แล้วเรื่องราวทางการเมืองก็ถูกนำมาขยายผลต่อเนื่อง ทางการไล่จับกุมขบวนการของธุวานันท์ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งมวล ทว่าไม่มีใครจับบุรุษผู้ปลุกปั่นสังคมได้ ธุวานันท์ยังคงหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ในขณะที่ผู้มีรายชื่อว่าโดนญาตาปัณฑารีย์สร้างอุปทานหมู่ครอบงำ มีเป็นจำนวนมากและพวกเขาเหล่านั้นหาใช่คนด้อยการศึกษา หรือหัวอ่อนไม่ แต่หากเป็นบุคคลสำคัญระดับประเทศ เป็นผู้นำในด้านต่างๆ รวมไปถึงเป็นปัจจัยหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกด้วย
ไม่มีใครเชื่อว่าตนเองโดนปลูกฝังความคิดไม่ดีงามต่อประเทศ เขาเหล่านั้นเชื่อว่าตนเองเชื่อด้วยความสมัครใจของตน และล้วนแต่มีเหตุผลทั้งสิ้น เพียงแต่เป็นเหตุผลที่คนส่วนมากไม่ยอมรับ และยังหลงงมงายอยู่กับระบบเก่าๆ กฏเกณฑ์เดิมที่ประชาชนต้องอยู่ใต้กษัตริย์ ซึ่งเสวยสุขเอาเปรียบประชาชนด้วยความเชื่อที่ปลูกฝังมาแต่เดิม พวกเขาเพียงแค่ต้องการจัดระบบประเทศใหม่ ไม่ต้องการล้มระบบกษัตริย์เหมือนที่พวกซัน เพียงแต่ต้องการกษัตริย์ที่ดีกว่าคนเดิม กษัตริย์ความสามารถอย่างแท้จริงไม่ใช่กษัตริย์ที่มาโดยสายเลือด
และสิ่งที่ราชินทร์องค์ปัจจุบันทำอยู่ก็เป็นเพียงหน้าที่อันพึงต้องปฏิบัติในกิจอยู่แล้ว หาใช่การทำเพื่อมวลชน การเสียสละเพื่อแผ่นดินไม่ ดังนั้นถึงท่านจะสร้างกุศลต่อแผ่นดินเพียงใด ก็มีค่าเมล็ดถั่วหยิบมือเดียวในสายของคนเหล่านี้ เมล็ดพันธุ์ของความคิดนี้แตกหน่ออยู่ในใจใครหลายคน และกำลังเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยมีปัณฑารีย์คอยให้ใส่ปุ๋ยบำรุง ด้วยการอ้างสิทธิ์บุตรีแห่งนีรา และการครองเพศผู้ถือบวชย่อมพิสุทธิ์สะอาดน่าเชื่อถือกว่าผู้ใด นอกจากนั้นยังถูกตอกย้ำความคิดซ้ำๆ จากฝีมือคนในขบวนการของธุวานันท์ บุคคลเหล่านี้จึงต้องเข้ารับการบำบัดจากจิตแพทย์อย่างเร่งด่วน รวมไปถึงตีรณ ไคริกา บิดาของศิตาภาอีกด้วย
หลายเดือนผ่านไป เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี บรรยากาศทางการเมืองเบาบางลง ไม่ตึงเครียดดังช่วงก่อน ภามินเห็นว่าเป็นเวลาอันเหมาะสมแล้ว จึงขอให้พลเอกภัณฑิลผู้เป็นบิดามาเจรจาสู่ขอศิตาภาเสียที ชายหนุ่มอยากพาหล่อนกลับอเมริกาไปด้วย เพราะเขาติดค้างยังวิทยานิพนธ์อยู่ ต้องกลับไปทำต่อแต่ไม่อยากทิ้งหญิงสาวไว้ทางนี้ จึงอยากจะแต่งงานเสียก่อนแล้วพาหล่อนไปด้วยกัน
ทว่าตีรณ ไคริกา ยังคงหวงลูกสาวอย่างเหนียวแน่ ไม่ยอมให้จากอ้อมอกไปง่ายๆ รวมไปถึงอคติในใจทีมีกับภามินยังไม่หายไป จึงแกล้งตีรวนต่างๆ นานา สุดท้ายชามีโสมาภาต้องเข้ามาช่วยเจรจากับสามีเสียเอง หาไม่แล้วบุตรสาวของหล่อนคงไม่ได้แต่งงานเสียที เมื่อหาทางถ่วงเวลาไม่ได้ตีรณจึงตั้งข้อแม้ว่าภามินจะต้องแต่งเข้าตระกูลไคริกา และเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของเขาเท่านั้น การแต่งงานจึงจะมีขึ้นได้ แน่นอนข้อแม้นี้ทำให้พลเอกภัณฑิลควันออกหูไม่แพ้กัน ยิ่งกับบุตรชายคนเล็กที่เขาทั้งรักทั้งถนอมมา อยู่ๆ จะให้แต่งเข้าบ้านไคริกา มันช่างเป็นข้อแม้ที่เกินจะรับได้จริงๆ จึงกลายเป็นเรื่องถกเถียงจนเกือบถึงขั้นวางมวยกัน ระหว่างบิดาเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
โอ้ยยย...ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่ นึกว่ามีแต่ตาตีรณที่บ้าแล้วนะ อีตาภัณฑิลก็บ้าไม่แพ้กันเลย พวกนี้นี่แก่จนจะลงโลงกันอยู่แล้วยังมานั่งหวงลูกอะไรอยู่ได้ ชามีโสมาภากรีดร้องขึ้นมาอย่างเหลืออด เมื่อพบว่าการเจรจาครั้งที่แปด ล้มเหลวไม่เป็นท่าอีกแล้ว
โธ่...ก็เพราะแก่แล้วน่ะสิคะ เลยกลัวลูกจะไปรักสามีมากกว่า เลยหาเรื่องไงคะ สิดารีรีบทำตัวเป็นลูกคู่มามาของหล่อนทันที
นั่นสินะ...แหมทีตอนลูกบอกไม่อยากแต่งกับกลทีป์ ตัวเองแทบจะยกลูกใส่พานถวายเขาไป ทีกับคนที่ลูกรักดันทำเป็นหวงทำเป็นยักท่าอยู่นั่นแหละ เสียงของชามีโสมาภาไม่เบานัก เพราะหล่อนต้องการกระแทกกระทั้นสามีที่นั่งอยู่ไม่ห่างไกลกันนัก
เฮอะ! ใครจะเหมือนเธอล่ะ เห็นเจ้าภามินมันหล่อหน่อยรีบจะยกลูกให้เชียว นี่ถ้ายังสาวอยู่คงหาเรื่องหย่ากับฉันแล้วไปแต่งกับมันเสียเองแน่ๆ ผู้เป็นสามีก็เถียงกลับไม่ยอมแพ้ ฝ่ายภรรยาได้ยินเข้าถึงกับเลือดขึ้นหน้า
ว่าไงนะ นี่ท่านพี่หาว่าฉันคิดจะนอกใจอย่างนั้นเหรอ? อ๋อ...นี่หาว่าฉันเอาลูกบังหน้าที่แท้ตัวเองเป็นยัยแก่ไม่เจียมวัยไปหลงรักภามินเข้าหรือไง หล่อนไม่พูดเปล่าแต่ตรงเข้าทุบตีสามีทันที
เฮ้ย! เปล่าพี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย อย่าเพิ่งคิดไปไกลสิเธอ
ท่านพี่ว่าน้องไม่มีศักดิ์ศรี มีสามีอยู่แล้วยังไปมองเด็กรุ่นลูก ชามีโสมาภาต่อว่าไปด้วยอาการน้ำหูน้ำตาไหล ทำเอาผู้เป็นสามีตกอกตกใจ ไม่คิดว่าเรื่องถกเถียงจะเลยเถิดบานปลายได้ถึงเพียงนี้
ไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย
แต่ปอปอพูดให้คิดแบบนั้นนี่คะ มามาก็เลยเสียใจ แม้แต่บุตรีคนเล็กก็ยังเข้าข้างมารดา
ไม่ใช่นะ...พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะโสมาภา ตีรณรีบรวบเอาร่างภรรยามาสวมกอดปลอบโยน
พี่แค่หมั่นไส้พวกเธอเห่อเจ้าภามิน เลยพูดแหย่ไปอย่างนั้นแหละ อย่าคิดมากสิ
หัวใจของผู้หญิงน่ะบอบบางนะคะ คนอย่างน้องรักใครแล้วรักจริงชั่วชีวิต น้องมีรักแค่หนเดียวคือท่านพี่แค่นั้น แล้วท่านพี่กลับพูดจาหมิ่นศักดิ์ศรีของน้องได้ยังไง แบบนี้ดูถูกกันชัดๆ
โธ่...โสมาภาอย่าคิดไปไกลสิจ๊ะ พี่ไม่ได้คิดดูถูกน้องเลยจริงๆ แม่ยอดยาหยี พี่รู้อยู่แล้วล่ะว่าน้องไม่มีทางรักใครนอกจากพี่ แล้วพี่ก็ไม่รักใครนอกจากน้องด้วยนะจ๊ะ เชื่อพี่สิ ถ้าพี่มันปากพล่อยเอง...พี่ขอโทษอย่าร้องไห้เลยนะ ว่าแล้วก็รีบฉวยเอาทิชชู่บนโต๊ะมาซับน้ำตาภรรยาคู่ชีวิตอย่างทะนุถนอมทันที ในขณะที่แม่ตัวดีที่เพิ่งวางเพลิงไปหยกๆ ลอบหัวเราะคิกคัก
ถ้างั้นอย่าพูดอย่างนี้อีกนะคะ น้องเสียใจมากรู้ไหม?
จ้ะๆ ไม่พูดแล้ว พี่มันปากเสียพูดไม่ทันคิด ขอโทษน้า... ตีรณพูดพลางก้มลงหอมแก้มภรรยาอย่างเอาอกเอาใจ
อย่าร้องไห้อีกเลย เดี๋ยวไม่สวยน้า...คนงามของพี่
ไม่ร้องก็ได้ค่ะ แต่ท่านพี่ก็อย่ามาออกฤทธิ์ออกเดชให้มากนักสิ สงสารน้อง สงสารลูกบ้างไม่งั้นแม่ศิตาคงไม่ได้แต่งงานสักที ดูสิลูกก็รอร๊อรอ...คนเขารู้ไปทั่วทั้งเมืองแล้วว่าหมายกันไว้ เกิดทางนั้นเขาท้อแท้ไม่มาขอแล้ว ศิตาไม่เสียใจแย่เหรอ คิดถึงหัวใจลูกบ้างสิ อย่าเอาแต่ใจตัวเองนัก
นี่...เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน สามีของชามีโสมาภายักท่าทันที
ชนวนมันมาเรื่องเดียวกันนั่นแหละ ภามินเขาไม่ดีตรงไหน? หล่อ รวย ชาติตระกูลดี ปอปอมีบารมี ทุกอย่างเป็นหน้าให้ลูกสาวเราได้หมด มิหนำซ้ำเขาก็พิสูจน์แล้วว่ารักแม่ศิตาแค่ไหน ถึงขั้นยอมเจ็บเนื้อเจ็บตัวเสี่ยงไปช่วยกันขนาดนั้น นี่ถ้าลูกหลงผิดไปเชื่อท่านพี่เข้าป่านนี้จะเป็นยังไง ดูสิบ้านนั้นน่ะ...ติดคุกกันไป ลูกสาวเรามิได้ชื่อว่าเป็นลูกสะใภ้ขี้คุกหรือไงหา?
เออน่า...ตอนนั้นพี่โดนสะกดจิต
ใช่สิ แม่ญาตานั่นสวยเช้งคงสมยอมให้สะกดสิท่า
โอ้ย...อย่าพาลสิโสมาภา
น้องไม่ได้พาล น้องพูดเรื่องจริง ท่านพี่น่ะ...จะเอาแต่ใจตัวเองไปถึงไหนกันคะ? เมื่อตอนไล่ต้อนตีรณนึกอยากลุกหนีไปเฉยๆ เหมือนทุกครั้ง แต่ดูท่าชามีโสมาภาจะลุกไล่ไม่เลิกราแน่ๆ จึงจำต้องหันไปเจรจาอย่างจริงจัง
โสมาภา พี่ไม่ได้รังเกียจภามิน...ถึงจะรู้สึกว่าไอ้หนุ่มนั่นมันสำรวย หยิบโหย่งไปสักหน่อยก็เถอะ
ไหนบอกไม่ได้รังเกียจไงคะปอปอ ติออกมาเป็นชุดเชียว
เงียบไปเลยแม่ดารี ปอปอกับมามาคุยกันอยู่ไม่เห็นหรือไง เขาหันไปเหวใส่บุตรสาว ก่อนจะเจรจากับภรรยาต่อ
พี่ไม่ขัดข้องเรื่องเขาจะแต่งงานกันหรอก
แล้วทำไมเล่นแง่อยู่ได้
นั่นสิคะ เมื่อมารดาว่า สิดารีก็รีบสนับสนุน
เฮ้อ...ก็ดูเอา บ้านเรามีลูกชายที่ไหน? เดี๋ยวอีกหน่อยดารีก็ต้องแต่งงานไปอีกคน
โถ...ปอปอกลัวเหงานี่เอง สาวน้อยพูดได้แค่นั้นก็ต้องรีบเงียบเสียงลง เมื่อบิดาหันมาทำตาพองใส่
ไอ้กลัวเหงานั่นมันเรื่องจิ๊บจ๊อย...แต่กิจการบ้านเราน่ะ จะทำยังไง? แล้วใครจะสืบนามสกุลต่อ
ลูกแต่งงานแล้วก็ยังมาทำงานกับเราได้นี่ บ้านนั้นเขาคงไม่หวงห้ามหรอก
มันน่าเกลียดแต่งไปแล้วก็ต้องเป็นคนของตระกูลนั้น จะให้มาทำงานทางนี้มันไม่ดี ต้องเกรงใจเขาบ้าง
เอ...สมัยนี้แล้ว คงไม่มีใครว่าเราผิดธรรมเนียมกระมังคะท่านพี่
แล้วอีกอย่างนะ...เรื่องสืบนามสกุล ยังไงเราก็เป็นไคริกาสายหลัก พี่ก็อดเสียดายไม่ได้ถ้าเราไม่มีผู้สืบสกุลเลย
สายรองก็ยังมีนะคะ อย่าคิดมากไปเลย
แต่มันไม่เหมือนกันนี่...บรรพบุรุษคงตำหนิพี่ที่ไม่มีลูกชายสืบสกุลเลย
น้องก็ขอโทษ...ที่ไม่อาจให้ลูกชายกับท่านพี่เลยสักคน ใบหน้าของชามีโสมาภาเศร้าสร้อยลงไปถนัดตา
เธอไม่ผิดหรอก...ถือว่าเราไม่มีบุญเรื่องลูกชายก็เท่านั้น แต่...ถ้าภามินแต่งเข้าบ้านเรา เขาก็จะเป็นลูกชายเรา เท่านี้พี่ก็สบายใจแล้ว บรรพชนก็คงไม่ตำหนิพี่...ลูกเรากับเจ้านั่นก็ยังสืบสายไคริกาต่อไปได้ พี่ขอเท่านี้เอง...แต่ไอ้เจ้าภัณฑิลมันเล่นตัว แค่นี้ก็ให้ไม่ได้ มันมีลูกชายตั้งสองคนจะแบ่งให้เราคนหนึ่งจะเป็นอะไรไป ภามินไม่ใช่ลูกคนโตสักหน่อย ถ้าเป็นอคิลแล้วมันไม่ยอมก็พอเข้าใจอยู่ สรุปแล้วมันผิด มันเรื่องมาก มันทำให้ลูกสาวเรากับลูกชายมันไม่ได้แต่งงานกันสักที เพราะไอ้แก่หัวรั้นนั่นแหละ!! หลังจากชักแม่น้ำทั้งห้ามาเกลี้ยกล่อมภรรยาสำเร็จแล้ว ตีรณก็รีบชิงตีประเด็นร้อนโยนความผิดให้อีกฝ่ายทันที จนชามีโสมาภาชักจะคล้อยตาม
ท่านพี่พูดมาก็ถูกนะคะ...เขามีลูกชายตั้งสองคน แค่ยกให้เราไว้สืบสกุลคนหนึ่งเอง สายของเขาก็ยังมีอคิลสืบต่อ
ใช่ไหมล่ะ? เธอก็คิดอย่างนั้นใช่ไหม? แล้วจะอย่างนี้จะให้ฉันยอมยกศิตาภาให้เข้าสกุลนั้นได้ยังไง ภัณฑิลเขาควรจะมีเหตุผลมากกว่านี้หน่อย อะไร..เป็นคนใหญ่คนโตของบ้านเมืองเสียเปล่า เรื่องแค่นี้ไม่รู้จักเสียสละ
ในขณะที่มารดาของหล่อนถูกบิดากล่อมสำเร็จไปแล้ว สิดารีก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา ดูท่างานวิวาห์ของพี่สาวคงต้องเลื่อนออกไปอีกนานเป็นแน่แท้เชียว
อ่านต่อตอนหน้าค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++