Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ลิขิตรักธารามังกร บทที่ 1. ติดต่อทีมงาน

ความตาย...หนทางเลือกเพียงสายเดียวของผู้ไม่ต้องการตกเป็นเชลย

ดาบในมือหักสะบั้นเหลือเพียงครึ่ง...โลหิตยิ่งไหลชุ่มโชก...
ราตรีไร้เดือนดาว ความมืดจะช่วยให้หลบหนีได้อีกนานแค่ไหน...

มีดสั้นเล่มสุดท้ายซัดสังหารเหล่านักฆ่าได้อีกหนึ่ง ทว่าพวกมันที่เหลือยิ่งโหมรุกไล่ ดาบวาววับคมกริบห้าเล่มฟาดฟันจู่โจมจากทุกทิศทาง ปิดสกัดตัดทุกเส้นทางหลบหนีหมดสิ้น บีบไล่ต้อนให้ต้องถอยร่นกระทั่งประชิดติดลำน้ำกว้าง

แม้ตายจักไม่ยอมให้พวกมันได้ร่างไปใช้ประโยชน์!
เร็วเท่าชั่วความคิด...พริบตาทั้งร่างกลืนหายใต้สายธารายะเยือก

กาลเคลื่อนคล้อยสติรับรู้ค่อยๆ หลุดลอยเลือนหาย สัมปชัญญะดิ่งจมลึกพร้อมร่าง ความสงบอันเป็นนิรันดร์กำลังเอื้อมสัมผัสวิญญาณอย่างแช่มช้า

กาลเวลาคล้ายผ่านเนิ่นนานชั่วกัปกัลป์...

แต่แล้วในฉับพลัน ทั้งร่างกลับถูกดึงด้วยพลังแรงมหาศาล อึดใจเดียวย้อนละลิ่วขึ้นสู่ผิวน้ำ อากาศยามราตรีไหลทะลักเข้าเต็มปอดจนแทบสำลัก

ภายใต้สัมปชัญญะที่แทบขาดผึง จิตอันแข็งแกร่งยังพยายามดิ้นรนจนเฮือกสุดท้าย...ไม่ยอมตกเป็นเชลยเด็ดขาด...เข็มพิษซ่อนอยู่...

จิตใจแม้แข็งแกร่งเพียงใด แต่ร่างกายรับภาระจนเกินขีดจำกัด กระทั่งขยับเขยื้อนยกแขนยังแทบกระทำมิได้ ฤๅความดื้อรั้นเอาแต่ใจจักนำพาความล่มสลายสู่มหาอาณาจักร...

บัดนั้น หยาดน้ำใสราวไข่มุกไหลรินอาบสองแก้มนวล...
“เจ้าชาวประมงหากยังรักชีวิต รีบมอบสตรีนางนั้นให้กับเรา!”

นางสะดุ้งเฮือก โสตสดับประโยคนั้นถนัดชัด สติแทบฟื้นกลับคืนในบัดดล…นี่หมายความว่าอย่างไร นางมิได้ตกอยู่ในเงื้อมมือเหล่านักฆ่าหรือ...อย่างนั้นผู้ใดดึงนางขึ้นสู่ผิวน้ำ

เพลานี้ค่อยรู้ตัว ที่แท้มิได้ถูกช่วยเหลือขึ้นฝั่ง แต่กลับอยู่บนเรือลำน้อยลอยห่างฝั่งอักโข

สรรพางค์กายพลันฟื้นเรี่ยวแรงขึ้นเฮือกหนึ่ง เบือนหน้าพยายามเขม้นมองผู้ฉุดดึงขึ้นจากสายธารา ใต้ราตรีไร้เดือนดาว มิอาจเห็นใบหน้าใต้หมวกปีกกว้างถนัดชัด กระนั้นยังคาดคะเนจากไหล่กว้างใหญ่ เรี่ยวแรงอันมหาศาล รอยหนวดเคราครึ้มใต้คาง เสื้อผ้าอันมอซอและแหอวนบนเรือ บุรุษผู้นี้คงมิแคล้วเป็นชาวบ้านในละแวกนี้ออกล่องเรือหาปลาเลี้ยงชีพ

นางรวบรวมเรี่ยวแรงเอ่ยแผ่วเบา
“ใต้รองเท้าข้าพเจ้ามีเข็มเล่มหนึ่ง...ช่วยหยิบ...”

บุรุษร่างใหญ่คล้ายงงงันครู่หนึ่ง แล้วกลับพยักหน้าดั่งเข้าใจเจตนาของนาง มือใหญ่หนาถอดรองเท้านางออก คลำสัมผัสใต้รองเท้าแผ่วเบาครู่หนึ่ง ค่อยดึงเข็มขนาดเล็กเล่มหนึ่งออกมา

“รีบส่งเข็มให้ข้าพเจ้า...หลังจากนี้โยนร่างข้าพเจ้าลงน้ำ ส่วนเจ้ารีบหนีไป...”

บุรุษร่างใหญ่แค่นหัวร่อในลำคอ กลับซุกเก็บเหน็บเข็มไว้ที่สายรัดเอวของตน แววตาภายใต้ปีกหมวกกว้างเขม็งจ้องเหล่านักฆ่าบนฝั่ง พลันหัวร่อเต็มเสียง ลุกขึ้นถ่อเรือเต็มกำลังมุ่งทิศตรงไปยังฝั่งน้ำ

เมื่อเห็นเรือลำน้อยแล่นเข้าหาฝั่ง เหล่านักฆ่าทั้งห้าในชุดดำสนิทกลืนกับห้วงราตรี ต่างหัวร่อหึหึอย่างพึงพอใจ หนึ่งในนั้นยังเปล่งเสียงสำทับ

“เงินแท่งขาวๆ รออยู่ รีบเข้ามารับรางวัลของเจ้า”

เสียงหัวร่ออันชั่วร้ายกึกก้องริมฝั่งน้ำ จุดเพลิงโทสะนางจนพลุ่งพล่าน ครั้งนี้ไม่เพียงสืบไม่รู้ว่าใครเป็นไส้ศึก หนำซ้ำหากถูกจับกุมตัว...หากพวกมันรู้ว่าที่แท้กำลังไล่ล่าผู้ใด สถานการณ์จักเลวร้ายสุดคาดคิด!

แม้ร่างแหลกสลายเป็นผุยผงจักไม่ยอมตกเป็นเชลย!

นางตัดสินใจเดิมพันครั้งสุดท้าย เอ่ยแผ่วเบากับบุรุษร่างใหญ่
“เราคือ ‘เย่เข่ออ้าย’ ตราหยกประจำตัวอยู่ในสายรัดเอว รีบพาเราหนีไป หากเจ้าทำสำเร็จเมื่อกลับถึงเมืองหนานสุ่ย เราจะขอให้บิดาแต่งตั้งเจ้าเป็นขุนพล”

บุรุษร่างใหญ่ส่งเสียงประหลาดใจ รับฟังด้วยความงงงัน ถึงกับชะงักหยุดถ่อเรือ แววตาฉงนใต้หมวกปีกกว้างเขม้นสำรวจนางผู้อ้างว่าตนคือเย่เข่ออ้าย ธิดาคนเดียวของแม่ทัพใหญ่ผู้ไร้พ่าย ‘เย่ซือป้าย’ แห่งมหาอาณาจักรเทียนหมิง!

ร่างสูงใหญ่ย่อลงนั่งข้างกายนาง มือใหญ่หนาสัมผัสแผ่วเบาตรวจดูบาดแผลบนไหล่ซ้ายนาง จากนั้นฉีกชายแขนเสื้อตนเป็นทางยาว มัดพันปิดปากแผลอย่างแน่นหนา เสร็จสิ้นจึงเอื้อมมือไปยังสายรัดเอวของนาง หยิบหยกประดับขนาดเล็กกว่าใจกลางฝ่ามือเล็กน้อยชิ้นหนึ่งขึ้นพิจารณา

หยกเนื้อดีขาวนวลอมเขียว สลักรูปอาทิตย์ฉายรัศมีเจิดจรัสกลางหมู่เมฆา สัญลักษณ์เฉกเช่นเดียวกับธงประจำตัวแม่ทัพใหญ่เย่ซือป้าย บุรุษร่างใหญ่พิเคราะห์หยกในมือเพียงครู่ พลันผุดลุกขึ้นถ่อเรือมุ่งตรงไปยังฝั่งด้วยความเร็วยิ่งกว่าเดิม

นางผู้เรียกตัวเองว่าเย่เข่ออ้ายแค่นหัวร่อในลำคอ...เค้าพนันสุดท้ายจบสิ้นแล้ว
ขอแรงอีกเฮือกเดียว...ต้องกลิ้งร่างตกจากกราบเรือให้ได้!

บุรุษร่างใหญ่ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นนางดิ้นรนไปมา สุ้มเสียงทุ้มหนักเอ่ยขึ้นว่า
“นิ่งเฉยไว้ ข้าพเจ้ารับรองไม่ปล่อยให้เจ้าตกอยู่ในมือพวกมัน”

ประโยคนั้นคล้ายฟางเส้นสุดท้ายยื่นให้ยึดเกาะ เสี้ยวพริบตานางต้องตัดสินใจ สามารถเชื่อถือบุรุษผู้นี้ได้หรือไม่ เรือลำน้อยกำลังใกล้ฝั่งขึ้นทุกขณะ หากไม่คิดมอบนางให้เหล่านักฆ่า ไฉนจึงแล่นเรือเข้าฝั่งอย่างเร่งรีบเพียงนี้

บุรุษร่างใหญ่เจ้าของสุ้มเสียงทุ้มหนัก เอ่ยอีกประโยค
“เชื่อข้าพเจ้า...ชีวิตมีค่ายิ่ง…จำไว้อย่าทิ้งชีวิตตนเองเป็นอันขาด!”

นางนิ่งชะงักงัน หยุดดิ้นรนโดยพลัน ไม่ทราบเป็นเพราะสุ้มเสียงเปี่ยมความหนักแน่นจริงใจ หรือเพราะรอยหมองเศร้าอันแฝงเจือในน้ำเสียงนั้น ทว่ามีบางสิ่งในกระแสเสียงของบุรุษผู้นี้ กระตุ้นความไว้เนื้อเชื่อใจให้บังเกิดขึ้นในจิตใจของนางได้อย่างประหลาด

อย่าว่าแต่...ดิ้นรนไปก็ไร้ผล นางแทบไม่เหลือแรงจะขยับร่างแล้ว...
ไม่เคยคาดคิดเลยว่าชีวิตจะต้องตกอยู่ภายใต้การลิขิตของผู้อื่น…

เนื่องเพราะเสียโลหิตมิใช่น้อย ซ้ำยังหลบหนีการไล่ล่าแทบสิ้นเรี่ยวแรง ที่สุดสัมปชัญญะของนางก็ขาดผึงสติดับวูบก่อนเรือเข้าเทียบฝั่ง...


บุรุษร่างใหญ่ก้าวขึ้นจากเรือทันทีเมื่อเทียบฝั่ง รี่เดินตรงไปหาเหล่านักฆ่าทั้งห้า อากัปกิริยาคล้ายงกๆ เงิ่นๆ ดั่งกลัวๆ กล้าๆ หนึ่งในกลุ่มนักฆ่าล้วงหยิบถุงเงินยื่นให้ตรงหน้า ตวาดใส่

“รับเงินแล้วรีบไสหัวไป!”

บุรุษร่างใหญ่คล้ายก้มคำนับ ยื่นมือไปข้างหน้าคล้ายจะรับถุงเงิน แต่ในเสี้ยวพริบตาประกายดาบสั้นพลันวาบขึ้น แทงทะลุตัดขั้วหัวใจนักฆ่าตรงหน้า ท่ามกลางความตื่นตะลึงของเหล่านักฆ่าที่เหลือ ประกายดาบสั้นหมุนควงรวดเร็วปานจักรผัน จู่โจมตัดหลอดลมสี่นักฆ่าสะบั้นสิ้นในคราเดียว!

เสร็จสิ้นพลันเก็บดาบสั้นไว้ในแขนเสื้อ ดุจมิเคยนำมันออกมาใช้เลย...

บุรุษร่างใหญ่หยิบขวดเคลือบใบเล็กจากอกเสื้อ เทขวดหยิบยาสีดำเม็ดหนึ่ง ยัดใส่ปากนางผู้อ้างเป็นธิดาแม่ทัพ ทั้งพยุงนางขึ้นนั่งทาบฝ่ามือลงกลางหลัง ถ่ายทอดลมปราณใช้พลังชักนำตัวยาเข้าสู่กระแสเลือด เพียงครู่สีหน้านางเปลี่ยนจากขาวซีด ปรากฏเลือดฝาดขึ้นจางๆ ทั้งสติก็ค่อยๆ กลับคืนมา

บุรุษร่างใหญ่พยุงนางลุกขึ้น แบกร่างระหงขึ้นบนหลัง ทุ่มเทวิชาตัวเบาดุจเหยี่ยวราตรีเหินบิน เพียงครู่ก็ทิ้งสายน้ำกว้างไว้เบื้องหลังไกลลิบ


หลังได้รับถ่ายทอดลมปราณสตินางก็เริ่มฟื้นคืน ทว่าเมื่อได้สติกลับยิ่งแตกตื่นตึงเครียด บุรุษผู้นี้เป็นใครกัน! ไฉนสามารถใช้วิชาลมปราณช่วยพยุงชีวิตนางไว้ ซ้ำเมื่อครู่ขณะถูกแบกขึ้นบนหลัง นางยังเหลือบเห็นเหล่านักฆ่าฝีมือเยี่ยมทั้งห้า ทอดร่างกลายเป็นศพหมดสิ้น!

พลังฝีมือนางแม้ไม่อาจเทียบระดับขุนพลหรือราชองครักษ์กระบี่ทอง กระนั้นยังเหนือชั้นกว่าระดับองครักษ์ตำหนักนอก นักฆ่ากลุ่มนี้พลังฝีมือมิยิ่งหย่อนกว่านาง หนีรอดถึงริมฝั่งน้ำได้นับว่าโชคช่วยโดยแท้

บุรุษร่างใหญ่กลับสังหารพวกมันหมดสิ้นเพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว หนำซ้ำวิชาตัวเบาดุจเหินบินเยี่ยงนี้ ต้องมิด้อยกว่าเหล่าราชองครักษ์กระบี่ทอง!

นางฝืนความเจ็บปวด กัดฟันเอ่ยถาม
“ท่านที่แท้เป็นใคร...ต้องการอะไรจากข้าพเจ้า!”

ท่ามกลางความสงัดของราตรี สดับได้ยินเพียงเสียงร้องระงมของสรรพแมลงนานาชนิด ผสานสายลมหวีดหวิวกระโชกกิ่งใบต้นไม้ใหญ่น้อย เสียงกอหญ้าพลิ้วลู่เอนตามแรงลม คล้ายหมู่พฤกษาร่วมกันขับกล่อมลำนำ ทุกสรรพสำเนียงล้วนผนึกผสานกลบเสียงฝีเท้าอันเบากริบหมดสิ้น

เนิ่นนานหลังคำถามนั้น บุรุษร่างใหญ่ค่อยเอ่ยขึ้นว่า
“ข้าพเจ้า ‘หานอี้ซิน’ เป็นทหารในสังกัดท่านแม่ทัพใหญ่จูกัดจิ้น”

นางอุทานด้วยความตื่นตระหนก ทันใดสิ่งหนึ่งแวบเข้ามาในห้วงความคิด...แต่นั่นเป็นไปมิได้ นางส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อถือ ซ้ำโพล่งออกไปโดยไม่รู้ตัว

“หรือท่านคือ...แต่...นั่นเป็นไปมิได้...”

บุรุษผู้เรียกตัวเองว่าหานอี้ซิน แค่นหัวร่อในลำคอ เอ่ยน้ำเสียงประชดประชัน
“ที่เป็นไปมิได้...เพราะ ‘หน่วยพยัคฆ์คำรณ’ ของท่านแม่ทัพ ควรถูกสังหารหมดสิ้นแล้วใช่หรือไม่!”

นางอึกอักอ้ำอึ้ง สงครามมิเคยปรานีผู้ใด...ซ้ำไม่ว่าฝ่ายใดย่อมต้องการเป็นผู้กุมชัยชนะ…

ขอเพียงสามารถเข่นฆ่าทำลายฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซาก โบกสะบัดธงแห่งชัยชนะเหนือร่างไร้วิญญาณของอริราช ไม่ว่ากลยุทธ์ใดล้วนถูกนำมาใช้ทั้งสิ้น...

ยี่สิบห้าปีก่อน เจ้าครองแคว้นซีผิง นามว่า ‘เฉินเทียนหราน’ ผู้ครองดินแดนต้นลำน้ำเฮยหลง ทางทิศตะวันตกของมหาอาณาจักรเทียนหมิง นำกองทัพใหญ่ก่อการกบฏพิชิตดินแดนลุ่มแม่น้ำเฮยหลงไว้ได้ ภายในเวลาเพียงปีเดียวสามารถยึดครองพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมดของมหาอาณาจักร

ปีต่อมา เฉินเทียนหรานนำทัพบุกโจมตียึดดินแดนลุ่มแม่น้ำลู่หลง กองทัพขององค์ ‘จักรพรรดิว่านอู้’ ถูกตีแตกพ่ายถอยร่น ที่สุดพื้นที่ภาคกลางของมหาอาณาจักรถูกฝ่ายกบฏยึดครอง และในปีถัดมาเฉินเทียนหรานเคลื่อนทัพใหญ่ลงใต้หมายชิงดินแดนในลุ่มแม่น้ำจินหลง

คราครั้งนี้กองทัพขององค์จักรพรรดิผนึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เนื่องเพราะทราบว่าไม่มีที่ให้ถอยหนีอีกแล้ว เหล่าทหารกล้าสามารถต้านยันฝ่ายกบฏไว้ได้ถึงสองปี ทว่าในที่สุดทัพกบฏภายใต้การบัญชาการของแม่ทัพใหญ่จูกัดจิ้น ก็สามารถตี ‘เป่ยสุ่ย’ เมืองใหญ่อันเป็นฐานที่มั่นสำคัญบนลำน้ำจินหลงได้สำเร็จ

องค์จักรพรรดิ เชื้อพระวงศ์ เหล่าราชนิกุล บรรดาเสนาอำมาตย์ แม่ทัพ ขุนพล นายกอง ตลอดจนชาวบ้านชาวเมืองที่ล้วนจงรักภักดี ต่างอพยบหนีข้ามลำน้ำจินหลง จากนั้นสถาปนา ‘หนานสุ่ย’ เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ ต้านยันทัพกบฏ ณ อีกฟากฝั่งของลำน้ำจินหลง

ปีนี้เองเป็นปีที่นางถือกำเนิด...

แม้สามารถยันมิให้ฝ่ายกบฏข้ามลำน้ำอันกว้างใหญ่ได้เกือบปี แต่ยิ่งนานวันสถานการณ์ยิ่งส่อแววเพลี่ยงพล้ำ จูกัดจิ้นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายตรงข้ามชำนาญกลยุทธ์ เชี่ยวชาญการใช้ทหารดุจขุนพลสวรรค์ ไม่ว่าผู้ใดก็ดูออกไม่ช้าก็เร็วกองทัพกบฏต้องสามารถยึดลำน้ำจินหลงได้

...หากเวลานั้นมาถึง เมืองหนานสุ่ยย่อมไม่อาจรอดพ้นชะตากรรม ดินแดนมหาอาณาจักรอันกว้างใหญ่เหนือจรดใต้คลุมอาณาเขตสามลุ่มแม่น้ำใหญ่ ต้องตกเป็นของฝ่ายกบฏอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

ทว่าในห้วงเวลาคับขันเมื่อกาลล่มสลายใกล้เข้ามา วีรบุรุษผู้หนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้น...แม่ทัพใหญ่เย่ซือป้าย

นามของท่านแปลว่าพ่ายแพ้ แต่นับจากได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่เมื่อยี่สิบปีก่อน ท่านสามารถรุกรับต้านยันจูกัดจิ้นไว้ได้ กระทั่งกองทัพเรือฝ่ายกบฏไม่อาจเคลื่อนเข้าจู่โจม ยึดครองถึงบริเวณกลางลำน้ำจินหลงได้เลยสักครา ซ้ำหลายครั้งยังพลาดท่าถูกตีกลับสูญเสียมิใช่น้อย

กระนั้นทัพเรือของแม่ทัพใหญ่เย่ซือป้าย ก็มิอาจบุกยึดเมืองเป่ยสุ่ยกลับคืน เนื่องเพราะหน่วยพยัคฆ์คำรณกองกำลังที่กล้าแข็งที่สุดของจูกัดจิ้น สามารถป้องกันเมืองไว้ได้อย่างเข้มแข็ง ทั้งบุกตีรุกไล่จนแม่ทัพใหญ่เย่ซือป้ายต้องล่าถอยกลับขึ้นเรือ

เมื่อแม่ทัพใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมีฝีมือสูสีคู่คี่ กำลังทหารก็มิยิ่งหย่อนกว่ากัน ประการสำคัญดินแดนใต้ลำน้ำจินหลงแม้มีพื้นที่เพียงหนึ่งในสามของมหาอาณาจักร แต่ที่ราบลุ่มแม่น้ำจินหลงเป็นอู่ข้าวอู่น้ำสำคัญ อุดมสมบูรณ์ที่สุดในสามลุ่มน้ำ

เนื่องเพราะลุ่มแม่น้ำเฮยหลงและลู่หลง มักเกิดพิบัติอุทกภัยล้นฝั่งไหลท่วมบ้านเรือนสองฟากพังพินาศ ไร่นาพื้นที่การเกษตรเสียหายหมดสิ้น ดีที่ได้ผลผลิตจากที่ราบลุ่มแม่น้ำจินหลง ขนส่งลำเลียงเสบียงอาหารขึ้นสู่ภาคกลางและเหนือ เกื้อหนุนเจือจุนเหล่าประชาราษฎร์ที่เดือดร้อน

จินหลงลำน้ำสายยาวที่สุดของมหาอาณาจักร ทั้งไหลเชี่ยวกรากทั้งกว้างใหญ่ไพศาล การจะยกกองทัพข้ามลำน้ำเข้าโจมตีอีกฝ่ายย่อมกระทำได้ยากยิ่ง ภายในสภาวการณ์เช่นนี้จึงบังเกิดเป็นสภาพ กบฏทางเหนือก็มิอาจยกทัพข้ามลำน้ำยึดพื้นที่เพิ่มเติม กองทัพองค์จักรพรรดิก็มิอาจยกขึ้นเหนือชิงดินแดนที่เสียไปกลับคืน

นับสิบปี...ภายใต้การศึกยืดเยื้อผลัดกันเป็นฝ่ายรุกรับ ที่สุดมหาอาณาจักรเทียนหมิงจึงถูกแบ่งเป็นสองส่วน ดินแดนสองในสามเดิมซึ่งอยู่เหนือลำน้ำจินหลงขึ้นไป ก่อตั้งเป็น ‘อาณาจักรต้าผิง’ เฉินเทียนหรานสถาปนาตนขึ้นเป็น ‘จักรพรรดิหลี่เสี่ยง’ ส่วนดินแดนหนึ่งส่วนที่เหลือซึ่งอยู่ใต้ลำน้ำจินหลง ยังคงเป็นอาณาจักรเทียนหมิงปกครองโดยองค์จักรพรรดิว่านอู้

สงครามต่อเนื่องยาวนานคร่าชีวิตเหล่าทหาร อาณาประชาราษฎร์สุดคณานับ เมื่อไม่อาจเอาชนะด้วยกำลังรบ กลอุบายทุกชนิดจึงถูกนำมาใช้...

ห้าปีก่อน แผนซื้อตัวสร้างไส้ศึกขององค์จักรพรรดิว่านอู้เป็นผลสำเร็จ เฉินเทียนหรานเกิดระแวงว่าแม่ทัพใหญ่จูกัดจิ้นคิดชิงบัลลังก์ จึงส่งป้ายทองอาญาสิทธิ์เรียกตัวเข้าเมืองหลวง ทั้งยังลวงหน่วยพยัคฆ์คำรณออกจากเมืองเป่ยสุ่ย จูกัดจิ้นถูกประหารโดยไม่ไต่สวน หน่วยพยัคฆ์คำรณยิ่งเผชิญชะตากรรมอันน่าอนาถ ทหารกล้าผู้ภักดีถูกลวงเข้าสู่ช่องเขาประตูสวรรค์ จากนั้นถูกระดมยิงด้วยธนูเพลิงจากทุกทิศทางล่มสลายหมดสิ้น...

นางทบทวนเรื่องราว พลางครุ่นคิดด้วยความไม่เชื่อถือ ข่าวจากสายลับทุกหน่วยเมื่อห้าปีก่อนระบุตรงกัน ไม่มีผู้ใดในหน่วยพยัคฆ์คำรณรอดชีวิตจากช่องเขาแห่งนั้น

อย่างนั้นเหตุใดบุรุษผู้นี้จึงแอบอ้างเช่นนี้...หานอี้ซินใช่ชื่อปลอมหรือไม่
ทำไมดึกดื่นค่อนคืนบุรุษร่างใหญ่จึงลอยเรือกลางลำน้ำกว้าง...
เหตุใดต้องยื่นมือช่วยเหลือนาง…ทำไมต้องทุ่มเทพานางหลบหนี...

บาดแผลยิ่งมายิ่งปวดแปลบกว่าเดิม ศีรษะมึนงงซ้ำปวดแทบระเบิด นางกัดฟันถามซ้ำประโยคเดิม
“ท่านต้องการอะไรจากข้าพเจ้า!”

แม้ทุ่มเทใช้วิชาตัวเบาเนิ่นนาน ซ้ำยังแบกนางไว้บนหลัง แต่ลมหายใจของหานอี้ซินยังเป็นปกติ ไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อยหรือหายใจติดขัด น้ำเสียงยังราบเรียบเช่นเดิม

“ท่านรับปากจะขอให้บิดาแต่งตั้งข้าพเจ้าเป็นขุนพล ลืมแล้วหรือ”

นางย่อมไม่ลืม แต่นี่เป็นความต้องการแท้จริงของบุรุษผู้นี้หรือ...
สัญชาตญาณเมื่ออยู่บนเรือเรียกให้นางเชื่อถือบุรุษผู้นี้...

ทว่ายามนี้ความรู้สึกเช่นนั้นกลับสลายหมดสิ้น พลังฝีมือของหานอี้ซินสูงเยี่ยมเกินไป พฤติกรรมแปลกประหลาดเกินไป ประวัติความเป็นมายิ่งดำมืดดั่งหมอกควัน...เรื่องราวคืนนี้ประจวบเหมาะเกินไป

หานอี้ซินไฉนยื่นมือเข้าช่วยเหลือนางทันท่วงที…
บุรุษร่างใหญ่ลอยเรือกลางลำน้ำทำไม...กำลังรอผู้ใดใช่หรือไม่
หรือทั้งหมดเป็นแผนประการหนึ่งเพื่อล่อนางเข้าสู่กับดัก!

บัดนั้น แม้เจ็บปวดบาดแผลยิ่ง นางกลับคลี่รอยยิ้ม คืนนี้นางสมควรถูกเหล่านักฆ่าสังหาร หาไม่ก็ต้องตกเป็นเชลย แต่จู่ๆ หานอี้ซินกลับปรากฏตัวเข้าช่วยเหลือ เรื่องบังเอิญเช่นนี้เกิดขึ้นได้เพียงเหตุผลเดียว

บุรุษร่างใหญ่กำลังรอคอยบางสิ่งอยู่กลางลำน้ำ...ไม่ว่าสิ่งนั้นจะใช่นางหรือไม่ก็ตาม

มิว่านี่จะเป็นแผนการหรือกับดัก ไม่ว่าหานอี้ซินจะมีส่วนเกี่ยวข้องในทางใด นางกลับมั่นใจยิ่งว่าจะมากจะน้อย บุรุษร่างใหญ่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่นางกำลังสืบหาเบาะแสอย่างแน่นอน

ครานี้เป็นโอกาสอันดีของนางแล้ว ก็ได้...นางจะเล่นหมากกระดานนี้สักครา...

น้ำเสียงนางแม้แผ่วเบาเนื่องเพราะเจ็บปวด แต่แฝงความหนักแน่นเปี่ยมล้น
“ข้าพเจ้าไม่ลืมสัญญา กลับถึงหนานสุ่ยจะขอให้บิดาแต่งตั้งท่านเป็นขุนพล...แต่ ข้าพเจ้ายังไม่คิดกลับหนานสุ่ยในเวลานี้…”

จริงดังคาด...หลังรับฟังประโยคนี้ การเคลื่อนไหวของหานอี้ซินคล้ายเชื่องช้าลง ดั่งกำลังขบคิดบางสิ่ง แต่เพียงครู่บุรุษร่างใหญ่ก็เอ่ยขึ้นว่า

“ตกลง ธิดาแม่ทัพจู่ๆ ปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้ ย่อมมิใช่เรื่องปกติ ไม่ว่าท่านมีภารกิจอันใด ข้าพเจ้าจะคุ้มครองท่านจนกลับเมืองหนานสุ่ย”

นางส่งเสียงอืมในลำคอ อดถามขึ้นมิได้
“ท่านคิดสังกัดกองทัพเราจริงหรือ...”

“หากท่านเคยถูกผู้ที่ไว้วางใจที่สุดทรยศ ท่านจะไม่ตั้งคำถามว่าเหตุใดข้าพเจ้าจึงคิดแปรพักตร์!”

หากเป็นนางก็คงกระทำเช่นเดียวกัน...วาจานี้นางมิได้เอ่ยออกไป

หานอี้ซินชะลอฝีเท้า กระทั่งหยุดยั้งยืนนิ่ง หันไปเอ่ยกับนาง
“หากภารกิจของท่านมิใช่เรื่องเร่งด่วน ภายในสองสามวันนี้ท่านควรพักผ่อน รอจนบาดแผลเริ่มสมานค่อยออกเดินทาง”

นางขมวดคิ้วมุ่น เห็นว่าเรื่องนี้ยุ่งยากเกินไป
“ละแวกนี้จะหาสถานที่ปลอดภัยได้ที่ไหน อย่าว่าแต่บาดแผลเพียง...”

หานอี้ซินแทรกตัดบทอีกครั้ง
“ข้าพเจ้ามีสถานที่ปลอดภัย บาดแผลท่านลึกยิ่ง หากไม่รีบรักษาแขนข้างนั้นอาจพิการได้”

“เฮอะ ท่านกล่าวเกินจริงไปแล้ว”

หานอี้ซินทอดถอนใจ เหนื่อยหน่ายความดื้อรั้นของนาง
“เวลานี้อาการท่านทุเลาลง สามารถครองสติได้เพราะยาของข้าพเจ้า...ท่านพักผ่อนเถอะ เมื่อตื่นขึ้นพวกเราจะอยู่ในสถานที่ปลอดภัย”

นางได้แต่ส่งเสียงอืมรับคำ ไม่อาจฝืนประคองสติต่อไป รับฟังสิ้นประโยคก็ฟุบหลับบนไหล่กว้างใหญ่...

จากคุณ : big pigdaddy
เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 54 07:50:48




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com