Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รักวุ่นวายของนายเหมียว บทที่ 4 : งานจะเข้าโดยไม่รู้ตัว ติดต่อทีมงาน

++++ จากการติดตามข่าวน้ำท่วมช่วงนี้ ดูไปดูมาชักรู้สึกว่า เอ นี่เราจะเสียกรุงครั้งที่ 3 เพราะน้ำหรือเปล่าหว่า เพราะการรายงานข่าวแต่ละช่องนี่ เล่นรายงานแบบว่า จุด A แตกแล้วครับ พอฟังปุ๊บสมองอินดันไปเห็นภาพค่ายกรุงศรีแตกซะงั้นน่ะ

เป็นกำลังใจให้พี่ๆ น้องๆ ทุกคนนะคะ สู้ๆ ค่ะ++++




บทที่ 4 : งานจะเข้าโดยไม่รู้ตัว


“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”

โมเรสอุทานออกมาเมื่อหันหน้ามาชนเข้ากับใครคนหนึ่งเข้าเต็มรัก หล่อนเข้าใจว่าน่าจะเป็นพนักงานที่มาทำงานแต่เช้าจึงเอ่ยปากขอโทษออกไป แต่พอเงยหน้าขึ้นก็อยากเอาคำพูดกลับคืนมาแทบไม่ทัน นิรินธน์ยืนเอามือไขว้หลังหน้านิ่งเหมือนเคย แต่ที่ไม่เหมือนคือการเอาตัวเข้ามาประชิดตัวหล่อนอยู่นี่น่ะสิ

“ชงกาแฟให้ผมถ้วยหนึ่ง”

พูดจบร่างสูงในชุดสูทก็เดินกลับเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่ใกล้ๆ ทันที เหมือนกับว่าพอหมดธุระ สวิทช์การสนทนาก็พลอยปิดไปด้วย เลขาคนใหม่ย่นจมูกตามหลังอย่างหมั่นไส้ แต่ก็ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี พอเข้ามาในห้องแพนทรีจัดเตรียมถ้วยกาแฟกับจานรองแล้วก็ชะงัก ไม่ใช่เรื่องน้ำร้อน เพราะแม่บ้านที่เข้าบริษัทมาตั้งแต่ตีห้าจัดการเสียบปลั๊กต้มน้ำไว้รอท่าแล้ว แต่ปัญหาก็คือบอสดื่มกาแฟรสไหนล่ะเนี่ย ถ้าชงไม่ถูกใจพี่ท่านจะองค์ลงแกล้งอะไรหล่อนอีกหรือเปล่า โมเรสเกาหัวแกรกยืนหันรีหันขวางมองขวดกาแฟ น้ำตาล และครีมเทียมอย่างครุ่นคิด เอาแบบนี้ก็แล้วกัน


กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยมาเตะจมูกทันทีที่ประตูห้องทำงานเปิดเข้ามา ทว่าเจ้าของห้องยังง่วนอยู่กับเอกสารในมือ เขาบอกคนเข้ามาสั้นๆ แค่

“เอามาวางบนโต๊ะนี่เลยคุณ”

ถ้วยกาแฟพร้อมจานรองวางลงบนโต๊ะตามคำสั่ง นิรินธน์กำลังจะเอื้อมมือมาหยิบแต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นถ้วยกาแฟถ้วยที่สอง สาม และสี่วางเรียงลงมาบนโต๊ะ เขาเงยหน้าขวับขึ้นมองเลขาสาวทันที พอมองเห็นสิ่งที่อยู่ในมือหล่อนก็ทำหน้าไม่ถูก โมเรสยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ในมือถือถาดบรรจุถ้วยกาแฟที่ชงแล้วควันกรุ่นอยู่เกือบเต็มถาด คะเนด้วยสายตาคร่าวๆ น่าจะประมาณเจ็ดถ้วย ไม่นับบนโต๊ะอีกสี่

“นี่คุณชงกาแฟเผื่อใครด้วยหรือไง”

“เปล่าค่ะ ของบอสทั้งหมด” ยายตัวแสบตอบหน้าตาเฉย ขณะที่มือยังคงลำเลียงถ้วยกาแฟวางบนโต๊ะไม่หยุด

“คุณจะบ้าเหรอ ดื่มเข้าไปหมดนี่ผมคงตายพอดี”

“ไม่ตายหรอกค่ะ บอสก็แค่...จิบถ้วยละนิดละหน่อย ถ้วยไหนรสถูกปากบอส บอสก็ดื่มถ้วยนั้นให้หมด เท่านั้นเองค่ะ ง่ายๆ”

“คุณโมเรส คุณจะลองดีกับผมงั้นเหรอ” นิรินธน์ชักเหลืออด เขาผุดลุกขึ้นยืนขณะที่มือข้างหนึ่งทุบโต๊ะโครม

“ทำไมบอสคิดอย่างนั้นล่ะคะ” หญิงสาวทำหน้าเหลอ ก่อนรีบอธิบาย “บอสสั่งให้ดิฉันชงกาแฟมาให้ แต่ไม่ได้บอกว่าชอบรสไหน ดิฉันก็เลยชงมาให้ตามแต่จะคิดออก มีทั้งกาแฟดำ กาแฟใส่แต่ครีมเทียมอย่างเดียว ใส่แต่น้ำตาลอย่างเดียว แล้วก็...”

สาวเจ้าตั้งท่าจะสาธยายต่อไม่รู้จบ เจ้านายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมขมับ ขณะที่อีกมือยกขึ้นห้ามยายตัวแสบ

“พอ หยุด ไม่ต้องสาธยาย เอาเป็นว่าผมผิดก็แล้วกันที่ไม่ได้บอกคุณ ผมดื่มกาแฟสามสองสาม”

“สามสองสามเหรอคะ อืม... นี่ค่ะถ้วยนี้เลย”

ยัง หล่อนยังยิ้มหน้าระรื่นไม่มีทีท่าว่าจะสลด มิหนำยังเลื่อนถ้วยกาแฟสูตรของเขามาให้อีกต่างหาก เสร็จแล้วจึงจัดการเก็บถ้วยกาแฟถ้วยอื่นเก็บไว้ในถาดตามเดิม ชายหนุ่มยกกาแฟขึ้นจิบพลางมองตามหลังเลขาตัวแสบที่เดินออกจากห้องไป นี่เขาคิดถูกหรือเปล่านะที่เอาหล่อนมาเป็นเลขาส่วนตัว แค่วันแรกหล่อนยังทำให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้าได้ขนาดนี้


“โครม! เพล้ง! ว้าย!”

เสียงเหมือนอะไรแตกดังแว่วมาจากนอกห้อง เลขาตัวร้ายทำอะไรอีกล่ะนั่น ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นเดินออกไปดูทันที พอเปิดประตูภาพก็ปรากฏ นิรินธน์เห็นแล้วก็พูดไม่ออก ที่พื้นนั่นนอกจากจะมีเศษถ้วยกาแฟกับกาแฟที่หกเกลื่อนแล้ว ยังมีร่างของโมเรสนั่งแปะเนื้อตัวเปื้อนกาแฟที่กระเด็นมาอยู่ด้วย ส่วนถาดนั้นกระเด็นไปทางหนึ่ง

“เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะคุณ”

“แหะ เอ่อ รองเท้าพลิกน่ะค่ะ ก็เลย”

โอ๊ย! แม่เจ้าประคุณรุนช่องเอ๊ย ซุ่มซ่ามอะไรปานนี้ วันนี้หล่อนจะต้องออกไปประชุมที่โรงงานผลิตอาหารกระป๋องพร้อมกับเขา แต่จะให้ไปในสภาพนี้ได้ยังไง จะให้เขาบอกว่านี่เป็นแฟชั่นเทรนด์ใหม่ก็ใช่ที่ ดูเหมือนว่างานแรกของวันนี้คงต้องเริ่มที่ผู้หญิงคนนี้ก่อนแล้ว  


หญิงสาวนั่งตัวลีบชนิดที่ว่าถ้าทำตัวแบนๆ ติดไปกับกระจกรถยนต์ได้ก็จะทำ ท่าทีนั้นทำให้คนที่กำลังขับรถอยู่อดหันมามองเป็นระยะไม่ได้ ยิ่งเขามองโมเรสก็ยิ่งทำตัวเล็กลงทุกที คราวนี้คนขับชักเหลืออดจึงกระแทกเบรกเต็มแรง ทำให้ศีรษะของโมเรสกระแทกเข้ากับคอนโซลหน้าอย่างจัง นี่ถ้าไม่ติดเข็มขัดนิรภัย หล่อนคงรูดลงไปกองกับพื้นรถแล้ว

“นั่งดีๆ เหมือนมนุษย์คนอื่นเป็นไหมคุณ”

“ก..ก็ เกรงใจน่ะค่ะ รถบอสหรูออกอย่างนี้ ดิฉันกลัวว่าจะทำรถบอสเลอะค่ะ”

“ยิ่งนั่งแบบนั้นจะยิ่งเลอะ ผมขอเถอะนะคุณโมเรส กรุณาทำตัวปกติ”

นิรินธน์ยื่นหน้ามาพูดใส่หน้าเหมือนกับจะให้คำพูดของตัวเองทะลวงเข้าไปติดในสมองของหญิงสาวบ้าง โมเรสยิ้มไม่ออก ก็จะไม่ให้หล่อนเกร็งได้อย่างไร ในเมื่อรถที่ชายหนุ่มขับคือรถเบนซ์รุ่นใหม่ล่าสุดที่หล่อนไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มานั่งรถสุดหรูแบบนี้ ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ค่อยๆ ขยับตัวจนเป็นปกติ ขณะที่เจ้านายหนุ่มเข้าเกียร์เหยียบคันเร่งออกสู่ท้องถนนอีกครั้ง พักใหญ่หล่อนก็รวบรวมความกล้าชวนคุย

“บอสคะ ทำไมบอสต้องขับรถเองล่ะคะ ไม่มีคนขับรถเหรอคะ”

“มี แต่ไม่ชอบ ผมทำงานไม่เป็นเวลา เรื่องอะไรจะต้องให้คนรถมาแกร่วรอ”

“เอ่อ แล้ว ตอนนี้เราจะไปไหนกันคะ นี่ไม่ใช่ทางไปโรงงานนี่นา”

โมเรสถามเพราะดูเหมือนว่านิรินธน์จะขับรถเข้าเขตตัวเมืองมากกว่าจะออกไปทางชานเมือง นัยน์ตาสีน้ำตาลตวัดมามองหน้าคนช่างถามแวบหนึ่งพลางตอบเสียงห้วน

“หาเสื้อผ้าให้คุณ ผมไม่อยากให้ใครคิดว่าผมพกกาแฟกระป๋องใหญ่เข้าประชุม ไม่ต้องกลัวว่าจะสายหรอกน่า ผมโทรบอกทางโรงงานแล้วว่าจะเลื่อนประชุมออกไปเป็นตอนบ่าย”

คราวนี้คนนั่งเบาะข้างๆ สงบปากสงบคำทันที เพราะกลัวว่าขืนชวนคุยมากๆ เจ้านายจะรำคาญแล้วปล่อยหล่อนลงข้างทางเสียเลยรู้แล้วรู้รอด แล้วเลยเงียบกันไปตลอดทางจนถึงร้านเสื้อผ้าหรูแห่งหนึ่ง ร้านนี้เป็นร้านเดียวที่เปิดร้านตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่ง เพราะลูกค้ารายใหญ่คือครอบครัวอิศเรศบดี ที่สามารถจะสั่งเสื้อผ้าได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง สุดแต่ว่าจะมีงานเร่งด่วนแค่ไหน เมื่อก่อนร้านก็เปิดเก้าโมงเช้าตามปกติทั่วไป แต่พักหลังถึงร้านไม่เปิด คนใดคนหนึ่งของครอบครัวอิศเรศบดีก็มักมีเหตุบังคับให้เปิดร้านก่อนเวลาเสมอ เจ้าของร้านจึงตัดปัญหาด้วยการเปิดแต่ไก่โห่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย    


รถสีแดงเพทายเคลื่อนจอดเข้าข้างทางอย่างนุ่มนวลสมเป็นรถหรูราคาแพง ร่างสูงลงจากรถแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาวด้วยความเคยชินมากกว่าจะคิดอะไรอื่น แต่กิริยานั้นทำให้สาวช่างฝันเพ้อไปไกลลิบแล้ว

“เชิญครับคุณผู้หญิง ถึงแล้ว หรือคุณจะให้ผมอุ้มลงดีครับ”

เสียงนิรินธน์ชักตวัดห้วนเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งยิ้มหน้าแดงอยู่คนเดียว เสียงนั้นปลุกโมเรสให้ตื่นจากฝันกลางวันได้ชะงัดนัก หล่อนสะดุ้งแล้วรีบปลดสายเข็มขัดนิรภัย ก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว หล่อนรออยู่จนนิรินธน์จัดการล็อครถเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินตามเขาเข้าไปในห้องเสื้อหรู  ทั้งสองไม่ได้สังเกตเลยว่ารถบีเอ็มดับบลิวสีดำคันหนึ่งค่อยๆ ขับมาจอดต่อท้ายรถของตัวเอง และคนในรถก็จ้องมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง ทว่าเจ้าของรถคันนั้นก็ใจเย็นมากพอที่จะไม่ลงไปทักทาย ทั้งที่เจ้าตัวแอบขับรถตามโดยทิ้งระยะพอประมาณไม่ให้ผิดสังเกตมาตั้งแต่ออกจากบริษัทแล้ว ทว่ากลับหยิบโทรศัพท์มือถือจากในกระเป๋าที่วางอยู่เบาะข้างๆ มากดโทรออกแทน


*** มีต่อฮับ เมี้ยวววว

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 54 18:37:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com