Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กลร้ายในเงารัก - บทที่ 6 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11230001/W11230001.html

บทที่ 6

นายอุ่นขออนุญาตกลับบ้านไปร่วมงานแต่งของญาติที่ต่างจังหวัด อนงค์ก็ขอตามไปช่วยงานด้วย 'นายสมบัติ' คนสวนคนเก่งอีกคน กับแม่พิศ ก็ขออนุญาตไปดูลิเกที่มาเล่นในตลาด นัยว่าคณะนี้กำลังดังจัด บ้านพิณพิไลจึงเหลือเพียงคุณผู้หญิงที่ยังนอนกอดโทรศัพท์ให้อุ่นอยู่ในอกหวาม

ฟ้าร้องครืนมาเบาๆ แต่คุณผู้หญิงก็ไม่เดือดร้อน เพราะกำลังอบอุ่นกับบทสนทนาน่ารักที่เพิ่งจบลง

แต่ในขณะที่พริ้มตาพลิกกายจากนอนหงายเป็นตะแคงหาหมอนข้างนั่นเอง ก็พลันบังเกิดเสียงผิดปกติขึ้นที่หน้าประตู รู้สึกเหมือนว่ามีวัตถุบางอย่างถูกกระแทกจนหล่นพื้น และจากเสียงแตกเปรื่อง ก็เดาว่าน่าจะเป็นแจกันดินเผาที่ตั้งประดับอยู่บนชั้นทรงกลมตามช่องผนัง

พุธชมพูหันไปมองผ้าม่านที่จู่ๆ ก็กระพือพัด เปิดทางให้ลมแรงจากข้างนอกกรูเข้ามา เธอจึงสันนิษฐานไว้ก่อนว่า เสียงผิดปกติเมื่อครู่น่าจะมีสาเหตุมาจากมัน

ร่างในชุดนอนสีม่วงอ่อนลงจากเตียงมาชะเง้อมองความมืดกับสัมผัสไอหนาวนิดๆ นอกหน้าต่าง ก่อนจะเดินออกไปหน้าระเบียง เพื่อต้องกับฝนหยดแรกและลมที่พัดแรงกว่าเก่า

"อากาศแปรปรวนชะมัด"

เธอบ่นแล้วหมุนตัวกลับ ตั้งใจจะออกไปสำรวจสภาพความเสียหายนอกห้อง แต่แล้วจู่ๆ ไฟในห้องก็ดับวูบลง และคิดว่าน่าจะทั้งบ้านด้วย

ความเงียบที่เงียบจนวังเวงแผ่อิทธิพลคุกคามใจที่เต้นแรงขึ้นเล็กน้อย สองเท้าก้าวช้าลง เพราะแม้ว่าจะคุ้นเคยกับทุกตารางนิ้วในวิมานรักแสนหวานแค่ไหนก็ตาม แต่ในความมืดที่มืดสนิทเช่นนี้ โอกาสสะดุดโน่นชนนี่มันก็มีสูง

วูบหนึ่ง พุธชมพูก็พลันเกิดความสงสารสามีจับใจ เขาต้องเผชิญกับความมืดที่มืดยิ่งเสียกว่าที่เธอกำลังประจันหน้า

แค่ชั่วเสี้ยวนาทีเท่านั้นเอง เธอยังรู้สึกได้ถึงความอึดอัดทรมาน ระคนด้วยความหวาดกลัวลึก แล้วสามีเล่า เขาต้องประจันกับมันนานกว่า ความรู้สึกของเขา มันจึงมากกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า แต่ดูเขาสิ เธอไม่เคยเห็นริ้วรอยวิตกกังวลปรากฏบนสีหน้าอบอุ่นของเขาสักครั้งเลย

สามีต้องกลบเกลื่อนความรู้สึกแท้จริงก็เพื่อเธอใช่ไหม เกรงว่าถ้าเผยความอ่อนแอและเป็นทุกข์ตลอดเวลากับความโชคร้ายชั่วระยะออกมา เธอก็จะพลอยหม่นหมองและหมดความสุขไปด้วยใช่ไหม

ฝนหยดแรกนำทางหลายร้อยหลายพันหยดตามมา กระทั่งพรูซู่ลงเป็นแพเป็นสายหนัก ผ้าม่านกระพือแรงจนเกิดเสียงพึ่บพั่บ ละอองเย็นชื้นสาดเข้ามาพร้อมกับกระแสหนาวเยือก

แต่เสียงธรรมชาติก็ไม่อาจกลบเสียงขยับของประตูที่ยังไม่ได้ล็อก และตอนนี้ก็กำลังแง้มเฉื่อยตามจังหวะผลักช้าๆ อย่างจงใจ ปรากฏแสงสว่างริบหรี่ทอดยาวเข้ามากรีดความมืดเบื้องหน้า พุธชมพูใจเต้นระทึกกับ 'เงา' ที่เคลื่อนไหวสุขุมมาพร้อมกับแสงอันน้อยนิด

"ใคร" เธอถามหวิวๆ ใจสั่นรัวกับสีดำทึบของเงาที่ล้ำผ่านประตูเข้ามาแล้ว "ฉันถามว่าใคร แม่พิศหรือเปล่า กลับมาจากดูลิเกแล้วหรือ ฝนตกสินะ การแสดงก็เลยเลิกกลางคันใช่ไหม"

ความพยายามส่งเสียงเพื่อขับไล่กระแสคร้ามประหลาด ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เมื่อคลื่นเสียงเคลื่อนหายไปในความเงียบที่น่าสะพรึงกลัว

พุธชมพูยกมือกุมคอเสื้อด้วยอากัปกิริยาหวาดระแวง ถ้าเจ้าของเงาดำทึบไม่ใช่แม่พิศ ก็ต้องเป็นผู้ไม่หวังดีที่ลอบบุกรุกเข้ามาเพื่อทำมิดีมิร้าย ไม่ว่าจะขโมยทรัพย์สิน หรืออาจจะเป็น 'ปล้นสวาท'

ความหวาดกลัวจับใจแผ่ขยายอย่างทรงอำนาจแท้จริง เมื่อโสตสดับเสียงฝีเท้าแผ่ว แสงสว่างน้อยนิดขยับใกล้เข้ามาจนบอกได้ว่า มันเป็นแสงของเทียนไข พุธชมพูก้าวถอยหลังอย่างลืมตัว แผ่นหลังกระทบขอบหน้าต่าง

ชายผ้าม่านกระพือพัดสูงให้เธอคว้าแล้วกุมเกร็งไว้อย่างตื่นเต้น เสียงหายใจรัวขึ้น และหนักหน่วงจนคล้ายเสียงหอบ ปากจิ้มลิ้มเริ่มสั่นและเผยออ้า แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียง มากไปกว่าการกลืนน้ำลายอย่างหวาดผวา

"ไม่ต้องกลัว"

ฟ้าระเบิดเสียงคำรามขึ้นหนึ่งครั้ง พร้อมกับสาดประกายสว่างวาบขึ้น ส่องใบหน้าคมคายเย็นชาของอคินเบื้องหลังเชิงเทียนสีเหลืองทอง พุธชมพูเบิกตากว้าง ใจหายวาบเพราะไม่นึกว่าจะเป็นเขา

ทำไมเพื่อนเก่าจึงมาปรากฏตัวขึ้นในวิมานรักของเธอ เวลานี้ เขาควรจะอยู่ข้างกายสามีที่เกาหลีไม่ใช่หรือ และพรุ่งนี้ก็น่าจะร่วมทางไปนิวยอร์กด้วยกัน เขาควรจะกลับมาพร้อมกับสามีในอีกสองสามวันข้างโน้นต่างหาก ไม่ใช่คืนนี้ ไม่ใช่

"อคิน"

"ใช่ อคินที่รักพุธไม่เสื่อมคลาย" อคินยอมรับเนิบเนือย พลางเดินมาปลดผ้าม่านในมือกำเกร็ง "ไม่ต้องกลัว เราคือความรัก คือลมหายใจ คือชีวิต ที่พุธเป็นเจ้าของตลอดกาลอยู่แล้ว"

ในยามที่ถูกความหวาดกลัวระคนผวาเข้าครอบงำ พุธชมพูไม่กล้าต่อปากต่อคำ นอกจากรีบสูดหายใจลึกเพื่อตั้งสติ

เธอโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อพบว่าอย่างน้อยอคินก็ไม่ใช่โจรยามวิกาล แต่ถึงยังไง การกระทำลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ ก็ไม่น่าไว้วางใจมากพอที่จะให้คลายกังวลอย่างหมดจด

เชิงเทียนเล็กถูกนำไปวางบนโต๊ะเล็กหัวเตียง มันเป็นจุดกำเนิดของแสงอันน้อยนิดที่หากมองจากภายนอกเข้ามา ก็จะพบว่า มันส่องให้บ้านทั้งหลังสว่างเพียงเฉพาะในนี้

ลมแรงหายวับไปพร้อมกับหน้าต่างที่ถูกดึงเข้ามากั้นขวางทีละบาน ทุกการเคลื่อนไหวของอคิน มันแฝงด้วยรังสีคุกคามเย็นเยียบที่พุธชมพูหวาดกลัวจนตัวสั่น

"หายหนาวหรือยังที่รัก ฝนตก ลมแรง แต่กลับไม่ยอมปิดหน้าต่าง เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก"

"เธอเข้ามาได้ยังไง" พุธชมพูถามแผ่วหวิว สืบเท้าย้ายตัวเองมาหยุดปลายเตียง

"กุญแจ" เขาชูมันขึ้น แล้วผุดยิ้มประหลาดอยู่ในเงาสลัว

"มะ.. หมายความ.. หมายความ.. "

"หมายความว่าเราปั๊มกุญแจบ้านทั้งหลังนี้ไว้หนึ่งชุด ทุกห้องทุกซอกทุกตารางนิ้ว ต้องไม่เป็นความลับสำหรับเรา เพราะอีกไม่นาน เราก็จะเป็นเจ้าของบ้านแทนคนเก่า"

"อคิน" พุธชมพูอุทานสะท้าน สุ้มเสียงเย็นเยียบแฝงรังสีพิฆาตของเขา มันฟังน่าสะพรึงกลัว แล้วเธอก็กลัวจับใจ

"เลิกทำท่าแบบนั้นเสียที" อคินตวาดออกมาอย่างน้อยใจ แววตาฉายความกระด้างกรุ่นโกรธ "เราไม่ใช่โจร เราเป็นผู้ชายที่รักพุธมากที่สุดในโลกรองลงมาจากคุณอา จำได้ไหม เราเคยบอกพุธอย่างนี้ จำได้หรือเปล่าพุธ จำได้ไหม เราถามว่าจำได้ไหม จำได้ไหม"

"ได้ๆ จำได้ พุธจำได้"

พุธชมพูละล่ำละลักตอบลิ้นรัว น้ำตาร่วงเผาะอย่างเสียขวัญ อคินต้องเป็นบ้าไปแล้ว เขาปรี่เข้ามาเขย่าตัวเธอแล้วตะคอกถามย้ำเสียงกร้าว ใบหน้าคมคายฉายความดุร้ายเหมือนฆาตกรที่กำลังลงมือสังหารเหยื่อ

เธอเคยชื่นชมว่า ดวงตาเรียวคู่นั้น มันหวานบาดจิตเกินหน้าเกินตาดวงตาของผู้หญิงหลายๆ คน แต่ในระยะประชิดเช่นนี้ ประกายที่เห็น มันช่างอำมหิตชวนให้ขวัญแตกตื่นยิ่ง

"โอ๋ ไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องกลัว"

แล้วเสียงกร้าวดุก็แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานปลุกปลอบ พุธชมพูตัวแข็งเมื่อถูกรั้งเข้าไปกักขังในอ้อมกอดคุกคาม เธอได้ยินเสียงเต้นระทึกใต้แผงอกชื้น มันดังหนักแน่นแข่งกับหัวใจดวงผวาของเธอเอง

น้ำตาร้อนไหลเป็นสายนองแก้ม คิดถึงสามีสุดที่รักจับจิตจับใจ ป่านนี้เขาคงหลับแล้ว ไม่รับรู้ต่อชะตากรรมอันสยดสยองที่กำลังรายล้อมภรรยาอยู่ทางนี้

"เรารักพุธ ได้ยินไหม เรารักพุธ"

อคินเปล่งเสียงสารภาพที่เคยสารภาพนานมาแล้ว เขาคายไอร้อนน่ารังเกียจรดลงบนต้นคอระหง วิสาสะจูบไซ้ด้วยกิริยาหลงใหลเคลิบเคลิ้ม

เหยื่อพิศวาสตัวแข็งทื่อ ปวดร้าวกับราคีสกปรกที่ชายอื่นกำลังป้ายอย่างบ้าคลั่ง จากต้นคอระหง อคินก็ล่วงล้ำทรวงที่กระเพื่อมรัวด้วยอาการเสียขวัญ ดูเหมือนว่าเขาจะรำคาญนิดหน่อย

"กลัวเราหรือ" เขายุติการป้ายราคี แล้วยืดตัวรัดร่างน้อยมาบดเบียดกายแกร่งที่พรักพร้อมต่อการปลดเปลื้องคลื่นสวาท

"พุธแต่งงานแล้ว" พุธชมพูกลั้นใจเตือนสติ พยายามหายใจแรงหนักเพื่อเรียกความเข้มแข็ง

"ไม่เป็นไร ความรักจะไม่ใส่ใจกับรายละเอียดไร้สาระพวกนี้หรอก มันแค่ต้องการอยู่กับความรักของมัน"

"ไม่ใช่พุธ" เหยื่อในกรงกอดคุกคามแย้งอย่างเตือนสติอีกครั้ง "อคิน ไม่ใช่พุธ เพราะความรักของพุธเป็นของพี่ดนัย พุธแต่งงานกับพี่ดนัยแล้ว เป็นภรรยาของเขา รักเขา พุธรักเขา"

"ไม่จริง" หนุ่มคลั่งรักตวาด ตาแดงก่ำ มันร้อนกล้าไปด้วยเปลวไฟแค้น "เลิกโกหกตัวเองเสียที พุธไม่รักเขา พุธรักเรา พุธน้อยใจเรา ประชดเรา พุธแต่งงานกับเขา เพราะพุธเหงา ว้าเหว่ เพราะคุณอาจากไปเร็วเกินไป ทอดทิ้งพุธให้อยู่อย่างเดียวดาย"

"ไม่ใช่อคิน ไม่ใช่ พุธรักพี่ดนัย แต่งงานกับเขาเพราะรักเขา พุธจะไม่มีวันรักใครอีกแล้วนอกจากเขา ได้โปรด.. "

"ไม่.. ไม่จริง ไม่ใช่ พุธโกหก พุธโกหกเรา ทำไมพุธ ทำไมไม่รอเรา อีกแค่ปีเดียวเอง อีกแค่ปีเดียวเองพุธ"

อคินคร่ำครวญเหมือนใจจะขาด พลางระบายความคับแค้นด้วยการเหวี่ยงสุดที่รักไปหล่นโครมบนเตียงอย่างหยาบคาย  พุธชมพูกรีดร้องตระหนก เธอขยับลนลาน ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหนีไปทางไหนดี

แสงจากลำเทียนฉายให้เห็นการเคลื่อนไหวสับสนงุ่นง่านของอคิน เขาร้องไห้อย่างเสียใจ แต่ในความรู้สึกของเธอ มันไม่ใช่อากัปกิริยาที่น่าสงสารเห็นใจ

เพราะทุกครั้งที่ใบหน้านองน้ำตาเหลียวมาจ้องเขม็งด้วยแววตาประทุษร้าย เธอก็ผวาหวั่นอยู่แต่ในใจ ตระหนักว่า การร้องไห้ว้าวุ่น มันเป็นเพียงเฮือกสุดท้ายก่อนที่เขาจะระเบิดการกระทำบางอย่างออกมา

"อคิน" พุธชมพูพยายามตั้งสติ "ฟังพุธให้ดีนะ"

"ฟังสิ เราฟังพุธตลอดเวลาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ" อคินย้อนอย่างปวดร้าว ร่างงุ่นง่านค่อยหย่อนลงนั่งพื้นอย่างสับสน น้ำตาบนแก้มสะท้อนกับแสงจนเกิดเงาวูบวาบ

"พุธไม่ได้ผิดสัญญา พุธไม่เคยรอให้อคินกลับมา สิ่งที่พุธทำในวันนั้น ก็เพื่อไม่ให้พ่อกับอคินต้องบาดหมางใจกันจนมองหน้าไม่ติด พุธลำบากใจมาก เพราะข้างหนึ่งก็พ่อที่พุธรักที่สุด อีกข้างหนึ่งก็คือเพื่อนที่พุธมีให้ได้แค่ความปรารถนาดี"

โอ้ พุธชมพูไม่น่าสารภาพความจริงอันโหดร้ายในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้เลย ฟ้าร้องคำรามทันที ดั่งจะตำหนิความคิดหุนหันไม่รอบคอบของเธอ

แสงที่แลบแปลบส่องให้เห็นดวงตาแดงก่ำที่ระอุกล้าไปด้วยพลังรักอันคลุ้มคลั่ง แล้วอึดใจต่อมา ร่างที่นั่งคุดคู้กลางพื้น ก็ผลุนผลันขึ้นเตียง เขย่าร่างน้อยราวกับตัวเองเสียสติไปแล้ว ปากก็คร่ำครวญปวดร้าวว่า

"เพื่อนหรือพุธ เพื่อนหรือ ตลอดเวลาที่เราคบหากัน พุธจะบอกว่าทั้งหมดนั้นคือความเป็นเพื่อนหรือ ไม่ใช่หรอก มันไม่ใช่ ได้ยินไหมว่ามันไม่ใช่ มันคือความรักของเราพุธ มันคือความรักของเรา"

"อคิน" พุธชมพูร้องไห้เสียงดัง ความหวาดกลัวมหาศาล มันแผ่อำนาจกลบกระแสเจ็บร้าวลึกบนสองไหล่ที่อคินกำลังจิกขยุ้มอย่างหยาบช้า

"แล้วเราก็รักพุธ ได้ยินไหมพุธ เรารักพุธ เราไม่สนใจว่าพุธจะแต่งงานกับใคร เป็นภรรยาของใคร เคยนอนกับใคร ก่อนหน้านั้น มันจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่นับจากนี้ พุธเป็นของเราเท่านั้น จะเป็นของเราคนเดียวเท่านั้น ได้ยินไหม ได้ยินไหม"

พุธชมพูหลับตาปี๋เมื่อเสียงดุร้ายตะคอกก้องใส่หน้า และทั่วหน้าผวาก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ร้อนอย่างน่าสะพรึงกลัว แต่สิ่งที่หัวใจสยดสยองกว่า ก็คือความมืดที่อคินกระชากมันเข้ามา เขาปัดเทียนไขหล่นพื้น แล้วฉับพลันนั้น แสงริบหรี่ก็ดับวูบลง

ถัดจากนั้นไป บ้านพิณพิไลก็พลันถูกห้อมล้อมไว้ด้วยม่านหมอกมรณะเบาบาง มันลอยเคว้งคว้างเหนือหลังคา แม้แต่ลมแรงและฝนคลั่งก็ไม่อาจผลักไสให้มันโยกย้ายตัวเองไปไหน

เพราะมันตระหนักรู้อยู่ว่า อีกไม่นาน ในบ้านอันแสนสงบและอบอวลไปด้วยความรักหวานชื่อของคู่สามีภรรยา กำลังจะเกิดโศกนาฎกรรมที่ใครก็ไม่อาจขัดขวางหรือยับยั้งได้

แต่ก่อนที่เวลานั้นจะมาเยือน พุธชมพูคงต้องเจ็บปวดรวดร้าวกับการตกเป็นเหยื่อพิศวาสบ้าคลั่งของอคินไปอย่างเนิ่นนาน เขาไม่แยแสน้ำตาที่นองแก้มนวลอย่างเสียใจ ไม่ยี่หระกับกายที่แข็งขืนปฏิเสธความรักที่เขายัดเยียด

ไม่ว่าเธอจะจงใจหมางเมินและเย็นชากับทุกสัมผัสกำหนัดจากเขามากแค่ไหน แต่สำหรับรัตติกาลอันคลั่งไปด้วยฝนหนักลมแรงเช่นนี้ พุธชมพูก็คือความรักที่ผลักดันให้เขาปีนป่ายและทะยานขึ้นไปยืนตระหง่านเพื่อชูมือประกาศชัยชนะบนยอดที่สูงที่สุดของแรงปรารถนาได้สำเร็จแล้ว



หนุ่มสมมาดในปรารถนาเผยอาการกระชุ่มกระช่วยไม่เกรงใจสีหน้าหมองเศร้าของคุณผู้หญิงที่ลดโทรศัพท์มือถือลงตักด้วยกิริยาเนือยๆ แม่พิศเข้ามาเสิร์ฟกาแฟ พอเห็นเข้าก็อดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้ว่า

"มีอะไรหรือเปล่าคะคุณผู้หญิง"

"ไม่มีหรอก พี่ดนัยแค่เลื่อนวันกลับออกไปอีกสามวันน่ะ"

เธอตอบเนือยๆ ตามเคย ดวงตาขมขื่นชำเลืองไปรังเกียจรอยยิ้มพอใจของชายเลวแวบหนึ่ง อคินถูกปลดออกจากความเป็นเพื่อนเก่าแล้ว เขาป่าเถื่อนชั่วช้าที่หักหาญร่างกายของเธอไปยึดครองอย่างไร้ความละอาย

ในเวลานั้น ที่เธอได้ยินมันเต็มไปด้วยเสียงคำรามลำพอง เขาพร่ำครวญแต่ว่า 'ชนะแล้ว' ซึ่งก็คงลืมนึกไปว่า เหยื่อชอกช้ำที่ทอดแน่นิ่งใต้ร่างหื่นสวาทอย่างพ่ายแพ้ ไม่ใช่คนแปลกหน้า ที่เขาไม่รู้จัก แต่คือเธอ ซึ่งเคยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในวันวาน

"คงจะติดธุระขลุกขลักบางอย่างกระมัง" อคินดื่มกาแฟด้วยท่าทางปลอดโปร่ง แสร้งแสดงความเห็นพอเป็นพิธี

"นั่นสิคะ" แม่พิศปากไม่ดี นอกจากเห็นพ้องแล้ว ยังเสนอความคิดตัวเองออกมาอีกนิดว่า "คุณอคินน่าจะรีบตามไปช่วยคุณผู้ชายนะคะ"

"มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ เรื่องเจ้านายก็ไม่ต้องมาสะเออะออกความเห็น"

อคินตัดบทอย่างไม่ชอบใจ ดวงตาเรียวหวานแทรกประกายดุร้ายให้แม่บ้านปากไม่รู้จักกาลเทศะเห็นแล้วสยองใจเล่น นางรีบขยับร่างท้วมกลับเข้าครัวไปในทันที พุธชมพูพอจะรู้จักนิสัยปากไม่อยู่สุขของนางอยู่บ้าง จึงเดาได้ว่า นางต้องลากอนงค์ไปจับเข่าคุยอย่างออกรสแน่

โดยเฉพาะอาจจะแต่งเติมความฉงนส่วนตัวที่ว่า 'ทำไมอคินกลับมาอยู่บ้าน แทนการอยู่กับคุณผู้ชาย' ด้วยความคิดร้อนแรงเลยเถิด ซึ่งเธอก็ปวดร้าวใจนัก เมื่อตระหนักได้ว่า ความคิดนั้นมันเป็นจริง

"เรื่องที่เราคุยกันไว้ พุธบอกว่าขอเวลาไตร่ตรองก่อน มีคำตอบหรือยัง เราใจร้อนอยากรู้" พอลับร่างแม่บ้านปากสะเออะ อคินก็ทวงคำตอบด้วยเสียงคาดคั้น แสงตาก็ขึงคล้ายคุกคามในที

"มันไม่ใช่เรื่องเล็ก" พุธชมพูตอบแบ่งรับแบ่งสู้ "พุธไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปขอหย่ากับพี่ดนัยเลย พุธต้องหาข้ออ้างก่อน"

"อีกนานไหม" อคินเร่ง "เราต้องการคำตอบก่อนที่เขาจะกลับมา"

"แล้วถ้าพุธไม่มีข้ออ้าง พุธไม่สามารถขอหย่า เพราะพุธไม่อยากหย่า อคินจะทำยังไง"

"ทำอย่างที่บอกไปแล้ว"

'ดนัยดลจะต้องหายไปจากโลกใบนี้อย่างเงียบๆ ' วาจาข่มขู่ดุร้ายของอคินเมื่อสองค่ำคืนก่อน แว่ววาบเข้ามากระทุ้งให้พุธชมพูหัวใจสะท้าน

สามีสุดที่รักต้องมาตกอยู่ในอันตรายเพราะเธอแท้ๆ ไม่น่าเลย เธอน่าจะเล่าความจริงให้เขาฟังตั้งแต่อคินเหยียบก้าวแรกเข้ามาเป็น 'เงาร้าย' ในวิมานรักสีชมพู

เพราะเธอหลงมั่นใจอย่างโง่เขลาว่าจะเกลี้ยกล่อมให้อคินเดินออกไปจากชีวิตที่สมบูรณ์พูนสุขของเธอได้เอง เพราะเธอไม่เชื่อฟังสามีที่เคยสำทับนักหนาว่า 'มีเรื่องดีเรื่องร้ายมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องบอกพี่'

"ทำไมเธอถึงกลายเป็นคนโหดเหี้ยมเลือดเย็นแบบนี้ เธอไม่ใช่อคินคนเดิมที่พุธเคยรู้จักเลย"

"ไม่หรอก เราคืออคินที่รักพุธที่สุดในโลก นอกจากคุณอาแล้ว เรากล้ายืนยันว่าจะไม่มีผู้ชายคนไหนรักพุธได้มากเท่าเรา"

"แต่พุธรักพี่ดนัย และกล้ายืนยันว่าจะไม่มีผู้ชายคนไหนที่พุธจะรักได้มากที่สุดในโลกนอกจากพี่ดนัยคนเดียว"

มันเป็นคำสารภาพน้ำกรดชัดๆ อคินหรี่ตาร้อนปนร้าย ก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วลุกไปพ่นมันออกมาอย่างคับแค้น เลือดทุกหยดกำลังแปรปรวนอยู่ในร่างกาย พลังรักอันท่วมท้นพลุ่งพล่านย้ายรูปเป็นพลังแค้น

พุธชมพูจะตอกย้ำความจริงเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร กดดันให้เขาเผยสันดานดุร้ายออกมากำจัดสามีตัวเองหรือ เขาทำได้แน่ ก็แค่ว่า 'ฆ่าผู้ชายตาบอดคนเดียว'

"ไม่ว่าพุธจะรักผู้ชายคนไหนมากที่สุดในโลกก็ช่าง แต่เราก็จะเป็นผู้ชายคนเดียวที่พุธจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป"

"ด้วยอะไร เกลียดชัง เคียดแค้น จำใจจำยอม อคินต้องการเยื่อใยพวกนี้ไปทำไม มันใช้ผูกพันเราไม่ได้ เธอจะได้ไปก็แต่ร่างกายของพุธ แต่หัวใจ.. "

"ก็ร่างกายของพุธนั่นแหละที่เราโหยหามาตลอดเวลา"

อคินหันกลับมาอวดความชอกช้ำบนสีหน้า เท้าแขนลงบนพนักโซฟา บดกรามจนแก้มสั่น แล้วเค้นความขมขื่นออกมาตัดพ้อผู้หญิงใจร้าย

"เราจะเก็บหัวใจของพุธไว้ทำไม ในเมื่อมันทำให้เรามีความสุขกับพุธไม่ได้ เราต้องการพุธ เราอยากทำทุกอย่างให้พุธมีความสุขกับเรา พุธต้องการอะไรล่ะ บอกเราสิ เราจะหาให้ เงินหรือ บ้านใหญ่กว่าหลังนี้ไหม รถยนต์ที่หรูกว่าแพงกว่าไหม"

"หยุดดูถูกจิตใจพุธเสียที"

"ดูถูกหรือ" ร่างสูงย้ายปราดมากระแทกนั่ง จ้องหน้าสาวสุดที่รักที่ยังกล้าปฏิเสธความจริง "เราน่ะหรือดูถูกพุธ ทำไม นี่พุธจะบอกว่าพุธแต่งงานกับคุณดนัยเพราะความรักหรือ ก็ถ้าเขาไม่ร่ำรวย ไม่เป็นเจ้าของบริษัท ไม่ทำให้พุธได้เป็นคุณผู้หญิงชี้นิ้ว พุธแน่ใจหรือว่าพุธจะเลือกเขา"

"อคิน"

"ไม่ต้องขึ้นเสียง" อคินตะคอกกลับหน้าแดงก่ำ "เราพูดความจริงทั้งนั้นล่ะ พุธถูกคุณอาฝังหัวให้ท่องไว้แค่ว่า ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว อยากได้อะไรจากสามีของเธอบ้าง เงิน ทอง เครื่องเพชร บ้านหรู รถแพง บ่าวไพร่เสริมบารมี นี่ต่างหากคือเหตุผลที่พุธไม่ยอมรับ แล้วโกหกตัวเองว่าพุธแต่งงานกับคุณดนัยเพราะความรัก มันไม่จริง ได้ยินไหม ไม่จริง พุธรักเราต่างหาก รักเรา"

อนงค์ร้อง 'อุ๊ย' เพราะตกใจกับเสียงที่ตะเบ็งลั่นออกมาจากห้องโถง หล่อนเสร็จงานในครัวแล้ว กำลังจะออกไปช่วยนายอุ่นยกแปลงผักด้านหลังสวนกล้วยไม้

"มองอะไร จะไปทำอะไรก็ไป เจ้านายคุยกัน ไม่ต้องมาสะเออะฟัง ออกไป"

พุธชมพูหน้าเจื่อนให้อนงค์มองจ้องอย่างฉงน หล่อนสะดุ้งโหยงก่อนหน้านั้น เพราะเสียงตวาดไล่ของอคิน มันฟังน่ากลัวมาก เขากำลังหัวเสียเพราะเธอพูดไม่เข้าหู แล้วอนงค์ก็ไม่ควรจะมาได้ยินหรือรับรู้ในเรื่องบางเรื่องที่มันน่าอดสู เธอจึงรีบโบกมือตัดบท พยักพเยิดเป็นเชิงเร่งให้รีบผละไป

"เธอไม่ควรพาลกับเด็กๆ " เธอตำหนิเมื่อลับร่างสาวใช้

"ทำไม อีกหน่อยเราก็จะเป็นคุณผู้ชายของพวกมันอยู่แล้ว ไม่พอใจก็ลาออกไปสิ คนว่างง่านมีออกถมถืด แค่โยนเงินไปแหมะตรงหน้าสักก้อน ก็ขี้คร้านจะตะปบแล้วคลานมาให้ใช้ไม่ลืมหูลืมตา"

"เธอหัดดูถูกคนด้วยกันเองตั้งแต่เมื่อไหร่"

"ตั้งแต่เรียนรู้ว่าเงินมันบันดาลได้ทุกอย่างจริงอย่างที่คุณอาฝังหัว พ่อของพุธเก่งจะตาย ฝังหัวลูกสาวตัวเองยังไม่พอ อุตส่าห์เผื่อแผ่มาให้เราด้วย น่าเสียดายนะ ที่รีบตายไปเสียก่อน นี่ถ้ายังอยู่ เราคงได้ขอบคุณสักคำครึ่งคำ"

"อคิน" พุธชมพูส่ายหน้าผิดหวัง "เธอเปลี่ยนไปมากจริงๆ ไม่เหลือเค้าอคินคนเก่าที่พุธรู้จักอีกเลย เหมือนเธอจะไม่ใช่"

"จะอคินคนเก่าหรือคนใหม่มันก็ไม่สำคัญ เพราะหัวใจของอคินมันก็เป็นดวงเดิม ไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนแปลงมันได้"

แม่พิศหลบวูบเข้าซอกด้วยความใจหาย รู้สึกตื่นเต้นกับเย็นสันหลังไปเอง เมื่อนึกว่าหากย่างเท้าไปอีกก้าว อคินก็คงจะรู้ว่า ที่เขาหย่อนตัวลงคุกเข่าบนพื้น แล้วกุมมือคุณผู้หญิงขึ้นไประดมจูบอย่างโหยหาหลงใหลมันไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

แต่โชคดี ที่เวลานี้มันยังใช่อยู่ แล้วนางก็แอบเห็นหมดด้วยใจระทึกไหวหวั่นว่า อคินเหิมเกริมแค่ไหน จุมพิตที่เขาบดขยี้ริมฝีปากคุณผู้หญิงด้วยท่วงท่าและมาดของผู้กำชัยไว้ในมือ มันส่อให้นางอดคิดไม่ได้ว่า เพื่อนต่างวัยของคุณผู้ชายคนนี้ กำลังจะ 'ตีท้ายครัว'

ไม่ว่าแม่พิศจะคิดถูกหรือผิด นางก็จำต้องลีบร่างท้วมให้หดให้แบนเข้าไว้ เพื่อให้ซอกคับแคบได้ทำหน้าที่บดบังอย่างปลอดภัย ขณะที่เพื่อนต่างวัยของคุณผู้ชายประคองคุณผู้หญิงเดินผ่านมุ่งหน้าขึ้นสู่ชั้นบน

ตามประสาคนคิดสะอาดไม่ค่อยเป็น ในสมองของนางก็พลันเห็นเตียงลอยมาไหวๆ ถัดจากนั้น ก็เป็นอาภรณ์ล่ะ ที่ลอยปลิวไปทีละชิ้น กระทั่งสองร่างที่หายลับไปจากสายตา ไม่เหลืออะไรเลย นอกจากความว่างเปล่าที่พร้อมจะเคล้าคลุกกันเป็นหนึ่งเดียวด้วย 'ไฟรัก'



ใช่เลย แม่บ้านคนเก่งคิดไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย พุธชมพูจำต้องทอดร่างให้ชายสารเลวลักกินขโมยกินสวาทของสามี ด้วยความรู้สึกขมขื่นกล้ำกลืน

เธอรังเกียจทุกสัมผัสหื่น ทุกจุมพิตที่ขาดความละเมียดละไม ทุกอ้อมกอดที่แน่นไปด้วยรังสีคุมคามให้จำนน และทุกแรงถาโถมที่ตัวตนชั่วช้ารุกลึกยึดครองให้สองร่างต้องผนึกเป็นหนึ่งอย่างยาวนาน

'เกลียด' พุธชมพูตะโกนก้องอยู่ในห้องใจที่หม่นไปด้วยม่านหมอกมรณะ มันเป็นความเกลียดชังอันแรงกล้าที่ก่อเกิดจากเสียงกระเส่าคำรามของอคิน มันดังสะท้านขาดห้วงและกระตุกกึกกักตามจังหวะซ่านสุขไปตามลำพังของคนลงมือ

เธอกัดปากหลั่งน้ำตา สองมือจิกผ้าปูยึดเหนี่ยวมันไว้เป็นที่พิงพักทางใจ เมื่อตระหนักว่าดวงไฟปรารถนาของอีกฝ่าย พุ่งทะยานขึ้นไปกระแทกกับเพดานจนแตกกระจาย กลายเป็นละอองรักสกปรก ลอยเคว้งคว้างและส่งกลิ่นหื่นเหม็นคลุ้งให้เธอซึมซับไปอย่างร้าวระกำ

"โอ.. เรามีความสุขเหลือเกิน" อคินสารภาพเหนื่อยๆ ใบหน้าคมคายแดงเห่อด้วยความสุขอย่างที่บอก "พุธทำให้เรารู้สึกเป็นคนอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่คนเพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งก็เป็นแค่ซากที่ไร้ความรู้สึก"

"ใช่ เราสองฝ่ายแลกสภาพนั้นกันไปเรียบร้อยแล้ว"

"พุธ" อคินเจ็บปวดเมื่อฟังสาวสุดที่รักเชือดเฉือนด้วยน้ำเสียงชังชาเย็น "จะโหดร้ายกับเราไปถึงไหน เรารักพุธนะ เราให้ความสุขพุธได้ทุกอย่าง ทำให้พุธอยู่อย่างสุขสบายไปตลอดชีวิตได้ไม่แพ้คุณดนัยหรอก เลิกพูดจาซ้ำเติมให้เราเจ็บช้ำน้ำใจเสียที"

"แล้วที่ทำกับพุธอย่างนี้ ใช้ชีวิตของสามีพุธมาคุกคามให้พุธจำนนอย่างนี้ รังแกพุธด้วยการกระทำสกปรกป่าเถื่อนอย่างนี้ อคินไม่นึกว่าพุธจะเจ็บปวด เจ็บช้ำน้ำใจบ้างเลยหรือ"

"ไม่" อคินสั่นหน้า พลางโถมกายกอดรัดร่างเปื้อนเหงื่อด้วยกิริยาว้าวุ่นระคนอ่อนแอ "ไม่เลย เราไม่เคยคิดอย่างนั้น เราไม่ต้องการทำให้พุธเจ็บปวด เราต้องการทำให้พุธมีความสุข"

"พุธไม่มีวันนั้นอีกแล้ว อคินเป็นคนทำลายมันจนสิ้นซากด้วยมือด้วยใจที่ชั่วช้าของอคินเอง"

"ไม่พุธไม่ มันไม่จริง พุธเชื่อเราสิ มันจะเป็นแค่ช่วงแรกเท่านั้น พอทอดเวลาไปสักระยะ พุธก็จะค่อยๆ ลืมคุณดนัยไปเอง เพราะอะไรรู้ไหม เพราะความรักมากมายของเราไง มันจะชะล้างเงาของคุณดนัยให้ออกไปจากหัวใจพุธ แล้วแทนที่ด้วยเงาของเรา"

พุธชมพูหลับตา ทิ้งหยาดน้ำอัปยศไหลรินไปตามยะถากรรม เธอกลืนก้อนสะอื้นที่ทั้งแข็งทั้งคม กลับลงไปทิ่มแทงหัวใจแตกสลาย เมื่อบทรักสกปรกของอคินเริ่มต้นอีกครั้ง เขากำลังใช้วิธีนั้น ยืนยันคำพูดเอาแต่ใจของตัวเองเมื่อครู่ก่อน

ไฟรักที่แผ่คายจากเรือนร่างกำยำของหนุ่มผู้ตกเป็นทาสรัก ค่อยๆ ลามเลียแผดเผาสวาทอ่อนหวานของดนัยดลจนไม่เหลือแม้แต่จุณละมุนละไมให้พุธชมพูระลึกถึง

ทุกตารางนิ้วบนร่างกายบอบช้ำ สกปรกและแปดเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำกำหนัดร้อนของชายเลว ทุกซอกร่องที่เร้นร้างอยู่ในที่ที่ควรอยู่ ถูกแทรกแซงด้วยสัมผัสแข็งกร้าวดุดันของผู้รุกราน

นี่คือความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ ที่พุธชมพูไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้อีกเลยตราบจนชั่วชีวิต และทุกจังหวะที่ยอดปรารถนาของอคินล่วงล้ำเข้ามาในร่างกาย เคลื่อนไหวอย่างเริงร่า อย่างฮึกเหิม ในห้วงสมองร้าวรานของภรรยาผู้ภักดี ก็จะดังก้องซ้ำไปซ้ำมาด้วยประโยคที่ว่า 'พี่ดนัยจะตายไม่ได้'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 10:14:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com