บทที่ 3
บนโต๊ะอาหารตอนค่ำ สองครอบครัวผู้พี่พันรบกับผู้น้องพันเดชมารับประทานอาหารร่วมกันที่บ้านไร่กรุ่นกลิ่นอายรีสอร์ตของพันเดช ซึ่งสำหรับวนาสณฑ์แล้วเขารู้สึกว่าเป็นการพบปะระหว่างครอบครัวที่เติมกำลังใจให้ทุกฝ่ายได้เป็นอย่างดีทีเดียว
เสียดายนะ ขาดหนูฝากฟ้าอีกคน นี่ถ้ามากันพร้อมหน้า คงจะดีกว่านี้
พันเดชเปรยขึ้นขณะที่พรจันทร์ช่วยแม่บ้านลำเลียงจานอาหารมาวางบนโต๊ะ
นั่นสิ ป่านนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง ชักคิดถึงเหมือนกันนะนี่ พันรบเสริม
รอยยิ้มของพรจันทร์ผุดขึ้นเมื่อเห็นสองพี่น้องเอ่ยถึงบุตรสาวจึงเอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า ปลาโทรไปหาลูกแล้วค่ะเมื่อตอนเย็น เห็นบอกว่าช่วงนี้กำลังเตรียมสอบอยู่ แต่ดีหน่อยที่รับน้องเสร็จแล้วเลยไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่เพราะมีเวลาอ่านหนังสือเต็มที่
ก็ดีแล้ว...ไม่เหมือนคณะที่นายสนเรียน รายนี้กว่าจะรับน้องเล่นเป็นปี
พันรบนึกได้เลยแขวะบุตรชายของตัวเองบ้าง แต่เพราะความขัดแย้งถูกเวลากลบกลืนไปจนเกือบหมด ประกอบกับหน้าที่การงานของวนาสณฑ์มั่นคง และมุ่งมั่นยืนหยัดด้วยอุดมการณ์ของการอนุรักษ์ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคนที่สำคัญในการกำหนดทิศทางความเป็นไปในด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ บรรยากาศหลังประโยคนั้นสิ้นสุดจึงไม่เคร่งเครียดเหมือนเมื่อครั้งวนาสณฑ์ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย
เขาเรียกว่ารับน้องแบบเข้มข้นไงครับพี่รบ พันเดชแซว
พันรบทำเสียงหนึ่งในลำคอ เบ้ปาก เข้มข้นเพื่อให้ได้อะไรล่ะ มีแต่จะเสียเวลาเรียนล่ะไม่ว่า
จริงหรือเปล่าล่ะสน พันเดชหันไปถามหลานชายคนโปรด
อะไรเหรอครับอาเดช ชายหนุ่มอ่อนวัยที่สุดในโต๊ะทำเป็นไม่เข้าใจและทำทีเป็นถามกลับผู้เป็นอา
ก็มัวแต่ร่วมกิจกรรมรับน้องตอนอยู่ปีหนึ่งจนการเรียนตกไง
ชายหนุ่มส่ายหน้ายิ้มๆ ก็เป็นธรรมดาครับ แต่ช่วงปรับตัวจากการเรียนระดับมัธยมเป็นมหาวิทยาลัยก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ทำไมอาเดชไม่ลองถามลูกสาวดูว่าเข้าเรียนปีหนึ่งเป็นยังไงบ้าง คงไม่ต่างกันนักหรอก
โฮ้ย...ไม่ต้องเอาตัวเองไปเทียบกับหนูฝากฟ้าหรอก รายนั้นเขาเก่งอยู่แล้ว พันรบทำเสียงสูง ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ หันไปพูดกับพรจันทร์ เออ...จริงสิ พูดถึงหนูฝากฟ้าแล้ว นายสนเขาจะเข้ากรุงเทพฯ มีอะไรก็ฝากไปได้นี่น้องปลา
สนจะเข้ากรุงเทพฯ เหรอคะ พรจันทร์หันมาถามพี่ชายของสามีแทนเมื่อเห็นร่างสูงของวนาสณฑ์เดินหายเข้าไปในบ้าน
ใช่แล้ว เห็นว่าจะไปประชุมที่กรม
คนที่ถูกพูดถึงปล่อยให้ผู้สูงวัยกว่าพูดคุยกันไปส่วนตนเองเดินเขาไปในห้องนั่งเล่นเพื่อหยิบเบียร์ แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับภาพในกรอบแบบเก๋ไก๋ซึ่งวางบนโต๊ะไม้ เขาหยุดกึกและก้มหน้านิดหนึ่งเพื่อมองภาพสาวน้อยวัยใสในชุดนิสิตให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
คนในภาพยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มสองข้าง ยิ้มที่ทำให้ดวงหน้าของคนในภาพกระจ่างใสและสวยหวานตรึงตา
นี่หรือ ฝากฟ้า ลูกสาวของอาปลา
มิน่าล่ะพ่อเขาถึงบอกว่าอาพันเดชหวงยังกับเป็นลูกของตัวเอง
วนาสณฑ์คลี่ยิ้มที่ริมฝีปาก คงเป็นเพราะอาพันเดชไม่มีลูกที่เกิดกับภรรยาเก่าซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งด้วยกระมังถึงได้หวงมาก แต่สาเหตุหนึ่งเขาเชื่อว่าคงเป็นเพราะสาวน้อยคนนี้สวยมีเสน่ห์ดูน่ารักน่าหลงใหลเสียมากกว่า
ก็ขนาดเขายังจ้องดูรูปไม่วางตาและไม่วางมือนี่นา
ชายหนุ่มตำหนิตัวเองที่เพ้อไปเรื่อยเปื่อย ขนาดหยิบรูปขึ้นมาตอนไหนยังไม่รู้ตัวและยังคิดไปว่าหากเขาได้รับรอยยิ้มจากเธอคนนี้จะทำให้ตาพร่าพรายเพียงใด เขารีบวางกรอบรูปลงตามเดิม มองภาพนั้นชั่วอึดใจก่อนจะเดินไปสมทบกับทุกคนที่โต๊ะอาหาร พรจันทร์เอ่ยขึ้นหลังจากร่างสูงทรุดตัวลงนั่ง
ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป อาฝากของไปให้น้องเขาหน่อยได้ไหมจ๊ะสน อาจะฝากน้ำพริกหนุ่มกับแคบหมูไปให้น้องเขาหน่อย เห็นบอกว่าซื้อกินที่โน่นไม่อร่อยเพราะว่าเขาใส่สารกันบูด
ประโยคที่เอ่ยติดจะเกรงใจเหมือนมีใครหยิกให้เขาตื่นจากความฝันอันบรรเจิด ภาพหญิงสาวในชุดนิสิตทำให้เขารับปากอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก
ได้ครับอาปลา แต่ว่าอาปลาต้องทำเผื่อผมด้วยนะครับ ฝีมือแม่บ้านที่อุทยานไม่ได้เรื่องเลย เขาตั้งเงื่อนไข พลางรินเบียร์ใส่แก้ว
ไม่มีปัญหาจ้ะ เดี๋ยวอาจะทำเผื่อเยอะๆ เลย
สงเคราะห์มันหน่อยก็ดี อยู่ป่าอยู่ดงคงขาดแคลนของกิน เสียงพันรบแขวะขึ้นพลางปรายตามองบุตรชายอย่างไม่ชอบใจนักก่อนจะพยักหน้านิดหนึ่งแล้วพูดว่า
แต่สงสัยว่าจะไม่ขาดแคลนอยู่อย่างเดียวคือเหล้ากับเบียร์ ใช่ไหมนายสน
ชายหนุ่มอ่อนวัยไม่โต้ตอบเพราะรู้ดีว่าที่บิดาพูดมาเป็นจริง เพราะไม่ว่าหน่วยงานที่เขาทำอยู่หรือหน่วยงานป่าไม้อื่นจะกันดารแค่ไหน แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ยังหาซื้อได้ง่ายกว่าอาหารสดจำพวกหมู เห็ด เป็ด ไก่ เสียอีก และที่เขาไม่ตอบโต้เพราะความจริงแล้วเขาอยากจะรู้อะไรเกี่ยวกับใครคนหนึ่งมากกว่า
จริงสิครับ แล้วผมจะเอาของฝากไปให้น้องเขาได้ยังไงในเมื่อผมจำหน้าน้องไม่ได้แล้ว ตอนที่เจอกันยังตัวกะเปี๊ยกเดียวเอง พักอยู่หอนอกหรือหอในก็ยังไม่รู้
พรจันทร์หัวเราะเก้อๆ จริงสิจ๊ะ อาก็ลืมไปเลย เดี๋ยวอาเอาเบอร์โทรให้จ้ะ ฝากฝันเขาพักอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย สนเคยเรียนที่นั่นคงจะรู้จัก
ไม่ได้สิครับอาปลา ได้แต่เบอร์โทร แต่ไม่เห็นหน้าเดี๋ยวทักผิดคนล่ะก็หน้าแตกกันพอดี เขาแกล้งเฉไฉไปอีก เพื่อตะล่อมให้เข้าเป้าหมายที่วางไว้
เรื่องมากนักก็เอารูปหนูฝากฟ้าให้มันเลยปลา พันรบแทรกขึ้นเพราะรำคาญความเรื่องมากของบุตรชาย
ความคิดดีเลยครับพ่อ
นี่แหละเป้าหมายที่เขาต้องการ รอยยิ้มถูกเก็บไว้อย่างมิดชิด
จริงด้วยสิคะ เดี๋ยวอาไปหยิบมาให้จ้ะ
เมื่อพรจันทร์ยื่นรูปภาพขนาดเล็กมาให้หลังจากหายไปได้ประมาณห้านาที วนาสณฑ์ก็ยกขึ้นมองนิดหนึ่ง ทำเป็นไม่ใส่ใจแล้วหย่อนลงกระเป๋าเสื้อ จากนั้นจึงหยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาจิบต่อ ในขณะที่คนอื่นเริ่มกินอาหารแล้ว
ระวังอย่าเผลอใส่ไว้ในกระเป๋าเงินจนลืมล่ะ เดี๋ยวแฟนสาวตัวจริงมาเห็นเข้าจะเข้าใจผิดกันเปล่าๆ เสียเวลาอธิบายอีก พันเดชเย้าหลานชาย
ชายหนุ่มอ่อนวัยหัวเราะในลำคอ ตอบด้วยน้ำเสียงสบายใจว่า
ตอนนี้ผมไม่มีปัญหาเรื่องนั้นหรอกครับอาเดช เพราะแฟนขี้หึงเจ้าอารมณ์เพิ่งเลิกกันกับผมไปไม่นานนี้เองเพราะมาค้นกระเป๋าเงินผมแล้วเห็นผมพกรูปแม่สมัยสาวๆ ไว้
ตายแล้ว แล้วทำไมไม่อธิบายล่ะจ๊ะ น่าตีนักเชียวสนนี่ พรจันทร์ทำหน้าดุใส่หลานชายคนโปรดของสามี ความอ่อนโยนในหัวใจและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นทำให้เข้าใจลูกผู้หญิงด้วยกัน
เพราะนายสนอยากเลิกไงล่ะจ๊ะปลา ถ้าอธิบายก็ไม่ได้เลิกน่ะสิ
พันเดชบอกภรรยาเพราะมองตาหลานชายก็มองทะลุไปถึงความคิด ก็จะไม่รู้ได้ยังไงกันในเมื่อคนบอกว่าเพิ่งเลิกกับแฟน แต่ไม่มีวี่แววของความเสียใจเลยแม้แต่วูบเดียว ในขณะที่หลานชายก็หลิ่วตาให้อาอย่างรู้กัน
********************
วนาสณฑ์วางรูปภาพพร้อมกระดาษจดเบอร์โทรลงบนหมอนก่อนจะแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตโดยที่สายตาไม่ละจากภาพใบนั้น พอเหวี่ยงเสื้อลงตะกร้าก็ยืนเท้าสะเอวมองรูปนิ่งอยู่ด้วยประกายตาพราวระยับ อึดใจจึงได้หมุนตัวสาวเท้าไปยังตู้เสื้อผ้า ดึงเอาผ้าขนหนูออกมาพันกายแล้วถอดกางเกงออกก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี
เมื่อออกมาก็เปลี่ยนชุดเรียบร้อยเดินมาล้มตัวนอนบนเตียง หยิบภาพขึ้นมาดูตามด้วยกระดาษเบอร์โทร รอยยิ้มจุดตรงริมฝีปาก มือควานหามือถือขึ้นมากดตามหมายเลขที่ได้มา ขมวดคิ้วลังเลใจที่จะโทรออก รู้สึกขัดเขินราวกับเป็นหนุ่มน้อยริรักทั้งที่เคยมีแฟนมาแล้วก็หลายคน สุดท้ายจึงถอนใจและทำได้เพียงบันทึกเบอร์ไว้ในมือถือ
การตามหานิสิตซึ่งพักในหอพักหญิงของมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องยาก ไปถึงโน่นค่อยว่ากัน เขาสรุป
ก่อนนอนคืนนั้น ภาพของฝากฟ้าได้ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเงินของวนาสณฑ์ในช่องที่ค้นหาได้ง่าย หลังจากที่เจ้าของกระเป๋าจดจำหน้าตาคนในรูปภาพได้จนขึ้นใจแล้ว
ที่กรุงเทพฯ การประชุมหาแนวทางผลักดันชาวเขาที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูผาชันจบลงโดยที่ผู้เกี่ยวข้องได้รับนโยบายจากจากข้าราชการระดับสูงกันทุกฝ่ายตามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดของผู้เข้าร่วมประชุมหลายคน
วนาสณฑ์อยู่คุยกับเพื่อนและถูกชักชวนให้ไปงานรับน้องที่คณะเดิมซึ่งเคยศึกษาอยู่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขายังไม่รับปากเพื่อนนอกจากคุยกันจนหายคิดถึงแล้วจึงขับรถตรงไปที่หอพักของมหาวิทยาลัยในเวลาใกล้มืด
เจ้าหน้าที่หญิงซึ่งนั่งประจำอยู่ในป้อมยามทางเข้าหอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มร่างสูงอย่างสนใจ
ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะกดเบอร์โฟนติดต่อภายในหอพักซึ่งติดตั้งไว้ให้ความสะดวกกับบุคคลภายนอกที่มาพบ แต่คำตอบที่ได้รับจากปลายสายทำให้เขายักไหล่
ฝากฟ้ายังไม่กลับค่ะ
ยังไม่กลับ สงสัยคงต้องพึ่งบริการมือถือเสียแล้ว
ไวเท่าความคิดเหมือนกับรอเวลานี้อยู่แล้ว มือถือจึงถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงหลังจากเดินออกมายืนตรงศาลาหน้าหอพัก แต่ยังไม่ทันได้กดหมายเลขมือก็ต้องชะงักค้างเมื่อเหลือบไปเห็นนักศึกษาชายหญิงเดินเคียงคู่กันมาตามถนนตรงมายังศาลาที่เขายืนอยู่อย่างเชื่องช้า
ทั้งสองหยุดยืนข้างเสาศาลาและพูดคุยกันต่อคล้ายกับไม่ต้องการจะจากกันง่ายๆ
อาพันเดชกับอาปลาจะว่ายังไงนะถ้ารู้ว่าลูกสาวมีแฟนเสียแล้ว
วนาสณฑ์นึกอย่างขวางๆ บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงได้ไม่ชอบใจกับภาพที่เห็น แถมใจยังโหวงๆ พิกล และอาการที่บอกตัวเองไม่ถูกทำให้สมองสั่งการให้เดินไปเปิดประตูรถยนต์คว้าเอากล่องใส่น้ำพริกกับแคบหมูออกมา ปรายตาไปยังสองหนุ่มสาวนิดหนึ่งแล้วจึงเดินตรงไปยังป้อมยามบอกกับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงว่า
ผมฝากของไว้ให้คุณฝากฟ้า พิมพกานต์ ห้องสี่ศูนย์ห้าตึกนี้ด้วยนะครับ บอกพร้อมกับชี้ไปยังตึกพักซึ่งอยู่หน้าสุด
ได้ค่ะ
ขอบคุณครับ
ก่อนขับรถออกมาชายหนุ่มเหลือบไปมองหนุ่มสาวในชุดนิสิตอีกครั้ง คราวนี้ทันได้เห็นมือของลูกสาวคนสวยของอาปลากับอาพันเดชจับอยู่กับมือหนุ่มคนเดิม ภาพนั้นทำเอาเขาปล่อยคลัตช์จนรถกระตุก พอได้ยินเสียงเรียกเข้าของมือถือสติจึงกลับมา
ว่าไงกานต์
ตกลงเย็นนี้ไปงานรับน้องไหมวะเพื่อน จะได้นัดเจอกัน
วนาสณฑ์หยุดคิดนิดหนึ่งก่อนจะบอกแบบไร้อารมณ์ว่า
เดี๋ยวจะโทรกลับไปบอกอีกทีก็แล้วกันว่าจะเอายังไง ตอนนี้ขับรถอยู่
**********************
ฝากฟ้าไขห้องพักเข้ามาเพราะทั้งเพื่อนๆ และพี่ห้องยังไม่มีใครกลับ เธอวางกล่องน้ำพริกกับแคบหมูบนชั้นวางของ พลางมองมันนิ่งอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ตอนเช้าของวันนี้ มารดาเธอโทรมาบอกว่าพี่สนจะเอาน้ำพริกมาให้ด้วยตัวเอง ข่าวที่ได้รู้ทำให้เธอตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แต่การได้รับข้าวของพวกนี้จากเจ้าหน้าที่ตรงป้อมยามแทนที่จะเป็นพี่ชายตัวสูงทำให้เธอเกิดอาการผิดหวัง
เขาเพิ่งกลับไปไม่ถึงห้านาทีนี้เองค่ะ
คำพูดที่เจ้าหน้าที่ตรงป้อมยามบอกยิ่งทำให้เธอแปลกใจ จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไงในเมื่อมารดาเธอบอกว่าได้เอารูปเธอให้เขาดูแล้ว เจอหน้ากันเมื่อไหร่ยังไงก็ต้องต้องรู้จัก และในช่วงเวลาห้านาทีที่เจ้าหน้าที่บอกนั้นเธอกำลังยืนคุยกับทิวาเพื่อนชายคนสนิท นั่นก็แสดงว่าชายร่างสูงซึ่งยืนอยู่เพียงคนเดียวในศาลาน่าจะเป็นพี่สน แต่ทำไมเขาไม่เข้าไปหาเธอและเอาของให้กับมือเล่า
ไม่เข้าใจจริงๆ มีธุระด่วนก็น่าจะโทรบอกก่อน เธอหรืออุตส่าห์รอโทรศัพท์และนึกว่าจะได้เห็นหน้า
หากชายคนนั้นเป็นพี่สนจริงๆ ก็แสดงว่าเขาเปลี่ยนไปมากทีเดียว แม้จะเห็นเพียงแวบเดียวแต่ก็เห็นว่าเรือนร่างเขาสูงสง่า ไม่ผอมเพรียวเหมือนครั้งที่พบกันเมื่อสิบปีก่อน ที่สำคัญไม่ได้ไว้ผมยาวเป็นหนุ่มมาดเซอร์ที่ติดตาเธอมาจนบัดนี้...
ฝากฟ้าตวัดสายตาค้อนให้ของฝากบนชั้นวางของด้วยสีหน้ากึ่งผิดหวังกึ่งน้อยใจ ครู่ต่อมาจึงสะบัดหน้าหนีแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวไปงานอินเดียนไนท์ที่ทิวาเป็นคนชวนและบอกว่าจะมารับในเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงข้างหน้า
********************
ในงานอินเดียนไนท์หรืองานรับน้องคณะวนศาสตร์ประจำปีนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อครั้งที่เขาเรียนอยู่ในความรู้สึกของวนาสณฑ์ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกหรอก ในเมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ช่วงที่เขาเป็นนิสิตปีที่หนึ่งนั้นกว่าจะผ่านอะไรมาได้ช่างกดดันและต้องใช้ความอดทนทั้งทางกายและทางใจ วันรับน้องจึงเป็นวันที่ทุกคนรอคอยเพราะเป็นวันที่จะถูกปลดปล่อยจากความหนักหนาทั้งปวง
สน...กานต์...ทางนี้เพื่อน
เสียงเรียกจากเพื่อนฝูงที่ดังขึ้นแข่งกับเสียงกลองเป็นจังหวะหนักหน่วง ดึงเท้าให้สนกับกานต์เดินตรงไปหากลุ่มเพื่อนที่ยืนอยู่ทันที
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะโว้ย ไหนล่ะแฟน ไม่ได้มาด้วยเหรอ เสียงทักทายจากชายร่างสูงผอมคนหนึ่งเจาะจงมาที่เขาทำเอาชายหนุ่มยิ้มขำ
คนไหนล่ะ
อ้าว พูดอย่างนี้แสดงว่ามีหลายคน เสียงเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้
ไม่ใช่อย่างนั้น แฟนเฟินมีที่ไหนกันเล่า เขากล่าวแก้ด้วยสีหน้ายิ้มๆ จึงได้รับอาการเบ้ปากตอบกลับมาจากเพื่อนคนเดิม
ก็คนที่มีข่าวแว่วมาไง
เลิกแล้ว
เขาบอกสั้นๆ พลางยกมือกอดอกพลางมองไปยังลานจัดงานซึ่งกำลังจะเริ่มพิธีเปิดโดยไม่สนใจกับเสียงพูดคุยต่อมาอีก สายตาเขามองไล่เรื่อยไปทั่วงานก่อนจะหยุดตรงบริเวณประตูทางเข้า ดวงตาคมกริบเบิกกว้างขึ้น แขนที่กอดอกอยู่คลายออกก่อนจะตกลงข้างตัว
อารมณ์ดีที่ได้เจอเพื่อนเริ่มมลายไปเป็นเฉยๆ ติดจะเซ็ง แม้กระทั่งกองไฟถูกจุดลุกโชติช่วงตามด้วยเสียงดนตรีหนักหน่วงและเสียงเพลงพร้อมกับการเต้นรับน้องที่เริ่มขึ้น ก็ยังไม่อาจทำกระตุ้นให้เขาหันไปสนใจกับไฮไลต์ในงานได้
หลังจากงานรับน้องวันนั้นแล้ว วนาสณฑ์ก็พยายามสลัดภาพเจ้าของใบหน้าสวยซึ้งรอยยิ้มหวานบาดใจผู้มีดวงตาดำขลับกลมโตออกจากใจ พร้อมกับบอกตัวเองว่าเขาคงแก่เกินไปและเทียบไม่ได้กับหนุ่มที่ยืนเคียงข้างเธอทั้งในเรื่องวัยที่ใกล้เคียงกันและความหล่อเหลาแบบสำอางแนวเกาหลีที่ผู้หญิงสมัยนี้ชมชอบกัน...
*********************
จากคุณ |
:
permanent stream
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ต.ค. 54 07:18:11
|
|
|
|