Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[ซีรีส์พระจันทร์] นิมิตแสงจันทร์ - บรรพที่ 33 ติดต่อทีมงาน

บรรพที่ 33


“โทษของกลทีป์มีมากแค่ไหน?”


“ในทางกฎหมายยังไม่มี...เพราะไม่มีหลักฐานบ่งชี้ชัดว่าเขาทำอะไรผิด เรามีสิทธิ์แค่กักตัวเขาไว้สอบปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัยว่าร่วมขบวนการแค่นั้น”


สองพี่น้องตระกูลชลันธีร์นั่งสนทนากันด้วยอย่างคร่ำเคร่ง บรรยากาศรอบกายไม่ได้อบอุ่นผ่อนคลายเหมือนทุกครั้ง หากเป็นเพราะหัวข้อที่พูดคุยเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อประเทศก็ว่าได้


“แล้วครอบครัวของเขาล่ะ?”


“พวกนั้นค่อนข้างชัดเจนกว่า แต่ถ้ากลทีป์ยอมเปิดปากก็น่าจะลดหย่อนโทษให้พวกนั้นได้บ้าง...ขึ้นอยู่กับว่าใครจะให้ความร่วมมือแค่ไหน เรื่องนี้คงต้องปรึกษาผู้ใหญ่ฉันตัดสินใจเองไม่ได้ ว่าแต่เขาเรียกร้องอะไรมาล่ะ?”


“ไม่ได้เรียกร้องเรื่องที่พวกเราคิดกันหรอก เขาแค่...ขอร้องไม่ให้ปล่อยข่าวการจับกุมออกไป เขาไม่อยากให้ตระกูลปาฏีราต้องด่างพร้อยมากไปกว่านี้ เขาบอกว่า...ไม่ใช่ปาฏีราทุกคนหรอก เพราะฉะนั้น...เขาไม่อยากให้คนอื่นๆ ที่ร่วมสกุลต้องมาเสียชื่อไปพร้อมกับครอบครัวของเขาด้วย”


“แค่นี้เองเหรอ?” ภามินพยักหน้าตอบ


“หมอนี่หยิ่งกว่าที่คิดแฮะ อีกเดี๋ยวจะมีข้อแม้อะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า ท่าทางหัวหมอใช่ย่อยนี่”


“กลทีป์เป็นคนทระนง..เขารักศักดิ์ศรีของปาฏีราเหมือนที่เรารักชลันธีร์เท่านั้นเองอคิล”


“นายนี่ดูเข้าอกเข้าใจหมอนั่นเหลือเกินนะ ไปเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไร?”


“ตั้งแต่...ฉันเข้าไปในจิตของเขา กลทีป์เป็นคนแสดงออกไม่ดี แต่โดยเนื้อแท้แล้ว...เขายังมีส่วนดีอยู่มาก ฉันก็เลยอยากลองคุยกับเขาดู ฉันเชื่อว่าเขาแค่หลงผิดเท่านั้นเอง”


“แค่หลงผิด? มองในแง่ดีจังนะ”


“ฉันมันพวกโลกสวยน่ะ...แล้วชีวิตฉันก็ได้รับอะไรๆ จากหลายคนมามาก นีราให้พลังกับฉัน...คงไม่หวังให้ฉันไปลบชื่อปาฏีราออกจากประเทศเราหรอก...อย่าลืมสิปาฏีราน่ะเป็นลูกเขยของนีราเชียวนะ คนอื่นๆ เวลามีปัญหานีราก็ให้พร ให้โอกาส แล้วนี่ในครอบครัวทำไมจะเชื่อเขาบ้างไม่ได้”


“ก็มีเหตุผลนะ”


“อีกอย่าง...ฉันไม่ได้ขอให้นายเห็นใจกลทีป์หรอก แต่อยากให้ฟังเรื่องของเขาหน่อย กลทีป์น่ะ...เกิดมาในครอบครัวที่ต้องแข่งกันเองในบ้าน ทุกคนถูกสอนให้ต้องเป็นที่หนึ่ง ต้องเป็นคนพิเศษ ต้องเป็น Some One ของสังคม มีเกียรติมีศักดิ์ศรีมีหน้ามีตา”


“ทุกบ้านก็อยากให้ลูกเป็นอย่างนั้นแหละ แต่เป็นได้หรือเปล่ามันอีกเรื่อง”


“อื้ม...แต่บ้านของกลทีป์คำว่า ’ไม่ได้’ ต้องไม่เกิดขึ้น ปอปอเขามีตำแหน่งใหญ่โต พี่ชายสองคนก็ประสบความสำเร็จในอาชีพ เป็นคนเด่น กลทีป์เป็นลูกคนเล็ก...อายุเท่านายแต่ยังต้องเดินตามรอยปอปอกับพี่ชายอยู่ เขาถูกกดดันให้สร้างอะไรขึ้นมาสักอย่างด้วยตัวเอง แต่กลทีป์น่ะไม่เหมือนพี่ๆ ตรงที่เขาเป็นคนซื่อสัตย์ต่อความเชื่อของตัวเอง ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่คิดว่าถูกต้องดีงาม หรือเพื่อปาฏีรา เพื่อวิปุลา...


แล้วเจ้านั่น ไอ้สารเลวนั่น..ธุวานันท์มันใช้จุดนี้เข้ามาชี้นำ ปัณฑารีย์ก็เหมือนกัน แม่นั่นไม่ได้มองกลทีป์เป็นหลานหรอก แต่มองว่าเป็นหมากตัวหนึ่งที่คนรักของหล่อนต้องการใช้ เธอก็เอาเขาใส่พานถวายหมอนั่นทันที ชักจูงทั้งความคิด ความเชื่อ...แม้กระทั่งบอกว่าให้แต่งงานศิตาภาเพื่อประเทศ!”


“บ้าไปแล้วหรือไง? อย่าบอกนะว่าไอ้หมอนั่นมันเชื่อ”


“น่าขำใช่ไหม?...แต่กลทีป์ไร้เดียงสากว่าที่นายคิด เขาเชื่อโดยไม่สะดุดใจ แค่คิดว่าเขาช่วยเป็นตัวเชื่อมระหว่างธุวานันท์กับตระกูลไคริกา ให้ทุกอย่างอยู่ในกรอบเท่านั้นแล้วธุวานันท์จะนำประเทศพ้นไปจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่...เขาเชื่อ แม้กระทั่งว่า...เขาจะชดให้ให้ศิตาภาด้วยการรักเธอจริงๆ ”


“บัดซบ!! มันล้อเล่นกับหัวใจคน เลวที่สุด”


“อคิล..กลทีป์เป็นคนน่าสงสาร ฉันก็แค่...ให้โอกาสเขาได้ตัดสินใจด้วยตัวเองบ้างก็เท่านั้น คงไม่ว่ากันนะพี่ที่ฉันก้าวก่ายงานนาย”


“เฮ้อ...ถ้ากรมตำรวจมีหน่วยแสกนจิตใจได้เหมือนที่นายทำก็ดีนะ”


“ไม่ดีหรอก...เพราะถ้าเทคโนโลยีมองใจคนออกเมื่อไร ความเลวจะวิวัฒน์ขึ้นอีก คราวนี้ทุกคนจะฝึกฝนการปกป้องจิตตัวเอง แล้วโกหกได้กระทั่งตัวเองอย่างหน้าตาเฉย” คนเป็นพี่ฟังแล้วปั้นสีหน้าไม่ถูก บางครั้งภามินก็จริงจังจนไม่รับรู้ว่าสิ่งที่เขาบ่นออกมานั้นก็แค่คำรำพันเท่านั้นแหละ


“เอาเถอะ...เรื่องกลทีป์ฉันจะพยายามช่วย ฉันนับถือหมอนั่นนะที่เลือกความถูกต้อง เลือกศักดิ์ศรีของอัศวินปาฏีรามากกว่าครอบครัว เป็นฉันก็คงจะลังเลเหมือนกัน”


“ไม่ต้องลังเลหรอกอคิล ถ้ามีปัญหาตัดสินใจไปได้เลย นายเป็นทหารหน้าที่สำคัญกว่าอย่างอื่น ถ้านายตัดสินใจขายหน้าที่เพื่อช่วยฉัน ฉันกับปอปอคงรู้สึกขายขี้หน้าที่มีพี่อย่างนายว่ะ ศักดิ์ศรีมันอาจจะไม่มีราคา...แต่มันสำคัญไม่อย่างนั้นชลันธีร์จะอยู่มาไม่ได้ถึงตอนนี้ ปาฏีราก็เหมือนกัน...ถ้าทุกคนคิดแบบปัณฑารีย์ คิดแบบปอปอของกลทีป์ชื่อปาฏีราก็ต้องหายไปจากวิปุลาแน่ๆ ยังดี...ที่ปาฏีราไม่ได้ทิ้งเกียรติของอัศวินไปเสียทุกคน”


“แกนี่พูดอย่างกับตัวเองเป็นทหาร”


“ฉันเป็นลูกทหารนี่ ทั้งปอปอ ทั้งพี่ชาย ทั้งบรรพชนเราเป็นตระกูลทหาร...เป็นอัศวินโดยกำเนิดไม่ใช่เหรอ?” ชายหนุ่มยักไหล่แล้วคลี่ยิ้มออกมา


“ภามิน...ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ทำไมนีราเลือกนาย” นายทหารหนุ่มยกมือขึ้นขยุ้มศีรษะน้องชายอย่างเอ็นดู


“ทำไมล่ะ ?”

ก็...ถ้าซันกับมูนไม่ปะทะกัน ประชาชนก็ไม่ต้องอยู่ท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเมือง ประเทศเราอาจจะไม่ได้ดีพร้อม ระบบเดิมไม่ได้ดีไปเสียทุกอย่าง...แต่ก็ไม่ได้แย่ไปหมดนี่ ทุกอย่างค่อยๆ ซ่อมแซมกันไป อันไหนไม่ดีก็แก้ไข อันไหนดีอยู่แล้วก็รักษาไว้ ไม่ต้องถึงกับต้องมีแบบแผนใหม่ ทำใหม่ ต้องมีทางเลือกใหม่ อย่างที่ธุวานันท์พยายามสร้างขึ้นมาหรอก แล้วนีราคงไม่อยากให้อัศวินปาฏีราล้มราชินทร์แน่ๆ ถึงต้องให้นายกลับมาไงล่ะ”


“อืมๆ เกือบเข้าใจละ แล้วไงต่อ”


“ไอ้โง่...ทีเรื่องอื่นน่ะฉลาดนักเชียวทีเรื่องอย่างนี้ต้องให้บอก ก็ใครล่ะจะเข้าไปชนกับยัยปัณฑารีย์ได้ ก็ถ้าลูกสาวท่านงี่เง่า ก็ต้องให้ลูกชายมาหยุดก็แค่นั้นแหละ”


“ความจริงน่าจะให้ลูกสาวคนอื่นทำแทนฉันนะ...เจ็บตัวชะมัด”


“หึ...ก็มามาตายแล้วนี่ แล้วนายดันได้มรดกพลังของมามา ก็ต้องไปทำแทนสิ เรื่องนี้แค่นี้ไม่เห็นน่างง”


“นีราก็น่าจะบอกฉันตรงๆ นะ เล่นปริศนาใบ้กันตลอด กว่าจะรู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไรปวดหัวแทบตาย เฮ้อ..อ” หนุ่มรูปทองทำหน้ามุ่ยยามที่ทอดถอนหายใจออกมา


“ไม่ได้หรอก...ถ้าบอกตรงๆ นายจะทำเหรอ? นายก็ว่าเกินตัวไม่ทำหรอกลำบากไป”


“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ ฉันออกจะเป็นคนดีปานนี้”


“เพราะนายขี้เกียจไง บอกไปก็ต่อรองไม่ยอมทำง่ายๆ หรอก จริงไหมล่ะ?” คำตอบนั้นจี้ใจดำจนภามินอ้าปากค้าง ในขณะที่อคิลยิ้มจนตาแทบหยีตอนที่ล้อเลียนน้องชาย


“ก็..ก็..ฉันไม่ใช่คนสำคัญของประเทศนี่ ไม่ได้มีอำนาจจะไปจัดการอะไรเลย”


“มีสิ...แค่นายเป็นประชาชนคนหนึ่งของประเทศ นายก็มีอำนาจอยู่ในมือแล้ว อะไรไม่ดีไม่งามก็บอกทางการ ช่วยกันเป็นหูเป็นตาเท่านั้นเอง ใครคิดผิดใครหลงทางก็ช่วยกล่อมอย่างที่นายทำอยู่นี่ก็ยอดแล้ว”


“ฉันก็ช่วยพี่ได้เท่านี้แหละ”


“แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้วล่ะ ขอบใจว่ะ” ว่าแล้วอคิลก็ตบหลังน้องชายด้วยความชื่นชม โดยลืมนึกไปว่าตนเองนั้นมือหนักแค่ไหน รวมไปถึงลืมไปสนิทว่าภามินเพิ่งได้แผลจากการลื่นไถลลงภูเขามาไม่นานนัก


“โอ้ยยยยยยยย...ย!!” เท่านั้นแหละเสียงร้องโอดโอยก็ดังออกมาจากปากของหนุ่มหน้าสวย แต่หนนี้ไม่ได้แสร้งเจ้าตัวเจ็บจนแทบน้ำตาเล็ด


“อ้าว? ตายห่า ฉันลืมไปว่านายมีแผล เฮ้ย!! โทษทีๆ” ปากก็ว่าขอโทษแต่ก็เผลอหัวเราะออกมาจนได้ ส่งผมให้คนถูกประทุษร้ายหันมาทำตาเขียวใส่


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

 

 

แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 54 17:23:43

จากคุณ : แก้วกังไส
เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 54 17:22:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com