14
แบบนี้เขาเรียก คิดถึงไก่ไก่ก็มาใช่ไหมนี่
วันหลังปุริมาจะคิดถึงเป็ด หวังว่าคงไม่โผล่มาตามเสียงเรียก เธอปั้นหน้าบึ้งแสดงให้เห็นว่าไม่พอใจกับคำเรียก
“แหม ผมคิดว่าจะได้รับยิ้มหวาน ๆ ซะอีก”
นั่นไงล่ะ ปุริมาสะบัดหน้า
“แล้วปูนิ่มไม่ได้จะมาหาผมเหรอ...”
“ฉันมาหาป้าไก่ต่างหาก” เธอพูดแล้วจ้ำพรวด ๆ ตรงไปที่ร้าน
เขมรัฐยิ้ม เดินตามไปอย่างอารมณ์ดี
ในร้าน ปุริมาหันไปทำตาเขียวใส่เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินตามมา จะอ้าปากต่อว่า แต่เกรงว่าจะโดนสวนกลับ นี่มันร้านเขา พื้นที่ของเขา เธอเองนั่นแหละที่ก้าวเข้ามา...
“อ้าว ว่าไงจ้ะหนูปูนิ่ม”
“มาฝากท้องค่ะ”
“ได้เลย แต่ว่ารอนิดนึงนะ วันนี้มีลูกค้าสั่งข้าวกล่องเยอะเลย” ป้าไก่บอก เห็นคุณหงส์ช่วยรับเมนูอยู่ที่เรือนติดทะเล ปุริมาบอกยิ้มแย้มว่าไม่เป็นไร เพราะเธอเองก็มาสั่งกลับไปกินบ้านเช่นเดียวกัน
พอหันกลับมาก็เจอกับใบหน้าแพรวพราว รอยยิ้มหดหาย เคลื่อนกายตั้งใจจะมานั่งรอ แต่เห็นลูกค้ากำลังรออ่องจัดโต๊ะจึงขยับไปยืนด้านข้างแทน
“นั่งรอก่อนเลยจ้ะ ปูนิ่ม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ให้ลูกค้าเถอะ”
ป้าไก่มองซ้ายขวา เจอกับเก้าอี้พลาสติกสีแดงจึงเรียกบอกให้เธอหยิบมานั่ง ปุริมาทำตาม ยังเห็นสายตาจับจ้องอยู่ตลอดจึงชักไม่ชอบใจ
“มองอะไรนักหนา”
เขมรัฐทำปากจิ๊จ๊ะคล้ายเสียดาย “ไม่ทันป้าไก่น่ะสิ จะบอกว่าถ้าไม่มีที่ไม่เป็นไร มานั่งตักผมก็ได้”
ป้าไก่หัวเราะชอบใจ แต่คนถูกล้อหน้าแดงจัดเป็นลูกมะเขือเทศ เธอทะลึ่งพรวด หมายจะวีนกลับให้สนั่นทว่า
“หนูปูนิ่ม”
คุณหงส์เดินเข้ามาพอดี จากที่จะเหวี่ยงเลยค้างเติ่ง ปุริมายกมือไหว้ทักทาย ทำให้คนแซวหัวเราะคิกคัก พอถูกมองก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ตาบ้า!
คนอาวุโสทักทายสดใส ไถ่ถามว่าได้สั่งอาหารไปแล้วหรือยัง พร้อมทั้งให้ความมั่นใจว่าต้องรอเพียงเล็กน้อย
“ถ้าเบื่อ ๆ ไปรอตรงใต้ร่มไม้ตรงโน้นก็ได้นะจ้ะ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะให้อ่องไปบอก”
พูดพลางปรายตามาทางลูกชายตัวโตซึ่งทำทีสนใจอะไรกับโทรศัพท์มือถือ อย่างน้อยคุณหงส์ก็ให้ความอุ่นใจกับปุริมาได้เล็กน้อยว่า นายคนนี้คงเกรงใจผู้เป็นแม่บ้างและไม่เกี้ยวเธอจนกรอบแน่
อยู่ดี ๆ เขมรัฐก็ลุก เล่นเอาปุริมาที่กำลังนั่งเกร็งสะดุ้ง เขาหันมายิ้มล้อ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เครื่องดื่มหยิบกระป๋องน้ำอัดลมมายื่นให้ เจอมุกให้ไม่ต้องถามเข้าไปเลยปฏิเสธไม่ออก พึมพัมขอบคุณพอได้ยิน
ชายหนุ่มโค้งรับอย่างน่าหมั่นไส้ หญิงสาวพยายามทำใจให้ชิน เธอมองไปทั่วร้าน รำลึกได้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาที่คืออะไร
“มองหาใครเหรอคุณ”
รู้ดีอีกแล้ว “โขงไม่มาเหรอ”
“วันเสาร์แบบนี้ กว่าจะตื่นกว่าจะโซโล่กีตาร์จนหนำใจ ออกหากินอีกทีก็บ่ายนั่นแหละ” เขมรัฐดูนาฬิกาข้อมือ “อีกสักพักนั่นล่ะ ทำไมเหรอ”
คนถามหมุนกระป๋องน้ำอัดลม กึ่งเขินกึ่งลังเล เห็นคนรอบข้างง่วนกับกิจกรรมของตนเองจึงเอ่ยปาก
“โขงเป็นยังไงบ้าง”
“ก็สบายดีนี่” เขมรัฐตอบทันทีแล้วก็คิดขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร เธอคงเข้าใจว่าแล้วต้นเหตุของการลงไม้ลงมือของลูกชายเขาคือตัวเอง และเกรงว่ามันจะกระทบจิตใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอก เขาแคร์ผมมากกว่าแคร์คนอื่น แค่รู้ว่าพ่อมันไม่โกรธก็วิ่งปร๋อแล้ว”
คราแรกปุริมาจะเหน็บกลับว่าทำไมเขาให้ท้ายการกระทำของลูกชาย หากวินาทีถัดมาก็เข้าใจ สิ่งที่โขงทำคือการปกป้องศักดิ์ศรีผู้เป็นพ่อ และการที่กลัวว่าพ่อจะเสียใจหมายถึงไม่ต้องการทำลายความคาดหวังต่อบุพการี รวมทั้งความรักและความปรารถนาดีทุกอย่าง
ดูคล้ายความเป็นเพื่อนแทรกซึมในความผูกพัน ปุริมานึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย
แต่คำพูดขอบคุณยังติดอยู่ทีริมฝีปาก มันเป็นการเก้อเขิน ไม่คุ้นชิน ได้แต่พยักหน้ารับนิ่ง ๆ นานทีจะได้เห็นชายหนุ่มพูดเป็นการเป็นงาน
“ระวังตัวดี ๆ นะปูนิ่ม”
น้ำเสียงนุ่มนวล ปุริมาเผลอใจเต้น ร่ำ ๆ เกือบจะยกมือมาทาบอกแล้วเชียว ส่งยิ้มมั่นใจ “ไม่เป็นไร ฉันกลับกับผอ. ปลอดภัยตลอดการเดินทาง”
“ไม่ใช่” เขมรัฐส่ายหน้า “ให้ระวังว่าเป็นห่วงมากเดี๋ยวจะตกหลุมรักผมน่ะสิ”
เสี้ยววินาทีมีความเงียบงัน ก่อนที่หัวหูปุริมาจะร้อนผ่าวเหมือนโดนไฟสุม!! ทำไมน้า ทำไม ทำไมไม่ทำให้รู้สึกประทับใจได้มากกว่าสามนาทีสักที นายราหู นายหัวตัวดำ!
“ถามจริงเถอะ วันไหนไม่ได้แซวฉันจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเป็นดาวเป็นเดือนหรือไง!”
เขาขำกับคำด่าของเธอ แต่แสร้งยกคิ้ว “อ้าวคุณ...พูดเป็นเล่นไป เห็นแบบนี้ ผมเป็นโรคที่รักษาไม่หายนะ”
“โรคอะไร”
ปุริมาอยากตบปากตัวเองที่ยั้งไว้ไม่ทัน ผลก็คือ
“หล่อเรื้อรัง”
แบบนี้ภาษากีฬาเขาเรียกว่าตั้งให้ตบ หญิงสาวกลั้นอาการอยากกรี๊ด ลุกพรวดไปที่หน้าเตา
“ป้าไก่คะ! หนูขอลัดคิว ไม่รอแล้ว!”
“อ้ะ อ้าว” แม่ครัวใหญ่งุนงนอาการปุบปับ มองลูกค้าสาวแล้วสบตาเจ้านายรุ่นลูกราวกับอีกฝ่ายจะให้คำตอบได้กระจ่าง เขมรัฐเอาแต่หัวเราะสนุกสนาน
ปุริมาหายใจฟึดฟัด ตั้งใจจะขอบคุณแท้ ๆ แบบนี้ไม่ญาติดีด้วยแล้ว คุยดีทีไรโดนลากเข้ารกเข้าพงตลอด คิดเอาเองล่ะสิว่าทำแบบนี้แล้วเธอจะหลงคารม ฝันไปเถอะย่ะ!
“สะบัดเข้า เดี๋ยวก็คอหลุดต่อไม่ต...”
“เข้!”
“ผมเปล่า” เขมรัฐยกมือสองข้าง ทำหน้าซื่อตาใสปฏิเสธ คุณหงส์ส่ายหน้าระอา สายตาไม่เคยเชื่อถือ
“ถือว่าจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เดี๋ยวจะตีโชว์สาว”
ชายหนุ่มกอดอกทำตัวสั่น “โอ๊ะ จะบ่ายแล้ว ไปทำงานต่อดีกว่า คนมีเงินนับเป็นน้อง...มีทองนับเป็นพี่ มีหนี้ไม่นับญาติ...”
เขาลุกเดินร้องเพลงดัง ๆ ออกไปอย่างสบายอารมณ์ ปุริมามองตามหน้ามุ่ย ทั้งที่หัวใจแช่มชื่นและสั่นระรั่วไม่หยุด จนต้องหาเรื่องไปคุยกับคุณหงส์แทน
ตะวันคล้อยต่ำ อากาศเย็นแทนที่ไอแดด ลมพัดกิ่งไม้ไหวซู่ พร้อมกับการมาของใครคนหนึ่งที่คุ้นตาในรอบสองเดือน คนที่ปุริมานึกเป็นห่วงตลอดทั้งวัน และแน่นอนคำตอบที่ได้ไม่ผิดเพี้ยนจากคำบอกเล่า เจ้าเด็กแสบมาพร้อมกับจักรยานคู่ใจและรอยยิ้มกริ่ม
พอวางปิ่นโตก็ยิงคำถามทันที “พ่อบอกว่าเจ๊ถามถึงผมเหรอ เป็นห่วงผมล่ะซี้”
เด็กชายขัตติยะไม่มีอาการซึมเศร้า รู้สึกผิด หรือเหงาหงอยแม้แต่น้อย ปูนิ่ม...เธอน่ะคิดไปเองแท้ ๆ
“เป็นห่วงกลัวว่าเธอจะไปต่อยปากใครอีกต่างหาก”
เด็กชายร้องโอด พลางมองไปรอบบ้าน “ผอ.ไม่อยู่อีกแล้วเหรอ”
“อืม”
คนถามทำท่าครุ่นคิดอะไรเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ กริยาเกินอายุนั้นไม่รู้จะน่าเอ็นดูหรือหมั่นไส้ดี
“งั้นผมไปก่อนนะเจ๊”
ปุริมาเดินไปส่งในมือถือแก้วน้ำที่ดื่มค้างอยู่
“ผมกลับไปแล้วก็อย่าลืมปิดประตูลงกลอนให้ดีล่ะ ถ้าใครมาเรียกแล้วไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ที่เจ๊สนิทแนบแน่นแล้วล่ะก็ห้ามเปิดรับเชียวนะ อย่าคิดว่าพ่อผมเป็นซุปเปอร์แมนที่จะมาช่วยเจ๊ได้ทุกครั้ง เพราะผมไม่เคยเห็นพ่อใส่กางเกงในไว้ข้างนอกสักที”
อ้อเหรอ โขงขยับไปนั่งคร่อมบนอานรถจักรยาน
“ทุกทีเห็นแต่ไม่ใส่กางเกงน่ะ”
“พรวด!”
ปุริมาสำลักน้ำ สมองมันแล่นไวปรู๊ดปร๊าด ภาพฉายไปถึงไหนต่อไหน อาการนั้นทำให้เด็กชายหัวเราะร่วน จนเธอหน้าแดงรีบหมุนกายกลับ
แต่ไม่ทันได้ลงกลอน เจ้าตัวแสบก็วนรถกลับมา กระโดดเหยง ๆ เหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“อะไรอีกล่ะ”
“เจ๊ พรุ่งนี้ไปเดทกันไหม”
....ต่อค่ะ
แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 54 20:33:42
จากคุณ |
:
BabyRed
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ต.ค. 54 14:56:26
|
|
|
|