหนึ่งในความฝันของเธอ...ก่อนที่จะตัดสินใจเข้ามาเรียนปริญญาโทในสาขานิติวิทยาศาสตร์ สาขาที่คนกว่าค่อนชั้นจบมาทางสายวิทย์เสียหมด

           การเรียนกฎหมาย 4 ปีเต็มๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยทำให้เด็กมัธยมสายวิทย์ – คณิตอย่างเธอเกือบลืมวิชาการทางวิทยาศาสตร์เสียสิ้น ที่ยังเหลือติดหัวอยู่นิดหน่อยคือความรู้ทางชีววิทยา นอกเหนือจากนั้นแล้ว...ปลิวหายไปตามสายลม แสงแดด และกาลเวลาเสียหมดสิ้น ดังนั้นเธอจึงต้องกระตือรือร้น และต้องมานะกว่าคนที่เรียนจบมาทางด้านวิทยาศาสตร์โดยตรงในการเรียนปริญญาโทในสาขาวิชานี้ต่อ

           แต่พอจบมาพริมาก็เกิดอาการ ‘ขายออก’ เสียอย่างนั้น ทั้งรุ่นน้องในชมรมดุริยางค์[5] ที่เธอสังกัดสมัยเรียนปริญญาตรีที่ชอบมาดึงเธอไปช่วยงานเสียจริง ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทคอร์รัส (chorus) หรือเรียกอีกอย่างว่าวอยซ์ (Voice)[6]ที่เธอเคยประจำอยู่ในส่วนของโซปราโน่ (Soprano)[7] หรือไม่ถ้าวันไหนนักดนตรีขาด เธอก็ต้องไปประจำอยู่ในตำแหน่งของเทเนอร์ แซ็กโซโฟน[8]อยู่ดี

           ไหนจะลองเสี่ยงดวงส่งนิยายเพ้อๆ ของเธอไปประกวดแล้วดันชนะเลิศ สร้างความแตกตื่นให้หญิงสาวพอๆ กับความเครียดที่ถาโถม เพราะเธอต้องไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมในเพื่อให้งานเขียนออกมาดีที่สุดอีก...

           ดังนั้นช่วงนี้พริมาจึงดูเซียวลงไปเล็กน้อย ด้วยฤทธิ์ของการไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ ทำให้ภูธเรศได้ทีบ่นเอาๆ เพื่อให้เธอจัดการตัวเองให้เรียบร้อย

           แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...ช่วงนี้เธอถึงขั้นเปลี่ยนเวลานอนไปเลยทีเดียว เพราะความที่ชอบทำงานกลางคืนเนื่องจากความเงียบสนิทที่หาในยามกลางวันไม่ได้ ทำให้การเข้าเรียนในแต่ละครั้งของหญิงสาวกลายเป็นเรื่องยากลำบากที่จะไปให้ตรงเวลาทุกครั้ง...

           อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ปากกาของเธอก็จดยิกๆ ตามเนื้อความที่คุณหญิงผู้กองพูดออกมาอย่างลื่นไหลไม่มีสะดุดซักน้อย

           “ก็อย่างที่บอกไปแล้วเมื่อชั่วโมงก่อนว่าเรื่องนี้จะว่าไปเราก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ เพราะหน้าที่ของฝ่ายตรวจสถานที่เกิดเหตุนั้นไม่ได้เฉพาะเจาะจงในรายละเอียดของลายนิ้วมือนัก เราเพียงรู้ว่าลายนิ้วมือมีรูปแบบอย่างไร และจะเก็บอย่างไรเท่านั้น จะให้สอนก็คงไม่ดีเท่ากับสารวัตรพิมลพรรณหรอก นั่นเขาอยู่งานลายนิ้วมือแฝง[9]โดยตรง เพราะฉะนั้นก็รอให้พี่เขามาถ่ายทอดวิชาเองดีกว่า”

           “อ้าว...” เหล่านักศึกษาพากันครางเสียงอ่อยๆ

           “อย่ามาอ้าว เรารู้ทันหรอกว่าไม่อยากมาเรียนเช้า แต่ไหนๆ ตอนบ่ายก็เรียนกับเราแล้ว มาตั้งแต่ตอนเช้าเลยก็ดีจะได้ไม่มีใครหนีกลับไปก่อน” อาจารย์พิเศษว่ายิ้มๆ ก่อนเอ่ยต่อ “อ้อ...อีกอย่างนะ สารวัตรพิมลพรรณฝากงานแล็บมาให้ทำด้วย เรามาทำแล็บลายนิ้วมือกันดีกว่า”

           “หา...?” รอบนี้เสียงครางออกแนวเหรอหรา งงงัน

           ราชนิกุลสาวยิ้มระรื่น ก่อนเอ่ย “ในงานตรวจสถานที่เกิดเหตุนั้น คนที่เก็บลายนิ้วมือไม่ใช่คนที่จะต้องตรวจลายนิ้วมือได้เสมอไป ผู้ที่ปฏิบัติงานในที่เกิดเหตุจะต้องเก็บลายนิ้วมือเป็น ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเก็บพยานหลักฐานจากที่เกิดเหตุ เพราะฉะนั้นงานนี้เราถนัด”

           เหล่านักศึกษามองหน้ากันปริบๆ เมื่อเห็นอาจารย์สาวหันไปหยิบอุปกรณ์เก็บลายนิ้วมือมาวางตรงหน้า พลางชี้ไปทีละอย่าง “นี่คือผงฝุ่น หรือที่เรียกว่า Fingerprint Powder ใช้ในการเก็บลายนิ้วมือ ส่วนมากใช้ผงสีดำเพราะมันสามารถเห็นได้ง่าย ยกเว้นถ้าพื้นผิวสีเข้มหรือสีดำเสียเอง เราก็ต้องเปลี่ยนมาใช้ผงฝุ่นสีอื่นแทน ซึ่งก็ควรจะเป็นสีที่ตัดกับพื้นผิวที่เราต้องการเก็บรอยลายนิ้วมือ เห็นมั้ยว่ามีหลายสี อ้อ...ถ้าสีพื้นผิวมีหลายสี ก็ใช้ผงฝุ่นที่เป็นผงฟลูออเรสเซนต์ จะได้เห็นได้ชัดเจน”

           นิ้วเรียวดังเทียนกลมกลึงของอาจารย์สาวชี้รวดเร็วไปที่กระปุกผงฝุ่นสีดำและสีอื่นๆ “แต่ปกติเราก็ใช้กันแต่สีดำอ่ะนะ...ช่วยไม่ได้ งบมันไม่ค่อยมี แล้วนี่...” คุณหญิงชูแปรงที่แตกต่างกันขึ้นมาตรงหน้า ก่อนแจกแจง “นี่เรียกว่าแปรงขนกระต่าย เอาไว้ปัดหาทั่วๆ ตรงที่เราคิดว่าจะมีลายนิ้วมือเกาะอยู่แบบไม่เจาะจง ซึ่งถ้าเจอรอย ก็ต้องเปลี่ยนเป็นแปรงขนอูฐ...เห็นลักษณะมั้ยว่ามันเล็กกว่ากันมาก ฉะนั้นแปรงนี้จะใช้ปัดเบาๆ ไปที่ลายเพื่อให้มันชัดขึ้น และนี่แหละคือสาเหตุที่คนตรวจสถานที่เกิดเหตุต้องรู้ว่ามีรูปแบบลายนิ้วมืออะไรบ้าง เพื่อเวลาปัดจะได้ปัดไปตามลาย ไม่ไปปัดลบลายเส้นเอาน่ะสิ”

           “ส่วนนี่...อันนี้ดีกว่า เรียกว่าแปรงแม่เหล็ก (Magna Brush) ใช้หารอยลายนิ้วมือแฝงเหมือนกัน ประสิทธิภาพดีกว่าผงฝุ่นธรรมดาด้วย สามารถหาได้ตรงแม้กระทั่งพื้นผิวที่มีรอยหยุ่น อย่างหนังเป็นต้น แต่ห้ามใช้กับพื้นโลหะ เพราะมันจะดูดเอาซะหมด”

           “ถ้ามันประสิทธิภาพดีกว่าผงฝุ่นธรรมดาจริง แล้วทำไมเราไม่เปลี่ยนมาใช้แปรงแม่เหล็กเสียละครับ” นักศึกษาชายคนหนึ่งถามขึ้น

           คุณหญิงผู้กองยิ้มน้อยๆ “สาเหตุหนึ่งก็คือ...มันใช้กับพื้นผิวโลหะไม่ได้...ส่วนสาเหตุที่สำคัญกว่า...” รอยยิ้มนั้นกว้างขวางขึ้นดั่งคนขี้เล่น “ก็เพราะว่ามันแพงกว่าน่ะสิ เธอก็รู้ว่างบตำรวจน่ะใช่ว่าจะเยอะนะ”

           เป็นเหตุผลที่ทุกคนพยักหน้ารับพร้อมกันอย่างไม่คิดแย้ง...

           “อาจารย์ขา...” รอบนี้เป็นเสียงใสของนักศึกษาสาวที่นั่งอยู่มุมห้อง “เดี๋ยวนี้ผู้ร้ายก็ทันสมัยแล้วนะคะ ใครๆ ก็รู้ว่าลายนิ้วมือน่ะมันสามารถเก็บได้ แล้วใครจะโง่พอที่จะทิ้งลายนิ้วมือไว้ให้เราตรวจหาอีกล่ะคะ?”

           “เป็นคำถามที่ดีนะเนี่ย” อาจารย์สาวยิ้มกว้าง “เธอคิดว่าจะไม่มีใครทิ้งรอยนิ้วมือไว้ในที่เกิดเหตุ 100% เลยรึเปล่า?”

           “ก็คงไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกค่ะ แต่ว่ามันก็น้อยมากๆ จนแทบไม่มีแล้วนี่คะ อย่างที่ว่า...ใครๆ เค้าก็รู้กันทั้งนั้น”

           “แล้วที่ว่าน้อยมากๆ เราจะปล่อยทิ้งไปง่ายๆ เลยเหรอ?”

           คราวนี้ทั้งห้องนิ่งเงียบ

           “เปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้แทบไม่มี ไม่ได้แปลว่ามันไม่มี และไม่ได้แปลว่าเราจะไม่เจอส่วนน้อยนั้น ถ้าเราละเลยในสิ่งที่สามารถพาเราไปสู่คำตอบ แล้วเมื่อไหร่เราจะไปถึงคำตอบ...แน่นอนว่าวิธีการไปสู่จุดหมายนั้นมีหลายวิธี แต่ทำไมเราไม่เลือกวิธีที่ใกล้ที่สุด ง่ายที่สุด และทรงประสิทธิภาพที่สุด?”

           ม.ร.ว.มธุการีเดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะอาจารย์ เอนสะโพกพิงขอบโต๊ะสบายๆ ก่อนเอ่ยต่อ “ลายนิ้วมือของคนเรานั้น ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า ไม่มีรอยนิ้วมือของใครเหมือนกันอย่างแท้จริง เราอาจซ้ำรูปแบบได้ แต่ไม่มีทางซ้ำกันได้ในรายละเอียด ไม่มีใครมีลายนิ้วมือเหมือนเรานอกจากเรา แม้แต่แฝดแท้[10]ที่ DNA เหมือนกันทุกประการก็ตาม ก็ยังมีลายนิ้วมือไม่เหมือนกัน ต่อให้คุณเจอเพียงเสี้ยวของลายนิ้วมือ ถ้ามันพอตรวจยืนยันได้ครบตำแหน่ง[11] คุณก็สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ทันที วิธีการง่าย ประหยัด และดีขนาดนี้ คุณไม่ควรจะละเลยมันนะ...”

           เมื่อมองว่าทั้งห้องเข้าใจสิ่งที่พูดทั้งหมดแล้ว ราชนิกุลสาวจึงอธิบายต่อ “เวลาเก็บลายนิ้วมือนะ ก็เอาสก็อตเทป...ใช่ สก็อตเทปใสนี่แหละ เอาที่มันกว้างๆ ของยี่ห้อดีๆ ไปเลย จะได้ไม่มีฟองอากาศ ปิดทับลงไปบนรอยนิ้วมือที่เราปัดจนเห็นลายแล้ว แล้วก็นำมาปิดไว้กับกระดาษแข็งขนาดประมาณนี้แหละ เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย”

           ทั้งห้องพยักหน้าหงึก แสดงความเข้าใจเป็นอันดี

           “งั้นนี่คืองานนะ ไปเก็บลายนิ้วมือมา จะแปะนิ้วตัวเองก็ได้ เอานิ้วคนอื่นแปะก็ได้ แต่ว่าไม่ต้องขนาดไปเก็บเอาตามข้าวของเหมือนปัดหาลายนิ้วมือคนร้ายอะไรหรอก เพราะนี่คือการทดลองทำก่อน เพราะงั้นก็ปัดให้เห็นลายทั้งหมดนะ เอามา...สี่นิ้ว บันทึกให้ถูกด้วยนะว่าเก็บจากวัตถุอะไร พื้นผิววัตถุคืออะไร อย่างอันนี้...” คุณหญิงยกแก้วน้ำเซรามิกแบบมีหูจับขึ้นมาให้ทุกคนในห้องเห็นกันชัดๆ “...อันนี้วัตถุคือแก้วน้ำ ถ้าคุณเก็บรอยลายนิ้วมือแฝงที่ตรงผิวของแก้ว พื้นผิววัตถุของคุณต้องบอกว่าเป็นเซรามิก อย่างนี้เข้าใจใช่มั้ย”

           “ครับ/ค่ะ”

           “คนละสี่นิ้วนะ อย่าลืม ชั่วโมงหน้าเอามาส่งกับสารวัตรพิมลพรรณละกัน...ตายละ โทษทีนะขอรับโทรศัพท์แป๊บนึง” ร่างบางของอาจารย์ผู้สอนหันไปคว้าเอามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะอาจารย์ขึ้นมากดรับ

           “มธุการีค่ะ...อ้าวสารวัตรมัฆวาน...คะ?...ค่ะ ได้ค่ะ...ค่ะ สวัสดีค่ะ”

           ใบหน้าหวานมีรอยเครียดปรากฏรางๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะบอกกับนักศึกษาที่อยู่ในห้องพลางเก็บของที่วางบนโต๊ะอาจารย์อย่างรวดเร็ว “เราต้องรีบไปตรวจที่เกิดเหตุ งั้น...Polygraph[12] บ่ายวันนี้งดก่อนละกัน”

           ทุกคนในห้องพยายามข่มความยินดีไว้ให้มิด...ไอ้ยินดีว่าไม่ได้เรียนมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้เรียนเพราะเกิดคดีขึ้น...ก็ไม่เป็นการเหมาะสมที่จะดีใจจากสาเหตุความทุกข์ของคนอื่น

           “อาจารย์คะ?” จนราชนิกุลสาวเก็บของเรียบร้อย เตรียมจะเดินออกไปจากห้องนั่นแหละ พริมาจึงเอ่ยเรียกเอาไว้ “พอบอกได้มั้ยคะว่าอาจารย์จะออกตรวจคดีอะไร?”

           คุณหญิงผู้กองตอบสั้นๆ ความขี้เล่นถูกแทนที่ด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “ฆาตกรรมน่ะจ้ะ”

           ร่างระหงเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ในหัวก็เค้นคิด...

           ...ถ้าอาจารย์รชานนท์รู้ว่าเธอออกไปกับสารวัตรมัฆวาน เขาจะรู้สึกอะไรรึเปล่า...

           เมื่ออาจารย์ผู้ที่สูงทั้งยศ ยิ่งทั้งศักดิ์เดินพ้นออกจากห้องไปแล้ว ทั้งห้องก็ถอนหายใจเฮือกเกือบพร้อมๆ กัน...ไม่ได้ว่าคุณหญิงสอนไม่ดี แต่ว่าทุกคนกำลังหิวข้าวเพราะถึงตอนเที่ยงแล้วต่างหาก

           “พริม...เที่ยงนี้ไปกินข้าวที่ไหนน่ะ”

           “เอ่อ...ยังไม่...”

           เสียงสั่นๆ พร้อมด้วยอาการสั่นของโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของหญิงสาว ทำให้พริมาต้องหยิบมากดดูหน้าจอ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเบอร์คนโทรมา

           “ว่าไงหมอ?”

           “ไปกินข้าวกันมั้ย เดี๋ยวส่งกลับหอด้วย...”

           “รู้ได้ไงว่าฉันจะว่างกินข้าวด้วยเนี่ย”

           “เมื่อกี้มีเหตุใช่มั้ยล่ะ...เราอยู่กับอาจารย์วีพอดีน่ะ อาจารย์ก็ได้รับโทรศัพท์ รับเสร็จก็ออกไปแล้ว...แล้วเราก็จำได้ว่าคุณหญิงก็ต้องไปตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วย เพราะงั้นเธอต้องว่างอยู่แล้วล่ะ”

           เออ...ลืมไป วันนี้หมอภูบอกว่าจะไปสอบถามเรื่องเอกสารบางอย่างเกี่ยวกับการเรียนกับอาจารย์หมอวีรยา ทั้งๆ ที่เป็นวันหยุดนี่แหละ แล้วอาจารย์ก็เป็นแพทย์นิติเวชที่พร้อมออกปฏิบัติการได้เร็วที่สุดแล้วถ้าเทียบกับแพทย์นิติเวชคนอื่นๆ

           เป็นปกติอยู่แล้วที่ทุกคนจะในแวดวงนี้จะรู้จักสามสาวทหารเสือแห่งวงการกฎหมาย ทั้งคุณอโณชา[13]ทนายความสาวที่ว่าความได้เฉียบคมเด็ดขาด ขัดกับบุคลิกป้ำๆ เป๋อๆ ของเจ้าตัว คุณหญิงมธุการี ผู้กองสาวคนเก่งแห่งกองพิสูจน์หลักฐาน และอาจารย์หมอวีรยา แพทย์นิติเวชฝีมือดีไฟแรงผู้มีฉายาเป็นที่รู้กันคือ ‘คุณหมอน้ำแข็ง’ ทั้งสามสาวเป็นเพื่อนรักกัน (ได้อย่างไรก็ไม่รู้) ถ้าสามคนนี้จับมือทำคดีกันเมื่อไหร่ เป็นที่เชื่อมือได้แน่นอนว่าจะสามารถจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว จนทั้งสามได้รับการยอมรับกลายๆ ว่าจังหวัดนี้...ผู้หญิงครองบัลลังก์...

           “ไอ้ว่างก็ว่างอยู่หรอก แต่ว่าทำไมไม่ไปชวนคุณนุชล่ะ”

           คราวนี้เสียงกวนๆ ของคนพูดหม่นนิดๆ “นุชไปสิงคโปร์ตามเจ้านายน่ะ”

           “งั้นเหรอ...งั้นก็รีบมารับละกัน”

           “ok ไม่เกินสิบนาทีถึงครับผม”

           “มาช้าแต่มาให้ถึงดีกว่านะหมอ”

           “เข้าใจแล้วจ้ะ” ปลายสายตอบเสียงทะเล้นก่อนที่จะวางหู พริมากดปิดมือถือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเจอกับสายตาสนอกสนใจของคนในห้องที่ยังไม่มีใครไปไหน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ดูจะสนใจมากเป็นพิเศษ

           “เมื่อกี้คุณหมอภูธเรศโทรมาเหรอพริม” เสียงของอนงค์นาถเอ่ยขึ้นก่อน

           “หา...เอ่อ...ใช่”

           “คุณหมอว่าไงบ้าง?” คราวนี้สายตาสนใจเบิกกว้างขึ้นอีกนิดนึง...

           “ก็บอกว่าจะมารับไปกินข้าวเที่ยงด้วยเท่านั้นล่ะค่ะ” หญิงสาวตอบซื่อๆ พลางลงมือเก็บของด้วย

           “ตายจริ๊ง...น่ารักจังเลยคุณหมอเนี่ย ถามจริง...เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ เหรอเนี่ยพริม?” ภัทริยาที่เป็นรุ่นพี่หล่อนอยู่ประมาณ 2 ปีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้

           คราวนี้พริมาตอบเสียงหนักแน่น...อย่างที่เจ้าตัวก็ไม่ได้สังเกต “เพื่อนจริงๆ ค่ะพี่ หมอภูมีแฟนอยู่แล้วนะคะ”

           “แหม...ก็เห็นไปรับไปส่งกันบ่อย ก็เลยถามเท่านั้นล่ะจ้ะ”

           “เหอะๆๆๆ...” พริมาหัวเราะเสียงปร่านิดๆ “ยังไงก็เป็นแค่เพื่อนเท่านั้นแหละค่ะพี่ แค่เพื่อน...”

           ...แค่นั้นจริงๆ พริมา...

แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 54 10:15:02

แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 54 20:44:58

จากคุณ : ส้มเช้งเองจ้า
เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 20:41:29




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com