บรรพที่ 34
อวสาน
ภามิน... เสียงหวานๆ นั้นแว่วอยู่ข้างกาย เรียกเอาชายหนุ่มหันไปสบตา ก็พบว่านัยน์ตาแสนงามคู่นั้นมีแววกังวลอยู่ลึกๆ ในใจ ใช่ว่าชายหนุ่มจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่เขายังมีรอยยิ้มส่งให้หล่อนอย่างปลอบโยน
อย่าแนะนำให้ฉันอธิษฐานกับนีรานะ เรื่องปอปอของเราสองคนน่ะ
ไม่ให้อธิษฐานกับนีราแล้วจะไปอธิษฐานกับใคร?
ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น หมายความว่าเราช่วยกันหาทางหน่อยสิคะ
ก็ทำไปตั้งหลายอย่างแล้วนี่ แต่มันไม่สำเร็จนี่นา
เอ๊ะ...แล้วจะยอมแพ้หรือไง สาวสวยส่งเสียงร้อนรนขึ้นมา
เปล่า...แต่ในเมื่อเราทำเองสุดกำลังแล้วยังไม่ได้เรื่อง จะให้หักหาญน้ำใจพ่อแม่จัดงานแต่งกันเองไม่สนใจเขาก็ไม่ได้ถือว่าอกตัญญู เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะ...
ทำยังไงเหรอคะ? มีวิธีดีๆ ใช่ไหม? ที่จริงฉันก็คิดนะ...เราไปให้ผู้ใหญ่ที่ทั้งสองฝ่ายเคารพมาคุยให้ดีไหม ปอปอจะได้เกรงใจ
ดี...แต่ใครเหรอ?
ยังคิดไม่ออก...แต่จะให้ไปทูลขอราชินทร์มากล่อมก็คงเกินไป
ถ้าราชินทร์เอ่ยปอปอของผมคงยอม ปอปอของศิตาก็คงพูดไม่ออก...แต่ นั่นเป็นการบังคับไม่ใช่เต็มใจ เดี๋ยวก็ต้องมีอุปสรรคอะไรสักอย่างถูกเอาขึ้นมาอ้างอีกหรอก
แต่ว่า...
เชื่อได้เลยว่าชีวิตคู่ของเราสองคนไม่มีทางสงบสุข ถ้าเขาไม่ยอมด้วยใจตัวเอง
เฮ้อ...แล้วจะทำยังไงดีล่ะ
ก็ทำตามที่ศิตาว่านั่นแหละ ไปหาผู้ใหญ่ที่ปอปอทั้งสองท่านเชื่อ...ชนิดเชื่อทั้งกายทั้งใจ
ใคร?
นีราไง! ชายหนุ่มเฉลยแล้วหัวเราะร่วนออกมา
ภามิน! ในขณะที่หล่อนครางเสียงหลง
ฮ่า ฮ่า มาเถอะศิตาภา...ไปหานีรากัน
แต่ว่าๆ
ชีวิตผมน่ะ...วางอยู่บนมือท่านนานแล้ว ถ้าเราคิดไม่ออก ช่วยตัวเองไม่ได้ เกินกำลัง ก็ต้องยกให้เป็นภาระของนีราไป...นีราคงไม่ทิ้งลูกชายคนนี้หรอก ภามินยิ้มออกมาอย่างร่าเริง เขาลุกขึ้นยืนแล้วดึงให้หล่อนลุกตาม
ไปศิตา...ไปวิหารนีรา อัญญาตาคอยเราอยู่ คนที่กำลังสับสนวุ่นวายใจ ค่อยเบิกตากว้างเมื่อได้ยินนามอันกระเดื่องนั้น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อัญญาตาดูสดใสกว่าเดิมเป็นอันมาก หลังจากที่พบกันครั้งล่าสุด ท่านมีภารกิจที่ต้องจัดการจนล้นมือ รวมไปถึงเรื่องของปัณฑารีย์อีกด้วย นักบวชชราตัดสินใจส่งอดีตญาตานั้นไปโรงพยาบาลจิตเวช ซึ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัณฑารีย์ และยังขอร้องอคิลให้ช่วยปิดเรื่องที่นักบวชหญิงของวิหารเข้าไปมีส่วนพัวพันกับขบวนการทางการเมือง รวมไปถึงการชำระล้างความเป็นไปในวิหารอีกด้วย ทั้งที่เพื่อไม่ให้ประชาชนสั่นคลอนกับศาสนาจนขาดที่พึ่งทางจิตใจไป
อัญญาตาเหนื่อยไหมครับ? ภามินเอ่ยถาม
ทำยังไงได้เล่า มันเป็นผลจากการละเลย
อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ ถ้าญาตาปัณฑารีย์ไม่หลงผิด ก็ไม่คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ศิตาภารีบปลอบใจท่าน
ฉันเองก็มีส่วน...ที่ผ่านมาไม่ได้ดูแลปัณฑารีย์ให้ดี ปล่อยให้ผู้ชายมาหลอกถึงที่ ที่วิหารนี่น่ะไม่มีผู้ชาย ปัณฑารีย์ไม่ค่อยใกล้ชิดกับใคร ยิ่งไม่รู้จักผู้ชาย พอโดนเขาหลอกให้รักเธอก็ปักใจ...เธอเรียนรู้โลกภายนอกน้อยเกินไป ถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฟังความเห็นของอัญญาตาแล้วชายหนุ่มกับหญิงสาวต้องลอบมองหน้ากันเงียบๆ อย่างไรอัญญาตาก็ยังเอ็นดูปัณฑารีย์อยู่มากจึงไม่กล่าวโทษหล่อน
อัญญาตาเมตตา..นังงูพิษ เอ้ย! ญาตาปัณฑารีย์ มากเหลือเกินครับ น่าเสียดายที่เธอมองข้ามคนที่คอยห่วงใยเธอไป นักบวชชรายิ้มน้อยๆ แล้วพยักหน้าให้ภามิน
ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาเยี่ยม ว่าแต่วันนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?
คือ... ศิตาภาหันไปสบตาภามิน แล้วพยักพะเชิดให้เขาเป็นฝ่ายพูด
ปอปอของผมกับปอปอของเธอ ยังตกลงกันเรื่องงานแต่งงานของเราไม่ลงตัวสักทีครับ ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงานกันเลย
ยังอีกเหรอ? ทั้งคู่พยักหน้าด้วยท่าทางขอความเห็นใจ
ก็นี่ล่ะครับ...เราสองคนก็เลยอยากจะมาขอพรจากนีราเสียหน่อย
นอกจากขอพรนีราแล้ว...ยังจะขออะไรเป็นพิเศษด้วยไหม? อัญญาตามองชายหนุ่มอย่างรู้ทัน
แหะ...ก็มีอีกนิดหน่อยน่ะครับ..
เอาสิ...ไปเรียกปอปอของพวกเธอมาคุยกับฉัน แต่ทั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ก็สุดแล้วแต่นีรานะ
แค่นั้นก็รบกวนมากแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
ปอปอของผมน่ะ...กลัวที่สุด เชื่อฟังที่สุดก็ต้องมามา แต่มามาไปอยู่กับนีราแล้ว เลยต้องมาขอให้นีรากล่อมแทนนี่ล่ะครับ...โชคดีจังที่อัญญาตารับปาก ชายหนุ่มยิ้มประจบ อัญญาตามองแล้วนึกปรานีไม่ต่างกับที่เคยเอ็นดูดามิสามารดาของเขา
เมื่อขอตัวจากอัญญาตาทั้งสองก็มาอธิษฐานกับเทวรูปนางพราย ห้องอธิษฐานเล็กที่ถูกไฟไหม้ไปบัดนี้ยังปิดซ่อมอยู่ จึงต้องมาใช้พื้นที่ในอีกอาคารแทน หลายคนอาจไม่คุ้นเคยห้องนี้จึงต้องมีญาณันคอยนำทาง
อ้าว..ชามี เชวา วันนี้มาอธิษฐานกันหรือ?
ค่ะญาณันนิตรา สบายดีเหรอคะ? หญิงสาวเอ่ยทักขึ้นมาทันที เพราะเป็นญาณันนิตราเป็นคนที่พูดคุยได้สนิทใจที่สุดยามที่มาอยู่นี่
สบายดีค่ะ แต่งานยุ่งหน่อย แรงงานเราถูกวาดไปสอบสวนเสียครึ่ง...บางคนก็ไม่ได้กลับมาอีก อย่างญาณันยามิราไงคะ ขานั้น...ท่าทางจะแล้วไปลับตามญาตาไป
นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ศิตาภารับรู้ วิหารนีราเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ขึ้นมา อัญญาตาเองก็ลุกขึ้นมาจัดระเบียบพิธีกรรมเสียใหม่ ปัดเป่าเงาแห่งความงมงายไปให้พ้นจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วยึดเอาหลักคำสอนขึ้นมาปฏิบัติอย่างแท้จริง ใครใคร่อธิษฐานก็ขอกันไป แต่นีรา..คงจะไม่ยื่นมือลงมาช่วยเหลือคนที่ไม่คิดแม้จะแบ่งปันอะไรให้คนอื่น ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในวิหาร...และภายนอก
คลื่นลมทางการเมืองของวิปุลาเงียบสงบลงมาพักใหญ่ ตั้งแต่มีการจัดกุมขบวนการที่ส่งเสริมการแตกแยกของประชาชน ซันและมูนเองก็ถูกจำกัดบทบาทลง อีกทั้งได้เห็นตัวอย่างการอัปปางกลางคลื่นลมการเมือง จึงยอมนิ่งสงบเพื่อดูทิศทางกระแสลมต่อไป ส่วนหัวเรือใหญ่ซึ่งเป็นโต้โผอย่างธุวานันท์ นามนี้ไม่ถูกกล่าวถึงในสังคมทั่วไป แต่เป็นที่รับรู้กันวงใน ยังมีการติดตามล่าบุคคลผู้นี้และสมัครพรรคพวกกันต่ออย่างเงียบๆ ไม่เปิดเผยให้โลกภายนอกรับรู้ เนื่องจากไม่ต้องการให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกในความมั่นคงของชาติ แต่ทว่า...ทุกอย่างยังคงเงียบงัน ยังไม่มีใครจับกุมธุวานันท์ได้ คงมีแต่ข่าวลือเล็ดรอดออกมาว่าพบเขาที่นั่นที่นี่บ้าง บ้างก็คิดว่าเขาหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
ภามิน...คิดว่าอัญญาตาจะเจรจาสำเร็จไหมคะ?
ไม่รู้...อธิษฐานกับนีราเอาสิ หนุ่มรูปทองยักไหล่ตอบหน้าตาเฉย หนนี้ศิตาภาไม่รู้สึกขวางหูขวางตาเท่าเมื่อแรก หล่อนได้แต่ถอนหายใจยอมเออออตามไป
นีราคะ...ลูกอยากอธิษฐาน...เวลานี้ลูกท้อแท้นัก หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองรูปสลักนางพราย ในขณะที่หล่อนกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเองนั้น ชายหนุ่มก็อธิษฐานแทรกขึ้นมา...ซ้ำยังออกเสียงให้หล่อนได้ยินอีกด้วย
นีรา...มันคงไม่ง่ายนัก ถ้าเราจะพบใครบางคนแล้วอยากอยู่กับเขาชั่วชีวิต ตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตากัน เพราะฉะนั้น...ผมไม่ท้อแท้หรอกและไม่อยากให้คนรักของผมท้อแท้ด้วย
ภามิน... แก้มของหญิงสาวร้อนผ่าวทันทีที่ได้ยินวาจานั้น หล่อนหันมาสบตาเขาซึ่งบัดนี้ส่งกำลังยิ้มหวานฉ่ำให้อยู่
แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 54 21:29:31