มนต์ไพร บทที่ 7 : เริ่มเดินทาง
|
 |
บทที่ 7
เช้าวันรุ่งขึ้นพรานอ่องท่ายคนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงที่อพยพมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ซึ่งถูกผู้ช่วยโดมติดต่อให้นำทางเข้าป่าหมอกดำมารอทีมงานแต่เช้าโดยมีกระเป๋าเป้สีดำใบใหญ่สะพายหลัง และสะพายย่ามเก่าๆ หนึ่งใบ ผ้าโพกหัวสีดำกับเสื้อผ้าชุดสีทึมๆ บวกกับสีหน้าเคร่งขรึมทำให้ดูน่าเกรงขาม
วนาสณฑ์ทำหน้าที่แนะนำให้คณะรู้จักกับพรานอ่องท่ายก่อนจะพาทั้งหมดไปไหว้ศาลพระภูมิเพื่อขอให้เดินทางปลอดภัย ก่อนจะขึ้นรถโฟวีลสี่ประตูไปยังหน่วยป้องกันและรักษาป่าซึ่งเป็นหน่วยย่อยของอุทยานแห่งชาติภูผาชัน
เราจะทิ้งรถไว้ที่นี่แล้วเดินด้วยเท้าเข้าไปที่ป่าหมอกดำ
วนาสณฑ์บอกเมื่อรถจอดบริเวณลานโล่งหน้าสำนักงานแล้วกระโดดลงมาจากท้ายรถพร้อมกับดิตถ์ แต่คนหลังแยกตัวไปติดต่อสื่อสารกับลูกน้องที่นัดแนะกันไว้ด้วยวิทยุสื่อสาร
ฝากฟ้าซึ่งเปิดประตูรถออกมาเดินไปเพื่อจะรับกระเป๋าจากพนักงานพิทักษ์ป่าที่อยู่บนกระบะ แต่มีมือสีแทนยื่นไปจับสายเป้และดึงออกจากมือเธอเสียก่อน
เตรียมเสื้อกันฝนมาด้วยหรือเปล่า เขาถามเธอเบาๆ เมื่อเหลือบมองท้องฟ้าซึ่งมีเมฆสีเทาดำปกคลุม
เตรียมมาค่ะ
เมื่อคืนนอนหลับไหม เขาถามต่อ พร้อมกับวางกระเป๋าลงบนพื้นหญ้า
หลับค่ะ
ที่นี่มีงูเยอะมากกว่าที่ไร่กาแฟ ระวังอย่าเดินเพ่นพ่านนอกเส้นทาง
หญิงสาวเบิกตากว้างหันไปทำหน้าดุใส่อย่างลืมตัว เขาบอกว่าเข้าป่าไม่ให้พูดถึงงูหรือเสือ
การกระทำแบบนั้นเพราะเกิดความกลัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เรียกรอยยิ้มขันตรงริมฝีปากของชายหนุ่ม
ที่พี่พูดเพื่อจะให้รู้ไว้และจะได้ระวังตัวยังไงล่ะ... ว่าแต่คราวนี้ถ้าเจองูก็คงไม่กระโดดกอดคอพี่แล้วสินะ เพราะมีคอของคนอื่นรอรับอยู่แล้ว พูดด้วยเสียงราบเรียบ ตอนท้ายปรายตามองไปยังคนที่กำลังเดินเข้ามา
ฝากจ๊ะ มีอะไรให้พี่ช่วยถือไหมจะได้เดินสะดวก
เมื่อเห็นว่าทิวาเดินเข้ามาพูดกับฝากฟ้า วนาสณฑ์จึงหมุนตัวออกเดินไปหากลุ่มคนที่เตรียมสัมภาระแล้วร้องบอกว่า
ใครจะเข้าห้องน้ำก็รีบเข้ากันนะครับ เพราะว่านี่จะเป็นห้องน้ำที่มีประตู หลังจากนี้อีกสี่วันห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำธรรมชาติ ทั้งโล่งกว้างแถมยังไม่มีประตูกั้นและใหญ่กว่านี้หลายเท่า เขาประกาศสีหน้ายิ้มๆ
ทิวามองตามร่างสูงไปด้วยสายตาคลางแคลง ฟ้าเคยรู้จักกับหัวหน้าสนมาก่อนหรือเปล่า ทำไมเห็นเขาเข้ามาพูดคุยกับฟ้าบ่อยจัง แล้วสายตาที่มองนะ มันทั้งห่วงทั้งอาทรยังไงไม่รู้ ไม่เหมือนคนที่เพิ่งเจอกัน
ฝากฟ้ามองตามร่างสูงแข็งแรงพลางตอบว่า เขาเป็นลูกชายของพี่ชายของสามีใหม่ของแม่ฝากค่ะ
ลูกชายของพี่ชายของสามีใหม่ของแม่ ทิวาทวนคำทำหน้างงๆ
ค่ะ แต่ไม่ได้สนิทอะไรมากมายหรอกค่ะ เจอกันแค่ครั้งเดียวเอง แถมยังนานมาแล้วด้วย ตั้งแต่ฝากยังเป็นเด็กอยู่ด้วยซ้ำ
แต่เขาจำฝากได้ทันทีใช่ไหม
หญิงสาวนิ่งไปชั่วอึดใจ ไม่รู้เหมือนกันนะคะ
แล้วฝากล่ะ จำเขาได้หรือเปล่า เขาถามพลางมองเธอเขม็ง
ก็...พอคุ้นๆ ค่ะ ฝากฟ้าตอบไม่เต็มปากเต็มคำนัก
จะให้เธอบอกไปตามตรงอย่างนั้นหรือ ไม่หรอก...ถ้าเกิดรู้ถึงหูเขา เธอคงไม่รู้จะเอาหน้าไปวางไว้ที่ไหน และอีกอย่างเธอก็ไม่อยากตอบคำถามของทิวาเพราะบางทีเธอก็ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน ภาพของพี่สนติดตาเธออยู่เสมอ ความจริงแล้วเธอไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดกับทิวา เพราะถึงเธอจะไม่ได้เจอตัวของเขาก็จริงแต่ก็ได้เห็นภาพถ่ายของเขาเมื่อตอนที่รับราชการใหม่ๆ
ทิวาหันไปมองหัวหน้าอุทยานที่กำลังดูแลความเรียบร้อยควบคู่กับดิตถ์ ทั้งสองคุยอะไรกันบางอย่างสลับกับมองท้องฟ้า ในขณะที่หนุ่มในชุดเครื่องแบบทหารบกยังพูดวิทยุสื่อสารเป็นระยะ เมื่อยืนอยู่เคียงข้างกันเขาบอกไม่ถูกว่าใครดูโดดเด่นกว่าใคร แต่ความอิจฉาจากเบื้องลึกของใจน่าจะเทไปทางชายหนุ่มผิวสีแทนที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีเทากับกางเกงยีนมากกว่า...
พี่รู้สึกเหมือนกำลังถูกแย่งความสนใจยังไงไม่รู้ เขาไม่น่ามาด้วยเลย ความจริงให้เฉพาะลูกน้องมาก็ได้เพราะยังไงก็มีพรานนำทางให้อยู่แล้ว ทิวาบอกอย่างพาลๆ
เขามาด้วยถือว่าเป็นเกียรตินะคะ เพราะปกติแล้วคนที่เป็นหัวหน้าอุทยานจะมีงานเยอะมากพออยู่แล้ว ฝากฟ้าอดแย้งไม่ได้
ทิวากระตุกยิ้มแกนๆ ก่อนจะหันมาสบตากับฝากฟ้า เขาอาจจะหวังอะไรบางอย่างก็ได้ อย่างเช่น จีบน้องฝาก
หญิงสาวหลบตาคู่สนทนา ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร รถปิคอัพคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาพร้อมกับที่ร่างของชายในชุดทหารบกวัยประมาณสี่สิบกว่าสองคนก้าวลงมาสมทบกับคนทั้งหมดโดยมีเป้สนามใบใหญ่สะพายหลัง ฝากฟ้าถือโอกาสนั้นเดินไปรวมกับคนอื่นๆ จากนั้นพรานอ่องท่ายก็ออกเดินนำคณะอีกเก้าชีวิตมุ่งสู่ป่าหมอกดำ
การผจญภัยเริ่มแล้ว ฝนทองพูดเสียงสดใส
ทำเสียงใสไปเถอะ จะรอดูว่าเย็นนี้จะยังเสียงดีอยู่อย่างนี้หรือเปล่า
วนาสณฑ์นั่นเองที่กระเซ้ารุ่นน้อง แต่สายตากลับมองมายังหญิงสาวอีกคนก่อนจะปล่อยให้เธอเดินนำหน้าไปก่อนส่วนเขารีบก้าวตามไปทันทีทำเอาทิวาต้องชะงักเท้าที่จะก้าวตามและมองแผ่นหลังของหัวหน้าสนอย่างหมั่นไส้
****************
คนทั้งหมดเริ่มเดินทางเข้าสู่ป่าเบญจพรรณที่ค่อนข้างรกเพราะไม่เคยถูกรบกวนโดยไฟป่า เมื่อผ่านลำห้วยเล็กๆ ที่ไหลออกมาจากด้านบน วูบหนึ่งลมก็พัดกรูรุนแรงจนต้นไม้ใหญ่น้อยเอนลู่ลม พรานอ่องท่ายซึ่งเดินนำหน้าชะงักกึก
...มันเข้ามาแล้ว...มาสู่อาณาจักรของข้าแล้ว...
ลมบ้าอะไรกันนี่ อยู่ดีๆ ก็พัดมาแล้วก็หายไป ทิวาพูดขึ้น
พรานเฒ่าวัยห้าสิบตอนปลายหันขวับมา ดวงตาฉายแววตำหนิรุนแรง
เข้าป่าอย่าพูดทักท้วงอะไรง่ายๆ ไม่อย่างนั้นเจ้าป่าเจ้าเขาจะไม่พอใจ
ว่าแล้วก็ออกเดินต่อ ทิวาทำหน้าเจื่อน แต่ยังมีแววถือดีในดวงตา
สงสัยวิทยาศาสตร์จะสู้ไสยศาสตร์ไม่ได้ก็คราวนี้แหละ
พี่ทิวา...อย่าพูดอย่างนี้สิคะมันไม่ดี
ฝากฟ้าส่งเสียงปรามผ่านร่างสูงของวนาสณฑ์อย่างเกรงๆ ทิวาทำหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์ ดูเหมือนแค่เริ่มต้นเขาก็จะไปไม่สวยแล้ว เขาถือโอกาสนั้นก้าวไปยืนข้างหน้าฝากฟ้าแล้วแตะแขนหญิงสาวให้เดินตามเขาแต่เพราะความคิดยังหมกมุ่นกับเรื่องที่ถูกตำหนิทำให้ไม่สนใจกิ่งหนามอันเล็กที่เขาดันออกห่างตัวว่าจะดีดไปโดนใครข้างหลัง ดีว่ามีมือหนึ่งดึงแขนฝากฟ้าไว้พอดีกับที่กิ่งหนามลอยผ่านหน้าหญิงสาวไป
พี่สน
ระวังด้วย คนข้างหลังเตือนเสียงห่วงใย
ขอบคุณค่ะ
มือของคนเดิมจับหนามยกขึ้นแล้วดันร่างเธอเดินไปข้างหน้า แต่พอเดินไปได้ไม่นานก็ดึงแขนไว้แล้วก้าวนำไปข้างหน้าบอกเสียงเรียบแต่คล้ายออกคำสั่งอยู่ในทีว่า
ไปเดินข้างหลังพี่ดีกว่า
รอยยิ้มแต่งแต้มบนเรียวปากของคนที่ถูกจัดแจงให้มาเดินข้างหลัง หนามเล็กๆ เกี่ยวโดนร่างกายไม่ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่เพียงแค่สิ่งเล็กน้อยแค่นี้ยังระวังไม่ให้มาแผ้วพานเธอ น่าภาคภูมิใจแทนลุงพันเดชที่มีลูกชายเป็นสุภาพบุรุษ และเธอก็ควรดีใจที่มีพี่ชายที่น่ารักอย่างนี้เดินทางมาด้วย
พี่ทิวาก็ดูเหมือนจะไม่แตกต่างกันนักหรอกไม่ใช่หรือ... อยู่ในเมืองเขาดูเป็นสุภาพบุรุษเอาอกเอาใจเธอนักหนา แม้กระทั่งเริ่มต้นทำงานเขาก็ดูเหมือนจะพยายามดูแลเอาอกเอาใจเธอทั้งท่าทางและคำพูด แต่ทำไมนะเธอจึงรู้สึกเหมือนกับว่าเขาทำเมื่อนึกได้ว่าต้องเอาใจเธอและเป็นช่วงที่เขาไม่เหน็ดเหนื่อยเท่าใดนักเท่านั้น...
บ่ายสองของวันการทำงานยังไม่เริ่มต้น แต่เส้นทางเริ่มรกชัฏมากขึ้นด้วยไผ่หลากหลายชนิดที่ขึ้นปะปนกับต้นไม้อื่น
เราเข้าสู่เขตป่าหมอกดำแล้ว
พรานอ่องท่ายบอกพลางปาดเหงื่อบนหน้าผากออกเช่นเดียวกับหลายคน แม้จะอยู่ในป่าแสงอาทิตย์ยากที่จะส่องลอดลงพื้นป่าได้ แต่เพราะไม่มีการถ่ายเทของอากาศ ประกอบกับการเดินทางมาตลอดแทบไม่ได้หยุดพักเพื่อจะให้ถึงจุดที่ต้องเก็บข้อมูลให้เร็วที่สุดตามความต้องการของดอกเตอร์อลัน ทุกคนจึงร้อนอบอ้าวไปตามๆ กัน
ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มเก็บข้อมูลจากตรงนี้เลยไหมคะดอกเตอร์ ฝนทองถามอลัน
ดอกเตอร์อลันพยักหน้า หลังจากที่ยืนมองต้นไม้รอบๆ มาก่อนแล้ว
โอเค ถ้าอย่างนั้นเราก็เริ่มจากตรงนี้เลย เพราะผมเริ่มเห็นพรรณไม้น่าสนใจมาตั้งแต่เราเริ่มเดินเข้าป่ารกๆ แล้ว
จากเส้นทางที่ผ่านมานั้นดอกเตอร์อลันคอยจดพรรณไม้วงศ์เปล้าที่พบลงสมุดบันทึกเล่มขนาดกลาง โดยมีฝากฟ้ากับทิวาคอยซักถามราวกับจะศึกษาและเก็บรายละเอียดจากผู้มีประสบการณ์มากกว่า
พอมาถึงจุดนี้การเก็บข้อมูลถือว่าเพิ่งเริ่มต้น พรรณไม้ชนิดไหนที่ไม่รู้จักดอกเตอร์อลันจะให้ทิวาเก็บตัวอย่างใส่ถุงดำขนาดใหญ่โดยมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าคอยช่วยเหลือ ในขณะที่ฝากฟ้าคอยถ่ายรูปและจดรายละเอียดของพรรณไม้โดยมีฝนทองคอยจับพิกัดโดยใช้จีพีเอส
ขณะที่ฝากฟ้ากำลังหามุมในการถ่ายรูปดอกไม้หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ถูกใจ เธอจึงใช้มือหนึ่งจับกิ่งมันไว้ ส่วนอีกมือที่ถือกล้องก็กดหาโฟกัส แต่แล้วก็มีมือหนึ่งยื่นมาจับกิ่งไม้ไว้ให้เธอ
มาพี่ช่วย
คนที่กำลังทุลักทุเลหันมาเอ่ยขอบคุณเบาๆ พลางยิ้มโล่งอกแล้วทำงานต่ออย่างสะดวกขึ้น แต่เมื่อผู้ให้ความช่วยเหลือบ่อยครั้งเข้าก็ชักจะมือไม่นิ่งจึงถูกดุเข้าให้
จับดีๆ สิคะ มือนิ่งๆ ไม่อย่างนั้นจะจับโฟกัสลำบาก
อ้าว แล้วกัน คนจับทำเป็นบ่นก่อนจะยืดตัวแล้วขยับท่าขยับทางราวกับว่าจับพรรณไม้นิ่งหรือไม่นิ่งอยู่ที่ท่ายืนไม่ใช่อยู่ที่มือคนเสียอย่างนั้น
แล้วกันอะไรคะ ดูสิภาพเบลอเลย ฝากฟ้านึกสนุกอยากโต้ตอบไปบ้าง
อันนั้นเขาเรียกว่าฝีมือไม่ถึง
แน้...อย่างนี้เขาเรียกว่าจับไม่ดีแล้วโทษตากล้องค่ะ
ตากล้องไม่ดีแล้วโทษคนจับต่างหาก
ฝากฟ้าหัวเราะ ยอมให้ก็ได้ค่ะ บอกตรงๆ ก็ได้ว่าเพิ่งหัดถ่ายภาพได้ไม่นาน อาศัยว่ากล้องดีไม่อย่างนั้นภาพคงออกมาไม่ได้เรื่องแน่เลย มาครั้งนี้ก็ตั้งใจว่าจะฝึกปรือถ่ายรูปและดูดวิชาจากดอกเตอร์อลันค่ะ คนเก่งๆ อย่างนี้หายาก
ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยนก่อนจะเลื่อนสายตาเลยไปยังทิวาที่มองมาหลายต่อหลายครั้ง รอยยิ้มคลายลงหากดวงตาจุดประกายท้าทายขึ้นมาแทนที่ มีตาก็มองไป...ไม่มีใครว่า ส่วนเขามีปากก็จะพูดจะสร้างความสนิทสนมมากกว่าการเป็นคนรู้จักกันและบ้านใกล้กัน ที่สำคัญปากเขาก็ไม่ได้ไปจูบคนอื่นที่ไม่ใช่แฟน เพราะฉะนั้น เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เกมนี้ยุติธรรมอยู่แล้ว
แล้วที่ถ่ายรูปมานี่รู้จักชื่อหมดหรือเปล่า เขาชวนคุย
ไม่หรอกค่ะ เพิ่งทำงานได้ไม่นานเอง แต่หลังจากกลับไปนี่คงจะรู้มากกว่าเดิมพอดูค่ะ เพราะว่าการมาทำงานก็คือการเรียนรู้ใหม่ๆ จะว่าไปแล้วเรื่องพรรณไม้นี่ฝากไม่เก่งเท่ากับพี่สนหรอกค่ะ จบป่าไม้โดยตรงนี่คะ
ชายหนุ่มหัวเราะร่วน จบป่าไม้แต่ก็ใช่ว่าจะรู้ต้นไม้ทุกต้นนี่
แต่ก็ต้องรู้เยอะกว่าคนอื่นล่ะ หญิงสาวว่า
ก็รู้บ้าง แต่มันก็แล้วแต่คนอีกแหละ บางคนสนใจก็รู้มากหน่อย บางคนทำงานไม่เกี่ยวข้องกับงานเก็บข้อมูลสำรวจพวกนี้ก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่หรอก นี่แหละน้า...ทุกคนชอบคิดว่าคนจบป่าไม้จะเป็นกูรูรู้ชื่อต้นไม้ ถ้าไม่รู้จักต้นไหนล่ะก็เป็นต้องมาถาม โดยเฉพาะเวลาเข้าค่ายเด็กเป็นต้องโดน...นี่ต้นอะไรคะ ต้นนี้ชื่ออะไรครับ เฮ้อ...คำถามยอดฮิตจริงๆ ดีนะที่ไม่ได้จบสาขาชีววิทยาป่าไม้มา ไม่อยากนั้นคงถูกประณามมากกว่านี้ เขาพูดพลางทำหน้าเมื่อยแต่ตาเป็นประกายขบขัน
อ้าว แล้วจบสาขาไหนมาเหรอคะ
การจัดการสัตว์ป่า
อ้อ...สัตว์ป่านี่เอง คนพูดแกล้งเงยหน้าจากกล้องมาสบตาคนพูดอย่างเย้าแหย่ อีกฝ่ายรู้ทันทำหน้ายุ่ง
เดี๋ยวเถอะ มาว่าพี่เป็นสัตว์ป่าเหรอ
เปล่านะคะ ฝากฟ้าแก้ตัวแล้วก็หัวเราะกิ๊ก
เอาน่า...อย่างน้อยก็มีอยู่ต้นหนึ่งที่พี่รู้จักและรู้จักดีด้วย
ต้นอะไรคะ คนถามหลงกล
ต้นรัก
สีหน้าคนฟังแดงเรื่อขึ้นมาทั้งที่ก่อนหน้านี้ค่อนข้างซีดเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินป่า แต่เมื่อนึกได้ว่าคนพูดคงไม่ได้คิดอะไรแม้แต่น้อย ก็วางสีหน้านิ่งสนิทเป็นปกติและทำเป็นสนใจกับการทำงานต่อไป โดยหารู้ไม่ว่าทั้งเธอและวนาสณฑ์ตกเป็นเป้าสายตาไม่พอใจของทิวาอยู่แทบทุกระยะ
ระวังหน่อยสิทิวา เรายังต้องเดินทางไปอีกหลายวันนะ เดี๋ยวตัวอย่างพรรณไม้ก็เละหมดหรอก ดอกเตอร์อลันดุ
ขอโทษครับดอกเตอร์ เดี๋ยวผมเก็บใหม่
บ้าที่สุด ! ทำไมนะหัวหน้าสนจะต้องเข้ามาทำให้เขายุ่งยากใจและเจ็บๆ คันๆ เพียงชั่วข้ามคืน
เมื่อคืนหัวหน้าสนเดินไปส่งดอกเตอร์อลันที่ดื่มเบียร์ไปค่อนข้างมากไปยังบ้านพักด้วยตัวเองพร้อมกันกับเขา หลังจากที่มธุรินขับรถกลับออกไป แต่พอนึกได้ว่าลืมมือถือไว้ที่ศาลาชมไพรเพราะความเมาจึงต้องกลับมาเอา บังเอิญเหลือเกินที่มธุรินก็ขับรถกลับมาในขณะที่เขากำลังจะเดินออกจากศาลา...
เขาบอกไม่ถูกว่าเป็นเพราะถ่านไฟเก่าหรือความห่างเหินจากผู้หญิงในช่วงที่รอคำตอบจากฝากฟ้ากันแน่ที่ทำให้เขาอาศัยมุมมืดดึงเธอเข้ามากอดจูบอย่างดูดดื่ม...
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มธุรินเพราะเธอไม่ได้ขัดขืนแถมยังตอบสนองเขาอย่างดี แต่เสียงของวนาสณฑ์ต่างหากที่ทำให้เขาอดระแวงไม่ได้ว่าฝ่ายนั้นอาจจะเห็นบทจูบระหว่างเขากับมธุริน ยิ่งเห็นหัวหน้าสนทำตัวสนิมสนมกับฝากฟ้าเขาก็ยิ่งระแวงว่าสิ่งที่ฝากฟ้าไม่ควรรู้มันจะรั่วไหลออกไปแล้วเขาก็อาจจะต้องเสียคะแนนที่พยายามสะสมแต้มมา
ฝากฟ้าเป็นรุ่นน้องคณะเดียวกันที่เขาเคยตั้งใจว่าจะคบอย่างจริงจัง และดูเหมือนเธอก็จะชอบเขาอยู่แต่ไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้เขาง่ายๆ เขาเป็นเพียงผู้ชายที่มีความต้องการเมื่อได้รับการเอาอกเอาใจและยั่วยวนจึงเผลอไปมีสัมพันธ์กับคนอื่น จนฝากฟ้าถอยห่าง สุดท้ายเมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้ชอบผู้หญิงเจนสังคมแต่ชอบผู้หญิงนิ่งๆ ไม่ค่อยพูดมากแต่มีเสน่ห์น่ารักอย่างฝากฟ้าเขาจึงกลับมาขอคบกับเธออย่างจริงจังและพูดถึงการแต่งงาน แต่เธอกลับบอกว่าขอคบกับเขาเป็นพี่เป็นน้อง ซึ่งทำเอาเขาหน้าแตกพอดู นี่ถ้าไม่ได้ทำงานด้วยกันความรักคงไม่เพิ่มพูนและเขาคงไม่ตื๊อเธอ แต่ช่วงหนึ่งที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับมธุรินเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เขาก็ยังแอบไปมีสัมพันธ์กับเธอจนได้
แล้วดูสิหัวหน้าสนจงใจหรืออะไรกันแน่ถึงได้เวียนใกล้เธอตลอดเวลา มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ บ้าเอ๊ย ! ไม่มีลูกไม่มีเมียหรือไงนะ หรือว่ามีแล้วแต่พอห่างลูกห่างเมียก็ลายออก ทิวาคิดอย่างหมั่นไส้
เดี๋ยวพี่กับดิตถ์จะพาคนไปสำรวจดูป่าอีกด้านหนึ่งหน่อยนะ แล้วจะทิ้งคนไว้ให้ มีอะไรก็ให้เขาเรียกพี่ได้ทุกเวลา
วนาสณฑ์เอ่ยกับฝากฟ้าหลังจากเห็นท่าว่าดอกเตอร์อลันเก็บข้อมูลอย่างละเอียดซึ่งจะทำให้เขามีเวลาในการทำงานในส่วนของตัวเองบ้างเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา
ค่ะพี่สน ระวังตัวด้วยนะคะ
วนาสณฑ์มองตามฝากฟ้าที่หมุนตัวเดินกลับไป พลันดวงตาก็เบิกกว้าง แล้วก้าวพรวดไปข้างหน้า เป็นเวลาเดียวกับที่ฝากฟ้าอ้าปากค้างเมื่อเห็นตัวเขียวๆ อยู่บนกิ่งไม้
งู !
สิ้นเสียงกรีดร้องอย่างตกใจและเสียขวัญของฝากฟ้าแล้ว ร่างของเธอก็ถูกดึงจนปลิวไปปะทะกับกำแพงแข็งแกร่งทางด้านหลัง
ร่างสั่นเทาในอ้อมแขนทำให้วนาสณฑ์นึกถึงอดีตขึ้นมาทันที และมันก็สั่งการให้เขาจับไหล่เธอให้หมุนมาหาเขาและโอบกอดร่างสั่นเทาไว้อย่างปลอบประโลม โดยหารู้ไม่ว่าเลือดในกายของทิวาแล่นพล่านด้วยความหึงหวงและไม่พอใจ
******************
จากคุณ |
:
permanent stream
|
เขียนเมื่อ |
:
2 พ.ย. 54 06:33:03
|
|
|
|