Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กลร้ายในเงารัก - บทที่ 8 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11264338/W11264338.html

บทที่ 8

นี่ต่างหาก ชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นได้ทั้งสามีและพี่ชาย ให้ได้ทั้งความมั่งคงและร่มเงาคนนี้ต่างหาก ที่โผสะเปะสะปะเข้าหาศพ

เขาสะดุดวัตถุที่มองไม่เห็น ล้มแล้วล้มอีก แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดคืบเคลื่อนลนลาน แว่นตาดำหล่นกระเด็นไปติดซอกตู้เย็น ทำให้เห็นว่าใบหน้าแตกตื่นนั้น นองไปด้วยน้ำตา และดวงตาคู่โศกก็แดงก่ำ

"พุธ อยู่ตรงไหนพุธ ไม่จริงใช่ไหม อคินโกหกใช่ไหม พุธ ขานตอบพี่สิ ขานตอบพี่สิพุธ"

อคินน้ำตาร่วงด้วยความสะเทือนใจ บอกไม่ถูกว่าสงสารตัวเองหรือสามีตาบอดกันแน่ ขณะที่เขานั่งแช่ติดประตู ทิ้งน้ำตาหยดแล้วหยดเล่า สามีก็ส่งเสียงเรียกภรรยาเบาๆ แต่หลายครั้ง มันแว่วมาจากบันได ร่างแช่นิ่งจึงค่อยรู้สึกตัว รีบป้ายน้ำตา แล้วลุกปรี่ไปช่วยประคอง

"ตั้งสติหน่อยคุณดนัย อย่าหลอกตัวเองเลย พุธจากเราไปแล้วจริงๆ " เขาพยายามปลอบโยนแกมเรียกสติ

"ไม่จริง พุธไม่มีเหตุผลอะไรจะฆ่าตัวตาย ผมไม่เชื่อ เมื่อคืนนี้ เรายัง.. "

"ไม่มีใครรู้ความจริงได้มากไปกว่าเธอหรอก"

อคินเผลอย้อนเสียงกระด้าง เขาไม่อยากฟังสามีบรรยายความสุขจากการร่วมเสน่หาให้ทรวงริษยามันระอุ ดนัยดลต้องอยากยืนยันอย่างนั้นล่ะ

สามีตาบอดจะไปรู้อะไร อย่างมากก็แค่หลับหูหลับตาโถมเทคลื่นสวาทบ้าคลั่งไปตามลำพัง เมามันไปอย่างเพ้อเจ้อ และสุขสมไปอย่างโง่ๆ พุธชมพูคงไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยช่วยกันแน่ๆ เพราะในร่างกายของเธอ มันอัดแน่นไปด้วยเยื่อใยพิศวาสของเขาจนหมดที่ว่างจะรับของใครได้อีก

"ไม่หรอก ไม่จริง อคิน คุณโกหก คุณล้อเล่นแบบนี้ไม่ได้ ผมรับไม่ได้ ผมยินดีหมดแขนหมดขา ไม่เหลือแม้แต่ทรัพย์สมบัติและที่ซุกหัว ขอแค่ให้ผมรู้ตลอดเวลาว่าผมมีพุธ เธออยู่ไหน พาผมไปหาเธอ"

"เธออยู่ตรงหน้าคุณ แต่อย่าแตะต้องเธอเลย ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเถอะ พวกเขากำลังจะมา"

"คุณโทรไปบอกพวกเขาหรือ"

"คุณดนัย มันจำเป็น ในบ้านเรามีคนตายนะ"

"เธออยู่ตรงหน้าผมใช่ไหม"

ดนัยดลน้ำตาร่วงเผาะ เสียงครางของเขาเครืออย่างเจ็บปวด ร่างสั่นค่อยทรุดลงนั่ง มือก็พยายามยื่นคลำไปข้างหน้า จนกระทบกับของเหลวเหนียวข้น แล้วค่อยชะงัก คิ้วกระตุกหน้านิ่ว กัดปากอย่างตื่นเต้น แล้วครางแผ่วๆ ว่า

"เลือด"

"ใช่" อคินหย่อนร่างลงข้างๆ ดึงมือสามีพิการกลับมาอย่างสงสาร โอบไหล่สะท้านไว้อย่างปลุกปลอบ "พุธกรีดข้อมือตัวเอง เธอตั้งใจฆ่าตัวตาย ตอนนี้ เธอนอนตะแคงหันหน้ามาทางเรา ลืมตามองเรา ก่อนหน้านั้น เธอคงร้องไห้"

อคินบรรยายสภาพศพตรงหน้าด้วยเสียงปวดร้าว คราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งมันบอกเขาว่า พุธชมพูคงร่ำไห้หนักหน่วงก่อนตัดช่องน้อยเพื่อหนีปัญหา เธอหนีอะไร เขาหรือว่าสามีตาบอด ก่อนตายเธอไม่คิดจะทิ้งข้อความฝากไว้ให้คนข้างหลังบ้างหรือ

"พุธ คนดีของพี่ เกิดอะไรขึ้น พี่ไม่เชื่อว่าพุธฆ่าตัวตาย"

ดนัยดลครางกลั้วน้ำตา พิงศีรษะอ่อนล้าบนแผงอกใหญ่ของเพื่อนหนุ่มต่างวัย

"เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไม่ใช่หรือพุธ แล้วพี่ก็ไม่เคยเหลวไหลออกนอกลู่นอกทาง ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง พี่ก็ซื่อสัตย์ต่อพุธคนเดียว มันไม่จริง อคิน มันไม่จริง คุณต้องเชื่อผม พุธต้องไม่ฆ่าตัวตาย ต้องเกิดอะไรขึ้นกับเธอ"

อคินกอดคนคร่ำครวญแน่นอีกนิด ดนัยดลคงเสียขวัญมากกับการจากไปของภรรยายาหยี เขาดึงดันหลอกตัวเอง เพราะทำใจไม่ได้ว่า นับแต่นี้ไป ในบ้านหลังนี้จะไม่มีคุณผู้หญิงชื่อพุธชมพูดอีกแล้ว รวมทั้งตัวเขาก็จะได้ชื่อว่า 'พ่อหม้ายหมาดๆ '

'ร้อยตำรวจเอกทันองค์ โฉมไฉน' หรือ 'ผู้กองตั้น' ขวัญใจประชาชนและลูกน้อง ปรากฏตัวขึ้น

หลังจากแนะนำตัวด้วยมาดเข้มกับเจ้าของบ้านแล้ว กระบวนการของตำรวจก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ตรวจสอบหาร่องรอยในที่เกิดเหตุ ซักถามผู้เกี่ยวข้อง และคนที่เจอศพเป็นคนแรก ไม่ยกเว้นแม้แต่แม่บ้านสาวใช้ ไล่ไปจนถึงคนสวน ซึ่งขาดนายอุ่นไปหนึ่งคน

"เขาขอไปนอนเฝ้าญาติที่โรงพยาบาลเมื่อคืนนี้"

ผู้กองตั้นส่งเสียง 'อืม' ในลำคอ หรี่ตามองสามีที่ยังน้ำตาเปื้อนแก้มและเป็นคนตอบเสียงแผ่วๆ เมื่อครู่นี้ หนุ่มอคินรูปหล่อนั่งโอบไหล่อย่างเป็นห่วงไม่ห่างเลย คุณผู้กองก็เลยปรารภขึ้น

"คุณสองคนคงจะเป็นเพื่อนที่รักกันมาก ดูจะเห็นอกเห็นใจกันเป็นพิเศษ"

"เราเป็นหุ้นส่วนกัน"

อคินตอบ มองตาเรียวเข้มของผู้กองหนุ่มใหญ่อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แสงกล้าคมที่ทอออกมาอย่างมีนัยแฝงแบบนั้น เขาก็ไม่ชอบเลย

"ขอโทษนะครับ" อาจเป็นเพราะตนถูกจ้องเขม็งอย่างมีนัยแฝงเกินไป อคินจึงโพล่งออกมาตรงๆ "ผมไม่ชอบให้คุณผู้กองมองผมเหมือนเป็นผู้ต้องหา"

"โอ้ ตอนนี้คุณยังไม่ได้เป็นหรอก"

ผู้กองตั้นตอบกลับ แล้วหัวเราะอารมณ์ดี พลางย้ายแสงกล้าคมไปพินิจหน้าเซียวแต่ยังหล่อไม่สร่างของสามีตาบอด แล้วค่อยถามขึ้นว่า

"คนสวนที่คุณดนัยดลอนุญาตให้ไปเฝ้าญาติที่โรงพยาบาลจะกลับมาวันไหน"

"วันนี้ก็น่าจะกลับครับ อันที่จริง ผมอนุญาตไปสองวัน แต่นายอุ่นบอกว่าเป็นห่วงงานทางนี้ แล้วก็เป็นห่วงผมด้วย"

"เป็นห่วงคุณ ห่วงเรื่องอะไร"

"ตั้งแต่ผมตาบอด นายอุ่นก็เป็นห่วงผมเรื่องนี้ล่ะ แกถึงบอกว่าไม่อยากจากบ้านไปหลายๆ วัน"

"อืม ดูเหมือนว่าคุณดนัยดลจะโชคดีที่มีบริวารซื่อสัตย์ เอ๊ะ หรือเปล่านะ"

คราวนี้ก็ไม่ใช่อคินคนเดียวแล้วล่ะ ที่รู้สึกไม่สบอารมณ์ เพราะการทิ้งท้ายเหมือนยุแยงให้เจ้านายระแวงลูกน้อง กลั้วด้วยการหัวเราะครึกครื้นในลำคอ ที่ผู้กองหนุ่มใหญ่กำลังทำ มันไม่เข้าท่าเลย วูบหนึ่ง ดนัลดลก็อยากจะโพล่งออกไปเลยว่า 'สงสัยใครก็สงสัยเถอะ แต่ต้องไม่ใช่นายอุ่นแน่'

"เอาล่ะ ผมจะกลับมาอีกที อาจจะเป็นตอนบ่ายหรือเย็นก็ได้ อ้อ เอาอย่างนี้เถอะ นายอุ่นคนนี้กลับมาเมื่อไหร่ รบกวนคุณดนัยดลช่วยโทรแจ้งผมด้วย ตกลงนะครับ"

"ได้ครับ"

"อ้อ ไม่ต้องไปส่ง" ผู้กองตั้นรีบโบกมือ สะกดร่างเจ้าของบ้านที่ลุกขึ้นพร้อมกับอคิน "ผมพอจะเข้าใจว่า เวลานี้คุณยังอยู่ในอาการเศร้าโศก พักผ่อนเถอะ ตำรวจมีหน้าที่บริการประชาชนอยู่แล้ว จะมาจะไป ก็ไม่ต้องให้เจ้าของบ้านยุ่งยากรับส่ง"

"ศพของภรรยาผม.. "

"เราต้องส่งไปชันสูตรก่อน"

"ผมไปด้วย ผมทิ้งพุธไปไม่ได้ อคิน ผมปล่อยให้เธอไปอยู่ในที่ที่แปลกตามลำพังไม่ได้ เธอต้องกลัวแน่ๆ อคิน พาผม.. "

"ระงับสติหน่อยคุณดนัย พุธของเราไม่เป็นไรหรอก เธอจะปลอดภัย ตำรวจจะคุ้มครองศพของเธออย่างดี"

ผู้กองหนุ่มหรี่ตา เก็บอิริยาบถร้อนรนลนลานของสามีไว้เป็นข้อมูลในใจเงียบๆ ครั้นย้ายไปสำรวจแววตาโศกเกินไปของพ่อหนุ่มอคิน ประโยคที่ว่า 'พุธของเราไม่เป็นไรหรอก' ก็น่าสนใจดี จึงต้องเก็บไปวางไว้ข้างๆ กันในช่องชั้นความทรงจำ

แม่พิศกับอนงค์มาช่วยประคองคุณผู้ชายไปพักผ่อนในห้องนั่งเล่น อคินต้องล่อหลอกให้กินยานอนหลับ เพราะดนัยดล ร่ำร้องแต่จะตามตำรวจไปด้วย เขาอ้างว่า 'ผมต้องไปอยู่เป็นเพื่อนพุธ'

แล้วประโยคนั้น ก็ดึงแสงชิงชังอันคมกล้าวาววาบออกมาจากดวงตาเรียวหวานวูบหนึ่ง มันสั้นมากเลย แต่ว่า 'ผู้กองตั้นก็ทันเห็น'




หุ้นส่วนรูปหล่อเดินออกมาหน้าบ้านพร้อมกับผู้กองหนุ่มใหญ่ ทั้งสองมาหยุดที่รถ ลูกน้องยศจ่าเดินเข้ามารายงานสั้นๆ ว่า งานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ผละไปสมทบกับเพื่อน

อคินเม้มปากครุ่นคิดหนักหน่วง เขาไม่นึกว่าเรื่องจะแปรผันรวดเร็วเช่นนี้

ตอนนี้ จึงกลายเป็นว่า บ้านหลังนี้ บริษัทที่เขาเพิ่งจะลงหุ้นไปไม่นาน กับเพื่อนหนุ่มใหญ่ตาบอด ได้กลายเป็นภาระที่ต้องรับผิดชอบอย่างไม่มีกำหนด มันหนักอึ้งมาก และบางขณะ เขาก็อดที่จะกระซิบบอกตัวเองไม่ได้ว่า 'ธุระไม่ใช่'

"คุณรู้จักกับคุณดนัยดลมานานแค่ไหนแล้ว" ผู้กองตั้นชวนคุย เขาตั้งใจทำลายภวังค์ของหนุ่มหล่อนั่นล่ะ

"หลายปีแล้วครับ"

"อืม สาม ห้า เจ็ด เก้า หลายปีของคุณมันน้อยกว่านี้ หรือว่ามากกว่านี้ หรือว่า.. "

"ก็ประมาณนั้น เจ็ดหรือแปดปีเศษๆ "

"อืม" ผู้กองอมยิ้ม ไม่ถือสาแสงขุ่นที่วาวออกมาจากดวงตาเรียวหวาน เป็นหนุ่มที่ตาหวานจัดน่าสนใจไม่เลว "แล้วกับผู้ตายล่ะ คุณรู้จักและสนิทสนมด้วยมากแค่ไหน"

"เอ้อ.. "

อคินเหลือบมองรอยยิ้มคนถามแวบหนึ่ง มันตลกไหมล่ะ ที่เขาไพล่ระแวงคำถามนี้ ทั้งที่เขาก็รู้ทั้งรู้ว่า การตายของพุธชมพู มันไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย ต่อให้เขาเจอศพเป็นคนแรกก็เถอะ แต่ถึงไม่ใช่เขา ให้ใครอื่นมาเจอก็ต้องลงความเห็นเหมือนเขานั่นแหละว่า พุธชมพูกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย

"ไม่เป็นไร" ผู้กองช่วยสลายอาการอึดอัดระคนระแวง "ตอบมาตามสบาย แค่ว่าให้มันเป็นเรื่องจริงก็พอ ผมรับได้หมด"

"หรือครับ แล้วคุณผู้กองใช้อะไรมาเป็นเกณฑ์วัดว่าสิ่งที่คุณได้ฟังจากคนอื่น มันเป็นเรื่องจริงหรือว่าโกหก"

"อ้อ อันนี้มันเป็นพรสวรรค์ส่วนตัวของผมนะ อธิบายไม่ถูก แต่คุณอคินก็ไม่ต้องไปสนใจ แค่ว่าพูดเรื่องจริงกับผมทุกเรื่องก็พอแล้ว ที่เหลือผมจัดการเอง เอาล่ะ ตอบคำถามของผมมาเถอะ"

"ผมเพิ่งรู้จักเธอ เอ้อ ก็ไม่เชิง ผมรู้จักชื่อของเธอมานานแล้วจากคำบอกเล่าของคุณดนัย แต่ว่าเพิ่งจะมาเห็นตัวจริงที่นี่"

"ครับ เพิ่งจะมาเห็นตัวจริงที่นี่ นานหรือยัง"

"ก็.. "

"ไม่ต้องเป๊ะก็ได้ ผมแค่อยากรู้ว่ากี่วันกี่เดือนเท่านั้นพอ"

"สักสามเดือนนิดหน่อย"

"อืม สามเดือนนิดหน่อย"

คุณผู้กองพยักหน้าหงึกๆ มุมปากผุดยิ้มคล้ายกับว่าตนกำลังละเลงข้อมูลที่ได้รับในวันนี้ แต่ครั้นย้ายตาหรี่ลึกมาจับกรอบหน้าคมคาย เขาก็ต้องเลิกคิ้วเปลี่ยนยิ้มละเลงข้อมูลเป็นยิ้มขำๆ เพราะโดนหนุ่มหล่อเปรยอย่างไม่พอใจออกมาว่า

"ผมต้องขอโทษอีกครั้งที่ต้องพูดตรงๆ ว่า ผมไม่พอใจเลยที่คุณผู้กองชอบมองผมเหมือนจะปรักปรำว่าผมเป็นฆาตกร"

"โอ้ ทุกคนในบ้านหลังนี้เป็นได้หมดล่ะ ไม่ใช่เฉพาะคุณหรอก"

"อะไรนะ" อคินเผลอขึ้นเสียง เท้าสะเอวอย่างเสียมารยาทด้วย "ตลกชะมัด คุณผู้กองก็เห็นสภาพศพนี่" คราวนี้เขากระชากเสียงห้วนเลย "เด็กห้าขวบมันก็บอกได้ด้วยซ้ำว่า พุธฆ่าตัวตาย มีดก็ยังอยู่ในมือเธอ ผมสาบานได้ว่า ตอนผมมาถึง ไม่มีอะไรผิดปกติในครัว ไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือการรื้อค้น ข้าวของทุกอย่างอยู่ในที่ในทางของมัน มีแต่เธอที่นอนตายกลางพื้น"

ผู้กองตั้นเคาะฝากระโปรงรถด้วยท่าทางอารมณ์ดี ปากหยักบางที่ประดับด้วยหนวดเรียวสีน้ำตาลเข้มเกือบดำระบายยิ้มนุ่ม ดวงตาเรียวใหญ่ทอแสงอ่อนเมื่อทอดลึกเข้าไปกระทบแสงแดดกลางสวนหย่อม

ดูเหมือนว่า เขาไม่ถือสาเลยกับอารมณ์มุทะลุและน้ำเสียงกระชากห้วนที่พ่อหนุ่มรูปหล่อกำลังทำ เขาฟังได้ และเก็บทุกคำไม่มีตกมีหล่น มันอาจไม่ใช่ข้อมูลสำคัญในวันนี้ แต่ใครจะบอกได้ว่า มันอาจจะมีและมีอย่างเหนือความคาดหมายในวันหน้า

"รอให้ผลการชันสูตรออกมาเสียก่อน แล้วเราค่อยมาเจาะลึกว่า ผู้ตายตายเพราะอะไร"

"อะไรนะ" อคินกระเถิบเข้าใกล้ร่างสูงใหญ่ ไม่พอใจเสียงเปรยเหมือนตัดบทชอบกล "นี่คุณผู้กองจะบอกว่า พุธอาจจะถูกฆ่าตายหรือ ใครกันจะเข้ามาฆาตกรรมผู้หญิงตัวบางอ่อนแอคนหนึ่งด้วยวิธีตลกๆ อย่างกรีดข้อมือ"

"อืม แล้วในทางกลับกัน บางทีนะคุณอคิน วิธีง่ายๆ หรือที่คุณเรียกว่าวิธีตลกๆ น่ะ มันก็อาจจะเป็นการอำพรางที่เรียบแต่หรูมากของฆาตกร แล้วถ้ามันเป็นอย่างนั้นนะ ฆาตกรคนนี้ก็ออกจะน่ากลัว อย่างน้อยที่สุด ศพก็เป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงการไตร่ตรองอย่างสุขุมลุ่มลึกก่อนจะฆาตกรรม"

พอสิ้นวาจาเรียบขรึมของผู้กองตั้น สายลมมรณะก็พลันหอบกระแสคมกริบข้ามฟากสวนจากเรือนพักหลังเล็กมากรีดแผ่นหลังของอคินวูบหนึ่ง

หนุ่มหล่อรู้สึกหายใจขัด ตลอดแนวสันหลังมันเย็นๆ หนาวๆ ไปเอง นี่มันตลกบัดซบอะไรกัน ทำไมผู้กองบ้าคนนี้ ถึงได้ใช้แววตาอุบาทว์มาจดจ้องเขา ระแวงว่าเขาเป็นฆาตกรหรือ เขาไม่ใช่สักหน่อย

"เอาล่ะ ผมคงต้องกลับเสียที" ผู้กองตั้นตัดบท เปิดประตูรถ "มีเรื่องให้ต้องทำอีกเยอะ อ้อ อย่าลืมล่ะ นายอุ่นคนนั้นกลับมาเมื่อไหร่ โทรบอกผมทันที"

"ใจคอคุณผู้กองจะพลิกคดีจากฆ่าตัวตายเป็นฆาตกรรมให้ได้ใช่ไหมครับ" อคินแดกดันอย่างเหลืออด

"ผมเปลี่ยนแปลงความจริงไม่ได้หรอกคุณอคิน แล้วถ้าความจริงมันซ่อนตัวอยู่ ก็นั่นล่ะครับ คือหน้าที่ของตำรวจ"

"คุณผู้กอง"

"ผมถึงบอกคุณยังไงละว่า ขอให้พูดแต่เรื่องจริงกับผม ที่เหลือผมจะจัดการเอง"

'ไอ้บ้าเอ๊ย' อคินสบถด่าเกรี้ยวกราดในใจ เขาเกลียดผู้กองตั้นอย่างแรงกล้าในวูบที่เห็นอีกฝ่ายระบายยิ้มท้าทาย มันบัดซบสิ้นดี ที่เขาจะถูกดึงเข้าไปเอี่ยวในประเด็นระแวงเฮงซวย

เขาไม่เกี่ยวหรอก พุธชมพูตายเอง เธอฆ่าตัวตาย ต่อให้มีใครลากเขาไปนอนบนตะแลงแกง รอเวลาบั่นคอ เขาก็จะตะเบ็งเสียงยืนยันให้หมดหลอดว่า 'พุธชมพูฆ่าตัวตาย'




นายอุ่นกลับมาถึงบ้านพิณพิไลตอนบ่ายแก่ๆ คนสวนวัยปลายคนมาหยุดหน้าประตูครัว เผยสีหน้ายุ่งยากใจ หากแต่ในแววตา กลับแลพราวเรืองด้วยแสงอำมหิตวูบหนึ่ง กิริยาชะเง้อชะแง้หลุกหลิกทำให้อนงค์อดที่จะถามไม่ได้ว่า

"ลุงมองหาอะไรน่ะ"

"ก็หา.. " นายอุ่นคงตรองดีแล้วว่าไม่ควรเปิดเผย คำตอบมันจึงกลืนหายลงคอไปเสียเฉยๆ

"หาอะไรล่ะ ตอนเย็นๆ ตำรวจคงแวะมาอีก ลุงก็บอกมาสิ เผื่อฉันจะได้บอกให้เขาเข้าไปช่วยหาให้ไง กว่าจะเข้าไปเองได้ คงต้องรอให้ตำรวจเขาอนุญาตก่อน ตอนนี้นะ ใครก็เข้าไปไม่ได้ เขาบอกว่าเดี๋ยวร่องรอยหลักฐานข้างในจะถูกทำลายหมด"

"ตำรวจบอกหรือเปล่าว่าต้องปิดครัวไว้แบบนี้สักกี่วัน"

อนงค์ส่ายหน้า หล่อนไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก แม่บ้านที่ปกติก็รู้มากไปเสียทุกเรื่อง ตอนนี้ก็จมจ่อมอยู่กับความใจหายเศร้าโศก หล่อนเองก็เถอะ ตอนมองกระจกก็อดร้องไห้ไม่ได้ หน้าแห้งตาหมองของตัวเอง มันฟ้องเลยว่าคิดถึงคุณผู้หญิงจับใจ

"เออ" นายอุ่นลูบหัวหลานสาวอย่างเข้าใจ เมื่อเจ้าตัวน้ำตาไหลสูดจมูกให้ได้ยิน "หักอกหักใจเถอะวะ คิดเสียว่าคุณผู้หญิงไปดีแล้ว เรามัวแต่เสียใจอยู่ทางนี้ ใครจะไปรู้ว่า คุณผู้หญิงอาจจะกระโดดโลดเต้นดีใจอยู่ทางโน้น"

"ลุงพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ"

"ก็คงจะพูดเรื่องคนไม่สมควรตาย แต่จำเป็นต้องตายนั่นแหละ"

อนงค์สูดจมูกแรงๆ ป้ายน้ำตาทิ้ง แล้วเลี้ยวตามองตามร่างชราที่เดินผละไปเลย หลังจากที่พึมพำปิดท้ายประโยคแปลกๆ ก่อนหน้านี้ว่า 'แล้วนี่คุณผู้ชายอยู่ไหนวะ'




ศาลาโปร่งช่างวังเวงเหลือเกินเมื่อปราศจากเสียงใสของคนดี กลิ่นขนมอบก็จางหายตลอดกาลไปแล้ว จากนี้ไป คงไม่ได้เห็นเงาสาวร่าเริงลุกๆ นั่งๆ รินชา ตามตื๊อออดอ้อนให้ช่วยชิมขนมรสเฝือคออีกแล้วสินะ

สามีสะอื้นจนอกสะท้าน น้ำตาร้อนคั่งอยู่ในเบ้าแดงก่ำ มันไหลโดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุด อคินยืนกอดอกมองอากัปกิริยาโศกาอาดูรของหนุ่มพ่อหม้ายหมาดๆ ด้วยแววตาสับสนยิ่ง

บางครั้งก็ชิงชังริษยา แต่บางขณะก็เวทนาที่อีกฝ่ายต้องพรากจากภรรยายาหยี ก็คงไม่มีใครเข้าใจหัวใจดวงนั้นได้เท่ากับเขาละสิ เพราะหัวใจดวงนี้ ก็สุดแสนระกำกับการจากไปของยอดรักไม่ได้น้อยไปกว่าเลย

"คุณคิดจะจัดการยังไงบ้าง" อคินไม่อยากทำลายภวังค์อาดูร แต่มันจำเป็น

"จัดการทุกอย่างตามที่เห็นสมควร คุณจะยังอยู่กับผมใช่ไหม ถ้าผมจะขอร้อง.. "

"อะไรกัน ทำไมพูดเหมือนผมไม่ใช่เพื่อนอย่างนั้นเล่า" อคินรีบติงเมื่ออีกฝ่ายทอดน้ำเสียงเกรงใจกึ่งขอร้องในที เขาย้ายมานั่งข้าง ตบขาเพรียวเบาๆ "เราเป็นเพื่อนกัน คุณเป็นเพื่อนที่ดีของผม นอกจากนี้ เราก็ยังเป็นหุ้นส่วนกันอีก ต่อไปก็อย่าพูดเกรงใจเหมือนเราเพิ่งรู้จักกันสามสี่วันอีกรู้ไหม"

"ขอบคุณอคิน ขอบคุณที่ไม่ทอดทิ้งผมในเวลานี้"

ดนัยดลยื่นมือไปคลำขาเพรียวของอีกฝ่าย พลางบีบเบาๆ ยืนยันว่าอยากขอบคุณจริงๆ อคินถอนใจยาว ทอดตาลงไปกระทบกับร่างชราแต่ยังแข็งแรงของนายอุ่น

"นายอุ่นกลับมาแล้ว" เขาบอกคุณผู้ชายไปเบาๆ "คุณจะทำยังไง ให้ผมโทรบอกคุณผู้กองเลยไหม มันตลกไปหน่อย แต่ผมก็อยากจะบอกคุณว่า ผู้กองตั้นกำลังสงสัยคนสวนคนโปรดของคุณล่ะ"

"สงสัยอะไร นายอุ่นไปเกี่ยวอะไรด้วย ต่อให้มีคนร้ายลอบเข้ามาจริง แล้วบางที พุธของผมก็อาจจะเข้าไปเห็นโดยบังเอิญ มันก็เลยฆ่าปิดปากแล้วอำพรางศพให้เป็นการฆ่าตัวตาย ผมก็กล้ารับรองได้ว่าต้องไม่ใช่นายอุ่นแน่"

"คุณดนัย" อคินเลิกคิ้ว แววตารำคาญแกมหงุดหงิด "นี่คุณไม่เชื่อว่าพุธฆ่าตัวตายหรือ"

"ไม่เชื่อ ทำไมต้องเชื่อ ทำไมเราต้องคิดว่าพุธฆ่าตัวตาย ผมไม่เชื่อหรอกอคิน พุธไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องทำอย่างนั้นเลย"

"ใครจะไปรู้ คุณอาจจะเผลอทำอะไรให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจเข้า หรือไม่ก็อาจเป็นคุณ ที่อาจจะเป็นตัวต้นเหตุกดดันให้เธออึดอัด หรืออัดอั้นจนหาทางออกไม่เจอ"

"เรื่องอะไร"

'เรื่องหย่า' อคินกระแทกเสียงตอบในใจ เขาสะบัดหน้าแล้วลุกไปยืนหันหลัง กัดปากแรงๆ ไม่อยากให้นายอุ่นที่ขึ้นมานั่งสำรวมบนพื้นเห็นแววตาหงุดหงิดเจือชิงชัง เขารู้ตัวดีว่า แม้จะสงสารดนัยดลยังไงก็ตาม แต่ไฟริษยาในทรวงก็ไม่ได้มอดลง

"คุณอคิน" ดนัยดลเรียกให้แน่ใจ พลางเอียงหน้าเงี่ยหู "ทำไมเงียบไป คุณยังอยู่หรือเปล่า"

"คุณอคินยังยืนอยู่ครับคุณผู้ชาย"

"อ้าว นายอุ่นหรอกหรือ ญาติเป็นยังไงบ้าง"

"อีกสองสามวัน หมอก็ให้มันกลับบ้านได้แล้วครับ คุณผู้ชาย"

นายอุ่นกระเถิบไปเกาะเข่า ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ แต่ก็พยายามสูดหายใจลึกเข้าไว้

"เพราะผมไม่อยู่ใช่ไหมครับ ถ้าผมอยู่ ปกติผมจะตื่นเร็วมาก ตีสามตีสี่ผมต้องลุกมาเดินท่อมๆ ตามประสาคนแก่ที่นอนไม่ค่อยหลับ แล้วถ้าผมอยู่ คุณผู้หญิงก็คงไม่ถูกทำร้าย"

"บ้าไปกันใหญ่" อคินหันขวับกลับมาตะคอก ตาหวานดุร้ายวูบ "ทำไมไม่เชื่อฉันสักคนเลย ฉันก็บอกอยู่นี่ไงว่าพุธฆ่าตัวตาย เธอกรีดข้อมือด้วยมีดปอกผลไม้ เธอนอนจมกองเลือดกลางพื้นครัวตามลำพัง และสภาพครัวมันก็ปกติดี"

"แต่อนงค์มันเล่าว่าตำรวจสันนิษฐาน.. "

"พวกเขาจะสันนิษฐานอะไรก็ช่าง ตำรวจก็ชอบสงสัยไปเรื่อยเปื่อย เอะอะก็จะเปิดคดีฆาตกรรมตะบี้ตะบัน พรุ่งนี้เราจะไปฟังข่าวที่โรงพยาบาล จะแวะไปโรงพักด้วย อ้อ ระหว่างนี้ นายอุ่นก็ไม่ต้องออกไปไหน รอให้คุณผู้กองมาสอบสวนเสียหน่อย"

"สอบสวน" นายอุ่นทวนด้วยเสียงแปร่งไปสักนิด

"ใช่ คุณผู้กองตั้นเขาพยายามจะบิดเบือนการฆ่าตัวตายให้เป็นการฆาตกรรม ทุกคนในบ้านถูกตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นฆาตกร แต่นายอุ่นซวยหน่อย เพราะไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ ก็เลยตกเป็นเป้าให้สงสัยเข้มข้นกว่าใคร"

เขาสะบัดหน้าไปทางอื่นอีกครั้ง จึงไม่เห็นว่าน้ำเสียงแดกดันพลุ่งพล่านของตน ดึงแววประหลาดวาบขึ้นในดวงตาเรียวเล็กของคนสวนชรา มือกร้านสองข้างกำแน่นจนสั่นเกร็งข้างขา แต่ครู่เดียว อากัปกิริยานั้นก็หายวับไปพร้อมกับใบหน้าคมคายที่เหลียวกลับมา แล้วตัดบทว่า

"ไปรอคุณผู้กองตั้นในสวนหลังบ้านเถอะ ผมจะโทรบอกเขา รับรองว่าไม่เกินหนึ่งชั่วโมง เขาต้องปรี่มาตัวซี้ตัวสั่นแน่ๆ "

ตอนท้ายก็ยังไม่วายค่อนขอดจนได้ ดนัยดลก้มหน้าฟังไปเงียบๆ อ้อ แต่ก็ไม่เชิงว่าเงียบกริบ เพราะมันแทรกด้วยเสียงสะอื้นแผ่วเป็นระยะ ระคนกับน้ำตาร้อนที่เดี๋ยวร่วงเดี๋ยวหยด

อคินก็ได้แต่เหลือบมองอย่างอ่อนระอา ไม่นึกว่าเพื่อนหนุ่มใหญ่ที่เคยอวดตัวว่ามองโลกในแง่ดี เรื่องวิกฤติหวิดตายแค่ไหนก็รับได้ ตอนทราบว่าต้องตาบอดชั่วคราว ก็เก็บอาการมิดชิด จนเขาทึ่งไปเลย

แต่ดูตอนนี้สิ หมดสภาพหนุ่มใหญ่ใจดีแสนเก่งโดยสิ้นเชิง ที่เขาเห็น มันก็แค่สามีอ่อนแอขี้ขลาด ไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับว่า ภรรยาฆ่าตัวตายเพราะต้องการหนีปัญหาบางอย่าง




ผู้กองตั้นหรี่ตาสำรวจนายอุ่นอย่างเงียบๆ รู้สึกทึ่งว่าคนสวนวัยชรายังดูแข็งแรงบึกบึนสวนทางกับวัยเสียจัง แต่มือกร้านที่กุมกันบนตักสั่นถี่ไปหน่อย คงไม่ใช่เพราะความชราแน่ๆ หรือว่าตื่นเต้นที่ต้องมานั่งเป็นนายแบบจำเป็นให้ตำรวจจ้องเขม็ง

"ทำตัวตามสบาย ผมเป็นตำรวจ มียศแค่ผู้กอง ไม่ใช่ผู้กำกับ อธิบดี หรือนายกรัฐมนตรี อ้อ นายอุ่นคงยังไม่ทราบว่าผมมีฉายาด้วย ผู้กองตั้นขวัญใจประชาชน"

ผู้กองหนุ่มใหญ่หัวเราะอารมณ์ดีเมื่อสิ้นเสียงโอ้อวดนิดๆ เขาขยับตัวจากท่านั่งเอนไขว่ห้าง เป็นนั่งทะมัดทะแมง วางมือกุมประสานกันบนโต๊ะหินอ่อน กระแอมนำทางก่อน แล้วเริ่มตั้งคำถาม

"ทำงานที่บ้านพิณพิไลมานานแค่ไหนแล้ว"

"ก็ตั้งแต่บ้านหลังนี้สร้างเสร็จใหม่ๆ ผมมาช่วยตกแต่งสวน คุณผู้ชายถูกใจว่าผมฝีมือดี ก็เลยออกปากชวนมาทำงานด้วยกัน"

"ออกปากชวนหรือ หมายความว่าก่อนหน้านี้ นายอุ่นทำงานที่อื่นหรือ"

"ครับ ผมทำงานกับเจ้าของสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง แกรับออกแบบและตกแต่งสวนตามบ้าน ผมก็ตามแกมาที่นี่"

"อืม ตอนนั้น คุณดนัยดลแต่งงานหรือยัง"

"ยังหรอกครับ แต่ก็มีผู้หญิงเข้าๆ ออกๆ หลายคน ก็เป็นปกติครับ คนทำงานก็ต้องพบปะข้องเกี่ยวกับทั้งผู้หญิงผู้ชายมากหน้าหลายตาหน่อย"

"แสดงว่านายอุ่นรู้จักผู้ตายมานานหลายปีแล้วสิ"

"ห้าปีแล้วครับ ก็ตั้งแต่คุณผู้ชายพามาแนะนำให้รู้จัก ไม่นานก็พาเข้ามาอยู่เลย แล้วบอกกับพวกเราว่า ต่อไปนี้เธอจะเป็นคุณผู้หญิง"

"ไม่มีการแต่งงานหรือ"

นายอุ่นสั่นหน้า ผู้กองหนุ่มใหญ่ก็พยักหน้าไม่ซักถามเพิ่มเติม จากตรงนี้ มองข้ามร่องสวนกุหลาบไปสุดทางโค้งโรยกรวด ก็จะเห็นหลังคาเรือนพักหลังเล็กโผล่แทรกยอดไม้ เขาจึงถามขึ้นว่า

"มีบ้านอีกหลังอยู่ในสวนโน่นหรือ"

"อ้อ ครับ เป็นเรือนพักแขก แต่ก็ไม่มีแขกไปพักหรอกครับ นานๆ ทีก็ไม่มี เพิ่งจะมีก็คุณอคินนี่แหละครับเป็นแขกรายแรก"

"คุณอคินมาพักที่เรือนหลังนั้นนานแค่ไหนแล้ว"

"ก็สักสามเดือนเห็นจะได้ครับ ท่าทางก็เหมือนจะอยู่ยาวเสียด้วย"

น้ำเสียงตอนท้ายของคนสวนวัยชราออกจะแปร่งไปสักนิด ผู้กองตั้นแสร้งวางท่าทีเฉยสนิท คล้ายไม่สะกิดใจใดๆ แต่เขาเก็บปฏิกิริยานั้นไว้เรียบร้อยแล้ว

เอาล่ะ วันนี้ก็คงซักถามเท่านี้ก่อน แต่ก็คงต้องหาโอกาสแวะไปทำความรู้จักกับเรือนพักแขกหลังเล็กในสวนฟากโน้นเสียหน่อย มันอาจไม่มีอะไรพิเศษหรือเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าตัวตายของคุณผู้หญิง แต่บังเอิญว่า แขกที่มาพักนี่สิ ที่เขารู้สึก 'สนใจเป็นพิเศษ'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 19:51:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com