Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO HOTEL 3........(ยินดีต้อนรับการกลับมา) ติดต่อทีมงาน

ตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11103101/W11103101.html


ความเดิม

จันทร์...เธอมาได้ยังไง”

สาวซิดนีย์ก็ร้องทักอย่างตื่นเต้นดีใจ ตรงเข้ามาจับไม้จับมือตามประสาคนเคยรู้จักกัน

“หนูมาทางแก้วน้ำค่ะ..โดนแก้วน้ำมันดื่ม”

จันทร์พันฝันฝืนยิ้มตอบ แม้ว่าคำตอบนั้นจะพิสดารหลุดโลกปานใด แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ซักถามรายละเอียดต่อไป เพราะไม่ว่าอะไรจะพิลึกพิลั่นขนาดไหน ต่างก็เคยเผชิญหน้ามาแล้ว ไม่มีอะไรจะเป็นไปไม่ได้ใน Psycho Hotel



ก่อนจะพูดอะไรมากกว่านี้ ประตูซึ่งมีอยู่บ้านเดียวก็เปิดออก หญิงสาวหน้าตาหมดจดคนหนึ่งในชุดพนักงานโรงแรมสีดำเดินตรงเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร ที่อกเสื้อด้านซ้ายติดป้ายชื่อ

a r i t s u m e m o o n

“เชิญคุณทั้งสองที่ห้องอาหารค่ะ”

เสียงใสๆและรอยยิ้มทำให้สองสาวผู้มาเยือนรู้สึกผ่อนคลายลง ทั้งแพรวดาวและจันทร์พันฝัน พอจะเดาได้ว่าเธอคนนี้จะต้องเป็นพนักงานโรงแรมคนใหม่มือใหม่ ท่าทางจะไม่รู้เลยว่างานที่ทำมันหนักหนาสาหัสขนาดไหน



แพรวดาวและจันทร์พันฝันพากันเดินตามพนักงานหน้าใหม่ไปอย่างไม่ค่อยวิตกกังวลอะไรมากนักเพราะเคยทำงานอยู่ในโรงแรมนรกแห่งนี้มาแล้วด้วยกันทั้งคู่ คุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี a r i t s u m e m o o n ต่างหากซึ่งมีท่าทางไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก อาจเป็นเพราะความที่เป็นพนักงานใหม่นั่นเอง

“เธอมาทำงานอยู่ที่นี่นานหรือยัง”

จันทร์พันฝันชวนพนักงานสาวหน้าใหม่คุยเป็นการทำลายบรรยากาศอันเยียบเย็น

“ไม่นานหรอกค่ะ ไม่กี่วันเอง”

“ชื่ออ่านยากจริง มีชื่อง่ายกว่านี้ไหม”

“ขวัญค่ะ”

“ขวาน.....”

แพรวดาวซึ่งเอียงหูฟังอยู่ลองออกเสียงดู แต่เนื่องจากไปอยู่ต่างประเทศนานเกินไปจึงออกเสียงไม่ชัด

“ขวัญค่ะ...ไม่ใช่ขวาน”

“อ๋อ...ฝาน”

“ขวัญค่ะ..ไม่ใช่ฝาน”
พนักงานสาวทำหน้าบรรยายยาก เมื่อได้ยินสำเนียงออกเสียงแนวอินเตอร์

“ขวาน.....ขะฝาน..ฝะๆๆฝาน.....คะๆๆ คา.ๆๆๆๆๆๆ.ข้าๆๆ..ข..วัญ”

ใช่แล้วค่ะ...ถูกต้องนะคะ ขวัญ ไม่ใช่ ขวาน หรือ ฝาน”

คนถูกเปลี่ยนชื่อถึงกับน้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้งใจในความพยายามออกเสียงจนหน้าดำคร่ำเครียด เจ้าของคำเพี้ยนหัวเราะชอบใจแล้วบอกอีกว่า

“แหม..เธอ...ก็ฉันอยู่ซิดนี่ย์นานเลยออกเสียงไม่ชัด อย่าว่าแต่ฉันเลยน่า หลายๆคนก็เคยออกเสียงผิดมาแล้ว เคยได้ยินฝรั่งถามคนชาติอื่น  R U fine?... ยังเคยได้ยินคนตอบว่า ไอ แอม ควาย..แบบว่าพูดบ่อชัดเด้อ..แล้วยังมีเพื่อนอีกคนนะ ชื่อ ชลดา...เพื่อนฝรั่งอ่านออกเสียง ชนแล้วด่า....อีกคนชื่อ ไอรดา...เพื่อนออกเสียง ไอแล้วด่า..”

พูดจบก็หัวเราะตบท้ายทั้งที่ไม่มีใครขำด้วย สาวจันทร์หันมามองหน้าเพื่อนรุ่นพี่แล้วถามขึ้นอย่างหวั่นๆว่า

“เอ....หนูว่าพี่แพรวดาวแปลกๆไปนะคะ”

“แปลกยังไง” ย้อนถามทั้งที่หัวเราะร่วนเป็นไข่เค็มไม่ยอมหยุด

“หนูว่าพี่เมื่อหนึ่งปีก่อน ไม่ใช่อย่างนี้นะคะ พี่จะเรียบร้อยมาก ไม่เชื่อลองกลับไปอ่านภาคหนึ่งดู”

“เหรอ”

“ค่ะ”

“ฉันแปลกไปจริงๆ หรือนี่....เอ..”

สาวซิดนีย์พยายามหยุดยิ้มหยุดหัวเราะ แต่ยังพูดไปยิ้มไป

“นั่นสินะ..ฉันเองก็รู้สึกแปลกๆ อ้วนๆเหมือนกัน สงสัยเป็นเพราะอาถรรพ์ของที่นี่ หรือไม่ก็ฝีมือใครบางคน”

“ใครคะ”

“อยู่แถวๆนี้ล่ะ”

ว่าพลางทำท่าเหมือนมองหาใครบางคนซึ่งมองไม่เห็นตัว จันทร์พันฝันมองตามบ้างก็ไม่มีทางหรอกว่าจะเจออะไรเป็นสิ่งผิดสังเกต

“แล้วฝาน..เอ้ย..ขวัญล่ะ..เข้ามาทำงานได้ยังไง ใครชวนมา” สาวจันทร์หันมาทำหน้าที่ถามสาวขวัญต่อไปเมื่อรู้สึกว่ามองหาก็ไม่มีประโยชน์อะไร

“หนูได้รับการติดต่อจากใครบางคนล่ะ เห็นว่าค่าจ้างงามจ่ายล่วงหน้าอีกต่างหากเลยลองมาทำงานดูเสียดายว่าจ้างให้ทำงานไม่กี่วันเท่านั้น”

“อะไรกัน...จ้างทำงานไม่กี่วัน มีแบบนี้ด้วยหรือ”

“มีสิคะ...ที่นี่ล่ะ” ขวัญตอบเสียงหนักแน่น

“ท่าทางค่าจ้างคงไม่ธรรมดา”

วันละหมื่นบาทถ้วนค่ะ จ้างล่วงหน้า 7 วันแล้วค่ะ”

“อะไรนะ....”  

ทั้งสาวจันทร์และสาวซิดนีย์ร้องเสียงออกพร้อมกันอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง อะไรจะจ้างกันราคาดีขนาดนี้ โรงแรมเมืองไทยที่ไหนกันจ้างพนักงานวันละหมื่น

“หนูได้รับเงินเจ็ดหมื่นบาทเรียบร้อยแล้วค่ะ”

“แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย” สาวซิดนีย์บ่นอย่างไม่พอใจ “สมัยเราได้วันละ 1000 เท่านั้น นี่วันละหมื่น ปีเดียวค่าของเงินเปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนี้เชียวหรือนี่”

แถมพวกเรายังเจอเรื่องน่ากลัวด้วย” สาวกางเกงยีนเสริมขึ้นบ้าง “เรื่องทั้งน่ากลัวทั้งแปลกหลุดโลกจนไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเลย กลัวเขาหาว่าบ้า”

“มาครั้งนี้ก็อาจเจอเรื่องแปลกๆอีกนะคะ”

พนักงานสาวพูดยิ้มๆอย่างคนใจเย็น แต่คนฟังฟังแล้วรู้สึกขนลุก ภาพเหตุการณ์อันน่ากลัวและเหลือเชื่อในอดีตคล้ายปรากฏชัดเจนอยู่ในความรู้สึก

“ทำไมคิดแบบนั้น”

“อืม....ไม่รู้เหมือนกันค่ะ มันเป็นลางสังหรณ์”

“เมื่อตอนวันลอยกระทง” แพรวดาวเอ่ยเสริมแบบไม่ต้องคิดเมื่อนึกถึงเพลงของนักร้องคนโปรดพนักงานสาวหันมามองด้วยสายตาเป็นประกายยิ้มแย้มพลางบอกว่า

“ท่าทางคุณแพรวดาวเป็นคนอารมณ์ดีนะคะ”

“ก็เป็นบางครั้งนะ บางวันก็ดีบางวันก็ร้ายเอาแน่ไม่ได้ วันๆไม่ค่อยทำอะไรนอกจากน่ารักไปวันๆ”
สาวซิดนี่ย์คุยหน้าตาเฉยมาก แต่แล้วก็สะดุ้งทำหน้าสงสัยก่อนถามว่า

“เอ๊ะ...นี่ขวาน เอ้ย..ขวัญ แล้วเธอรู้จักชื่อฉันได้ยังไง”

“หนูศึกษาข้อมูลของแขกที่มาพักทุกคนค่ะ”

“อะไรกัน..พวกเราเพิ่งมานะ” สาวจันทร์เป็นฝ่ายร้องขึ้นบ้างด้วยความฉุกใจสงสัยเหมือนกัน “แล้วมารู้ข้อมูลพวกเราได้อย่างไร”

“พวกคุณก็เคยเป็นพนักงานอยู่ที่นี่ ก็ต้องมีข้อมูลเก่าๆเหลืออยู่สิคะ..อืม มาถึงห้องอาหารพอดี เชิญค่ะ”

ห้องอาหารแห่งนี้สองสาวคุ้นเคยเป็นอย่างดีสภาพของมันยังคงใกล้เคียงกับเมื่อหนึ่งปีก่อนในสภาพก่อนการถูกทำลายล้าง แสงไฟค่อนข้างสว่าง โต๊ะอาหารวางอย่างเป็นระเบียบมากมายหลายสิบโต๊ะ หากมีโต๊ะเดียวเท่านั้นจัดตกแต่งด้วยแจกันและดอกทิวลิปสีสวยพร้อมจานช้อนถ้วยชามถูกจัดเรียงรายเกือบสิบชุด
โรงแรมขนาดใหญ่แห่งนี้ ท่าทางจะมีแขกมางานมื้อเย็นไม่ถึงสิบคน

“มีคนจะมากินอาหารเย็นกับเราด้วย” สาวซิดนีย์ออกความเห็นเมื่อกวาดสายตาดูการจัดอุปกรณ์ในการกินบนรูปวงกลมขนาดโต๊ะใหญ่

“และมีมาไม่เกินสิบคน..อะไรกัน..ทั้งโรงแรมมีแขกแค่นี้เองเหรอ”

“ค่ะ..หนูขอตัวไปจัดเตรียมอาหารก่อนนะคะ”

ว่าพลางล่าถอยออกไปอย่างเรียบร้อย

“มันมีอะไรแปลกๆนะ” แพรวดาวว่า ขณะดึงแขนเพื่อนร่วมชะตากรรมนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ กัน “รู้สึกเหมือนพวกเราถูกเลือกมาเพื่อด้วยจุดประสงค์อะไรบางอย่าง”

“ใช่ค่ะพี่...หนูก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน วันนี้เจออะไรแปลกๆจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง”

“เจอแปลกๆเหรอ”

ค่ะ...จู่ๆ หนูก็ตกลงไปอยู่ในโลกสองมิติของแก้วน้ำกำลังจะดื่มน้ำ ก็โดนน้ำดื่มเข้าให้เสียเอง แล้วหลุดออกมาที่นี่ได้แบบงงๆ ที่สุด แล้วพี่กลับมานี่ได้ยังไงคะ”

“ฉันก็เจออะไรพิลึกๆเหมือนจันทร์นั่นล่ะ”
ฝืนยิ้มขณะเล่าให้อีกฝ่ายฟังอย่างคร่าวๆ “ จู่ๆ ฉันก็พบว่าในบ้านของฉันมีบานประตูซึ่งไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จักปรากฏขึ้น พอเข้ามาก็โผล่มาที่นี่เฉยเลย ก่อนหน้านั้นยังมีเรื่องประหลาดๆ อีกล่ะ....อยู่ดีๆ เมืองซิดนี่ย์ก็ประกาศบอกจะมีคลื่นมหายักษ์เข้าถล่ม แต่ทุกคนในเมืองกลับพากันเฉย สงบนิ่ง เหมือนไม่มีอะไรจะเกิดขึ้น มันทำให้ขนลุก”

“เราจะเจออะไรบ้างล่ะนี่” สาวจันทร์มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ไม่ว่าจะเจออะไร เราต้องมีสติ แล้วพวกเราก็จะผ่านไปได้”

“ค่ะ...ว่าแต่เราจะเจอปูย่างกระโดดได้ หรือกุ้งอบไล่กินคนเหมือนอย่างเคยไหมนะ”



-----


อรุสา สาวตุ๊กตาจ๋าพุ่งร่างออกมาจากบ้านอย่างสุดกำลังโดยไม่ลืมถือตุ๊กตาหมีติดมือออกมาด้วย ไม่สนใจมากนักว่าใครเป็นคนเปิดประตูบ้านให้ ตอนนี้ต้องการออกจากบ้านพิศวงให้ได้เท่านั้น พอหลุดออกมาได้ก็รู้สึกดีใจ แต่อาการดีใจนั้นก็ชะงักค้างคากะทันหัน

ความรู้สึกขณะผ่านประตูอันเปิดกว้างออกไปเหมือนพุ่งผ่านผนังไร้สภาพอันเยือกเย็นอย่างอธิบายไม่ถูก เหมือนหลุดไปในระหว่างรอยต่อของอะไรบางอย่าง นอกประตูนั้นไม่ใช่หน้าบ้าน ไม่มีสนามหญ้า ไม่เห็นรั้วบ้านอย่างควรจะเห็น ที่มองเห็นตอนนี้คือผนังสีขาวทั้งสี่ด้าน และแสงไฟจากด้านบน

เธอกำลังอยู่ในห้องๆ หนึ่ง

ห้องที่คุ้นๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่หลังจากพยายามตั้งสติ ก็พบว่าห้องนี้ทำให้รู้สึกคุ้นๆ ชอบกล...ใช่แล้ว มันคือห้องนอนที่เธอกับพวกเคยมาพัก....ห้องพักของ Psycho hotel นั่นเอง

เธอไม่ได้หนีออกมาจากบ้านอย่างที่ตั้งใจ เพียงหลุดออกมาอยู่ในห้องของโรงแรมนรกอีกครั้ง กลับมาอีกครั้ง เพื่อพบชะตากรรมอันไม่อาจคาดคิดอีกครั้ง

ลุกขึ้นมองซ้ายมองขวา มือยังอุ้มตุ๊กตายังชีพไว้แน่น  ไม่เข้าใจว่ากลับมาในโรงแรมนรกนี้ได้อย่างไร เมื่อเห็นห้องแล้วก็ให้นึกถึงเพื่อนร่วมชะตากรรมในครั้งก่อน....

.....เทียนสี สาวลูกครึ่งผู้มีภาวะความเป็นผู้นำของกลุ่ม

.....นางแบบยุคแรกของโลกผู้นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวแทบทั้งเรื่องโดยไม่ยอมหลุดเป็นน่าอัศจรรย์ อีกคนก็

.....แอนู สาวจอมสกายคิกผู้จะเผลอกระโดดเตะก้านคอคนง่ายๆ

แล้วอีกคนเป็นใครล่ะ พยายามทบทวนความทรงจำ ตอนนั้นเรามากัน 4 คนนี่นา....แล้วอีกคนหายไปไหน ทำไมนึกได้แค่ 3 คน

มีอะไรบางอย่างมาเล่นงานความทรงจำของเธอ?

หรือจะเป็นเพราะอาถรรพ์ของโรงแรมนรกแห่งนี้..?

มาด้วยกัน 4 คน อีกคนทำไมนึกไม่ออก....

ขณะยืนคิดอย่างงงันกับตัวเองและชีวิตอยู่กลางห้อง พลันมีเสียงดังลงมาจากด้านบนทำเอาสะดุ้ง
“อย่ามัวแต่ยืนคิด ไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงไปห้องอาหาร เสื้อผ้าอยู่ในตู้แล้ว”

อรุสาเงยหน้ามองหาแหล่งที่มาของเสียง แต่ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ มือประดิษฐ์อย่างเธอพอจะรู้ว่ามันจะต้องเป็นลำโพงขนาดเล็กมากและติดตั้งไว้เป็นอย่างดีและยากต่อการสังเกตเห็น แล้วอาจจะมีกล้องวงจรปิดด้วย

“เธอเป็นใคร”

ร้องถามด้วยความไม่พอใจ เพราะรู้สึกว่าถูกล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว ในห้องพักโรงแรมไม่ควรมีกล้องวงจรปิดหรือไมโครโฟนลอบดูลอบฟังอะไรทั้งนั้น

“เรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ทำตามที่ฉันบอกก็แล้วกัน”

“ถ้าไม่ทำตามล่ะ”

“ถ้าไม่มีอะไรมีมวลขนาดเท่ากับเธอออกจากห้องภายในสิบนาที ห้องนี้จะระเบิดทำลายตัวเอง เธอมีเวลาอาบน้ำแต่งตัวภายในสิบนาที”
“จะบ้าเหรอ...สิบนาที....เวลาแค่นั้นถอดเสื้อผ้ายังไม่ทันเลย”

“ไม่รู้ล่ะ...ปัญหาของเธอไม่ใช่ปัญหาของฉัน..เหลือเวลาเก้านาทีกว่าๆแล้วนะ”

“ยัยบ้า..”

ปากร้องด่าแต่ตัวพุ่งเข้าไปในห้องน้ำด้วยความเร็วแสง ส่วนจะถอดเสื้อผ้าด้วยความเร็วแสงหรือไม่ ก็ยากจะมีใครรู้ ระเบิดจะมีจริงหรือไม่ อย่างไรก็ไม่ควรเสี่ยง ที่นี่มีอะไรนอกเหนือความคาดคิดได้เสมอ

---------

ป้ายนีออนขนาดใหญ่ PSYCHO HOTEL ใหญ่ขึ้นทุกที แอนูรู้ตัวว่าจะพังประตูรถออกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ในเมื่อด้านนอกคืออวกาศ แต่น่าแปลกว่าในรถยังรู้สึกถึงแรงโน้มถ่วงของโลกอยู่ได้อย่างขัดทฤษฎีของนิวตัน ถ้าบริเวณนี้เป็นอวกาศจริงทำไมถึงยังมีแรงโน้มถ่วงของโลกอยู่

ไม่ต้องแปลกใจอะไรหรอกครับ” คนขับรถผู้ลึกลับเอ่ยปากขึ้นราวกับจะล่วงรู้ความคิด
“ตอนนี้รอยร้าวกาลอวกาศตำแหน่งเวลาอันผิดปกติขยายตัวออกไปทุกที อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ คุณเตรียมตัวลงจากรถได้แล้ว ไซโคโฮเทิล...ยินดีต้อนรับการกลับมา”

รถวิ่งผ่านทางเข้าสู่ลานจอดรถอันแทบจะว่างเปล่า ผิดกับเมื่อหนึ่งปีที่แล้วซึ่งพบว่ามีรถจอดอยู่เป็นจำนวนมาก ท้องฟ้า ด้านข้าง อาจรวมไปถึงด้านล่าง เป็นม่านสีดำ ประกายดาวไม่ได้ระยิบระยับอย่างที่คุ้นเคย
เหมือนกับว่าโรงแรมแห่งนี้ถูกตัดออกมาจากโลกแล้วมาวางให้ลอยอยู่ในอวกาศ

โชเฟอร์โส่ยนำรถเข้าจอดในลานจอดรถอย่างนิ่มนวล ลงจากรถ เดินอ้อมมาเปิดประตูให้ โค้งตัวผายมือบอกอย่างเรียบร้อย

“เชิญลงจากรถครับคุณผู้หญิง”

แอนูมองหน้าอย่างแค้นเคืองในการที่โชเฟอร์ตัวดีพาเธอกลับมายังโรงแรมนรกแห่งนี้ ทุกอย่างเหมือนมีการวางแผนล่วงหน้าเป็นขั้นตอนอย่างดีตั้งแต่แรก

“ไม่ลง...จะมีอะไรไหม”

โชเฟอร์โส่ยฟังแล้วหัวเราะอย่างคนใจเย็นบอกว่า

“ไม่ลงก็ได้ครับ แต่ว่าภายในสิบนาทีไม่มีอะไรซึ่งมีมวลมีปริมาตรเท่ากับคุณลงจากรถ รถจะระเบิดทำลายตัวเองทันที”

“มุกเก่ามากนะ.....ตั้งแต่สมัยเจมบอนด์พระเจ้าเหา”

หญิงสาวขบกรามกรอด แต่ยอมลงจากรถโดยดี เพราะรู้ว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ นายคนนี้ไม่มีทางพาส่งกลับบ้านแน่นอน มาถึงขั้นนี้แล้ว

“ค่าโดยสารครับคิดเป็นราคา 500 บาทขาดตัว”

โชเฟอร์โส่ยแบมือยื่นมาตรงหน้า

“อะไรนะ”

“ค่าโดยสารครับ”

“มันจะมากไปแล้วนะ” หญิงสาวขบกรามกรอดมองหน้าเหมือนจะกระโดดงับคอหอย “พามาส่งไม่ถูกที่ยังจะมาเก็บค่าโดยสารอีกมันจะเกินไปแล้ว”

“ไม่รู้ล่ะครับ ตามหลักสากล ผมต้องได้ค่าโดยสาร”

“ก็ได้ๆ...” แอนูยิ้มแค่นๆ พลางหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า “ตามหลักสากลจ่ายๆก็จ่าย เอาไป.....”

ว่าพลางวางเงินลงในมือซึ่งแบรอรับอยู่ข้างหน้า

“อะไรครับนี่มันสิบบาทเท่านั้นนะครับ” ชายหนุ่มโวยวายเมื่อเห็นเหรียญบาทสิบเหรียญวางอยู่ในมือ
“นั่นก็มากเกินพอแล้วย่ะ”

“ทำแบบนี้ได้ไงครับ...จากห้าร้อยเหลือสิบบาท”

“ไม่รู้ล่ะ..ฉันจ่ายตามหลักลูกทุ่ง..ดีนะไม่จ่ายตามหลักลำเซิ้งหรือเมทัล”

“ได้โปรดเถอะครับ....” น้ำเสียงของหนุ่มโชเฟอร์เปลี่ยนเป็นอ้อนวอนทันทีเมื่อเห็นท่าทางเอาจริงเอาจังของหญิงสาว

“ขอเพิ่มเป็นอีกหนึ่งบาทนะครับ จากสิบบาทเป็นสิบเอ็ดบาท  ตอนนี้บ้านผมน้ำท่วม สงสารผมเถอะครับ”

“ไม่..”

แอนูปฏิเสธอย่างโหดร้ายหันหลังออกก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังทางเข้าของโรงแรม ดูสิว่าจะมีอะไรรอคอยอยู่ ชายหนุ่มรีบเดินตามไปติดๆ และยังไม่ละความพยายาม

“งั้นผมขอลดหย่อนเป็นสิบบาทกับอีกเจ็ดสิบห้าสตางค์ก็ได้ครับ เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมอันดีงามระหว่างผู้โดยสารกับโชเฟอร์นะครับ....น่า..คุณจ่ายเพิ่มมาให้ผมอีก 75 สตางค์เท่านั้น..ทุกอย่างจบ”

“ฉันให้ได้เต็มที่อีกหนึ่งสลึง.รู้ไหมว่ามันหายากขนาดไหนเงินตั้งสามสลึงที่ขอมานั่น”

“โธ่...ตกลงเป็นสิบบาทกับห้าสิบสตางค์ก็ได้ครับ พบกันครึ่งทาง”

“ฉันไม่มีเหรียญ” หญิงสาวเริ่มเสียงอ่อนเมื่อเห็นอีกฝ่ายทุ่มเทแรงกายแรงใจขนาดนั้น

“ผมมี...ผมมี....ผมมีเหรียญเพียบ ถ้าคุณจะแลก ผมคิดค่าแลก 20บาทเท่านั้นครับ ถ้าคุณให้ผมอีกสองสลึงรวมกับค่าแลกเหรียญหักลบกันแล้วคุณจ่ายให้ผมอีก 19บาทกับอีก 50 สตางค์เท่านั้นครับ ถูกสุดๆ”

“อะไรกัน”

หญิงสาวฟังแล้วขึ้นเสียงทันที “ค่าแลกเหรียญอะไรแพงขนาดนั้น ฉันให้ค่าแลกเหรียญเต็มที่ 5 บาทเท่านั้น”

“ก็ได้ครับ..งั้นคุณจ่ายมาให้ผม 5 บาทกับอีก 50 สตางค์ ก็ได้ครับ”

“มันอะไรกันนี่”

ใช่...มันจะต้องมีอะไรผิดพลาด เรื่องแบบนี้มันไม่ถูกต้อง แต่เหมือนกับว่าแอนูคิดไม่ออกว่าเป็นเพราะอะไร บางทีอาจเป็นเพราะอาถรรพ์ของโรงแรมแห่งนี้

---

ดินสอสีน้ำ กาแฟเพิ่มซ็อต และกีวี่ บราวด์ สามสาวผู้หลงเข้ามาในแดนสนธยา จ้องมองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างสนใจ เพราะไม่มีทางออกจากห้องนี้ไปได้แล้ว ปริศนาหรือทางออกน่าจะอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้

หากหน้าจอของคอมพิวเตอร์ตัวเก่งตอนนี้กลับมืดดำราวกับว่าไม่ทำงาน ทั้งที่เมื่อครู่ยังทำงานเป็นปกติและมีข้อความแปลกๆ ให้เห็น  ทั้งสองสาวผู้มาเยือนโดยไม่ตั้งใจและกีวี่ บราวด์ ผู้พบว่าอยู่ดีๆ ห้องนอนของตัวเองก็กลายเป็นห้องนอนอยู่ในสถานที่แห่งใดก็ไม่รู้ ต่างพากันใจคอไม่ดีไปตามๆ กัน

ทันใดนั้นเอง หน้าจอก็สว่างวาบขึ้นมากะทันหันพร้อมกับข้อความทำให้ตาเบิกโพลง

“ออกจากห้องภายในเวลาสิบนาที ก่อนห้องจะระเบิดทำลายตัวเอง”

“บ้ากันใหญ่แล้ว นี่ห้องฉันนะ”

กีวี่ บราวด์โวยวายชี้ไม้ชี้มือ อยู่ดีๆ จะมาระเบิดห้องให้พังแบบไม่มีเหตุผล เป็นไปได้อย่างไรกัน

“ห้องของเธอที่ไหน ดูใหม่ให้ดี”

เสียงกังวานออกมาจากลำโพงคอมพิวเตอร์ น้ำเสียงเป็นเสียงของผู้หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ปัญหาคือเป็นเสียงของใครกัน ดินสอสีน้ำกับสาวกาแฟมองหน้ากัน เพราะคุ้นเคยกับเสียงนี้ดี เป็นเสียงแนะนำเส้นทางให้ทั้งสองจนมาถึงที่นี่ หากคราวนี้ไม่ได้ดังมาจากเพดาน  ออกมาจากตู้ลำโพงแทน

ทุกคนลุกขึ้นมองไปรอบๆห้องแล้วทำหน้าประหลาดใจไม่เข้าใจ สภาพห้องเปลี่ยนไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด มีเพียงคอมพิวเตอร์ยังคงเหมือนเดิม

“หนอย...” สาวกีวี่มองอย่างไม่พอใจ “อะไรๆ ก็เปลี่ยนหมด แต่ไม่ยอมอัพเกรดคอมพิวเตอร์ให้เรา”

“เหลือเวลาเก้านาทีแล้วนะ”

เสียงนั้นตอกย้ำมาอีก สามสาวเริ่มลังเล เพราะรู้ว่าข้างนอกห้องมีอันตรายรออยู่ มันเป็นหมอกอันเย็นยะเยียบสามารถแช่แข็งได้ในพริบตา

“ออกไปได้ไง..ข้างนอกอันตรายจะตาย” ดินสอสีน้ำลองหยั่งเชิงโดยการถามนำทางดู

“ไม่อันตรายแล้ว ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อครู่นี้”

“เธอเป็นใคร อยู่ไหน ทำไม ยังไง เมื่อไร”

“ไม่ต้องสนใจเรื่องนั้น เดี๋ยวก็รู้เอง เวลาเหลือน้อยลงไปทุกทีแล้วนะ"”

“เอาไงดีคะ” กาแฟมองหน้าทุกคนอย่างขอความเห็น

“ออกไปก็ออกไป” สาวดินสอตัดสินใจเด็ดขาดทันที “ยังไงอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้อะไร สู้ออกไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า”

ว่าพลางเดินไปจับลูกบิดประตูขยับมือหมุนไปมาแล้วหันมาบอกด้วยสีหน้าไม่เข้าใจว่า

“ประตูมันล็อคตาย”

สาวกาแฟมาลองเปิดดูบ้างก็พบว่ามันโดนปิดตายไปแล้วอย่างไม่น่าเชื่อ จนทำให้ร้องออกมาอย่างหงุดหงิด

“แล้วมาบอกให้เราออกไป แต่กลับมาปิดตายเราอีก จะเอาไงกันแน่”

หน้าจอปรากฏหน้ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วข้อความก็ปรากฏขึ้นว่า

‘คุณสามารถออกจากห้องไปได้ร้อยละร้อย’
กด 1 เพื่อยอมรับเงื่อนไข
กด 2 เพื่อปฏิเสธเงื่อนไข

“หนอย.....” สาวกีวี่แยกเขี้ยวร้อง
“แบบนี้มันมีทางเลือกทางเดียว ยังจะมาทำเป็นให้เลือกอีก คนบ้า.....”

ว่าพลางใช้ดรรชนีสายฟ้าจิ้มแป้น 1 ทันที



.........................

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 17:33:05




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com