ได้วันหยุดยาว เลยมีโอกาสมาโพสต่อเลยครับ
กีฏมนตรา บทที่ 13 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11244471/W11244471.html กีฏมนตรา บทที่ 11 -12 ครับ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11223433/W11223433.html
ขอบคุณกิฟต์ และความคิดเห็นจากเพื่อนๆทุกท่านครับ คุณยุ้ย Friday Story,คุณนุ้ย นารีจำศีล, คุณอินทรายุธ,คุณ Hermosa, คุณTravel to the moon, คุณไก่kdunagin,คุณ สวนใส, คุณเรียวรุ้ง,คุณ แก้วกังไส, คุณมน Setakan
น้องอิน : สาปพิษฐาน โดยโทนของเรื่อง ต้องใช้กลอนลักษณะแบบนี้ครับ เพื่อให้เห็นความยิ่งใหญ่และพลังของความแค้น ก็ยากไปอีกแบบครับ
คุณไก่ : ชีวิตบุรีน่าสงสารครับ และแรงขับในด้านลบก็สร้างตัวตนอีกแบบขึ้นมา
คุณสวนใส : เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ อย่าง " คำพิพากษา "ของคุณชาติ กอบจิตติ ก็เป็นตัวอย่างชัดเจนที่สุดที่สะท้อนปัญหาแบบนี้ผ่านรูปแบบนวนิยายเลยครับ
คุณแก้วกังไส : ความอับอายนำไปสู่ความพยาบาทครับ ตอนต่อไป บทบาทของบุรีจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ
คุณ scottie : อีกไม่นาน ชะตากรรมของมัทนียาก็จะมาถึงแล้วครับ
คุณมน : สงสัยผมต้องไปหาอ่านของนักเขียนท่านเหล่านั้นมั่งแล้วครับ หลังๆนี่ห่างเหินไปมากเลยครับ เมื่อก่อนจะอ่านงานกวีนิพนธ์ของคุณจินตนา ปิ่นเฉลียว ชอบกลอนยุคเก่าๆที่เน้นฉันลักษณ์ครับ แต่น่าแปลกที่กลับชอบ "มือนั้นสีขาว" ของอาจารย์ศักดิ์ศิริ มากเช่นกัน
บทอัศจรรย์ ผมเขียนไว้เรื่องเดียวครับ คือ "เหรียญนิรมิต" เริ่มก็ต้นก็ตามขนบของบทอัศจรรย์เลยครับ ถือโอกาสยกมาเขียนไว้ด้วยแล้วกันนะครับ ฉากนี้เป็นฉากรักระหว่างพระนางชากาเรท เอลดอร์ และ ขุนพลไอเบ็ค ครับ
อัศจรรย์ ครั่นครื้น พื้นพิภพ ฟุ้งตลบ ธุลิเลื่อน เกลื่อนเวหา หอบพายุ เหินหาย ในพริบตา ท้องนภา ก็กระจ่าง ดังกลางวัน ภุมริน บินระเรี่ย เคลียดอกไม้ กำซาบอาย อวลอาบ กำซาบฝัน โรยเรณู มธุรส ลงหยดพลัน ให้โลกลั่น เสพย์ซึ้ง ถึงวิญญาณ มวลมาลี ผลิบาน ตระการช่อ สายลมล้อ ระริกไหว ละไอหวาน ฝนพร่างฟ้า มาห่ม พรมบันดาล ถั่งสายธาร ฉ่ำชื่น ซาบผืนทราย เมื่อหัวใจ ต่อหัวใจ ได้บรรจบ สัมผัสพบ หัวใจรัก ที่หักหาย ให้รักรื่น คืนเรือน ไม่เคลื่อนคลาย สัมผัสกาย จึงร้อยรัด สัมผัสใจ
ต่อกีฏมนตรากันเลยนะครับ
จากคุณ |
:
สามปอยหลวง
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ต.ค. 54 18:43:39
|
|
|
|