Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รักวุ่นวายของนายเหมียว บทที่ 5 : เหตุแห่งความเปลี่ยนแปลง ติดต่อทีมงาน

บทที่ 5 : เหตุแห่งความเปลี่ยนแปลง


สิ่งมีชีวิตขนนุ่มสีขาววิ่งเข้ามาคลอเคลียพันแข้งพันขาทันทีที่เดินเข้ามาในบ้าน ทั้งที่ตามปกติมิลค์ไม่ค่อยจะเข้ามาเคลียคลอเข้าสักเท่าไหร่ อย่างมากที่สุดคือการเห็นตักเขาเป็นหมอนนุ่มๆ สำหรับมันเท่านั้นเอง ยิ่งเวลาที่ 'แม่ของมัน' ตามที่เขาเรียกแบบประชดอยู่บ้านแล้วล่ะก็ ไอ้ตัวยุ่งมันมองไม่เห็นหัวเขาด้วยซ้ำ เพราะอย่างนี้เตโชถึงอดแปลกใจไม่ได้ ห้าโมงครึ่งเป็นเวลาที่ไอ้ตัวยุ่งอีกคนกลับมาถึงบ้านแล้ว มิลค์น่าจะอิงแอบแนบชิดอยู่ไม่ห่างต่างหาก

“อารมณ์ไหนวะ มาแง้วๆ ออดอ้อนอยู่ได้”

ชายหนุ่มโน้มตัวลงช้อนร่างเล็กๆ ขึ้นมาอุ้ม อีกแล้วที่เขาไม่จาม น่าแปลก อาการแพ้ขนแมวมันไม่น่าจะเหมือนภูมิแพ้แบบอื่นที่เป็นๆ หายๆ นี่นา  หรือว่าจะแพ้แบบอุปทานอย่างที่เจ้าเบศร์มันว่า เอาเถอะ ตอนนี้จะแพ้แบบไหนก็พักไว้ก่อน เพราะตอนนี้มิลค์ไม่ใช่แค่เพิ่มเดซิเบลเสียงร้องประท้วงหนักขึ้นอย่างเดียว ฟันเล็กๆ ของมันก็เริ่มที่จะงับแขนเข้าด้วย เหมือนจะเร่งให้เขารีบเข้าไปในบ้านเร็วๆ

“เจ็บนะเฟ้ย เออ เข้าเดี๋ยวนี้แหละ นี่ฉันเป็นนายแก หรือแกเป็นนายฉันฮะ ไอ้มิลค์”

“แม้ว!”

“ไม่ต้องมาแง้ว มาแม้ว รู้แล้วว่าเป็นแมว ไม่ต้องประกาศอยู่ทุกบ่อยหรอกน่า”

“มิ้ว!”

คราวนี้ไอ้ตัวเล็กเปลี่ยนเสียงร้องหน้าตาเฉย ทำเอาชายหนุ่มอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“เออ แกชื่อมิลค์ ฉันรู้ แล้วนี่แม่แกไปไหนแล้ว”

เตโชถามเหมือนมันจะตอบได้พลางปิดประตู เสียงลากรองเท้าใส่ในบ้านดังมาจากในครัวบอกตำแหน่งแทนคำตอบ เขาจึงเดินเลยส่วนออฟฟิศเข้าไปที่ครัว ทีนี้เจ้าตัวดีโดดผลุงลงจากแขนลงพื้นแล้วเดินอ้อมไปหลบอยู่ทางด้านหลังแล้วโผล่หน้าบ้องแบ้วออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“เป็นอะไรนิมิลค์ โม แกทำอะไรมันหรือเปล่าน่ะ เออะ! คุณเป็นใครครับ”


หญิงสาวสวยแต่งชุดแซคสีขนนกยูง ผมสีน้ำตาลยาวตัดสไลด์แล้วม้วนเป็นเกลียวปล่อยเลยไหล่ที่ยืนถือจานไส้กรอกเพิ่งเวฟเสร็จหอมกรุ่นตรงหน้านี่ไม่ใช่โมเรสน้องสาวเขาแน่นอน มิน่ามิลค์ถึงดูกลัวๆ ปนสยองชอบกล

“พี่เต จำน้องสาวตัวเองไม่ได้หรือไง มิลค์ก็ด้วย ดูทำเข้าสิ”

เสียงใสแหวใสอย่างฉุนๆ ปนอายที่เห็นพี่ชายยืนมองตัวเองไม่วางตาแบบนี้ แถมยังถามเหมือนหล่อนเป็นคนแปลกหน้าที่เดินหลงเข้ามาในบ้าน

“โอ้! แม่เจ้า นี่ไอ้โมเหรอเนี่ย ผีเข้าหรือไง ถึงลุกขึ้นมาแปลงโฉมขนาดนี้”

“คำถามนี้พี่เตน่าจะไปถามบอสโมมากกว่านะ คิดยังไงไม่รู้ถึงจับโมเปลี่ยนลุคขนาดนี้”

หญิงสาวบ่นพลางเดินไปวางจานไส้กรอกไว้บนโต๊ะ แล้วเลยหยิบแก้วน้ำซึ่งพร่องไปแล้วกลับมาที่ตู้เย็น แต่แค่เดินได้ก้าวเดียวโมเรสก็หน้าคะมำเสียหลัก ดีที่เตโชรับเอาไว้ได้ทัน คนเป็นพี่ชายส่ายหน้านิดๆ

“ลุคเสื้อผ้าหน้าผมน่ะเปลี่ยน แต่ลุคความซุ่มซ่ามยังคงเส้นคงวาเหมือนเดิม ระวังตัวบ้างเหอะโมเอ๊ย”

“พี่เตพูดเหมือนบอสเลย”

“หมายความว่าไง”

“คือวันนี้โมแอคซิเดนท์นิดหน่อย” นัยน์ตาพี่ชายที่จ้องเขม็งทำให้น้องสาวยิ้มแหยๆ พลางบอกต่อเสียงอ่อย “โมทำถาดกาแฟหกทั้งถาดค่ะ”

เตโชตบมือเข้ากับหน้าผากตัวเอง กรรมเวรแท้น้องสาวฉัน ซุ่มซ่ามมาตั้งแต่เล็กจนโต นี่ไงล่ะเหตุผลที่เขาไม่ค่อยอยากให้หล่อนทำงานบ้าน แค่ล้างจานยังทำแตกไปจน...อืม จะครบโหลแล้วมั้งอาทิตย์นี้น่ะ ถ้าทำกับข้าว เขาต้องคอยคุมให้ดี เพราะกลัวน้องจะสะดุดขาตัวเองหน้าทิ่มลงกระทะเสียก่อน ชายหนุ่มมองหน้าน้องที่เดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วอย่างเหนื่อยใจเต็มที

“แล้วไงอีก”

“บอสมาเห็นพอดี แล้ววันนี้โมต้องตามบอสไปประชุมที่โรงงานด้วย บอสก็เลยต้องพาโมไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ แล้วก็...บอสว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เลยจับโมเปลี่ยนลุคน่ะค่ะ”

ตลอดเวลาที่สองพี่น้องคุยกันนั้น มิลค์ก็คอยเงี่ยหูฟังไปกับเขาด้วย โอ้ว์ นายหน้าขาวใจดีแฮะ พานายโมไปซื้อเสื้อผ้าทำผมใหม่ด้วย ออกจะใจดีเกินนายกับลูกน้องไปหรือเปล่าเนี่ย มิลค์ชักได้กลิ่นทะ:-)ๆ ยังไงไม่รู้ มิลค์เหลือบตาสีฟ้าสวยมองนายเตแวบหนึ่ง นายเตก็ไม่ได้ว่าอะไรหรือรู้สึกผิดปกติแฮะ มนุษย์เขาเป็นแบบนี้เองเหรอ ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย ในสายตาของมิลค์ มิลค์ว่านายโมคนเก่าน่ารักกว่าเป็นกอง สารภาพตามตรงว่าตอนที่เห็นนายโมเดินเข้าบ้านมาน่ะ มิลค์ตกใจนึกว่าโจรขึ้นบ้านเสียแล้ว ถ้าไม่ได้ยินเสียงใสๆ กับกลิ่นบริสุทธิ์ของนาย มิลค์เป็นไม่เชื่อเด็ดว่าคือนายโมตัวจริง จนถึงตอนนี้มิลค์ก็ยังแหยงๆ อยู่ดี แต่เพื่อไส้กรอกหอมกรุ่นนั่น เข้าใกล้ก็ได้ มิ้ว!


“แกยังดีว่านายจับเปลี่ยนลุค ฉันนี่สิซวยกว่าแกไม่รู้กี่เท่า”

ชายหนุ่มบอกหลังจากจิ้มไส้กรอกรองท้องหมดไปแล้วดุ้นหนึ่ง คิดถึงยายนั่นขึ้นมาทีไรมันยุบยิบในใจทุกทีสิน่า

“ซวยอะไรกันพี่เต พี่เบศร์ไม่จ่ายเบี้ยเลี้ยงให้เหรอ”

“ไม่เกี่ยวกับไอ้เบศร์มัน น้องมันต่างหาก พับผ่าเจอหน้าทีไรมีแต่เรื่องทุกที”

“คุณดาริกาน่ะเหรอคะ”

โมเรสไม่เคยเห็นดาริกาสักที แต่ได้ยินยิหวากับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ บอกว่าเจ้าหล่อนเป็นสาวสวยค่อนข้างเปรี้ยวเอาการ แถมเอาแต่ใจไม่ใช่ย่อย จบการบริหารมาจากเมืองนอก แต่ยังไม่เคยเข้าบริษัทจริงจังสักที ดาริกาอาจจะรอควบรวมบริษัทก่อนก็ได้ ถึงเวลานั้นโมเรสก็จะได้เจ้านายใหม่เพิมขึ้นอีกคนหนึ่ง หน้าสวยหมองลงนิดหนึ่ง อีกสามเดือนเขาก็แต่งงานแล้ว พอเขาเข้าหอหล่อนหมดเวลาเพ้อฝันอย่างถาวร เหมือนกับนิยายมือสมัครเล่นที่หล่อนแต่งไม่เคยจบนั่นแหละ    

“ยัยดาวอีกานั่นแหละ ไม่รู้ไปกินรังแตนจากไหนมา ตัวผิดยังไม่พอยังมีหน้ามาเถียงเราฉอดๆ ฮี่ย! เป็นน้องเป็นนุ่งจะจับตีก้นให้เข็ด”

เตโชหน้าหงิกเหมือนกับคู่กรณีนั่งอยู่ตรงหน้าด้วย หญิงสาวหัวเราะคิกเมื่อได้ยินคำที่พี่ชายใช้เรียก นี่ถ้าเจ้าตัวมาได้ยินเข้าจะเป็นยังไงนะ ถ้าเข้าคู่กับยิหวาอีกคน สงสัยว่าคุณดาริกาจะถูกกัดแหว่งวิ่นจนไม่เหลือชิ้นดี


ร่างสูงเดินออกจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูพันท่อนล่างเพียงผืนเดียว หยดน้ำยังเกาะพราวตามเนื้อตัว ผมหยักศกยุ่งๆ เปียกน้ำตกระหน้าผากปอยหนึ่งทำให้เค้าหน้าที่ดูดุดันนั้นอ่อนโยนลง โทรศัพท์มือถือที่เจ้าตัวโยนส่งๆ ไว้บนเตียงนั้นกะพริบไฟสีแดงบอกสายเรียกเข้า นิรินธน์ถอนใจยาวพลางเดินมาหยิบกดดูหน้าจอ ความปลอดโปร่งใจถูกความรำคาญเข้ามาแทรกอีกครั้งเมื่อคิดว่า เจ้าของสายที่โทรเข้าน่าจะเป็นดาริกาอีกตามเคย เขาเบื่อกับการตามติดตลอดเวลาของผู้หญิงคนนี้ ช่วงบ่ายที่เข้าประชุมเขาจึงเลือกที่จะปิดโทรศัพท์ยาว เพิ่งเปิดตอนที่เข้าบ้านมานี่เอง แน่นอนข้อความบอกสายที่เรียกเข้า ไม่ต่ำกว่าห้าสิบสายตามเคย จะอะไรกันหนักหนา กลับมาจากเมืองนอกตั้งนานแล้วแต่ไม่เคยคิดจะทำงานให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที เอาแต่ลอยชายไปวันๆ ถ้าว่างขนาดนี้ดาริกาควรจะเข้ามาเรียนรู้งานในบริษัทมากกว่า จะบริษัทเครืออิศเรศของเขาหรือเครือหิรัญของบิดาหล่อนก็ได้ แต่ทุกครั้งที่เขาบอก เจ้าหล่อนกลับบอกว่ารอให้แต่งงานกันก่อน

ดวงหน้าสวยหวานของเลขาตัวร้ายผุดแวบขึ้นมาในห้วงความคิด โมเรสแม้จะซุ่มซ่ามก็จริง แต่เวลาทำงานหล่อนก็ทำหน้าที่ของเลขาได้เต็มประสิทธิภาพ นิรินธน์เผลอยิ้มออกมา ถ้าดาริกาเป็นอย่างโมเรสได้ก็คงดี      

เสียงบรรเลงซิมโฟนีกระหึ่มขึ้นจนทำให้ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง นี่ก็อีก Moonlight Sonata ของ Beethoven ดาริกาเป็นคนตั้งเพลงนี้เป็นเสียงเรียกเข้าให้เขา เพลงที่เขาอยากเปลี่ยนทิ้งใจจะขาด ใช่ว่าเขาไม่เคยทำ แต่ทำแล้วเจ้าหล่อนก็ฟูมฟายต่อว่า เพื่อตัดปัญหาเขาจำใจต้องยอมอย่างเบื่อๆ

“ครับ”

“ไงวะ รินธน์ พูดซะเพราะเชียวนะแก”

เสียงปลายสายไม่ใช่ดาริกาอย่างที่คิด ชายหนุ่มเคลื่อนโทรศัพท์ออกห่างเพื่อดูหน้าจอ ชื่อ 'เทวนะ' ปรากฏหรา        

“อ๋อ แกเองเหรอ ไอ้เทเถอะนะ” นิรินธน์ทักเสียงกลั้วหัวเราะ

“ไอ้เวร ลืมไปบ้างเถอะวะไอ้ฉายาที่พวกแกตั้งให้ฉันน่ะ ว่างไหม”

เขาปรายตาไปมองเวลาที่นาฬิกาหัวเตียงนิดหนึ่ง เพิ่งทุ่มสิบห้าเองหรือ

“ว่าง ทำไม”

“กินข้าวหรือยัง”

“ยัง แต่ป้าแววคงตั้งโต๊ะแล้วล่ะ นายจะมากินข้าวบ้านฉันไหมล่ะ”

“บอกป้าแววเก็บโต๊ะก่อนเถอะ แกออกมากินข้าวกับฉันดีกว่า ก๊วนเราอยู่กันครบเลย ไอ้ษัณมันกลับจากอเมริกามาหลายวันแล้ว แต่เพิ่งนัดกินข้าววันนี้”

“แค่นั้นจริงเหรอ มีมากกว่านั้นหรือเปล่า ไม่งั้นนายคงไม่โทรมาเรียกฉัน”

“ไอ้เวรนี่รู้ทันจริงแฮะ เออ พวกเรากะจะเลี้ยงฉลองหมั้นย้อนหลังให้แก แล้วเลยล่วงหน้าเลี้ยงสละโสดไปด้วยเลย อาทิตย์หน้าไอ้ษัณมันก็กลับแล้ว ไอ้ยิฐก็จะไปต่อด๊อกอาทิตย์หน้าเหมือนกัน”

“จะเลี้ยงทำไมว้า เอา ก็ได้ ไปก็ไป ร้านไหนล่ะ”  

ปล่อยตัวตามสบายเสียหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกนะ สักสี่ทุ่มเขาค่อยขอตัวกลับ พรุ่งนี้ก็จะเซ็นสัญญาร่วมทุน      โปรเจคท์ใหญ่แล้ว โปรเจคท์ที่จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด บริษัทอิศเรศจะได้เป็นบริษัทเดียวของเมืองไทยที่ผูกขาดการผลิตอุปกรณ์ซอฟท์แวร์ แน่นอนว่าเขาพลาดไม่ได้เด็ดขาด


หญิงวัยกลางคนกำลังดูแลการจัดโต๊ะอาหารอยู่ แต่ก็สะดุ้งขึ้นสุดตัวเมื่อมีมือหนึ่งสอดเข้ามาโอบเอวหล่อนไว้จากทางด้านหลังจนเผลออุทานแปลกๆ ออกไป สาวใช้สองคนพากันปิดปากหัวเราะคิกคัก ไม่เว้นแม้แต่คนแกล้ง

“ขวัญอ่อนจริงป้าแวว ยังไม่คุ้นอีกเหรอครับ”

“คุณรินธน์น่ะ เล่นอะไรไม่รู้ โตแล้วนะคะ นี่จะทานเลยไหมคะ วันนี้ป้าทำแกงเลียงของโปรดคุณด้วยนะ”

“ว้า! เสียดายจัง ผมมีนัดกะทันหันน่ะครับ ป้าเก็บเอาไว้ก่อนนะ ดึกๆ กลับมาผมจะเอามาอุ่นเวฟกินเอง”

“ป้ารอได้ค่ะ ไม่ต้องทำเองหรอก แล้วนี่จะขับรถไปเองหรือให้ตายงขับให้คะ”

“ขับเองดีกว่าครับ ดึกมากผมกลัวว่าลุงยงจะง่วงก่อน ป้าก็นอนเถอะครับ แค่เวฟเองเท่านี้ไม่หนักหนาหรอก ขืนป้าแววรอผม ลุงยงได้เคืองแย่ หาว่าผมแย่งเมียสุดที่รักไป”

เหมือนจะเป็นคำพูดสัพยอกธรรมดา แต่ลึกลงไปนั้นทุกคนรู้ดีว่าเจ้านายหนุ่มเป็นห่วงกลัวอีกฝ่ายจะลำบาก สำหรับคนในบ้าน นิรินธน์อ่อนโยนเสมอ ถึงยังไงคนพวกนี้ก็อยู่กับเขามากกว่าพ่อแม่เสียอีก โดยเฉพาะป้าแววที่เป็นพี่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก สาวใช้อีกสองคนนั่นเพิ่งมาอยู่ด้วยตอนที่เขาเริ่มเป็นหนุ่มแล้ว ชายหนุ่มหอมแก้มคนเก่าแก่อย่างเอาใจแล้วเดินออกไปจากห้องอาหาร


*** มีต่อฮับ เมี้ยวววว

แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 54 17:13:48

แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 54 17:13:03

แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 54 17:10:28

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 54 17:09:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com