Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มนต์ไพร บทที่ 4 : ปะทะกองกำลังตัดไม้ ติดต่อทีมงาน

บทที่ 4


กลางป่าดิบแล้งรกชัฏไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นเบียดเสียดกันเรือนยอดด้านบนหนาแน่นจนแสงแดดลอดไม่ถึง พื้นล่างของป่าปกคลุมไปด้วยพรรณไม้ตระกูลเฟิน ขิงข่าและเถาวัลย์ทำให้การเดินป่าเป็นไปด้วยความยากลำบาก

อิทธิพลของน้ำฝนที่เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาในชั่วโมงก่อน ทำให้พื้นดินเฉอะแฉะเช่นเดียวกับร่างของชายในชุดลายพรางป่าไม้จำนวนห้าคนที่เดินถือปืนเอชเคเตรียมพร้อมรับสถานการณ์เปียกปอน ทั้งหมดทุกคนสะพายกระเป๋าเป้เดินป่าสีเขียวขนาดใหญ่บนหลัง ทั้งหมดเดินอย่างเงียบเชียบและระมัดระวังไปยังต้นเสียงของเลื่อยยนต์ที่ทำงานอยู่เป็นระยะ

เมื่อเข้าไปใกล้ต้นกำเนิดเสียงจนเห็นเป้าหมายชัดเจน ชายหนุ่มรูปร่างสูงและมีอายุน้อยกว่าใครก็ทำสัญญาณให้คนที่มาด้วยกระจายกำลังโอบล้อมพื้นที่ไว้ จากนั้นปฏิบัติการกวาดล้างผู้บุกรุกป่าไม้ก็เริ่มต้นขึ้นทันทีโดยไม่รอช้า

“ทุกคนหยุด นี่คือเจ้าหน้าที่ป่าไม้”

เสียงประกาศแข็งกร้าวจากผู้มีอำนาจกว่าใครและเป็นทั้งหัวหน้าชุด ทำให้ชายร่างผอมในชุดสีเขียวที่กำลังคาบบุหรี่มวนใหญ่ไว้ในปากถ่มบุหรี่ทิ้งอย่างรวดเร็วแล้วยกปืนขึ้นสาดกระสุนไปยังทิศทางอันเป็นต้นกำเนิดของเสียง การโต้ตอบด้วยอาวุธปืนเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด ชายวัยฉกรรจ์ที่ถือเลื่อยโซ่ยนต์กำลังตัดไม้อยู่ทิ้งเครื่องมือแล้วกระโดดเข้าหาที่กำบัง เช่นเดียวกับคนที่กำลังยกไม้ซุงขึ้นรถเข็นเหล็กคันเล็กต่างก็วิ่งหลบกระสุนหนีตายจ้าละหวั่น ทิ้งภารกิจผิดกฎหมายไว้เบื้องหลัง

“สายลม ผาชันหนึ่ง วอสอง”

“วอสอง”

“ขณะนี้ผาชันกำลังปะทะกับกองกำลังตัดไม้ ขอกำลังสนับสนุนจากสายลมด่วน”

“วอสองวอแปด”

วนาสณฑ์รีบเหน็บวิทยุสื่อสารไว้กับเข็มขัดแล้วยกปืนขึ้นยิงต่อสู้กับผู้บุกรุกตัดไม้ กระสุนจากฝ่ายตรงข้ามยังไม่สิ้นเสียง แต่เขาก็ไม่อาจประเมินได้ว่าฝ่ายตรงข้ามยังเหลืออยู่กี่คน ไม่ถึงห้านาทีเสียงปืนก็ดังเสริมขึ้นห่าใหญ่

“ผู้กองหนึ่งมาแล้วครับหัวหน้า”

เสียงลูกน้องคนหนึ่งของเขาร้องบอกอย่างดีใจ

ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีเสียงปืนก็เงียบลง วนาสณฑ์วิทยุโต้ตอบกับหัวหน้ากองกำลังสนับสนุนซึ่งอยู่ใกล้กันเพื่อความมั่นใจในสถานการณ์ ก่อนจะร้องถามลูกน้องว่า

“มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ปลอดภัยทุกคนครับหัวหน้า” ใครคนหนึ่งในชุดลายพรางป่าไม้ร้องตอบกลับมา

“เคลียร์พื้นที่ ระวังตัวด้วย” เขาออกคำสั่งเสียงเข้ม

สิ้นคำสั่ง กลุ่มคนในชุดลายพรางป่าไม้กับชุดลายพรางทหารบกที่ตามมาทีหลังเริ่มปรากฏตัวให้เห็นแล้วตรงเข้าไปตรวจสอบพื้นที่รวมทั้งไม้ท่อนที่ถูกโค่นลงกองระเกะระกะ ภาพที่เห็นสร้างความกรุ่นโกรธให้กับวนาสณฑ์จนถึงกับบดกรามอย่างไม่พอใจ

“ไอ้พวกโลภเอ๊ย”

เสียงกระด้างของวนาสณฑ์สบถขึ้นอย่างหัวเสียหลังจากได้รับรายงานจากลูกน้องว่า กลุ่มคนตัดไม้ถูกยิงตายสามคนซึ่งน่าจะเป็นผู้คอยคุ้มกันคนตัดและคนขนไม้ ส่วนที่เหลืออีกสามคนถูกควบคุมตัวไว้

เขารู้กระบวนการของคนเหล่านี้ดีว่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งทำหน้าที่ตัดไม้ อีกส่วนหนึ่งคอยชักลากไปตามเส้นทางออกสู่ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างจากบริเวณนี้ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร ในขณะที่มีบางส่วนคอยดูต้นทางและเป็นผู้คุ้มกันให้ ระบบเหล่านี้ถูกจัดมาแล้วเป็นอย่างดี

“พวกนี้แค่หางแถวเท่านั้นแหละ”

เสียงพูดลอยมาจากร่างสูงของนายทหารบก วนาสณฑ์จึงตอบโดยที่ไม่หันไปมองเพราะรู้ว่าเป็นใคร

“ฉันรู้ แต่ทั้งหมดมันก็มาจากความโลภของคนพวกนี้กันทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่โลภก็คงไม่มารับจ้างตัดไม้ ไม่มาบุกรุกเพื่อจับจองที่ดินแล้วเอาไปขายให้กับนายทุนหรอก ถ้ามีคำว่าพอทรัพยากรของชาติก็คงไม่หมดไปเพราะกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียว เห็นแก่ตัว !” คนตอบกระแทกเสียงในตอนท้ายบ่งบอกอารมณ์เป็นอย่างดี

ร้อยเอกดิตถ์ กาญจนเกียรติ ถอนใจสั้นๆ พลางตบไหล่เพื่อนก่อนที่อีกฝ่ายจะร่ายจบเสียด้วยซ้ำ เข้าใจความรู้สึกของเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เขารู้ว่าวนาสณฑ์รักและทุ่มเทให้กับหน้าที่ของตัวเองมากแค่ไหน แม้จะมีอุปสรรคและข้อจำกัดในการทำงานจากระบบที่ไม่ค่อยนิ่ง แต่อย่างน้อยดิตถ์ก็ดีใจที่ได้ทำงานแบบบูรณาการกับเพื่อนที่รู้ใจและมีอุดมการณ์เดียวกัน โดยไม่สนใจว่าภาพที่ถูกมองจากสื่อและบุคคลภายนอกจะไม่ค่อยดีเลวร้ายเพียงใดเพราะความจริงแล้วเจ้าหน้าที่หลายคนอาจเป็นอย่างนั้น

แต่เขากับวนาสณฑ์เชื่ออย่างหนึ่งคือ เมื่อเราทำตามหน้าที่อย่างดีที่สุดจะต้องไปแคร์อะไร

“คดีใหญ่อีกเหมือนเดิมล่ะสิ”

นายทหารบกเอ่ยถามผู้เป็นเพื่อน หลังจากเห็นป่าไม้หนุ่มวิทยุแจ้งประสานงานให้เจ้าหน้าที่นำรถมารับของกลาง ฝ่ายนั้นพยักหน้าเครียดๆ ไม่พูดอะไรนอกจากเสยผมเปียกชื้นขึ้นลวกๆ ดึงกระเป๋าเป้ออกจากหลังวางลงกับพื้นแล้วค้นเอากล้องถ่ายรูปออกมาเดินไปถ่ายรูปไม้ของกลางที่ถูกตัดด้วยสีหน้าเครียดขรึม ในขณะที่ลูกน้องใช้สายวัดและจดบันทึกรายละเอียดเพื่อหาปริมาตรไม้

“แล้วจะขนไม้ของกลางคืนนี้เลยหรือเปล่า”

ผู้กองดิตถ์ถามเพื่อนอีกพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เกือบเที่ยงแล้ว ถือว่าอุกอาจพอดูสำหรับคดีลักลอบตัดไม้คดีนี้ เป็นไปได้ว่าเพราะบรรยากาศมืดครึ้มและสายฝนที่โปรยปรายทำให้พวกนั้นคิดว่าไม่น่าจะมีการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่

“คืนนี้คงต้องให้คนเฝ้าไม้ของกลางไว้ก่อน เพราะข้างล่างฝนตกหนัก มีน้ำป่ารถมาไม่ได้ ต้องรอให้น้ำลดก่อน” วนาสณฑ์ตอบ

“ฉันจะไปหาพ่อหลวงที่หมู่บ้าน แล้วก็จะนอนที่ฐานเลย ถ้ายังไม่มีการขนไม้ของกลางคืนนี้ฉันจะแบ่งกำลังไว้ช่วยคนของนายเฝ้าของกลางด้วย ว่าแต่จะไปที่หมู่บ้านกับฉันหรือเปล่า”

วนาสณฑ์กวาดตามองรอบบริเวณ “เดี๋ยวฉันจะไปด้วย มีเรื่องจะคุยกับพ่อหลวงหน่อย”

“เรื่องผลักดันให้เขาออกจากป่าน่ะเหรอ”

“ใช่” ป่าไม้หนุ่มตอบ จากนั้นก็หันไปสั่งการกับพนักงานพิทักษ์ป่าวัยสี่สิบกว่าอย่างเข้มงวด

“พี่บิ๊ก อยู่เฝ้าไม้ของกลางให้ดีนะ ผมจะพาตัวผู้ต้องหาพวกนี้ไปไว้ที่ฐานกับผู้กองก่อน พรุ่งนี้จะเข้ามาอีกทีพร้อมกับรถขนของกลาง ถ้ามีอะไรให้รีบวิทยุแจ้งโดยด่วน”

“ครับหัวหน้า” ชายชื่อบิ๊กตอบ

“เสบียงเหลืออยู่เยอะจะพอคืนนี้หรือเปล่า เอาแค่คืนนี้คืนเดียวก็พอเพราะพรุ่งนี้ก็กลับพร้อมกับทีมมาขนไม้ของกลางแล้ว” เขาถามอย่างเป็นห่วง

“ยังเหลือเยอะครับหัวหน้า” ตอบพลางเอามือตบกระเป๋าด้านหลังเบาๆ อย่างมั่นใจ

วนาสณฑ์พยักหน้าก่อนจะหันไปทางเพื่อนนายทหาร “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะไอ้ผู้กอง ฝนทำท่าจะลงเม็ดอีกแล้ว”

“เปียกฝนอย่างนี้ต้องรีบไปล้างท้องด้วยน้ำร้อนๆ ป้องกันไข้เสียหน่อย” ผู้กองหนุ่มบอกด้วยเสียงครึกครื้นพลางเอามือลูบน้ำฝนซึ่งหยดเปาะแปะจากเรือนยอดต้นไม้ออกจากใบหน้าคมสัน จึงถูกอีกฝ่ายค่อนเอาอย่างรู้ทันว่า

“น้ำร้อนหรือว่าน้ำเหล้า”

“ไม่ว่าจะน้ำร้อนหรือน้ำเหล้ามันก็ร้อนเหมือนกันแหละว้า เบื่อคนรู้ทันว่ะ...จ่าแก้วอยู่เฝ้าของกลางนะ จ่าขวดไปกับผม”

“ครับผม” จ่าแก้วตะเบ๊ะรับคำสั่งผู้บังคับบัญชา วนาสณฑ์ยิ้มขำ กระชับปืนเอชเคในมือแล้วพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินนำออกไปว่า

“ขนาดชื่อยังเข้าคู่กันเลย นี่ถ้ามีจ่าจานกับจ่าช้อนก็คงดี เวลาเข้าป่าจะได้ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้ยุ่งยาก”


*********************


บนสันเขากลางป่าท่ามกลางอากาศหนาวเย็น เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านฟ้าลั่นซึ่งมีชาวเขาเข้ามาอาศัยก่อนตั้งอุทยานแห่งชาติภูผาชัน ร่างสูงร้อยแปดสิบทัดเทียมกันของป่าไม้หนุ่มมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูผาชันกับนายทหารบกซึ่งเป็นหัวหน้าชุดฐานปฏิบัติการชัยชนะเดินเข้าไปเขตของฐานปฏิบัติการชั่วคราวซึ่งเป็นกระท่อมไม้ไผ่ยกสูงกระจายอยู่ห้าหลัง มีบังเกอร์รอบด้าน

ผู้กองหนุ่มเดินนำตรงเข้าไปยังโรงครัวหลังคามุงสังกะสีขนาดเล็ก จ่าดอยกับพลทหารที่นั่งอยู่ก่อนแล้วลุกขึ้นตะเบ๊ะให้

“จ่าดอย ให้คนจัดที่พักให้ผมกับหัวหน้าสนด้วย เราจะนอนค้างที่นี่หนึ่งคืน”

“ครับผม”

“ตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะจ่าดอย” ผู้กองหนุ่มเอ่ยถามพลางยกแก้วน้ำที่มีคนส่งให้ขึ้นดื่ม

“ผมเป็นไข้หวัดครับ เป็นมาสองวันแล้ว”

ผู้กองหนุ่มเกือบสำลักน้ำก่อนจะส่ายหน้า ทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง “ผมไม่ได้หมายถึงตัวจ่า ผมหมายถึงผลจากการทำงานของเราแล้วก็สถานการณ์และปฏิกิริยาของคนในหมู่บ้าน”

“อ้าว ผมก็นึกว่าผู้กองถามถึงผม” พูดพลางหัวเราะแหะๆ ก่อนจะรายงานสถานการณ์ตรงตามเป้าประสงค์ที่ผู้บังคับบัญชาต้องการ

“ช่วงนี้ชาวบ้านเพลาๆ เรื่องการตัดไม้ขยายพื้นที่ทางการเกษตร ส่วนปฏิกิริยาที่มีต่อพวกเราดูท่าทางผิวเผินคล้ายจะเงียบและเชื่อฟัง แต่ลึกๆ แล้วดูเหมือนจะไม่ค่อยยอมรับเท่าไหร่ โดยเฉพาะพ่อหลวงซึ่งดูเหมือนจะตอบรับการทำงานของเราแต่ยังมีท่าทีแข็งๆ อยู่”

ชายหนุ่มระดับผู้บังคับบัญชาทั้งสองคนมองหน้ากัน

“เดี๋ยวคืนนี้ผมกับผู้กองจะไปคุยกับพ่อหลวงซักหน่อย” หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูผาชันบอก

...งานหนักทีเดียวล่ะ... การทำงานปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าและบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติโดยมีชาวเขาหมู่บ้านฟ้าลั่นซึ่งอยู่ในพื้นที่ก่อนเริ่มประกาศพื้นที่เป็นอุทยานแห่งชาติเป็นเรื่องยากสำหรับเขา เพราะต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ ปัญหายุ่งยากคงไม่เกิดขึ้นหากหมู่บ้านนี้ไม่มีชาวเขาจากประเทศเพื่อนบ้านมาอาศัยรวมอยู่ด้วยในภายหลังและเริ่มขยายตัวขึ้น

การปราบปรามโดยผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับคนเก่าคนแก่ในหมู่บ้านนี้ทำให้เขาต้องหาทางตัดปัญหาความไม่พอใจและวงจรเกี่ยวพันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจนทำให้ทำงานลำบาก


**********************


บ้านไม้ไผ่ขนาดใหญ่ยกสูงหลังหนึ่งตั้งอยู่บนอาณาเขตกว้างขวางกว่าบ้านหลังอื่นที่อยู่รายรอบ ชายหนุ่มสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้เตี้ยๆ ข้างกองไฟในมุมหนึ่งซึ่งเป็นห้องครัวของบ้าน ในขณะที่ชายวัยประมาณห้าสิบห้ากว่านั่งล้อมวงอยู่ด้วยสีหน้าเฉยชา

“ผมคิดว่าพ่อหลวงคงพอจะทราบว่าตอนนี้ป่าในแถบนี้กำลังเจอกับปัญหาใหญ่คือมีคนเข้าไปตัดไม้ และบุกรุกพื้นที่ปลูกข้าวโพดและพืชเกษตร ผมจึงอยากขอความร่วมมือกับพ่อหลวงให้ช่วยตรวจตราและดูแลป่าอีกทางหนึ่ง”

วนาสณฑ์เริ่มต้นคุยเรื่องงานโดยพยายามไม่ให้อีกฝ่ายมองว่ากำลังถูกจับผิดหรือมองว่าเป็นคนผิดที่จะถูกพิพากษา

“พวกเราอยู่กับป่าแห่งนี้มานาน ลูกหลานของผมไม่เคยคิดทำลายป่านะหัวหน้า” พ่อหลวงซึ่งเป็นหัวหน้าของหมู่บ้านฟ้าลั่นชักสีหน้ามึนตึงขณะพูดภาษาไทยด้วยสำเนียงแปร่งๆ

“หัวหน้าสนไม่ได้หมายความว่าคนหมู่บ้านฟ้าลั่นเป็นคนทำลายป่านะครับพ่อหลวง เพียงแต่ว่าอยากให้พ่อหลวงเป็นผู้นำชาวบ้านในการช่วยดูแลป่า”

ดิตถ์เอ่ยอย่างรอมชอมแม้จะรู้ว่าผู้ต้องหาซึ่งถูกจับในข้อหาตัดไม้บางคนเป็นญาติกับคนในหมู่บ้านนี้และบางคนไม่พอใจกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

“เราดูแลอยู่แล้ว ดูมานานด้วย เพราะถ้าไม่มีป่าเราก็อยู่ไม่ได้ พวกหัวหน้าไม่ได้อยู่ในป่าเหมือนพวกเราไม่รู้หรอกว่าเราต้องอาศัยป่าในเรื่องการกินการอยู่ เพราะฉะนั้นยังไงเราก็ไม่มีทางทำลายที่อยู่ที่กินของพวกเราหรอก”

“ผมเข้าใจครับในเรื่องนั้น แต่บางทีอาจมีบางคนซึ่งยังไม่เข้าใจในจุดนี้” ป่าไม้หนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม

“น้ำชาค่ะหัวหน้า...ผู้กอง”

เสียงใสของเด็กสาวผู้สวมชุดประจำเผ่าสีขาวตัวยาวดังขึ้นแทรกพร้อมกับยื่นแก้วน้ำชาให้ชายหนุ่มทีละคน

“ขอบใจมากจ้ะโยดี ได้ยินว่าไม่ค่อยสบายเป็นไข้ หายแล้วเหรอ”

ดิตถ์ยื่นมือไปรับแก้วน้ำชาจากลูกสาวของพ่อหลวงอ่องส่าพลางเอ่ยทักทายด้วยสีหน้าของผู้ใหญ่ที่เอื้ออาทรกับเด็ก ถึงจะเป็นชายโสดติดจะเจ้าสำราญแต่ดิตถ์ก็ไม่ได้คิดจะก้อร่อก้อติกไปทั่วเหมือนจ่าดอยหรือพลทหารในฐาน

“ยังค่ะผู้กอง แต่อาการดีขึ้นมากแล้ว” เด็กสาวตอบเสียงเบาด้วยท่าทางเอียงอายเล็กน้อย ปรายตาไปทางวนาสณฑ์แล้วก็รีบเบนหลบ

“พักผ่อนเยอะๆ ล่ะ อยากได้อะไรไหม ถ้าฉันเข้าเมืองจะซื้อมาฝาก”

โยดีปรายตามองผู้เป็นพ่ออย่างเกรงๆ ก่อนจะหันไปตอบผู้กองหนุ่มด้วยเสียงไม่ค่อยมั่นใจนัก

“แล้วแต่ผู้กองจะกรุณาค่ะ”

วนาสณฑ์เห็นสายตาโยดีที่มองมาทางเขาแล้วรีบหลุบตาต่ำลงก็ขมวดคิ้วก่อนจะอมยิ้มขัน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาจนสามสิบหกปีทำให้เขาพอจะมองออกว่าอีกฝ่ายมีท่าทีขัดเขินแต่สนใจเขาอยู่ในที

“โยดี”

เสียงเรียกแหบโหยตามมาด้วยเสียงกระแอมเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง ทำให้โยดีผลุดลุกขึ้นแล้วเดินหายไปทางห้องหนึ่งซึ่งมีถูกกั้นด้วยไม้ ความสนใจของผู้เป็นแขกจึงกลับมายังเรื่องที่คุยกันอยู่ทันที

“ผมอยากฝากให้พ่อหลวงคอยสอดส่องด้วยนะครับ ถ้าพบเห็นใครตัดไม้หรือบุกรุกป่าช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ของผมหรือแจ้งทหารในฐานก็ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราไม่ช่วยกันซักวันหนึ่งเราอาจจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้”

“ถ้าไม่ให้เราอยู่ตรงนี้แล้วจะให้พวกเราไปไหนล่ะหัวหน้า” ชายสูงวัยถามเสียงแข็ง

“คนที่นี่คงไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีการตั้งถิ่นฐานใหม่ขึ้นในเขตอุทยานฯ เราก็อาจจะต้องย้ายเขาไปอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่ป่า ซึ่งอาจเป็นที่หมู่บ้านข้างล่างแทน”

หลังจากจบประโยคของวนาสณฑ์แล้ว หนุ่มป่าไม้และผู้กองไม่ได้รู้เลยว่าได้ทำให้พ่อเฒ่าคนหนึ่งที่นอนเหยียดยาวนิ่งไม่ไหวติงบนฟูกหลังผนังกั้นเบิกตาโพลงขึ้น มือกำแน่น มีเพียงเสียงพึมพำแผ่วเบาเท่านั้นที่เล็ดลอดออกจากริมฝีปากอย่างเคียดแค้น

“อวดดี เจ้าเด็กเมื่อวานซืน”

โยดีขมวดคิ้ว วางถ้วยยาลงบนโต๊ะพื้นไม้ เอ่ยถามพ่อเฒ่าวัยร้อยสองปีด้วยสีหน้างุนงง

“เมื่อกี้พ่อเฒ่าว่าอะไรเหรอจ๊ะ”

พ่อเฒ่าเหลือบตามองหลานสาว เอ่ยเสียงแหบเบาแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่น “อย่าให้มันทำร้ายพี่น้องเรา”

“ใครจะมาทำร้ายเราเหรอจ๊ะพ่อเฒ่า”

“สองคนนั่น” นิ้วชี้เหี่ยวย่นชี้ไปทางห้องครัว “พวกมันจะทำให้พี่น้องเราไม่มีที่อยู่ที่กิน...ให้มันออกไป...ออกไปให้พ้นจากหมู่บ้านเรา...เอามันออกไป”

สิ้นเสียงชายชราก็หลับตาลง เสียงตะเกียงสีส้มวับแวมทำให้เห็นร่างผ่ายผอมนอนนิ่งไม่ไหวติง โยดีจับแขนผ่ายผอมพลางเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างชรา


*******************


อาหารค่ำท่ามกลางป่าเขาในฐานปฏิบัติการชัยชนะสิ้นสุดลงแล้ว แต่การสนทนาถึงภารกิจควบคู่ไปกับการดื่มกินยังดำเนินอยู่ โดยมีแสงไฟจากหลอดไฟแบบประหยัดซึ่งมีต้นกำเนิดจากแผงโซล่าเซลล์ให้ความสว่างแข่งกับความมืดมิดขอบราวป่า

ห่างออกไปจากบริเวณโต๊ะอาหารโย้เย้ทำจากไม้ไผ่ประมาณห้าเมตร พลทหารคนหนึ่งกำลังคั่วข้าวโพดในกระทะสีดำบนเตาฟืนที่ควันไฟลอยคลุ้ง

“เมื่อไหร่จะได้กินป๊อบคอร์นซะทีพ่อครัวช้าง” จ่าดอยส่งเสียงแซว

“รอแป๊บเดียวครับจ่า ใกล้แล้ว”

“ใกล้อะไร ใกล้ไหม้เหรอ กลิ่นมันชักจะใกล้เคียงกับคำว่าไหม้มากกว่าหอมแล้วนา”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นพลทหารช้างรูปร่างสูงท้วมก็เลยบอกพลทหารอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยให้หยิบจานสังกะสีบนชั้นไม้ไผ่มาแล้วยกกระทะขึ้นก่อนจะเทข้าวโพดลงไปทีเดียวหมด

“มาแล้วคร้าบ”

วนาสณฑ์ก้มหน้าลงเขม้นมอง “อยู่บนดอยมีป๊อบคอร์นกินด้วยแฮะ เข้าท่าดีนี่”

“ข้าวโพดนี้น้องโยดีเอามาให้เมื่อตอนบ่ายก่อนผู้กองกับหัวหน้าสนจะมาครับ” คนที่ทำหน้าที่เป็นพ่อครัวรายงานยิ้มๆ และรีบพูดต่อ “น้องเขาบอกว่าถ้าผู้กองกับหัวหน้าสนมาถึงเมื่อไหร่ให้เอาไปคั่วให้กิน”

ผู้กองหนุ่มพยักหน้าทำตาพราวขณะมองข้าวโพด ไม่ได้นึกถึงคนให้หรอก แต่นึกครึ้มที่มีกับแกล้มหอมๆ ต่างหาก แต่ปากกลับพูดถึงคนให้อย่างขอบคุณ

“น่ารักจริงๆ น้องโยดี”

“น่ารักก็รักเลยสิ” ป่าไม้หนุ่มยุส่งเพื่อนด้วยน้ำเสียงขำๆ “จีบแล้วก็แต่งงานอยู่กินกันที่นี่เลย จะได้อยู่ดูแลป่าตลอดไปแบ่งเบาภาระฉันด้วย”

“เอางั้นเลยเรอะนายสน” ดิตถ์ตอกกลับเสียงหมั่นไส้ “แล้วทำไมนายไม่แต่งเสียเองเลยล่ะ”

“อ้าว ก็เสนอแนะให้ไง เห็นนายทำตาวิบวับทุกทีเวลาเห็นน้องเขา”

“ทำตาวิบวับตอนไหนวะ หาเรื่องกันนี่หว่า...แต่จะว่าไปแล้วถึงฉันจะทำตาวิบวับก็ไม่ผิดหรอกเพราะยังโสด แต่จ่าดอยทำตาวิบวับเวลาพวกเราพูดถึงโยดีนี่สิ ผิดแน่”

“อ้าว”

จ่าดอยอุทาน ชะงักมือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบกับแกล้ม เมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกพาดพิง

พอตัวเองเป็นโสดล่ะก็พูดได้นะผู้กอง อกหักครั้งเดียวทำเป็นเลือกมากไม่ยอมลงเอยกับสาวคนไหนทั้งที่อายุก็สามสิบหกแล้ว ชะ ชะ

จ่าดอยนึกในใจอย่างหมั่นไส้ผู้บังคับบัญชาวัยอ่อนกว่า ก่อนจะหยิบข้าวโพดคั่วซึ่งเป็นกับแกล้มชั้นเลิศอย่างเดียวบนแล้วส่งเข้าปากเคี้ยวหยับๆ

“เอ...ทำไมข้าวโพดเม็ดใหญ่จัง ไอ้ที่ยังเป็นเม็ดอยู่นี่คือสูตรใหม่หรือเปล่าช้าง” ดิตถ์พูดกลั้วหัวเราะขณะแบมือที่มีเม็ดข้าวโพดปะปนกันทั้งเม็ดที่แตกออกเป็นสีขาวและยังเป็นเม็ดๆ

พลทหารช้างหัวเราะแหะๆ ก่อนจะอธิบายว่า

“ไม่ใช่สูตรใหม่ครับ แต่สงสัยเม็ดข้าวโพดมันจะใหญ่ไม่เท่ากัน บางเม็ดเลยยังไม่แตกเป็นป๊อบคอร์น”

“มันไม่แตกยังไม่พอ แต่มันยังไหม้และไม่สุกด้วย”

วนาสณฑ์หยิบเม็ดเม็ดข้าวโพดที่มีสีแดงขลิบดำขึ้นมาชูพลางส่ายหน้าก่อนจะปล่อยมันลงบนจานตามเดิม แล้วเลือกหยิบเม็ดใหม่ขึ้นใส่ปากเคี้ยวกรุบๆ แล้วเอื้อมมือไปหยิบเม็ดใหม่มาเดาะเล่นพร้อมกับเอ่ยลอยๆ ว่า

“เอ...รู้สึกว่ามันขาดอะไรไปหรือเปล่าช้าง”

พ่อครัวกับแกล้มรอบดึกนึกได้ “จริงสิครับ ผมก็นึกอยู่ว่าทำไมมันจืดที่แท้ก็ขาดเกลือนี่เอง เดี๋ยวผมไปเอามาโรยให้นะครับ”

คนพูดเดินหายไปทางโรงครัว ค้นหาอะไรกุกกัก คนที่นั่งอยู่จึงเริ่มต้นมุ่งประเด็นไปสู่เรื่องงานอีกครั้ง

“พรุ่งนี้จ่าดอยนำทีมของเราไปลาดตระเวนแนวตะเข็บชายแดนเหมือนเดิมนะ ผมจะไปช่วยหัวหน้าสนขนไม้ของกลาง” ผู้กองดิตถ์บอกจ่าดอย น้ำเสียงเป็นงานเป็นการ

“ครับผู้กอง” จ่าดอยรับคำสั่งสีหน้าจริงจัง

“ระวังตัวด้วยนะครับจ่า” ป่าไม้หนุ่มเสริมสีหน้าเครียดขรึมอย่างเป็นห่วง

“อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามโดยเฉพาะถ้ากลุ่มที่เราไปพบเจอการขณะกระทำผิดคือชาวเขาในหมู่บ้านฟ้าลั่น เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผมยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของชาวบ้านที่นี่ซึ่งมีต่อเรานัก ว่าเขาจะเชื่อและเห็นด้วยกับการผลักดันชาวเขาอีกกลุ่มหนึ่งออกไปจากอุทยานภูผาชัน เพราะเราก็รู้ๆ อยู่ว่าชาวเขากลุ่มนั้นหลายคนเป็นเครือญาติกับคนในหมู่บ้าน โดยเฉพาะหลังจากได้คุยกับพ่อหลวงวันนี้แล้ว ท่าทีเฉยชาของพ่อหลวงทำให้ผมคิดว่าเรื่องมันอาจไม่ง่ายนัก แต่ยังไงเราก็ต้องเดินหน้า ขนไม้ของกลางเสร็จเมื่อไหร่ผมจะให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามาสมทบทีมลาดตระเวนอีกชุดหนึ่ง เพราะว่าต้องมีการลาดตระเวนเชิงคุณภาพด้วย” วนาสณฑ์ร่ายยาว

พลันทุกคนก็ต้องสะดุ้งโหยงและหยิบอาวุธขึ้นมาอยู่ในท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ด้วยสัญชาติญาณของการระวังภัยในถิ่นที่ไม่อาจวางใจกับเหตุการณ์ใดๆ ได้เลยแล้วหันไปทางโรงครัวเป็นทางเดียวกัน ไม่ถึงสามวินาทีร่างสูงท้วมสมชื่อซึ่งเป็นต้นเหตุของเสียงโครมครามก็วิ่งพรวดมานั่งหน้าตาตื่นเบียดจ่าดอยอย่างลืมตัว

“มีอะไรช้าง” จ่าดอยเอ็ดเสียงเขียวและใช้ไหล่ดันร่างอีกฝ่ายออก

นิ้วชี้อวบอูมชี้ไปยังทิศทางโรงครัว ละล่ำละลักพูด “เมื่อกี้ผมเห็นอะไรแดงๆ เหมือนลูกกะตาดวงโตๆ...มัน...มันจ้องมองพวกเราอยู่ตรงชายป่าโน้น สีแดงแป๊ดเหมือนดวงไฟเลย แต่พอผมตกใจจนชนจานตกมันก็เป็นเงาดำเหมือนตัวอะไรซักอย่างวิ่งหายเข้าป่าไป”

“ไหน...ตาฝาดรึเปล่าช้าง หรือว่าเมาจนตาลาย ไม่เห็นมีอะไรเลย” ดิตถ์มองตาม เพ่งมองไปยังทิศทางมือของลูกน้องในบังคับบัญชา

“แต่ผมเห็นจริงๆ นะครับผู้กอง จริงๆ นะครับจ่า” คนอ้างว่าเห็นพยักหน้าย้ำเสียงสั่นตะกุกตะกัก

วนาสณฑ์ลดปืนสั้นในมือลงและเหน็บข้างเอว ถอนใจโล่งอกก่อนจะยักไหล่อมยิ้มขำๆ แล้วหันไปสบตากับเพื่อนที่มองมาด้วยสายตาเหมือนโดนเด็กหลอกก็ไม่ปาน

“มีลูกน้องคอยหลอนอย่างนี้ คงได้ไปเช็คประสาทซักวัน” ดิตถ์บ่น

ลูกน้องที่ถูกว่า ‘หลอน’ ขนลุกขึ้นมาดื้อๆ

ผู้กองเช็คประสาท แต่เขาเห็นทีจะขอเช็คหัวใจหน่อยเถอะกลัวว่าจะมันจะวายไปเสียก่อน เพราะที่เห็นน่ะไม่ได้คิดว่าตาฝาดเลย ให้ตายสิ ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะโกรธแค้นเสียเหลือเกิน

*******************

จากคุณ : permanent stream
เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 54 15:11:15




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com