เพียงเพื่อนใจ (บทที่ 11 มยุรี)
|
 |
บทที่ 10 สุทธิดา http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11220241/W11220241.html
บทที่ 11 มยุรี
หลังจากทราบเรื่องช่อทิพย์ทั้งกลุ่มก็รีบบึ่งไปที่โรงพยาบาลทันที จนแพทย์แจ้งว่าไม่มีอะไรน่าห่วงทั้งหมดจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยที่ชานนท์เป็นคนอาสาไปส่งช่อทิพย์ที่บ้านเอง
แต่เมื่อสองสาวขับรถมาได้เพียงครึ่งทาง รถมอเตอร์ไซด์ของกล่อมแก้วก็เกิดดับลงกลางทางเพราะน้ำมันหมด กิ่งดาวเลยได้พลอยยืนถอนใจตามคนขับสาวไปด้วย ซ้ำจุดที่ทั้งสองอยู่ก็ปลอดผู้คน ห่างจากแสงไฟมาพอสมควร กล่อมแก้วรีบโทรศัพท์กลับไปหาที่บ้านก่อนที่บิดารับปากว่าจะนำน้ำมันมาให้ สองสาวจึงต้องยืนรอใต้ร่มไม้มืดครึ้มริมทางกันไปก่อน
ราวสิบนาทีหลังจากนั้น รถยนต์คันงามของเทพพิพิธก็มาจอดลงใกล้ๆ ชายหนุ่มรีบเดินดุ่มๆ ตรงมาหาสองสาวด้วยสีหน้าแตกตื่น รูปหน้าขาวสะอาดจ้องมองกิ่งดาวที่ยืนก้มหน้านิ่ง
รถเสียเหรอครับ? เขาเอ่ยถามแต่ทว่าหญิงสาวกลับหันหน้าหนีไปอีกทาง
ไม่ใช่หรอกเทพ พอดีน้ำมันหมดน่ะ แต่เดี๋ยวคุณพ่อฉันก็จะมาแล้วหละ กล่อมแก้วตอบแทนก่อนที่เทพพิพิธจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ชายหนุ่มหันมาหากิ่งดาวอีกครั้ง
งั้นเดี๋ยวผมไปส่งนะดาว... จบคำบิดาของกล่อมแก้วก็ขับรถมอเตอร์ไซด์มาถึงพอดี
ไปกับเทพเถอะดาว...เดี๋ยวฉันขับรถกลับตามหลังพ่อก็ได้ กล่อมแก้วแตะแขนผู้เป็นเพื่อนเบาๆ เทพพิพิธเดินเข้าไปหากิ่งดาวก่อนจับมือเธอไว้
ผมขอโทษนะ...เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะดาว... นิ้วหนาบีบมือนุ่มนิ่มเบาๆ แววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอาวรณ์ของชายหนุ่มคู่นั้นทำให้กล่อมแก้วต้องเบือนหน้าหนี
ฉันไม่ได้โกรธนายนะเทพพิพิธ...เพียงแค่อยากให้เราอยู่ห่างๆ กันสักพัก
ครับ...แต่ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องอยู่ห่างกันอีกแล้ว เทพพิพิธคลี่ยิ้มกว้าง จ้องหน้านวลเนียนที่ยังคงวางสีหน้าเรียบเฉย แต่เขาก็รู้ว่ากิ่งดาวหายเคืองเขาแล้ว...
กล่อมแก้วได้แต่ทอดมองหญิงสาวและชายหนุ่มเดินจูงมือกันจากไป อยากให้คนที่เดินเคียงข้างเขา จับมือเขา เป็นเธอบ้าง... ขอแค่สักครั้งก็ยังดี แต่จะให้ทำยังไงได้เล่า? คนที่เขารักเขาชอบคือกิ่งดาว ไม่ใช่เธอนี่กล่อมแก้ว...
ณภัทร์รวบจาน ช้อมส้อมหลังจากทานมื้อเย็นจนอิ่ม ส่วนคบเพลิงก็ฉวยเอาแก้วน้ำและขวดน้ำไปเก็บยังตู้เย็นก่อนเดินมาล้างจานช่วยอีกฝ่ายหลังครัว แต่ทว่าเพิ่งล้างจานได้เพียงไม่กี่ใบเสียงรถมอเตอร์ไซด์ที่ดังอยู่หน้าเรือนก็ทำให้สองร่างต้องหันไปมองตากัน
สงสัยคงเป็นพวกไอ้เอกน่ะ...เดี๋ยวฉันมานะ คบเพลิงยิ้มแหยก่อนล้างไม้ล้างมือและรีบวิ่งออกจากห้องครัว ตรงไปยังหน้าเรือนก่อนที่ณภัทร์จะได้ยินเสียงคุยกันอย่างออกรสชาติ ได้ยินแว่วๆ ว่าจะเลี้ยงฉลองอะไรสักอย่าง
พอได้สักพักเจ้าของบ้านหนุ่มก็รีบวิ่งขึ้นมาขนแก้วกับเหยือกใส่น้ำแข็งลงไป ไหนว่าการบ้านยังไม่เสร็จไง... ณภัทร์ทำตาเขียวใส่ก่อนที่อีกฝ่ายจะยักไหล่
ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าไปลอกกับเพื่อนที่ห้องก็ได้ ชายหนุ่มยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันขาว ณภัทร์ทำทีเป็นถอนหายใจ หันไปคว่ำจานชามที่ล้างแล้วใส่ตะกร้าก่อนที่คบเพลิงจะรีบดอดลงจากบ้านด้วยความเบิกบาน
จนเมื่อเวลาผ่านไปจนเกือบถึงเที่ยงคืนเหล่าสหายที่มาพร้อมกับสุราก็แยกย้ายกลับบ้านไป ทิ้งให้เจ้าของบ้านหนุ่มต้องนอนเมาแอะอยู่บนแคร่ใต้ต้นมะม่วงหน้าเรือน และมันก็เป็นหน้าที่ๆ ณภัทร์มิอาจหลีกเลี่ยงได้ นางบงกชสั่งให้ตนดูแลความเรียบร้อยภายในบ้านรวมทั้งคอยดูคบเพลิงด้วยเช่นกัน
ณภัทร์แบกร่างหนักอึ้งขึ้นมาบนเรือนอย่างยากลำบากแต่สุดท้ายก็พาร่างหนาที่เมามายไม่ได้สติมานอนลงบนเตียงได้ในที่สุด เมาอย่างกับหมา คอยดูนะถ้าอาจารย์บงกชกลับมาฉันจะฟ้องให้หมดเลย... สะบัดเสียงห้วนขณะทรุดนั่งลงไปหอบแฮ่กๆ อยู่บนพื้นก่อนดีดตัวลุกขึ้นยืนเมื่อหายเหนื่อย
ณภัทร์จ้องมองร่างหนาที่นอนกรนฟอดๆ อยู่บนเตียงพร้อมกับถอนหายใจยาว มือเรียวเอื้อมไปหยิบเอาผ้าห่มมาคลุมทับร่างคบเพลิงจนถึงหน้าอกก่อนเดินอ้อมไปปิดหน้าต่างเพราะลมเย็นๆ ที่พัดโกรกเข้ามาอาจทำให้อีกฝ่ายไม่สบายเอาได้ เมื่อหันกลับมามองชายหนุ่มบนเตียงอีกครั้งก็ทำให้เขานึกไปถึงบิดาตอนที่นอนเมามายไม่ได้สติเหมือนเช่นคบเพลิงในตอนนี้ ตอนนั้นทั้งแม่ และพี่สาวของเขาต่างก็ช่วยกันพยุงร่างนายภูมิขึ้นมานอนบนห้องอย่างทุลักทุเลและเขาเองก็เป็นคนหอบเอาผ้าห่มผืนหนามาคลุมร่างผู้เป็นพ่อด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนาว... พ่อ...ที่เกลียดชังลูกชายอย่างเขานักหนา พ่อที่ไล่เขาออกจากบ้าน !!!
ณภัทร์เอานิ้วปาดหยดน้ำตาออกเบาๆ ก่อนสะบัดหน้าหนีจากใบหน้าคร้ามคมบนเตียง แต่ขณะที่กำลังจะก้าวขาเดินออกจากห้องสายตาก็เหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนาที่ชายหนุ่มเอากระดาษโน้ตเล็กๆ แปะไว้ว่า การบ้าน
เช้าวันนี้หลังจากที่เตรียมอาหารให้ลูกๆ เสร็จแล้วนางทับทิมก็รีบวิ่งโร่ตามนายเจตต์ผู้เป็นสามีไปยังบ้านนางสุรีย์ทันที กอบกุลที่ทราบเรื่องเป็นคนแรกจึงรีบวิ่งขึ้นมาแจ้งแก่พี่สาวสุดรักบนชั้นสองของบ้านอย่างหน้าตาตื่น
มีอะไรกุล... กิ่งดาวรีบเปิดประตูออกมาเมื่อน้องสาวเคาะประตูและร้องเรียกเสียงดัง
แย่แล้วพี่ดาว ตอนนี้พ่อกำลังบุกไปหาพี่เดชที่บ้าน พ่อต้องเอาเรื่องพี่เดชถึงคุกแน่เลย... เด็กสาวเม้มปากแน่นก่อนที่กิ่งดาวจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หญิงสาวรีบผลุนผลันวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วก่อนที่กลอยใจจะเปิดประตูห้องออกมาเพราะเสียงวิ่งตึงตังของน้องสาวทั้งสอง
นี่แกวิ่งขึ้นๆ ลงๆ อะไรกันนี่กุล ฉันหนวกหู... คนที่เปิดประตูออกมาด่าทำเอากอบกุลต้องนิ่งค้างกลางบันไดบ้าน เด็กสาวเชิดหน้าขึ้นมองพี่สาวคนโตก่อนเบ้ปาก
ขอโทษค่ะพี่ใจ พอดีหนูขึ้นมาบอกพี่ดาวให้รีบวิ่งตามคุณพ่อคุณแม่ไปที่บ้านพี่เดช
บ้านไอ้เดช ทำไมต้องไปบ้านไอ้เดชด้วย กลอยใจร้องถามเสียงหลงก่อนที่กอบกุลจะยิ้มเย่าะ
สงสัยคงตามไปเอาเรื่องพี่เดช พ่อแกคงอยากฟังคำสารภาพจากปากพี่เดชเองน่ะค่ะ คำตอบของน้องสาวทำเอากลอยใจหน้าซีดเผือดลงไปในทันที กอบกุลทำตาค้อนใส่ผู้เป็นพี่แวบนึงก่อนเดินดุ่มๆ ลงบันไดและรีบวิ่งตามกิ่งดาวไป
สุรเดชก้มลงกราบนายเจตต์ที่ยืนขึงหน้ามองตนและผู้เป็นแม่ด้วยความเดือดดาล ทับทิมที่วิ่งตามสามีมาติดๆ ต้องยกมือขึ้นทาบอกพลางถอนหายใจ ชายหนุ่มคราวลูกค่อยๆ แหงนหน้ามองผู้ที่เขากราบแทบเท้าเมื่อครู่ทั้งน้ำตา
ผมผิดไปแล้วครับ จะฆ่าหรือจะบอกตำรวจให้มาจับตัวผมไปผมก็จะไม่ขัดขืน แต่ผมอยากให้พ่อเจตต์รู้ไว้ว่าผมรักกิ่งดาวเพียงคนเดียว รักเธอมากที่สุด รักมากกว่าชีวิตผมเอง นายเจตต์สะบัดหน้าหนีก่อนขบกรามแน่น นางสุรีย์ยืนมองลูกชายทั้งน้ำตาแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปห้ามขณะที่นางทับทิมค่อยๆ เดินมาหาสามีก่อนบีบแขนอีกฝ่ายเบาๆ
พี่เจตต์...ใจเย็นๆ นะจ้ะพี่ นังดาวมันก็บอกพี่ไปแล้วว่าไม่มีอะไร ไอ้เดชมันคงไม่คิดทำร้ายศักดิ์ศรีลูกเราแน่ ทับทิมก้มมองชายหนุ่มตรงหน้าก่อนเม้มปากยิ้ม
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่พวกชาวบ้านมันคงคิดกันไปไหนต่อไหนว่านังดาวมันตกเป็นของได้เดชไปแล้ว นายเจตต์ว่าเสียงกร้าว
ได้โปรดเถอะครับ ทำยังไงก็ได้ที่จะไม่ให้ดาวเสียหาย จะแจ้งตำรวจมาจับผมก็ได้ จะฆ่าผมก็ได้ สุรเดชร้องบอกทั้งน้ำตาก่อนที่มารดาจะรีบวิ่งมาประคองร่างลูกชายไว้
ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกนะ...เรื่องมันแล้วไปแล้วก็ให้แล้วกันไป นางทับทิมบอกเสียงพร่าก่อนหันมาหาสามี กลับบ้านเราเถอะนะพี่ ทับทิมพยายามเกลี้ยกล่อมจนนายเจตต์ใจอ่อนและยอมกลับบ้านไปในที่สุด เหลือเพียงแค่กิ่งดาวที่ยังคงแอบมองดูสุรเดชนั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้านด้วยความเสียใจ คำสัญญาเก่าๆ ระหว่างเธอกับเขาที่บอกว่าจะรักกันไปจนตาย รอยยิ้มอันอบอุ่น ความรู้สึกผูกพันและภาพอันแสนสุขในวันวาน มันยังคงไม่จางหายไปจากหัวใจของกิ่งดาว
คบเพลิงรีบเด้งตัวตื่นขึ้นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก พอคว้าเอาผ้าเช็ดตัวได้ก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันทีและกว่าจะแต่งตัวเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบแปดโมงเช้า ห้องฝั่งตรงข้ามก็ปิดสนิท สงสัยณภัทร์คงลุกไปรอรถตั้งแต่เช้า...
ชายหนุ่มรีบบึ่งมาที่วิทยาลัยกระทั่งมาถึงห้องเรียนก่อนที่อาจารย์ประจำวิชาจะเข้าสอนเพียงเสี้ยววินาที นักศึกษาแต่ละคนต่อแถวกันนำการบ้านไปส่งที่โต๊ะ ทั้งเทพพิพิธและชานนท์หันมาส่งยิ้มกวนๆ ให้เพราะรู้ดีว่าคบเพลิงคงยังไม่ได้ทำการบ้าน และถ้าจะให้มาลอกในห้องต่อหน้าอาจารย์แบบนี้ก็คงไม่มีเพื่อนคนไหนยอมให้ลอกแน่...
นายคบเพลิง... เสียงเรียกของอาจารย์วัยสี่สิบทำให้นักศึกษาหนุ่มสะดุ้งโหยง เขารีบละล่ำละลั่กควักเอาหนังสือเรียนวิชาภาษาอังกฤษเล่มหนาออกมาจากเป้ตัวโปรดก่อนเดินตรงไปหาอาจารย์ท่ามกลางเสียงหัวเราะเย่าะของเพื่อนๆ ร่วมห้อง
อาจารย์ศศิมาเปิดหนังสือของลูกศิษย์หนุ่มออกก่อนไล่ไปยังหน้าที่ได้สั่งงานไว้ การบ้านคือให้เขียนเรียงความภาษาอังกฤษรวมทั้งตอบคำถามจากโจทย์ที่ให้มา แม้ว่าลายมือจะขยุกขยิกอ่านยากไปบ้าง แต่ทว่า...เขากลับเขียนเรียงความได้อย่างดีจนผู้เป็นอาจารย์ต้องอ้าปากค้าง
นายคบเพลิง... เสียงเรียกจากหญิงสูงวัยตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งโหยง ทั้งชานนท์และเทพพิพิธเอาแต่นั่งมองเพื่อนหนุ่มอย่างอมยิ้ม คบเพลิงพยายามปั้นยิ้มก่อนสบสายตานางศศิมาตรงๆ
ครูให้เรียงความเธอเต็มสิบ ตอบปัญหาอีกสิบ รวมเป็นยี่สิบ เธอได้คะแนนเต็ม... คำตอบที่ได้ยินทำเอาคบเพลิงนิ่งค้างไปชั่วขณะ เพื่อนๆ ในห้องไม่มีใครได้เต็มซักคนโดยเฉพาะหัวข้อเรียงความ แต่ทำไมเขาถึงได้...
ทั้งศัพท์ สำนวนและไวยากรณ์ สมบูรณ์แบบมาก ไม่ผิดเลยซักอย่าง ครูภูมิใจมาก ขอให้เป็นอย่างนี้ต่อไปนะ แล้วเอ่อ...ใครจะลองเอาเรียงความของคบเพลิงไปอ่านดูก็ได้นะ นางศศิมาชูหนังสือชายหนุ่มขึ้นสูงก่อนที่เทพพิพิธจะยกมือขึ้นและเดินเข้ามารับเอาหนังสือไปดู
เป็นไปได้ยังไงวะ... เทพพิพิธทำหน้าเหยเกอย่างไม่อยากเชื่อสายตาก่อนที่คบเพลิงจะฉวยเอาหนังสือของเขามาดูให้เต็มตา แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ลายมือเขา แต่คนเขียนก็เลียนแบบได้ซะเนียน... ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนคลี่ยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว ค่อยๆ เอาปลายนิ้วไล้ไปบนตัวอักษรในหนังสือช้าๆ... ขอบคุณนะภัทร์
สุรเดชต้องแปลกใจที่ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์ไม่คุ้นหูดังอยู่หน้าบ้าน เมื่อเสียงเงียบลงหญิงสาวร่างเล็กในชุดนักศึกษารัดรูปก็เดินดุ่มๆ ปรี่เข้ามาหาชายหนุ่มที่นั่งเหงาหงอยอยู่หลังบ้านด้วยความคุ้นเคย
สภาพดูไม่ได้เลยจริงๆ... มยุรีส่ายศีรษะไปมาก่อนเบ้ปาก เธอใช้ปลายรองเท้าส้นสูงเขี่ยขวดเหล้าที่วางเรียงกันอยู่ให้ล้มลงพื้นก่อนที่สุรเดชจะแหงนหน้าขึ้นมองตาเขียว
มานี่ทำไม...เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วจำไม่ได้เหรอไง
โถๆๆ พี่เดช...อย่าเพิ่งไล่มยุรีสิจ้ะ วันนี้มยุรีมาดีนะ หญิงสาวลากเสียงหวานก่อนย่อตัวลงนั่งข้างๆ ชายหนุ่ม มยุรีรู้ดีว่าพี่เดชไม่ได้รักมยุรีแล้ว พี่เดชรักพี่กิ่งดาวผู้แสนดี แต่ว่า...ฐานะพี่เดชก็ต่ำต้อยยากจนแบบนี้ ตาเจตต์กับยายทับทิมคงไม่อยากได้พี่เป็นลูกเขยแน่ หญิงสาวหัวเราะเสียงใสขณะที่ชายหนุ่มได้แต่กำมือแน่นจวนจะหมดความอดทน
มยุรีเห็นอาการขึ้งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟของอีกฝ่ายก็คลี่ยิ้มหวานก่อนล้วงห่อพลาสติกเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าสะพายและยื่นให้สุรเดช อีกสามวันจะมีคนมารับยาที่นี่...พี่แค่มีหน้าที่ปล่อยของให้ฉัน จากนั้นก็เอาเงินไป
แต่ข้าเลิกแล้ว...ข้าจะไม่ยอมกลับไปทำงานแบบนี้อีกเป็นอันขาด ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง
พี่เลิกไม่ได้หรอก... มยุรีหรี่ตามองใบหน้าคร้ามคมตรงหน้า เพราะนี่มันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พี่มีเงินและตั้งตัวได้ งานลูกจ้างหาเงินไปวันๆ มันจะไปรวยอะไร พี่จะเอาปัญญาที่ไหนไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ซื้อรถ ซื้อบ้านให้พี่ดาวถ้าหากว่าเธออยากได้... เหตุผลของมยุรีทำให้สีหน้าเคร่งขรึมของสุรเดชค่อยๆ คลายลง พี่ก็แค่ทำไปซักพัก พอได้เงินสักก้อนแล้วค่อยเลิกก็ได้นี่...ที่ฉันส่งงานนี้ให้พี่ก็เพราะว่าไว้ใจ และพี่เองก็ชำนาญกว่าพวกเด็กใหม่มัน...
แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 54 23:04:53
จากคุณ |
:
ผีเสื้อสีดำ
|
เขียนเมื่อ |
:
วันปิยมหาราช 54 22:41:21
|
|
|
|