Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มนต์ไพร บทที่ 6 : รำลึกความหลัง ติดต่อทีมงาน

บทที่  6


วนาสณฑ์ก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่นของบ้านพักแบบชั้นเดียวแต่ยกพื้นสูงของอุทยานแห่งชาติ พอดีกับที่ประตูห้องหนึ่งถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงทะมัดทะแมงดูคล่องแคล่วของดิตถ์ก้าวออกมา

“อาบน้ำแล้วหรือ?” เขาถามเมื่อเห็นใบหน้าสดใสของอีกฝ่าย เพื่อนเขาอยู่ในชุดลำลองแบบสบายแต่ก็พร้อมจะออกไปข้างนอกได้โดยไม่น่าเกลียด

“เรียบร้อยแล้ว”

ผู้กองหนุ่มตอบพลางเดินมาหยิบรีโมทโทรทัศน์แล้วกดเปิดเพื่อดูรายการข่าวหลังจากที่ห่างเหินไปหลายวัน พอทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้มีเบาะนุ่มรองอยู่ แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรได้หันขวับไปถามด้วยสีหน้าล้อเลียน

“ไง...สาวจะมาหาเหรอ”

มือที่กำลังจะเสียบที่ชาร์ตแบตเตอรี่มือถือเข้ากับปลั๊กไฟหยุดชะงักนิดหนึ่งก่อนเจ้าตัวจะส่ายหน้าไปมาแล้วเสียบมันเข้าเรียบร้อยจึงเดินมาที่ตู้เย็นเปิดมันออกแล้วหยิบแก้วน้ำในตะกร้าบนโต๊ะด้านข้างแล้วรินน้ำดื่มอย่างกระหาย

“ทำเป็นไม่ตอบ...จะเล่นตัวไปทำไมกันเพื่อน คุณแป้งเขาก็สวยไม่เบา นิสัยดีด้วยไม่ใช่เหรอ สมัยนี้หาผู้หญิงอย่างนี้ได้ยากนะเหมือนกับที่ผู้หญิงหาผู้ชายอย่างพวกเราได้ยาก”

วนาสณฑ์ทำหน้ากึ่งขันกึ่งหมั่นไส้คนที่ชอบยกหางตัวเองเสมอขอเพียงเปิดช่องให้เท่านั้น เขาวางแก้วลงบนตะกร้าแล้วเดินไปทรุดตัวลงบนเก้าอี้ใกล้กัน

“ของหายากอย่างพวกเราสองคนเลยต้องยกตัวเองขึ้นหิ้งไว้ใช่หรือเปล่า”

“ไม่ใช่อย่างนั้น เขาเรียกว่าใช้ความโสดให้คุ้มโว้ย”

“อย่างนายต้องบอกว่าเกินคุ้ม” ป่าไม้หนุ่มค่อน “เกือบครบทุกอาชีพหรือยังล่ะที่จีบมาน่ะ”

อีกฝ่ายเบนหน้ามาทำตาขึงใส่เพื่อนและเอียงตัวออกห่าง ทำหน้ายุ่งก่อนจะรีบแย้ง “เกินไป...นั่นมันเพลย์บอยแล้ว อย่างฉันเขาเรียกว่าหนุ่มเนื้อหอมต่างหาก”

“เนื้อหอมเข้าไปเถอะ...เล่นตัวเข้ามากๆ ซักวันจะรู้สึกเวลาที่นึกอยากจะหาคนเป็นแม่ของลูกเข้าจริงๆ”

“เออ...ว่าแต่ฉัน” ดิตถ์ลากเสียงก่อนจะย้อนอย่างหมั่นไส้ว่า “ตัวนายเองก็เถอะ มีผู้หญิงสวยๆ ดีๆ จบปริญญาโท หน้าที่การงานก็ดีมาชอบยังทำเป็นเล่นตัวอีก จะรอใครหรือไง”

คำพูดของดิตถ์ทำให้ภาพของหญิงสาวหน้าหวานดวงตาดำขลับกลมโตผุดขึ้นมาทันที จิตใจแช่มชื่นและกระตือรือร้นขึ้นอย่างประหลาด

“แล้วนายล่ะรอใคร” เขาย้อนเข้าให้บ้าง

“ไม่รู้สิ” ดิตถ์ยักไหล่ไม่มีท่าทีเดือดร้อน แต่อึดใจก็ทำตาแพรวพราว “แต่ว่าไปแล้วสองสาวที่มาเมื่อเย็นนี้ก็น่ารักดีนะ”

คนเดือดร้อนกลับเป็นวนาสณฑ์ เขารู้สึกเหมือนถูกใครเอาเข็มจิ้มจนต้องหันขวับไปทำตาดุ

“พูดอย่างนี้ไม่น่าจะชวนไปดูแลคุ้มกันคณะนี้ด้วยเลย”

“ไปไหนเหรอ เข้าป่าใช่ไหม” อีกฝ่ายยืดตัวกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ทั้งที่รู้อยู่ว่าป่าที่พูดถึงไม่ได้ง่ายต่อการเดินทางเข้าไปสำรวจ

“ใช่” คนตอบทิ้งตัวลงพิงเก้าอี้แล้วเบนหน้าไปพูดเสียงเข้มกับอีกฝ่าย “ถ้าจะไปต้องห้ามทำตัวเจ้าชู้กับผู้หญิงสองคนนั่น ได้ยินไหม”

ดิตถ์หัวเราะชอบใจ “ทำไม...หวงเหรอ เอ...ว่าแต่หวงคนไหนล่ะ แม่สาวหน้าหวานที่ชื่ออะไรน้า...ฟ้าๆ หรือเปล่า หรือว่าแม่สาวผิวสีน้ำผึ้งที่พูดแจ๋วๆ ชื่อฝนทองนั่น”

ความหมั่นไส้เกิดขึ้นเมื่อเพื่อนเขาจำชื่อสาวๆ ได้ แต่ก็ปะปนไปด้วยความโล่งใจเมื่อชื่อฝากฟ้าไม่ถูกบันทึกในสมอง

“ฉันไม่ใช่เจ้าของใครนี่จะได้หวง แล้วตกลงว่าจะเข้าไปด้วยได้หรือเปล่าล่ะ สามวันสี่วันนี้”

“ถ้าการไปครั้งนี้จะได้งานด้วยทำไมฉันจะไม่ไปล่ะ แล้วนายล่ะไปด้วยหรือเปล่า ระดับหัวหน้าคงไม่ต้องไปก็ได้มั้ง มีหลายอย่างที่ต้องดูแลไม่ใช่หรือ”

ทั้งที่บอกกับผู้ช่วยโดมไปแล้วว่าจะฝากเขาดูแลเรื่องนี้ แต่พอดิตถ์ถามมา เขากลับตอบอย่างมั่นใจไม่มีลังเล เป็นการเปลี่ยนความตั้งใจอย่างรวดเร็วภายหลังจากที่รู้ว่าฝากฟ้ามากับคณะนี้ด้วย…

“ที่ไปครั้งนี้จะถือว่าไปสำรวจพื้นที่ไปด้วย ส่วนนายก็ทั้งลาดตระเวนและคุ้มกันทีม เพราะว่าอาวุธเพียบแถมยังประสิทธิภาพดีอีกต่างหาก ไม่ใช้บริการก็โง่แล้ว”

ดิตถ์ยิ้มขัน ทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายประชดหน่วยงานที่ตัวเองสังกัดอยู่เพราะเคยบ่นให้ฟังอยู่บ่อยๆ อาวุธที่ทางกรมจัดให้ค่อนข้างน้อยไม่เพียงพอ แถมยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพทั้งเก่าและล้าสมัยผิดกับฝ่ายผู้บุกรุกราวกับหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว ดีหน่อยว่าเจ้าหน้าที่ได้รับการฝึกอบรมในเรื่องการใช้อาวุธมาบ้าง ไม่อย่างนั้นการปกป้องคุ้มครองผืนป่าก็คงไม่ต่างจากต่อสู้ด้วยมือเปล่าและสถานการณ์ป่าไม้ไทยคงดำดิ่งลงเหวยิ่งกว่านี้

“โอเค...ฉันจะได้เก็บข้าวของเตรียมไว้ เดินทางพรุ่งนี้เช้าใช่ไหม?”

“ใช่...แต่เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วค่อยเก็บก็ได้ เข้าป่าจนจะกลายเป็นสัตว์ป่าอยู่แล้ว คงไม่ลืมหรอกว่าจะต้องเอาอะไรไปบ้าง”

วนาสณฑ์แซวเพื่อนพร้อมกับยิ้มขำ แน่นอนว่าเขาก็ไม่ต่างจากดิตถ์เท่าไหร่นักหรอก เข้าป่าจนจะเป็นส่วนหนึ่งของป่าไปแล้ว บางทียังเคยนึกเล่นๆ ว่าตอนนี้กลิ่นหมูป่า ชะนี อีเห็น คงจะติดตัวมาบ้างจนหากเข้าไปใกล้มันอีกทีสัตว์พวกนั้นอาจคิดว่าเป็นพวกเดียวกันก็ได้

เสียงโทรศัพท์มือถือของคนนั่งข้างๆ ดังขึ้นหยุดการสนทนาไปโดยปริยายเมื่อฝ่ายนั้นยกมือถือขึ้นดูแล้วทำตาแพรวพราวแล้วลุกขึ้นออกไป แต่เหมือนว่าดวงของทั้งสองจะเหมือนกันเมื่อโทรศัพท์มือถือของวนาสณฑ์ก็ดังขึ้นตามมา ชื่อที่ปรากฏทำให้เขาขมวดคิ้วกระตุกยิ้มที่ริมฝีปาก

“สวัสดีครับอาเดช”

“เป็นยังไง...เจอน้องหรือยังนายสน”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วกับประโยคแรกของอีกฝ่าย แต่แล้วก็เข้าใจเมื่อคนโทรมาพูดต่อมาอีก “หนูฝากฟ้าเขาโทรมาเมื่อวาน เล่าให้ฟังว่าจะเข้าป่าไปเก็บข้อมูลพรรณไม้ที่สนเป็นหัวหน้าอยู่ ไม่ต้องถามหรอกว่าทำไมน้องเขาถึงรู้ เพราะเขาเห็นนามสกุลเหมือนอากับพี่รบเขาเลยโทรมาถาม...ดูแลน้องให้ดีล่ะ อาปลาเขาฝากบอก”

พันเดชพูดอะไรอีกหลายอย่าง แต่ที่เขาจับใจความได้ดีคือ ‘ให้ดูแลน้องฝากฟ้าให้ดี’

เป็นเหตุผลที่เห็นทีเขาต้องจดจำไว้สำหรับการอ้างอิงเมื่อถูกถามหรือถูกสงสัยในการกระทำในอีกสามสี่วันข้างหน้าโดยไม่ต้องคิดว่าเพื่อนชายคนสนิทของเธอจะขุ่นเคืองเขา !

                                   ******************

ฝากฟ้าเดินเข้าไปในศาลาชมไพรอย่างประดักประเดิด เมื่ออยู่ดีๆ ฝนทองก็ขอตัวกลับไปเอาโทรศัพท์มือถือที่บ้านพักแล้วบอกให้เธอเข้ามารอก่อน ในขณะที่ทิวาบอกว่าจะตามมาทีหลังเพราะต้องรอ ดร.อลัน

เธอชะเง้อมองเข้าไปในห้องครัวผ่านเคาน์เตอร์ไม้ เมื่อเห็นแม่ครัวกำลังยุ่งกับการเตรียมอาหารอยู่จึงเดินอ้อมไปอีกด้านเข้าไปเอ่ยถาม

“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”

แม่ครัวทั้งสองคนหันมาพร้อมกัน คนร่างท้วมตอบว่า “ไม่มีหรอกค่ะ คุณออกไปนั่งรอข้างนอกเถอะนะคะ คุณเป็นแขกไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ”

ฝากฟ้าพยักหน้า ยิ้มให้เมื่อทั้งสองหันไปสนใจกับหน้าที่ของตัวเองเธอจึงหมุนตัวกลับ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นร่างสูงในชุดลำลองเสื้อยืดสีเทากับกางเกงสีโทนเดียวกันยืนขวางประตูครัวเป็นยักษ์ปักหลั่น มือเขาพาดไปตามขอบประตู รอยยิ้มติดในหน้า

สายตาที่มองมาทำให้เธออยากหลบออกจากครัว จึงก้าวเดินมาอีกประมาณสองก้าวสั้นๆ หวังว่าเขาจะเข้าใจเจตนาแล้วเลื่อนตัวเองออก แต่การณ์ไม่เป็นอย่างที่เธอคิดเมื่อฝ่ายนั้นยั่งยืนเฉยๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“หิวหรือ” เขาชิงเอ่ยถามก่อน

“เปล่าค่ะ แค่จะมาช่วย แต่แม่ครัวบอกว่าไม่ต้อง”

เขาพยักหน้า ไม่ยอมเขยื้อนกาย แถมยังเอื้อมมือไปหยิบตะกร้าที่ใส่พุทราลูกโตมายื่นส่งให้ตรงหน้าเธอเป็นเชิงเชื้อเชิญให้หยิบไปกิน

“ขอบคุณค่ะ แต่รอข้าวก่อนดีกว่าค่ะ...ขอทางหน่อยค่ะหัวหน้า”

ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นแต่ยังไม่เหลือช่องว่างให้ใครเดินผ่านได้อยู่ดี...  ไม่สนใจแม้แม่ครัวจะเหลือบมองมาอย่างสนใจใคร่รู้

“หัวหน้า” เขาทวนคำเบาๆ

ฝากฟ้าสบตาเขาแวบหนึ่ง

“จำพี่ไม่ได้ หรือว่าแกล้งจำกันไม่ได้กันแน่...หือ”

น้ำเสียงของคนพูดคล้ายตัดพ้อ จนทำให้หญิงสาวเผลอพึมพำแผ่วเบา

“พี่สน...”

“นึกว่าจะเรียกหัวหน้าอีก”

ฝากฟ้าหลุบตามองข้อมือเล็กที่ถูกมือสีแทนจับแล้วออกแรงรั้งไปด้านนอกห่างจากกลิ่นอาหารโชยยั่วน้ำลาย เธอเหลียวกลับไปมองด้านหลังก็เห็นสายตาสองคู่มองตามมาด้วยสีหน้าแปลกๆ จึงรีบแกะมือเขาออกแต่ดูเหมือนเขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้เก่งที่สุดและมือเหนียวยังกับตุ๊กแก จนมาอยู่ที่ระเบียงด้านหนึ่งพ้นสายตาของแม่ครัวจึงได้ปล่อยข้อมือเธอออก

คนอะไร ! นึกจะจับก็จับ นึกจะดึงก็ดึงออกมาต่อหน้าต่อตาคนของตัวเอง ช่างไม่กลัวเขาเอาไปนินทาบ้างเลย ต่อให้เป็นพี่ก็เถอะ คนอื่นไม่ได้รู้ด้วยนี่นา

“เราไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้วนะ” เขาเอ่ย

เธอสบตาเขานิดหนึ่งก่อนจะตอบเลี่ยงๆ “ไม่รู้สิคะ จำไม่ได้”

“ถ้านับตั้งแต่ตอนที่กระโดดเข้ากอดคอพี่ตอนเจองูก็นับได้สิบหกปี...แต่ถ้าเป็นครั้งล่าสุดก็...”

ฝากฟ้าเขม้นมองหน้าเขาพลางขมวดคิ้วรอคำตอบ แต่เขากลับไม่พูดต่อและเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น

“อาพันเดชโทรมาฝากฝังให้พี่ดูแลเราให้ดี”

“ลุงเดชโทรมาเหรอคะ...เมื่อไหร่”

“ตอนที่พี่กลับบ้านพักไปอาบน้ำ ดูท่าว่าจะห่วงเรามาก”

“ฝากไม่ค่อยได้ออกพื้นที่เท่าไหร่ค่ะ ลุงเดชกับแม่เลยเป็นห่วง แต่ไม่คิดว่าจะโทรมาหา...พี่สน”

เธอค่อนข้างกระดากปากที่จะเรียกเขาว่า ‘พี่สน’ เพราะไม่ได้ใกล้ชิดกันมาตั้งแต่เด็ก แค่มีสายสัมพันธ์กันทางลุงพันเดชก็ใช่ว่าจะทำตัวสนิทสนมได้อย่างสนิทใจในทันที ประกอบกับเขามีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ตำแหน่งใหญ่โตและเป็นที่นับหน้าถือตาสำหรับลูกน้องและคนทั่วไป

“ความจริงถ้ามีคนสนิทไปด้วยกันก็ไม่น่าจะต้องห่วงอะไรมากนี่” เขาเอ่ยลอยๆ

ประโยคเรียบๆ หากสะกิดใจฝากฟ้าได้โดยที่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม?

“ต่อให้คนที่ไว้ใจได้ไปด้วย แต่เหตุการณ์ข้างหน้าไม่มีใครคาดเดาได้นี่คะ ยิ่งเป็นป่าด้วยแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”

“นั่นสิ พี่ถึงต้องเข้าป่าไปกับทีมเราด้วย อาเดชกับอาปลาจะได้หายห่วง”

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ทางเราแค่ขอคนนำทางที่เคยเข้าป่าหมอกดำและคอยอำนวยความสะดวกสักสามสี่คนก็พอแล้วค่ะ”

“ไม่เป็นไรนี่ ที่พี่เข้าป่าครั้งนี้เพราะเรื่องงานด้วย ถือเป็นการลาดตระเวนพื้นที่อุทยานไปด้วย ได้ทั้งงานวิชาการได้ทั้งงานป้องกันและปราบปราม”

อ้อ...ที่แท้ก็เรื่องงานนี่เอง

“หิวข้าวหรือยัง” เขาถามอย่างอาทร พลางหันหน้าไปมองตรงทางเข้าศาลา เอ่ยถามลอยๆ

“แล้วนี่ดอกเตอร์กับแฟนยังไม่เสร็จอีกหรือ”

“ใครนะคะ” ฝากฟ้าย้อนถาม

“อ้อ...นั่นไงมาพอดี ตายยากจริง”

ไม่รู้ว่าคำว่า ‘ตายยาก’ คนพูดเจตนาจะว่าใครกันแน่เพราะมีหลายคนเดินเข้ามาทั้งดร.อลัน ทิวา รวมทั้งฝนทอง หารู้ไม่ว่าสายตาของวนาสณฑ์ที่เจาะจงไปที่หนุ่มไทยเพียงผู้เดียวเท่านั้น บ่งบอกถึงความหมายในตัวของมันอย่างชัดเจน อึดใจดิตถ์ก็เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ช่วยโดมเหมือนรู้เวลา

นึกว่าเพื่อนเขาจะคุยโทรศัพท์จนอิ่มแทนข้าว

“หิวข้าวจังเลย มีอะไรกินบ้างน้อ”

เสียงใสแจ๋วของฝนทองดังนำมาก่อนราวกับเป็นเจ้าถิ่น ส่งสัญญาณให้แม่ครัวเริ่มลำเลียงอาหารออกมาตั้งโต๊ะอย่างรู้หน้าที่

“ว้าว น่ากินทั้งนั้นเลย เห็นแล้วก็นึกถึงเสบียงสำหรับเข้าป่าที่เราเตรียมมา คนละเรื่องกันเลย”

ป่าไม้หนุ่มตบไหล่ด้านหลังของรุ่นน้องเบาๆ “กินให้เต็มที่เลย ก่อนจะกลับออกมาเจออย่างนี้อีกก็คงอิ่มกับกุนเชียงและปลากระป๋องจนสำราญใจแน่”

ฝนทองแกล้งทำหน้าเมื่อยเมื่อรู้สถานการณ์อาหารในป่า วนาสณฑ์หันไปเชื้อเชิญทุกคนนั่งและเริ่มรับประทานอาหาร เขาคอยปรายตาและลอบสังเกตฝากฟ้ากับทิวาเป็นระยะโดยไม่รู้ตัวขณะที่ร่วมกันวางแผนการทำงานโดยผู้ช่วยโดมเป็นแกนหลัก วนาสณฑ์ถือโอกาสที่ทิวาอธิบายบางอย่างกับดร.อลันพับทิชชู่แล้วยื่นข้ามโต๊ะส่งให้เมื่อเห็นเธอเอามือแตะริมฝีปาก ตาสบตาก่อนจะทำปากขมุบขมิบเอื้อนเอ่ยเป็นคำขอบคุณ พอดีกับที่ทิวาหันมาเห็น หัวคิ้วกระตุกเข้าหากันนิดหนึ่งก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบส้มมาส่งให้คนข้างกายบ้าง

“กินเยอะๆ นะจ๊ะฝาก จะได้เดินป่าไหว ได้ยินเขาพูดถึงความยากลำบากหลายอย่างที่ต้องระวังในเดินทางแล้วกลัวบ้างไหม”

“ก็มีบ้างค่ะพี่ทิวาแต่พวกเราไปกันหลายคนมีอะไรก็ช่วยกันอยู่แล้วใช่ไหมคะคุณฝน” ฝากฟ้าตอบยิ้มๆ พลางหันไปหาแรงสนับสนุนจากฝนทอง

“ใช่ค่ะเราคุณฝาก มีคนนำทางที่เป็นพรานเก่ากับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ไปด้วยคงไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกค่ะ”

“อย่าลืมนะครับว่ามีชายชาติทหารไปด้วย มีอะไรพวกเรายินดีรับใช้สุภาพสตรีอยู่แล้ว” ดิตถ์เอ่ยเพื่อให้คนอื่นเห็นว่ายังมีเขาอีกคนหนึ่งที่เป็นที่พึ่งได้

“ทุกเรื่องเลยหรือเปล่าคะผู้กอง”

ผู้กองหนุ่มพยักหน้าจงใจยิ้มหวานที่สุดให้ป่าไม้สาว “ครับ”

“กระเป๋าของฝนใบใหญ่เสียด้วยสิคะ กำลังหาคนช่วยสะพายหลังอยู่พอดี” ฝนทองพูดทีเล่นทีจริง

มีเสียงหัวเราะของหลายคนดังขึ้น ดิตถ์หันไปมองหน้าเพื่อน จึงได้รับสายตาทับถมแกมสมน้ำหน้าจากเพื่อนมาเต็มๆ แต่ยังไม่ทันที่ใครจะเอ่ยอะไร เสียงรถยนต์ก็แล่นเข้ามาจอดดึงความสนใจของทุกคนไปจนยังจุดเดียว

ร่างของผู้หญิงสองคนที่เดินเข้ามาในศาลาชมไพร ทำให้วนาสณฑ์ลุกขึ้นยืน

“สวัสดีค่ะพี่สน”

เสียงหวานแจ่มใสของหนึ่งในสองคนที่มาใหม่ดังขึ้นก่อนพร้อมกับยกมือไหว้ เขารับไหว้และเอ่ยเชื้อเชิญนั่งและแนะนำให้ทุกคนรู้จัก

“คุณมธุรินหรือคุณแป้งครับเป็นอาจารย์ที่เคยมาเก็บข้อมูลที่นี่หลายครั้ง”

“วันนี้แขกเยอะจังเลยนะคะพี่สน”

มธุรินเอ่ยขณะรอให้แม่ครัวนำเก้าอี้มาเพิ่ม และมีโอกาสได้กวาดตามองไปยังทุกคนอีกครั้ง และแล้วดวงตายาวเรียวเล็กอย่างคนมีเชื้อชาติจีนก็เป็นประกายบางอย่างเมื่อสะดุดกับทิวา แต่ฝ่ายนั้นทำท่าหลบตาวูบท่าทางอึดอัดหลังจากสบตากับเธอ

วนาสณฑ์ไม่ได้สังเกตเห็น

“ดร.อลันกับคณะจะเข้าไปเก็บข้อมูลพรรณไม้ครับคุณแป้ง”

มธุรินทำหน้าตาตื่นเต้นก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างหัวหน้าอุทยาน “จริงเหรอคะ อยากไปด้วยจังเลย ขอไปด้วยได้ไหมคะนี่ คิดถึงตอนที่ไปด้วยกันแล้วมีความสุขค่ะ อยากไปอีก”

ประกายตาวิบวับของคนพูดทำให้หลายต่อคนก้มหน้าซ่อนยิ้ม โดยเฉพาะดิตถ์ ผิดกับฝากฟ้าที่ก้มหน้าลงมองจานด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่ข้างในเหมือนกับมีก้อนอะไรที่ซุกซ่อนอยู่มานานกลิ้งไปมาให้รำคาญใจเล่น...

“เอาไว้งานของคุณคราวหน้าก็แล้วกันนะครับ” วนาสณฑ์ตอบ

“ก็ได้ค่ะ แต่ว่าพี่สนต้องไปด้วยกันอีกนะคะ”

“ต้องดูก่อนว่าผมจะว่างหรือเปล่าช่วงนั้น”

มธุรินทำหน้าผิดหวังแวบหนึ่งเมื่อเห็นการตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เมื่อเห็นว่าความสำคัญระหว่างเธอกับบุคคลสำคัญระดับหัวหน้าอุทยานกำลังลดระดับลงเธอจึงต้องยกเหตุการณ์ในอดีตมาเป็นเรื่องเด่นค่ำนี้

“นึกถึงตอนที่หลบฝนด้วยกันใต้ชะง่อนหินแล้วก็ตลกนะคะพี่สน ตอนนั้นเหมือนละครน้ำเน่าในทีวีเลย แต่ถ้าใครไม่ได้เจอกับตัวเองจริงๆ ก็คงไม่รู้ แล้วไหนจะตอนไปอาบน้ำแล้วมีพี่สนไปเฝ้าอีก”

เธอดำเนินเรื่องเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขัน หากภายในใจคนพูดและคนเพียงบางคนเท่านั้นที่มองว่ามธุรินกำลังแสดงให้คนบนโต๊ะอาหารเห็นว่าเธอกับเขามีความหลังด้วยกันมาก่อน ฝนทองทำหน้าขำก็ไม่เชิงหมั่นไส้ก็ไม่ใช่และบังเอิญหันไปสบตากับฝากฟ้าพอดี

“เอ่อ...ฝนขอตัวไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะคะพี่ๆ ทุกคน พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าอีก คุณฝากไปด้วยกันไหมคะ”

“ดีค่ะ” ฝากฟ้าลุกขึ้นยืน เหลือบตามองหัวหน้าอุทยานนิดหนึ่ง และคราวนี้ดูเหมือนว่าผู้ช่วยโดมจะลุกขึ้นด้วย ทิวาจับมือฝากฟ้าเอ่ยถาม

“จะไปนอนแล้วหรือจ๊ะ”

“ค่ะพี่ทิวา”

“งั้นพี่ไปส่ง”

ฝากฟ้าเหลือบตามองดร.อลันและแก้วเบียร์ “ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่ทิวาอยู่ดื่มเป็นเพื่อนดอกเตอร์ดีกว่าค่ะ ฝากไปกับคุณฝนก็ได้ ใกล้ๆ แค่นี้เอง”

“ไม่เป็นไรครับคุณทิวา เดี๋ยวผมไปส่งสุภาพสตรีทั้งสองก็ได้ ตามสบายเลยนะครับ”

ดิตถ์ลุกขึ้นบอกก่อนจะหลิ่วตาให้กับเพื่อน แต่ฝ่ายนั้นดูจะไม่ค่อยชอบใจนักที่ถูกปล่อยทิ้งให้อยู่กับแขก

ได้โอกาสเลยนะไอ้ผู้กอง ! ขนาดแฟนเมืองกรุงที่มาจากกรุงเทพฯ ด้วยกันยังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ ไม่ได้แคร์เลย

ป่าไม้หนุ่มยกแก้วเครื่องดื่มสีเหลืองที่เหลือครึ่งแก้วรวดเดียวหมดแล้ววางลงโดยไม่สนใจว่ามธุรินจะหยิบแก้วเขาไปส่งให้ใครไปเติมอีก

                                                    *******************

จากคุณ : permanent stream
เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 06:51:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com