Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กลร้ายในเงารัก - บทที่ 7 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11247659/W11247659.html

บทที่ 7

ยิ่งผ่านไปนานวัน ความฮึกเหิมที่ควบคุมไม่ได้ของอคินก็ทวีความร้อนแรงขึ้นถึงระดับนอนค้างกับพุธชมพูสุดที่รักในวิมานรักของดนัยดล

กว่าจะตัดใจยอมผละจากเรือนร่างเย้ายวน บางคืนก็เกือบรุ่งสาง บางคืนก็รุ่งสางโรยไปแล้ว เขาไม่รู้สึกเดือดร้อนหากจะมีใครในบ้านพบเห็นร่องรอย และจะยิ่งรู้สึกสะใจเร้นลึก หากร่องรอยจะลอยไปเข้าหูเจ้าของวิมานรักผ่าน 'คำรายงาน'

'รู้สิดี ฉันก็อยากให้รู้เร็วๆ ไอ้เกมรักสามเส้าระหว่างเรา มันจะได้จบๆ กันไปเสียที'

เขาคิดอย่างแข็งกร้าวเช่นนี้ และมีความเชื่อส่วนตัวว่า ผู้ชายทระนงในตัวเองอย่างดนัยดล แม้พื้นนิสัยจะอ่อนโยนมองโลกในแง่ดีแค่ไหนก็ตาม แต่รับรองได้ว่า ไอ้เรื่องที่จะร่วมรอยเสน่หากับชายอื่นบนเรือนร่างของยอดปรารถนาหนึ่งนางเดียว ดนัยดลจะไม่มีวันทำ

"ที่รัก" เขาพลิกตัวและขยับเข้าหาร่างเย้ายวนในผ้าห่ม "ฝนตกพรำๆ นะ หนาวไหม"

สองแขนใหญ่โอบตระกองอย่างวิสาสะเกือบจะอวดอำนาจที่เหนือกว่า พุธชมพูรีบป้ายน้ำตาทิ้งในเงาสลัว เธอรังเกียจสวาทคุกคามที่จำต้องกล้ำกลืนสนองตอบชายเลว อคินกลายเป็นชายเลวร้อนรักได้อย่างน่าใจหายแกมน่าสะพรึงกลัว

เขาเกิดความปรารถนาในตัวเธออย่างแรงกล้าได้ในทุกเวลา และจะไม่รีรออดทนให้อารมณ์งวดแห้งไปเอง บทพิศวาสที่เขากำกับ ไฟกามที่เขาก่อ มันสามารถเดินหน้าโดยไม่แยแสแสงสว่างหรือความมืด ขอเพียงในห้วงอารมณ์กลัดมันน่ารังเกียจนั้น มีเธอเป็น 'เหยื่อ'

"หันหน้ามาซิ เราหนาวนะ อยากได้แขนอุ่นๆ ของพุธมากอด พุธ อย่าอิดออดกับความรักของเราได้ไหม"

ปลายเสียงเริ่มตึงอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าเธอยังตอนตะแคงหันหลังเย็นชา พุธชมพูพร้อมจะดื้อดึงได้เสมอ หากว่ามันจะช่วยถ่วงเวลาการตกเป็นเหยื่อกามให้ทอดยาวไปอีกสักช่วงนาที

เธอชิงชังตัวเอง ขยะแขยงร่องรอยและคราบสวาทสกปรกที่แปดเปื้อน ตระหนักว่าจะไม่มีน้ำบริสุทธิ์จากลำธารผืนไหนมาชะล้างมันออกไปได้อย่างหมดจดอีกแล้ว

หัวใจเกิดความเจ็บปวดจนอยากจะฉีกร่างตัวเองเป็นชิ้นๆ เมื่อระลึกต่อไปว่า ทันทีที่สามีกลับมา เขาต้องปรี่มาออดอ้อนเว้าวอนให้เธอร่วมก่อไฟรักอ่อนหวาน

"บอกว่าหันมา"

อคินตวาดแผ่ว ไม่สนใจภวังค์ขมขื่นกึ่งชิงชังของสาวดื้อ เขาดึงร่างนอนตะแคงให้พลิกหงายอย่างหยาบๆ แล้วเลื่อนตัวหนักขึ้นซ้อนอย่างคุกคามทันที

"อย่าอวดดีนะพุธ ถ้ายังรักชีวิตของสามีตัวเอง ยังอยากเห็นเขาเดินลอยหน้าต่อไปในสังคม เป็นเจ้าของบริษัท เป็นคุณผู้ชายในบ้านหลังนี้จนกว่าจะถึงวันที่พุธหย่าขาดจากเขา ก็อย่าปฏิเสธความรักทุกเวลาของเรา ทำไมต้องให้พูดซ้ำ"

"เธอไม่ได้พูดซ้ำหรอกอคิน เธอกำลังขู่ตลอดเวลาต่างหาก แล้วพุธก็.. "

"ไม่จริง"

อคินปฏิเสธเสียงสะบัดห้วน แล้วโน้มหน้าลงประกบปากจิ้มลิ้มอย่างหงุดหงิด วิถีบดขยี้ทรงพลังคุกคามจริงจัง จนไม่รู้สึกว่ามันคือการจุมพิต ผ้าห่มเลื่อนไหลไปจากตัวอีกแล้ว เพราะกายหนุ่มเกิดความปรารถนาร้องแรงขึ้นในทันทีทันใดที่ลิ้นกร่างกวัดไกวไปกระทบลิ้นแข็งขืนดื้อรั้น

ความน้อยใจวูบหนึ่ง ดึงคลื่นอำมหิตสาดเข้ามาในห้วงรัก เขาอยากฆ่าตัวตาย และก่อนจะทำอย่างนั้น ก็ต้องปลิดลมหายใจของพุธชมพูที่รักเสียก่อน ต้องเป็นดวงวิญญาณละกระมัง เขากับเธอถึงจะอยู่เคียงข้างและครองคู่กันได้ตลอดไป โดยไม่มีเงาของดนัยดลเข้ามากีดขวาง

"เรารักพุธ" เสียงแหบแตกพร่าลงคลอเคลียปากที่ตนเพิ่งขยี้หยาบ "ไม่เคยคิดขู่พุธ ทั้งหมดที่เราทำคือความรัก พุธไม่มีความสุขกับเราหรือ บอกมาซิ ในตัวเรามีอะไรที่นอกเหนือจากความร่ำรวยกับชาติตระกูลดีมาแต่เกิดแล้ว ที่ทัดเทียมคุณดนัยไม่ได้"

"พุธรักพี่ดนัย นี่คือสิ่งเดียวที่อคินจะควานหามาทัดเทียมกับเขาไม่ได้"

อคินบดกรามราวกับเดือดดาล หากแต่น้ำตากลับร่วงอย่างช้ำใจ เมื่อสิ้นคำฉะฉานของสาวใต้ร่าง เธอเองใช่ไหมที่บีบคั้นให้เขาหยาบคาย กดดันให้เขาต้องรังแกด้วยสวาทป่าเถื่อน เขากระชากร่างน้อยลุกขึ้นมาต้อนรับจุมพิตดิบ ก่อนตระโบมดุดันเกรี้ยวกราดจนเนื้อนวลทั้งตัวช้ำไปหมด

พุธชมพูสะอื้นหนัก เมื่อถูกผลักนอนหงายลงบนฟูกบนหมอน โดยมีร่างชายเลวประทับลงกดย้ำกำหนัดด้วยจังหวะกร้าวแกร่ง

ทุกวิถีถาโถมขาดความทะนุถนอมละมุนละไม เธอเจ็บร้าวลึกทั่งร่างกาย วิมานรักเบื้องหลังม่านน้ำตาพร่ามัว แลฟุ้งกระจายไปด้วยหมอกควันมรณะที่หนาเข้มและข้นขึ้นทุกขณะ

เสียงแห่งรักทวีกระแสกระเส่าขึ้น จังหวะคุกคามและยึดครองก็เร่งรัวกระชากกระชั้น สองร่างที่ผนึกแนบแน่นด้วยเยื่อใยราคีขยับย้ำกันและกันอย่างเมามัน

หากมีใครสักคนได้แลเห็น ก็จะทราบในทันทีว่า คู่สวาทใกล้จะบรรลุถึงชายฝั่งเสน่หาแล้ว สำหรับพุธชมพู พื้นทรายที่ตนตะเกียกตะกายไปนอนระทมมันทึบทะมึนเป็นสีดำ แต่อคินกลับมองว่าสีของมันแสดเสียจนสะใจ




เกือบตีสาม พุธชมพูย่องกริบลงมาจากชั้นบน ความมืดที่ปกคลุมทั่วบริเวณที่คุ้นเคยดีแล้ว ก่อความวังเวงขึ้นในหัวใจอย่างประหลาด

อคินตามประชิดแผ่นหลังแล้วค่อยล้ำมากอดเอวหอมแก้ม เขาคิดว่าตนตักตวงกลืนกินกามลักขโมยจนอิ่มหนำแล้ว จึงไม่อยากกดดันพุธชมพูจนเกินไป เธอขอร้องดีๆ ให้เขากลับไปเรือนพักหลังเล็ก เขาก็จะไป

"ทำไมต้องเดินเหมือนหัวขโมย ในบ้านหลังนี้ไม่มีใครนอกจากเรา แล้วนี่มันก็ตีสามแล้ว ระแวงเกินเหตุไปหรือเปล่า"

"พุธไม่ใช่คนใจกล้าเหมือนอคินนี่"

"ปากนะ ช่างย้อน มานี่ซิ"

แล้วอคินก็กำราบด้วยการจับคางมั่นคง ส่งจุมพิตดูดกลืนเนื้อปากนุ่มด้วยจังหวะหลงใหล ใช่แล้วล่ะ เขาหลงใหล คลั่งไคล้ และปรารถนาพุธชมพูตลอดเวลา หัวใจมันเร่าร้อน ไฟรักมันส่องสว่าง และอารมณ์รัญจวนก็พลุ่งพล่านเหมือนคลื่นแปรปรวน

"พอแล้ว" พุธชมพูรีบปราม เมื่อเขาถ่ายถอนจุมพิตหลงใหล แล้วย้ายไปซุกไซ้เนื้ออุ่นในซอกคอ

"ได้ นี่ถ้าไม่รักหมดใจละก็ เราไม่ตามใจแบบนี้หรอก อ้อ เดี๋ยวก่อน" เขาดึงแขนไว้ เมื่อสุดที่รักทำท่าผละหนี เธอต้องทำอย่างนี้ทุกทีที่มีอิสระอันน้อยนิด "อีกวันสองวัน คุณดนัยก็จะกลับแล้ว เราต้องการคำตอบพรุ่งนี้ ไม่รู้ล่ะ พุธบ่ายเบี่ยงไม่ได้อีกแล้ว"

"อคิน พุธขอร้องเถอะ อย่าเร่งรัดพุธเรื่องนี้ได้ไหม ให้พุธได้มีเวลาไตร่ตรองนานอีกสักหน่อย พุธไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร.. "

"ไม่ล่ะ ไม่จำเป็นต้องมีข้ออ้าง ไม่รู้ล่ะ พุธต้องหย่ากับเขา พุธเป็นของเราแล้ว เราไม่ยอมให้พุธนอนกับเขาอีก"

"แต่พุธ.. "

"ไม่มีแต่ พรุ่งนี้พุธต้องเรียกทนายรัศมีมาคุย แบ่งสินสมรสหรือทรัพย์สินอะไรต่อมิอะไรที่ควรจะเป็นของพุธให้ชัดเจนเรียบร้อย พอเขามาถึง ก็แค่เซ็นชื่อในใบหย่า"

"พี่ดนัยคงไม่ยอมง่ายดายแบบนั้นหรอก"

"ก็ช่างเขาสิ อยากโวยวายอยากฟ้องอะไร ก็ปล่อยเขาไป เรามีเงินมากพอจะสู้คดีได้ แล้วถ้าเมืองไทยมันไม่มีที่ให้เราสองคนอยู่ เราก็จะพาพุธไปอยู่เมืองนอก พุธไม่ชอบนิวยอร์ก เราก็ไปเมืองอื่น เราอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอแค่ว่าให้ที่นั่นมีพุธอยู่กับเรา"

"พุธ.. "

"ถ้าพุธไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาดในวันพรุ่งนี้ คุณดนัยกลับมาเมื่อไหร่ เราจะเป็นคนพูดกับเขาเอง"

พุธชมพูกลืนน้ำลายว้าวุ่นระคนอัดอั้น ขณะกวาดตามองความมืด น้ำตาก็พลันรื้น นี่หมายความว่าชีวิตอันสงบสุขและหอมหวานไปด้วยความรักอบอุ่นของสามีต้องสิ้นสุดลงแล้วจริงๆ หรือ

ปัญหาเลวร้ายมันถูกกักขังให้วิ่งงุ่นง่านอยู่ในกรงความมืดเช่นนี้ตลอดไปใช่ไหม เธอจะทำยังไงดี สวรรค์โหดร้ายกับเธอจริงๆ ทำไมต้องผลักสามีให้ไปเจอกับชายคลั่งรักคนนี้ด้วย

ฉับพลัน เสียงผิดปกติก็ดังขึ้นในห้องโถง คุณผู้หญิงในห้วงวิกฤติสะดุ้งโหยง เผลอยกมือทาบอก อคินตาวาววับขึ้นอย่างตื่นตัว เสียงนั้นยังดังกุกกักดั่งจะกระตุ้นความตื่นเต้นและใคร่รู้ให้เดินหน้าไปหาคำตอบ แล้วพุธชมพูก็ทำอย่างนั้น โดยมีอคินสาวเท้าตามแบบก้าวต่อก้าว

"อุ๊ย พี่.. "

พุธชมพูตระหนกสุดขีด ใจหายวาบ ตาเบิกกว้าง เธอหลุดอุทาน แล้วเกือบจะเรียกชื่อสามีออกมา แต่อคินชิงสกัดด้วยฝ่ามือร้อนชื้นอย่างว่องไว พลางลากสาวสุดที่รักห่างออกมาสองก้าวอย่างตกใจเช่นกัน แต่ครั้นนึกขึ้นได้ว่า ดนัยดลตาบอด เขาก็หงุดหงิดกึ่งขำตัวเอง

น้ำตาที่ไหลลงรดมือของอคินมันร้อนมาก ภรรยารู้สึกคับแค้นรุนแรง เจ็บปวดเหมือนหัวใจถูกบีบ ชายเลวสวมวิญญาณปีศาจจากนรกใช่ไหม เขาถึงได้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของสามีคนหนึ่ง ด้วยการกอดรัดฟอนเฟ้นภรรยาอย่างท้าทายแกมย่ามใจ

พุธชมพูสะอื้นขมขื่นอยู่ในจุมพิตผยอง ร้าวทรวงที่โดนบีบโดนเคล้าเมามัน ร้อนและแสบซอกคอที่ปากกับลิ้นสกปรกเลียไล้และดูดกลืนหยาบๆ แล้วจบลงด้วยการหลิ่วตาลำพอง

ดนัยดลกลับถึงบ้านเงียบๆ นายอุ่นเป็นคนไปรับที่สนามบิน เขาต้องการสร้างความประหลาดใจ อยากให้ภรรยาร้องอุทานดังๆ อย่างตกใจ

เธออาจจะทำท่าอ้าปากค้าง เบิกตาโตๆ ถ้าในมือถือถาดขนมอบ มันก็อาจจะถูกปล่อยให้ร่วง ภาพแบบนั้น เขาเห็นบ่อย เวลาที่แอบกลับบ้านก่อนถึงกำหนด

มันเป็นนิสัยชอบแหย่ตามประสาอารมณ์ดี ภรรยาตกใจมาก เขาก็จะเล่นบทสามีพ่อพระ ปรี่เข้าไปโอ๋ด้วยเสียงอบอุ่น กอดแบบเนียนๆ แล้วก็อุ้มขึ้นไปปลอบขวัญให้สงบด้วยเสน่หาอ่อนหวานในวิมานรัก

แต่ตอนนี้มันแย่หน่อย เขาเผลอยื่นมือปัดไม้เท้าบนโต๊ะหล่นพื้น ทั้งที่เพิ่งจะล้มตัวลงนอน แต่กลับต้องลุกมานั่ง แหย่ๆ เท้าควานหาก่อน ถ้าไม่เจอก็ค่อยก้มหาด้วยมือ

แต่ก็ไม่ต้องหรอก เพราะภรรยาทรวงระทมรีบสลัดอ้อมกอดซาตานมาหยิบให้ทั้งน้ำตา พลางสวมกอดร่างอบอุ่นด้วยความรักและคิดถึง

"อ้าว" สามีอุทาน "ดึกดื่นป่านนี้แล้ว คุณผู้หญิงลงมาซุกซนอะไรครับ เอ๊ะ หรือว่าจะแอบหนีเที่ยว เอ๊ะ หรือที่เคยขู่ทีเล่นทีจริงกับพี่มันจะเป็นจริง แอบนัดหนุ่มหน้าอ่อนไว้แถวไหน เอ๊ะ.. "

ภรรยาพูดไม่ออก ได้แต่กลืนน้ำตากลั้นสะอื้น มือเล็กรีบส่งปิดปากช่างกระเซ้าแสนน่ารัก แล้วสวมกอดด้วยแรงรักสุดซึ้ง

น้ำตาร้อนทุกหยดมันไหลลงรดบ่ารดหลังของสามี เขาไม่ได้ทักท้วงเอ็ดอึง เพราะคงนึกว่าเธอตื้นตันที่เขากลับมากระมัง มันไม่ใช่หรอก เธอกำลังเสียใจมากเลยต่างหาก เสียใจที่ตัวเองสกปรกเกินกว่าจะเป็นภรรยาของเขาได้อีกต่อไป

"โอ๋ คนดี ไม่ต้องร้องไห้ พี่ไม่ได้ทำให้ตกใจไม่ใช่หรือ แค่ว่ากลับมาเงียบๆ เฉยๆ เอง"

อคินกัดปากกำหมัดจนสั่นเกร็ง อยากถลันไปต่อยปากที่ออดอ้อนเสียงทุ้มนุ่มของเพื่อนหนุ่มใหญ่ใจดี อกใหญ่กระเพื่อมแรงอยู่ในเงาสลัว แสงตาจ้าร้อนไปด้วยรังสีกำจัด

ดนัยดลไม่มีสิทธิ์สวมกอดพุธชมพูของเขาแบบนั้นอีกแล้วนะ เธอเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว  และพรุ่งนี้เธอก็จะเดินเรื่องขอหย่าอย่างเป็นทางการ โดยมีเขาคอยกำกับและควบคุมให้เรื่องลงเอยด้วยดีอย่างใกล้ชิด

เอาเถอะ นึกเสียว่าให้ 'ว่าที่อดีต' ได้ล่ำลากันเสียให้พอใจในรัตติกาลที่เหลืออีกน้อยนิดก็แล้วกัน เขาจะยอมปลีกตัวไปก่อน

พุธชมพูก็ช่างใจร้ายนัก พอสามีกลับมาก็ได้ทีได้ใจ ไม่ยอมเหลียวมาสบตากับเขาสักแวบ จนเขาสะบัดหน้า สาวเท้ายาวๆ ผละไป แล้วลองเหลียวกลับมามอง เธอก็ไม่มีทีท่าแยแสแม้แต่น้อย มัวแต่ประคบประหงมสามีตาบอดอยู่ได้ ไม่รู้ว่ามีอะไรดีนักหนา




ภรรยาประคองสามีนอนบนเตียงที่เพิ่งจะสร่างไอร้อนจากไฟสวาทของชายเลวไม่ถึงสิบนาที

สภาพผ้าปูมันยับย่น ร่องรอยเมามันในกามลักขโมยยังมีปรากฏ บนพื้นกองกระจายด้วยผ้าห่ม หมอนข้าง หมอนอิง พุธชมพูเม้มปากปิดกั้นเสียงสะอื้นอย่างเต็มที่ ขณะรีบเก็บลวกๆ

"ทำไมกลับมาเงียบๆ คะ" เธอไม่อยากให้ผิดสังเกต จึงจำเป็นต้องชวนคุยบ้าง

"ตั้งใจกลับพรุ่งนี้ แต่เห็นว่าทุกอย่างราบรื่นและเรียบร้อยดี พี่ก็เลยไม่อยากรอ"

"ดีใจด้วยนะคะ พี่ดนัยนี่เก่งจริงๆ นับวันมีแต่จะเก่งขึ้นเรื่อยๆ อีกหน่อย พอขยายตลาด ขยายบริษัท ก็คงต้องทำงานหนักและเหนื่อยมากขึ้น อาจจะมีเวลาให้พุธน้อยลงด้วยนะ"

"ไม่หรอกพุธ สำหรับพี่แล้ว จะไม่มีเวลาอะไรมาสำคัญที่สุดได้เท่ากับเวลาที่พี่กับพุธอยู่ด้วยกัน"

ภรรยาชะงักมือที่กำลังดึงผ้าห่ม น้ำตาร่วงใส่มัน อยากปล่อยโฮออกมาให้สุดเสียง ระเบิดความอัดอั้นที่ออแน่นในทรวงให้แตกเป็นเสี่ยงๆ

วาจาอบอุ่นเสมอต้นเสมอปลายของสามี มันเคยก่อแต่ความสุขให้เธอฟังไปดื่มด่ำไป แต่คืนนี้ มันเปลี่ยนไปแล้ว ความอบอุ่นกลายเป็นอาวุธร้ายที่จ้วงแทงหัวใจดวงนี้ให้ทะลุ แล้วค่อยเฉือนค่อยเชือดให้เนื้ออ่อนขาดออกจากกันเป็นริ้วเป็นชิ้น

"จะตีสามครึ่งอยู่แล้วนะครับ ยังนั่งอยู่อีกทำไม นอนเถอะ "

"คะ"

ภรรยาครางคล้ายจะถาม แต่เมื่อเห็นว่าสามีเงียบไปแล้ว ก็ไม่กล้าส่งเสียงรบกวนซ้ำ อีกอย่างก็ไม่อยากให้เขาจับกระแสเครือได้ จึงค่อยเอนตัวลงนอนเบาๆ อย่างเกรงใจ
 
ถ้าเป็นปกติ หากสามีพลิกตะแคงหันหลังแบบนี้ เธอมักจะเย้าแหย่พากายนุ่มไปเบียดแผ่นหลัง แสร้งเสียดสีให้เนื้อเกิดไอร้อน

บางทีสามีรำคาญบ้าง หมั่นเขี้ยวบ้าง ก็แค่เอ็ดเบาๆ แต่ถ้าซุกซนไม่เลิก เขาก็จะพลิกกลับ แล้วลากขึ้นไปซ้อนเหนืออก แสร้งขย้ำคอเหมือนจะบีบจะหักให้ตาย แต่สุดท้ายก็ไม่วายกำราบด้วยจุมพิตดูดดื่ม

แต่ดูคืนนี้สิ เธอไม่กล้าทำอย่างนั้นหรอก เพราะร่างกายทุกตารางนิ้วมันสกปรกด้วยคาวกามของอคิน กลิ่นชั่วของชายเลวมันฝังลึกจนเธอไม่อยากพาไปเข้าใกล้สามี

ดนัยดลของเธอเป็นผู้ชายสะอาด เขาเคยเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟังด้วยน้ำเสียงขำๆ ถ้าจำไม่ผิด วันนั้นเหมือนจะเป็นก่อนหน้าวันที่เขาจะขอแต่งงานสักสามวัน

"พี่เป็นผู้ชายไม่เอาไหน" เขาเริ่มต้นด้วยประโยคนี้ แล้วหัวเราะอบอุ่น "ตอนเด็กๆ ก็หามรุ่งหามค่ำเรียนแต่หนังสือ เก่งที่สุดก็เตะบอลกับเพื่อน นี่ พี่ได้เป็นกองหน้าด้วยนะ ถูกคัดตัวนักกีฬากับเขาด้วยเหมือนกัน แต่ก็วาสนาไม่ถึงหรอก ถูกคัดออก"

จำได้ไม่เคยลืมกับรอยยิ้มน่ารัก และแววตาที่ทอดข้ามไหล่ของเธอไปจับผู้คนมากมายในร้านอาหาร

ดนัยดลไม่เคยนัดเธอไปในที่ที่ลับตา เขาเป็นสุภาพบุรุษทั้งต่อหน้าและลับหลัง เจ้านายของเธอก็ยังเคยเอ่ยชมเขาให้ฟัง ซึ่งตอนนั้น ก็ไม่ระแคะระคายหรอกว่า เขามาติดพันหมายปองและดูใจกับเธออยู่

"แต่ทุกวันนี้ พี่ก็ยังเตะบอลเป็นอยู่นะ ถึงจะไม่บ่อยนักก็เถอะ พี่ไม่อยากให้ใครพูดว่า ความสำเร็จที่ได้มา เพราะบุญเก่ของพ่อแม่ พี่จึงพยายามบุกเบิกงานของตัวเอง เปิดบริษัทเอง หาลูกค้าเอง แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่ามีบุญเก่าคอยสนับสนุน"

"ทระนง ว่าอย่างนั้นเถอะ" เธอสัพยอกกลบเกลื่อนความชื่นชม

"จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่ความจริง มันก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งนะครับ"

"หรือคะ อะไรคะ"

"พี่อยากให้ตัวเองดูเป็นคนน่าเชื่อถือ อยากให้ผู้หญิงที่พี่ต้องการดูแล เชื่อมั่นและศรัทธาว่า พี่จะเป็นเสาหลักที่ดีได้ตลอดไป และเมื่อเธอยอมตกลงปลงใจมอบชีวิตอันล้ำค่าไว้บนสองมือนุ่มๆ ของพี่ เธอก็จะรู้สึกได้ว่า สามีคนนี้จะปกป้องเธอให้ปลอดภัยได้ด้วยความทระนงที่เขามี"

"หวานจังเลยค่ะ"

"พุธจะเป็นคนแรกและคนสุดท้ายที่จะได้ยินประโยคนี้จากพี่ นี่คือเรื่องจริงยิ่งเสียกว่าจริง"

"ยืนยันเต็มเสียงแบบนี้ ระวังสาวคนก่อนๆ ผ่านมาได้ยินเข้าแล้วจะน้อยใจนะคะ"

"ไม่หรอกครับ พี่ก็บอกแล้วนี่ว่า ตอนเด็กๆ ก็หามรุ่งหามค่ำกับเรียนหนังสือ โตขึ้นก็หักโหมบุกเบิกงานของตัวเอง ไม่น่าเชื่อเลยว่า สี่สิบกว่าปีที่พี่ปล่อยให้ฤดูร้อนฝนหนาวผ่านไปและผ่านไป โดยไม่เคยคิดที่จะหาใครสักคนมาเติมชีวิตเดียวดายให้เต็ม มันจะคุ้มค่าอย่างนี้"

น้ำตาไหลเปื้อนหมอน เมื่อความหลังไหลมาสิ้นสุดที่ประโยคหวานชวนกลืน

สามียิ้มนุ่มยืนยันให้เชื่อว่าที่กล่าวมาทั้งหมดจริงยิ่งเสียกว่าจริง เขาไม่รู้เสียดายเวลาตลอดสี่สิบกว่าปีที่เก็บถนอมกายหนุ่มให้อยู่เคียงข้างกับความโสดได้อย่างสะอาดสะอ้าน เพราะมันคุ้มค่ามากเหลือเกินเมื่อเขาได้เจอเธอ

แล้วอย่างนี้ เธอยังจะมีหน้าพาร่างเปื้อนราคีไปป้ายเนื้อกายสะอาดๆ ของเขาได้หรือ เธอทำไม่ได้ และคงทำไม่ได้อีกเลยจนชั่วชีวิต พุธชมพูสะอื้นเบาๆ พลางพลิกตะแคงกลับไปมองจ้องสามีในผ้าห่ม สมองพยายามรีดเค้นหาหนทางกอบกู้วิกฤติอย่างไม่ยอมแพ้

จะทำยังไงดีถึงจะผลักไสสายลมร้ายระลอกนี้ให้พัดผ่านไปทางอื่น จะใช้วิธีไหนปลดเงื่อนคุกคามของอคินให้หลุด เพื่อที่สามีจะได้ห่างไกลจากสภาพล่อแหลมถึงแก่ชีวิต มันต้องมีสิ ก่อนฟ้าจะถูกย้อมด้วยแสงแรกของพระอาทิตย์ เธอต้องหามันให้เจอ




อคินนอนไม่หลับ ร่างร้อนพลิกกระสับกระส่ายใต้ผ้าห่ม สมองมันทรยศเจ้าของด้วยการเค้นแต่ภาพร้อนแรงของคู่สามีภรรยาออกมากางเต็มห้อง

ยามหลับตาก็เห็นพุธชมพูส่ายร่างรัญจวน สามีตาบอดกำลังร่ายพิศวาสอย่างกระหาย อย่างเมามัน ซึ่งมันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ห่างหายกันไปตั้งหลายค่ำคืนไม่ใช่หรือ

ครั้นยามลืมตา สองโสตที่ร่วมทรยศก็แผ่ออกมาแต่เสียงกระเส่าสยิวในอารมณ์ เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ก่อเกิดในจังหวะสองกายบดอัดสู่กันผ่านแรงโยกย้ำลึก

"ไอ้บ้าเอ๊ย บัดซบสิ้นดี"

ร่างร้อนจัดสลัดผ้าห่มลอยละลิ่วไปกองพื้น พลางผลุนผลันลุกไปสูดหายใจลึกหน้าระเบียง เป่ามือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อริษยา พอมันแห้งก็ถูๆ จนมันเกิดไอร้อนผ่าว แล้วค่อยรัวตบราวชื้นอย่างเกรี้ยวกราด หวังระบายความคับแค้นทรวงจนแทบกระอักเลือด

ในฐานะผู้ชายเหมือนกัน เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าดนัยดลจะไม่ร่วมเสน่หากับภรรยาให้หายคิดถึงก่อนพักผ่อน แต่ว่า พุธชมพูเป็นของเขา ก่อนหน้านั้น เขาก็ร่วมบรรเลงเพลงสวาทกับเธออย่างเผ็ดร้อนถึงพริกถึงขิงอีกด้วย ดังนั้น ดนัลดลจึงไม่มีสิทธิ์จะมาทาบรอยสวาทของเขาอีก

'อย่ารอเลย' อคินบอกตัวเองอย่างตัดสินใจ เขาต้องบุกไปเจรจาเอง ไม่ว่ายังไงก็ต้องทลายรักสามเส้าให้พังพินาศ ดนัยดลต้องยอมรับความจริงข้อนี้

สามีตาบอดอย่างนั้น จะปกป้องอะไรภรรยาได้ ตอนเขากอดจูบพุธชมพูอย่างท้าทายเมื่อครู่ก่อน เจ้าตัวก็ไม่ได้รับรู้ใดๆ นอกจากควานหาไม้เท้าไปอย่างปัญญาอ่อน ทั้งที่ความจริงแล้ว ควรลุกมาตะบันหน้าเขาต่างหาก

ร่างสูงย้อนกลับเข้าข้างใน เปลี่ยนชุดนอนเป็นชุดออกกำลังกาย ก่อนจะไปประจันหน้า เขาน่าจะวิ่งเรียกเหงื่อสักสิบยี่สิบนาที เพื่อปลุกเร้าหัวใจให้ทำงานคึกคักและเต้นแรง เลือดเฉื่อยๆ ก็จะได้กระตือรือร้นร้อนฉ่าอีกสักนิด

ระหว่างนั้น อาจจะทบทวนวิธีออกหมัดไปด้วย เผื่อว่าดนัยดลกลายเป็นสามีดื้อด้าน เจรจายากเย็นขึ้นมา จะได้กำราบได้ทันท่วงที




บ้านทั้งหลังทางฟากโน้นตกอยู่ในความมืด แต่ในครัวกลับปรากฏเงาเลือนรางเคลื่อนไหว ตอนแรกอคินก็นึกว่าเป็นแม่บ้านตื่นมาจัดการหุงหาอาหารไว้ต้อนรับเจ้านายยามเช้าตรู่ แต่เพราะปลายผมที่เจ้าตัวบังเอิญสลัดเบาๆ นั่นเอง ที่ทำให้เขาฉุกคิดว่า 'ไม่ใช่'

'เงา' ยังคงเคลื่อนไหวไปมาอยู่ในแสงสลัว จังหวะวิ่งเหยาะๆ ค่อยขยับเป็นซอยเร็วขึ้นอีกนิด ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกดึงจากลำคอหนามาซับเหงื่อ โดยเฉพาะที่ดวงตา อคินอยากแน่ใจว่า เงาที่เคลื่อนจากซ้ายไปขวา แล้ววนกลับไปมา มันเกิดขึ้นจริงในห้องครัว ไม่ใช่เขาตาฝาดไปเอง

ฟากสวนดอกไม้และสนามหญ้าที่กั้นขวางบ้านใหญ่กับเรือนพักหลังเล็ก มันอ้อมไกลพอสมควร แม้จะไม่เหนื่อยอะไร แต่ในยามเร่งรีบใจร้อน อคินก็ลอบรำคาญหงุดหงิด เขาอยากไปให้เห็นกับตาว่า ในครัวมีบางอย่างแปลกปลอมขึ้นตอนตีสี่ครึ่ง อ้อ ไม่ใช่สิ ตอนนี้มันก็จวนตีห้าแล้ว อีกสิบนาทีเอง

ผ่านสวนหย่อมหน้าเรือนพักของคนรับใช้ ห้องทุกห้องยังไม่ปรากฏแสงไฟ แสดงว่าทั้งแม่พิศและอนงค์ยังไม่ตื่น นายอุ่นกับนายสมบัติก็น่าจะยังหลับอุตุ

ถัดจากตรงนี้ ลัดเลาะคดเคี้ยวไปตามทางโรยกรวดเส้นเล็กๆ ก็จะทะลุกับสนามหญ้า และสระว่ายน้ำบนเนินต่างระดับ วิ่งอ้อมก็ได้ หรือจะเลียบไปด้านข้างก็ได้

เลยซุ้มเฟื่องฟ้าร่มรื่นไปเพียงเล็กน้อย ก็จะเจอศาลาโปร่งบนเนินหญ้าเตี้ย และตรงนั้นก็เป็นที่ที่พุธชมพูโปรดปรานนักหนา เพราะมันสามารถมองเห็นประตูรั้วได้ชัดเจน

อคินมาหยุดอยู่ตรงนี้ และมองไปยังประตูรั้วอย่างชิงชัง เขาอดริษยาแกมน้อยใจไม่ได้ เมื่อนึกได้ว่า เธอจะมานั่งเท้าคางทอดอารมณ์อย่างมีความสุขตรงนี้ เพื่อเฝ้ารอให้รถคู่ใจของสามีโผล่หัวผ่านเข้ามา

เขาเกลียดเยื่อใยและความผูกพันที่เธอมีให้ชายอื่น เกลียดดนัยดลที่แย่งทั้งสิ้นทั้งปวงที่รวมกันเป็นพุธชมพูไปครอบครอง แต่ช่างเถอะ มันกำลังจะกลายเป็น 'อดีต'

ใช่แล้วล่ะ อคินกระหยิ่มใจไม่ผิดหรอก สิ่งที่เขาหมายมาดมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว นับแต่ลมหายใจห้วงสุดท้ายโบกมือลาพุธชมพูไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ

เพื่อทำลายสวาทคุกคามของชายเลวให้พังพินาศ เพื่อปกป้องชีวิตของสามีให้คงอยู่ เธอจึงตัดสินใจตัดช่องน้อยด้วยวิธีนี้ เธอจากไปแล้ว เธอ 'ตาย' อย่างไม่สมควร




สายลมมรณะพัดผ่านเข้ามาในห้องโถงวูบหนึ่ง ดั่งจะต้อนรับก้าวแรกที่อคินย่างเข้ามาอย่างเงียบๆ นอกจากความสลัวกับความเงียบที่ดูจะวังเวงผิดปกติแล้ว หนุ่มตาหวานก็เห็นเพียงข้าวของที่ค่อยๆ เปล่งเงาตะคุ่มในที่ทางที่ตนพอจะคุ้นเคยแล้ว

จู่ๆ ใจก็เต้นแรงประหลาด มันดังระทึกคล้ายว่าทางเลี้ยวไปสู่ห้องครัว คือถ้ำลี้ลับที่จะนำทางเขาไปบรรจบกับสุสานของผีร้าย

ลมแรงขึ้นกระพือพัดผ้าม่านหน้าต่างจนเกิดเสียงพึ่บพั่บ ดึงตาหวานเลี้ยวไปเพ่งอย่างฉงน แปลกใจว่าแม่พิศไม่น่าสับเพร่าถึงขั้นลืมปิดได้ ต่อให้ละแวกนี้ไม่เคยมีประวัติขโมยงัดแงะ แต่เรื่องความปลอดภัยของคนและทรัพย์สินในยามวิกาล ยังไงก็ไม่น่าจะมองข้าม

ไม่เป็นไรหรอก รอให้เขาย้ายเข้ามาเป็นคุณผู้ชายเต็มตัวเสียก่อนเถอะ เห็นทีว่าต้องปฏิวัติกฎระเบียบกันขนานใหญ่

'กลิ่นคาวบางอย่าง' ในสมองของอคินผุดสิ่งผิดปกติขึ้น แล้วสิ่งนั้นก็เขย่าหัวใจให้ยิ่งเต้นถี่นอกเหนือจากดังระทึก จู่ๆ มือสองข้างก็เย็นเฉียบไปเอง แต่เหงื่อกลับผุดจนเปียก เขากำเบาๆ แล้วพบว่ามันลื่นมาก จึงถูซับกับสะโพกพร้อมกับย่องฝีเท้าไปตามทิศที่กลิ่นโชยมา

แล้วฉับพลันนั้นเอง ตลอดร่างก็กระตุกเฮือกด้วยกระแสตระหนกสุดขีด สองตาเรียวหวานเบิกกว้าง และจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยอาการตกตะลึงจังงัง อคินรู้สึกว่าตนอ้าปากได้กว้างมาก แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ ลอดออกมาเลย แม้แต่จะอุทานหรือครางด้วยชื่อของสุดที่รัก

มันน่าแปลกที่ชายชื่ออคิน ซึ่งเคยประกาศปาวๆ ว่า นอกเหนือจากบิดาของพุธชมพูแล้ว ก็มีเพียงตนเท่านั้นที่รักเธอมากที่สุดในโลก แม้แต่ชีวิตก็ยินดีพลีให้

แต่เมื่อซากร่างที่ไร้วิญญาณของสาวสุดที่รักมานอนตะแคงจมกองเลือดอยู่กลางพื้นให้เห็น เขากลับถอยหลังกรูดด้วยความรู้สึกมากมายระคนกันจนแยกไม่ออก

ทั้งที่ปฏิกิริยาที่ควรจะได้เห็นจริงๆ ต้องเป็นการโผเข้าไปยกร่างสิ้นลมขึ้นมาโอบกอด เขย่าและคร่ำครวญอย่างเศร้าโศกเสียใจ ประหนึ่งว่าแทบจะตายตามคนดีไปด้วยต่างหาก

ตรงกันข้ามเลยใช่ไหม เพราะเวลานี้ อคินกำลังปิดปากตัวเองเหมือนพยายามสะกดหรือระงับอาการตระหนกสุดขีด แผ่นหลังชนกับขอบประตูเต็มแรง

มันสั่นเล็กน้อย รวมทั้งโมบายที่แขวนเป็นแพห้อยลงมาเหนือศีรษะก็พลันส่งเสียงกรุ๋งกริ๋ง ยามสงัดวังเวงเช่นนี้ เสียงแผ่วของมันก็ช่างกังวานคล้ายเสียงปีศาจโหยหวนชอบกล

น้ำตาร้อนไหลทะลักในวินาทีต่อมา อคินบดกรามแน่น ฝ่ามือก็กดบีบปากตัวเองจนเกร็งสั่น ราวกับว่าเขาไม่ต้องการให้สุ้มเสียงใดๆ เล็ดลอด แม้ว่าไหล่กำลังไหว ตัวกำลังโยก ด้วยการร้องไห้อย่างแตกตื่นก็ตาม

แต่มันก็เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะสายลมมรณะที่พร้อมใจกันกรูเข้าไปกวัดแกว่งแรงเหวี่ยงอย่างเกรี้ยวกราดอยู่ในสมอง กำลังสาดคลื่นเสียงหวีดหวิวแหลมลึก พลังอำนาจอันทารุณของมัน เร่งกดทับร่างสั่นในชุดออกกำลังกายให้ค่อยๆ ทรุดรูดลงกองพื้น พิงศีรษะกับขอบประตู น้ำตาไหลเทลงด้านข้าง

มือใหญ่ที่ปิดปากแน่นค่อยๆ ห้อยลงแน่นิ่งสิ้นแรงบนตัก พร้อมกับเจ้าของที่กระอักสะอื้นใจจะขาดจนอกกระเพื่อมกระเส่า กลั้วกับชื่อของสุดที่รักที่เพิ่งจะผุดได้อย่างสะท้านว่า 'พุธ'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 54 09:38:30




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com