Secret Love : ปฏิบัติการแอบรัก (เนื้อเรื่องไม่วัยรุ่นนะเออ ^^) บทที่ 5
|
 |
บทนำ + บทที่ 1 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11185178/W11185178.html บทที่ 2 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11199793/W11199793.html บทที่ 3 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11232473/W11232473.html บทที่ 4 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11272532/W11272532.html
....................................................
บทที่ 5 : ความสำคัญระหว่างคนสองคน
ภูธเรศเดินกลับไปกลับมาในห้องหลายรอบแล้ว...
ตั้งแต่ที่พริมาวางหู ชายหนุ่มก็เริ่มอยู่ไม่สุข ร่างสูงเริ่มเดินสำรวจห้องหับของเพื่อนสาวอย่างถือวิสาสะ ตั้งใจว่าจะทำความสะอาดห้องของเธอแก้เซ็ง แต่เมื่อคิดถึงเสียงที่ได้ยินลอดจากปลายสายตอนคุยกันเมื่อครู่ หมอหนุ่มก็รู้สึกฉุนหน่อยๆ...แต่อย่าถามเขานะว่าทำไม เพราะเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
เริ่มต้นเก็บกวาดจากในห้องนอนแล้วกัน หลังจากที่เขาไม่ได้มาเยี่ยมห้องเธอเป็นเดือน ตอนนี้สภาพห้องของเพื่อนเป็นเหมือนห้องเก็บกระดาษใช้แล้วไม่มีผิด ทั้งห้องกระจายเกลื่อนด้วยกระดาษจดโน้ต ชีทเอกสารประกอบการเรียน อีกหลายอย่างหลายประการที่เจ้าของห้องปล่อยปะไว้ไม่เก็บกวาด ผ้าห่มกับหมอนที่ยัยตัวยุ่งเอาออกมานอนเมื่อตอนกลางคืนก็ยังวางแปะไว้ที่พื้นไม่ได้เก็บ ฯลฯ
ไม่ไหวละนะ...ยัยนี่เป็นผู้หญิงจริงๆ รึเปล่าเนี่ย!
แม้จะบ่นหงุดหงิดในใจแค่ไหน แต่คุณหมอหนุ่มก็เริ่มเก็บข้าวของประดามีที่กองๆ สุมๆ ไว้ตามมีตามเกิดของเพื่อนให้เข้าที่อย่างรวดเร็วเท่าที่อาการแฮงค์ของเขาจะอำนวย ด้วยทนไม่ได้กับสภาพห้องที่เหมือนห้องของชายโสดมากกว่าหญิงโสดของเพื่อน
จนกระทั่งเก็บของเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ ชายหนุ่มจึงทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะหนังสือพลางหอบหายใจน้อยๆ ด้วยความเหนื่อย เพราะนอกจากเก็บของแล้ว ภูธเรศยังต้องเดินไปหยิบไม้กวาดมากวาดฝุ่นในห้อง เอาขยะที่ไม่จำเป็นออกไปทิ้ง เก็บผ้าห่ม ที่นอนหมอนมุ้งของเพื่อนจนเนี้ยบ จนตอนนี้ห้องนอนที่แสนรกเมื่อครู่กลายเป็นห้องที่น่านอนไปในทันควัน ภูธเรศมองรอบๆ ห้องพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ เพราะเดาได้เลยว่าเมื่อเพื่อนกลับมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
...ยัยพริมต้องบ่นใหญ่แน่นอน เพราะเธอหาว่าเขาจะทำให้เธอหาของที่ต้องการไม่เจอ ในขณะที่เขาก็จะพร่ำบ่นว่าการสะสมไรฝุ่นไว้เป็นเพื่อนในห้องนอนมันไม่ดีต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง...
คิดแล้วก็ฮาจริงๆ นะเนี่ย พวกเขาสองคนน่าจะไปสลับเพศกันซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ดีนะที่พริมายังพอมีฝีมือในการทำอาหารอยู่บ้าง ไม่งั้นเขาคงคิดว่าเธอคงมีฮอร์โมนเพศชายเยอะเกิน...จนไม่สามารถทำอะไรๆ ได้อย่างผู้หญิงคนอื่นซะแล้ว
คิดถึงอาหาร...คุณหมอหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือแล้วต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าอีกชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึงเวลาเที่ยงแล้ว ชายหนุ่มลุกพรวด มือปัดไปโดนสมุดเล่มหนึ่งที่เขาเก็บขึ้นมาจากพื้นเมื่อครู่ให้ตกลงไปที่พื้นอีกครั้งแต่ร่างสูงกลับเดินเลยไปด้วยความรีบร้อน...ไม่ได้สนใจกับสมุดบันทึกที่เปิดค้างไว้หน้าหนึ่งที่ขึ้นต้นด้วยข้อความว่า...
ภูธเรศ...
ร่างสูงของคุณหมอหนุ่มเดินขึ้นไปบนอาคารหรู ชั้นที่ขึ้นมานั้นกรุกระจกเผยให้เห็นวิวภายนอกกว้างขวาง ภูธเรศยกยิ้มให้กับพนักงานสาวๆ ที่เดินผ่านหน้าไปมา ก่อนที่จะเดินตรงไปยังโต๊ะของเลขาฯ ที่อยู่ด้านหน้าของห้องประธานบริษัท
สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าจะ...ภู!
ตาคมสวยเบิกกว้าง ใบหน้างามที่มีเครื่องสำอางตกแต่งให้โฉบเฉี่ยวตามสมัยเผยรอยยิ้มหวาน ก่อนที่จะหุบยิ้มทันควันเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอยู่ในระหว่างภาคทัณฑ์คนตรงหน้าอยู่
นุชนาถแกล้งก้มลงเก็บของเล็กๆ น้อยๆ ไม่ยอมเอ่ยปากคุยกับคุณหมอหนุ่มที่ตอนนี้ทำหน้างอนง้อเธอเต็มที่ ก่อนที่จะสะดุดเมื่อมือเรียวคล้ายผู้หญิงจะยื่นช่อดอกไม้สีชมพูมาตรงหน้า
แทนคำขอโทษของผม...ยกโทษให้ผมนะครับที่รัก
ใบหน้างามขึ้นสีระเรื่อ เสหลบไม่มองกุหลาบช่องามที่ถูกยื่นมาตรงหน้า ภูธเรศขมวดคิ้วนิดๆ แต่ก็รีบเอ่ยง้อต่ออย่างรวดเร็ว น่านะ...นุชครับ ช่วงก่อนผมงานยุ่งจริงๆ ยิ่งช่วงนี้อาจารย์หมอชอบใช้งานผมอยู่เรื่อย... ขอโทษนะครับอาจารย์ ผมขอยกอาจารย์มาเป็นข้ออ้างง้อสาวก่อนละกัน ...แต่ผมก็ทำตามสัญญาแล้วไงจ๊ะ ที่บอกว่าจะมาทานกลางวันกับนุชทุกวันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ไง วันนี้ผมก็มาแล้วนะ
คนพูดพยายามฉีกยิ้มเต็มที่ หากแต่คนฟังยังตีหน้าบึ้ง สวนว่า คุณมาสาย...ไม่มีเวลาไปกินข้าวพอหรอกค่ะ
ทำไมจะไม่พอล่ะจ๊ะ...เราก็หาร้านแถวๆ บริษัทคุณไปกินข้าวกันก็ได้นี่นา...
คุณจะให้ฉันไปนั่งร้านแถวๆ นี้เนี่ยนะ? หญิงสาวย้อนถามเสียงสูง สีหน้าบูดบึ้งเปลี่ยนเป็นเอาเรื่อง จำได้มั้ยคะที่คุณพาฉันไปนั่งทานข้าวร้านริมถนนครั้งหนึ่ง แล้วฉันก็อาหารเป็นพิษน่ะ นี่คุณกะจะให้ฉันป่วยอีกเหรอ?
ไม่ใช่อย่างนั้น... คนเป็นหมอพยายามแก้สถานการณ์ตรงหน้าให้ดีขึ้น งั้นคุณอยากไปไหน ผมจะพาไปเลยเอามั้ยจ๊ะ เราไปคุยกันบนรถก็ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะเสียเวลาไปเรื่อยๆ...
ป่านนี้แฟนคุณนุชยังไม่มารับไปทานข้าวอีกเหรอครับ?
เสียงผลักประตูห้องที่อยู่เยื้องด้านหลังโต๊ะทำงานของหญิงสาวและเสียงนุ่มๆ ของชายหนุ่มที่เดินออกมาจากห้องทำให้คู่รักทั้งสองหันไปดูพร้อมกันเป็นตาเดียว และดูเหมือนคนมาใหม่จะชะงักนิดหนึ่งเมื่อมองเห็นร่างสูงของคุณหมอหนุ่ม ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะยิ้มบางๆ ให้กับภูธเรศ
อ้าว...คุณหมอมารับคุณนุชอีกแล้วเหรอครับวันนี้?
ครับคุณสันต์ ช่วงนี้ผมต้องบริการนุชหน่อย เธอกำลังอยู่ในช่วงงอนผมน่ะครับ คุณหมอยิ้มบางๆ ตอบกลับ หากแต่สายตาสองคู่กลับประสานกันอย่างรู้เท่าทันความคิดกันและกันเป็นอย่างดี
ภูธเรศรู้สึกทะ:-)ๆ กับเจ้านายของแฟนสาวพอสมควร สัญชาตญาณของผู้ชาย (ที่มีอยู่น้อยนิด) บอกกับเขาว่าผู้ชายคนนี้รู้สึก อะไรบางอย่าง กับนุชนาถ หากการแสดงออกนั้นไม่ชัดเจนพอที่เขาจะทำอะไรตอบโต้กลับไปได้ ทว่าเพราะเขาเชื่อใจนุชนาถ ว่าเธอมั่นคงพอ (ไม่อย่างนั้นก็คงไม่คบกันมานานตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง) ที่จะไม่หวั่นไหวไปกับเจ้านายหนุ่มหล่อคนนั้น คนที่เขายอมรับว่าไม่ได้มีอะไรด้อยไปกว่าเขาเลยซักนิด...แถมภาษีอาจดีกว่าเขาด้วยซ้ำไป...
...เวลาเหรอ...ใกล้ชิดกันตลอดในเวลางานอยู่แล้ว การเอาอกเอาใจเหรอ...นุชนาถก็เคยพูดอยู่บ่อยๆ ถึงความอ่อนโยนของผู้ชายคนนี้ให้เขาฟัง หน้าตาก็ดี แถมยังรวยกว่าเขาตั้งเยอะ...
...เขามันก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ เป็นหมอที่วันๆ ไม่ได้อยู่กับสิ่งจรรโลงใจ เวลาส่วนใหญ่ก็หมกตัวอยู่แต่กับงาน ฐานะก็แค่พอมีพอกินเท่านั้นเอง...
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาฝากความหวังไว้จึงมีเพียงความไว้วางใจในตัวของคนรักเพียงอย่างเดียว...และเขาก็เชื่อใจเธอเสมอมา...
สายตาคมกล้าของคุณหมอหนุ่มมองจับใบหน้าหล่อเหลา ผิวเข้มคร้ามของคนตรงหน้าขับเน้นให้ดูเร้าอารมณ์มากขึ้น ร่างเพรียวสูงเช่นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำส่งให้ชุดสูทแบบผู้บริหารที่สวมใส่อยู่เข้ากับเขายิ่งนัก ประกายตาของสันต์หม่นลงน้อยๆ จนภูธเรศแทบจับสังเกตไม่ได้เมื่อคุณหมอหนุ่มเอ่ยปากรับตัวเลขาเขาออกไปทานข้าว
แต่เพียงชั่ววิบตา นักธุรกิจหนุ่มก็ส่งยิ้มสดใสให้กับคู่รักทั้งสองคนก่อนบอก ถ้าอย่างนั้นก็รีบหน่อยนะครับ คุณนุช...ผมยอมให้คุณเลท แต่ไม่เกินครึ่งชั่วโมงโอเคมั้ย?
นุชนาถเผยยิ้มหวาน ขอบคุณค่ะคุณสันต์
ถ้าอย่างนั้น...ทานมื้อกลางวันให้อร่อยนะครับ ผมไปล่ะ ท่านประธานหนุ่มก้มศีรษะน้อยๆ เป็นเชิงลา ก่อนจะก้าวเท้าจากไป ทิ้งให้คู่รักทั้งสองคนมองหน้ากันเงียบๆ ก่อนที่ภูธเรศจะเป็นฝ่ายหยิบกระเป๋าถือของแฟนสาวขึ้นมาแล้วกล่าวเสียงสดใส
ไปกันเถอะครับ ผมฮิ้ว...หิวแล้วล่ะที่รักจ๋า
ร่างบางสะดุ้งน้อยๆ รีบถอนสายตาออกจากทางที่เมื่อครู่เจ้านายหนุ่มของตนเองเดินลับหายไป ก่อนที่จะหันกลับไปทำหน้าย่นจมูกใส่แฟนหนุ่มอย่างงอนไม่หาย
ใครเป็นที่รักคุณไม่ทราบ คุณพริมามากกว่ามั้งที่ใช่
ว่าไปนั่น... ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ ก่อนกระเซ้าแฟนสาว หึงเค้าล่ะสิ บอกแล้วว่าดูให้ดีๆ พริมน่ะเหมือนผู้ชายจะตาย ไม่ใช่สเปคผมหรอก ขานั้นเค้าเรียกเพื่อนสนิทเฉยๆ ตกลงหายงอนชั่วคราวแล้วเราไปกินข้าวกันนะ เดี๋ยวจะเลทมากไปกว่านี้เจ้านายคุณจะดุผมเอา
หญิงสาวตวัดค้อนคมส่งไปให้คนช่างพูด ก่อนจะออกเดินนำลิ่วๆ โดยที่มีคุณหมอหนุ่มเดินตามติดๆ พลางร้องเรียกเธอให้รออย่างรื่นเริง...
...ทิ้งความสงสัยแปลกๆ เกี่ยวกับสายตาที่นุชนาถมองตามเจ้านายหนุ่มเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น...
จะเข้าร้านนี้จริงเหรอคะ?
นุชนาถกระตุกแขนเสื้อแฟนหนุ่มเมื่อเห็นเขากำลังจะก้าวเข้าไปในร้านอาหารที่ดูเรียบๆ เป็นเหมือนบ้านไม้ในสวนร่มรื่น หญิงสาวเหลือบมองคนที่ยืนเคียงข้างตัวเองด้วยสายตาตำหนิเมื่อมองการแต่งกายของเขา ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวใหญ่ กางเกงยีนส์สีซีด และรองเท้าผ้าใบสีดำดุขะมุกขะมอม...หญิงสาวเบ้หน้าอย่างไม่สบอารมณ์นิดหน่อย ก่อนเอ่ยต่อ
นุชว่า...ไปกินร้านอื่นดีกว่ามั้ยคะ ร้านนี้...ดูยังไงๆ อยู่
ภูธเรศเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ด้วยความงง...ตอนนั่งรถก็ตกลงกันแล้วว่าให้เขาเลือกร้าน ร้านอะไรก็ได้เพราะกินเวลาพักเที่ยงไปค่อนข้างมากแล้ว แล้วพอพามาจริงๆ ก็จะเกี่ยงไม่กินซะงั้น...
สายตาคมของคุณหมอหนุ่มเหลือบไปเห็นรถตู้คันหนึ่งจอดอยู่ในบริเวณลานจอดรถของทางร้าน สติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่ด้านหน้ารถติดไว้ว่า ตรวจสถานที่เกิดเหตุ พลันแววตาของภูธเรศก็เป็นประกายวาบ ก่อนที่จะหันไปบอกแฟนสาวที่ยืนอย่างตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะเข้าหรือไม่เข้าว่า
เอาเถอะน่านุชจ๋า นี่มันก็กินเวลาพักของคุณมามากแล้ว ผมรับรองว่าที่นี่อาหารอร่อยเพราะว่ามากินบ่อยๆ กับเพื่อนๆ ที่เป็นหมอ คุณลองหน่อยละกัน เค้ามีอาหารหลายอย่างหลากเมนูนะครับ ไทย จีน ฝรั่ง แล้วแต่จะเลือกเลยล่ะ
ชายหนุ่มยิ้มเอาใจก่อนที่จะแตะแผ่นหลังของร่างบางให้เดินเข้าไปในร้าน บริกรของทางร้านรีบเดินเข้ามาต้อนรับ คุณหมอหนุ่มเจรจาอยู่สองสามคำก็ได้ที่นั่งเป็นโต๊ะติดผนังกรุกระจก ที่มองออกไปแล้วเห็นสวนหย่อมน้อยๆ ที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างดีของทางร้าน สีเขียวของต้นไม้ทำให้คนมองรู้สึกสบายตามากยิ่งขึ้น เป็นที่พอใจแก่คู่หนุ่มสาวนัก
ร่างบางเอ่ยขอบคุณบริกรที่เดินเข้ามาส่งเมนูให้ ก่อนที่จะพูดกับคุณหมอหนุ่มที่เริ่มก้มหน้าก้มตาสำรวจเมนูอย่างจริงจัง เมื่อคืนคุณทำไมไม่โทรมาคะภู
หา...เอ่อ... คุณหมอหนุ่มคิดสะระตะคำนวณอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพบว่าการไม่โกหกดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เมื่อคืนผมไปดื่มกับพวกพี่หมอสุเมษเขาน่ะ พี่เขาจะได้เป็นศัลยแพทย์เต็มตัวแล้วนะ เลยชวนกันไปฉลองกันหนักหน่อย
เลยลืมโทรมาหาฉันน่ะเหรอคะ
โธ่...ที่รักจ๋า... หมอหนุ่มเริ่มใช้ลูกอ้อนเมื่อเห็นคนที่นั่งตรงกันข้ามเริ่มทำหน้าบึ้ง สีเขียวของต้นไม้ไม่สามารถช่วยให้คนนั่งใกล้ๆ อารมณ์ดีขึ้นแต่อย่างใด ผมขอโทษน้า...ตอนแรกผมก็จะโทรหาคุณเหมือนกัน โทรแล้วด้วยแต่...
ขออนุญาตรับเมนูครับ
คราวนี้คนมารับเมนูไม่ใช่บริกรคนเดิม หากแต่เป็นเจ้าของร้านหน้าตายิ้มแย้มเดินเข้ามาขัดจังหวะการสารภาพผิดของภูธเรศ หมอหนุ่มเกือบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะเขาก็ยังสองจิตสองใจอยู่ว่าจะบอกเรื่องที่ไปค้างห้องเพื่อนสนิทให้กับแฟนสาวรู้หรือไม่ดี เมื่อมีคนขัดตาทัพก็ถือว่าต่อลมหายใจเฮือกสุดท้ายให้เขาไปก่อนแล้วกัน
สปาเกตตี้คาโบนาร่าค่ะ ภูคะ...ภูจะเอาอะไรเหรอคะ
อืม...เหมือนคุณแล้วกันจ้ะ ชายหนุ่มยิ้มหวานให้แฟนสาวพลางหันไปเอ่ยเจ้าของร้านอย่างอยากรู้
วันนี้มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ มีรถตรวจสถานที่เกิดเหตุมาด้วย หรือตำรวจมากินข้าวกัน
เปล่าหรอกครับคุณหมอ เจ้าของร้านหนุ่มยิ้มน้อยๆ ขณะตอบคำถาม คือเมื่อคืนร้านโดนขโมยยกเค้าน่ะครับ ตอนนี้ตำรวจกำลังตรวจสถานที่เกิดเหตุอยู่
ชั้นสองและชั้นสามของร้านอาหารแห่งนี้เป็นที่พักของเจ้าของร้านและครอบครัว ตอนนี้เจ้าของร้านมาบริหารร้าน ภรรยาคงทำหน้าที่ต้อนรับขับสู้เหล่าตำรวจอยู่กระมัง...หมอหนุ่มคิดเพลินๆ ก่อนที่จะสะดุดความคิดเมื่อเจ้าของร้านเอ่ยเสริมประโยคเมื่อครู่ก่อนจะเดินไปในห้องครัว
อ้อ...ผมเห็นเพื่อนคุณหมอมาด้วยนะครับ ไม่เห็นบอกกันก่อนเลยว่าน้องเค้าเป็นตำรวจ ผมล่ะชอบสาวในเครื่องแบบซะจริงๆ ดูเท่ดีว่ามั้ยครับ
คงจะจริงที่เจ้าของร้านนี้ชอบสาวในเครื่องแบบเพราะภรรยาเขาก็เป็นพยาบาลรุ่นพี่ของภูธเรศเอง แต่ข้อมูลที่เพิ่งได้มาทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าพริมาจะต้องอยู่ใกล้ๆ นี่แหละ...
ภูคะ
นุชนาถเรียกเสียงเรียบ ขัดจังหวะความคิดของคุณหมอหนุ่มทันควัน
ฮะ...ว่าไงนะจ๊ะ?
เปล่าหรอกค่ะ แค่กำลังอยากรู้ว่า น้องเค้า ของพี่เจ้าของร้านที่เป็นคนรู้จักของคุณ...เป็นผู้หญิงเหรอคะ?
รู้ได้ไงเนี่ย
รู้มากกว่านั้นอีก... นุชนาถเอ่ยเสียงเย็น ระหว่างที่โน้มตัวลงมาใกล้แฟนหนุ่มเรื่อยๆ ดวงตาคมหวานจับจ้องใบหน้าหล่อเหล่าเป็นประกายประหลาด คนๆ นั้นคือคุณพริมาใช่มั้ยคะ?
ชายหนุ่มอึ้งกิมกี่ นึกไม่ถึงเลยว่าแฟนสาวจะเดาไปถึงเพื่อนสนิทของเขาเร็วขนาดนี้ แถมเดาแม่นซะด้วย...
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้นะว่านุชนาถไม่ค่อยชอบพริมาเท่าไหร่ สาเหตุก็อาจจะเป็นเพราะกลัวเขาชอบยัยเด็กเฟอะฟะนั่นมั้ง...ใคร้...ใครจะไปชอบลงเล่า ทำตัวเป็นเด็กก็เท่านั้น รกรุงรังก็เท่านั้น ไม่มีความเป็นกุลสตรีก็เท่านั้น ไม่เห็นมีอะไรเทียบแฟนเขาได้ซักอย่าง...
แต่พริมาก็เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่สุดที่เป็นเพศเดียวกัน นอกจากรู้ใจกันทุกอย่างแล้ว พริมายังมีประโยชน์ในการช่วยเขาง้อคนที่กำลังนั่งตรงหน้านี้ด้วย หลายครั้งที่ไอเดียการง้อสาวของภูธเรศได้มาจากเพื่อน และทั้งเขาทั้งพริมาต่างก็ปิดปากเงียบกับเรื่องนี้มาโดยตลอด
...ดีนะที่พริมาเข้าใจทุกอย่างและไม่ถือสาเรื่องที่นุชนาถจะเข้าใจเธอผิด ไม่อย่างนั้นเขาซึ่งเป็นคนกลางคงลำบากใจหน่อยล่ะ...นั่นก็เพื่อนรัก นี่ก็คนรัก...และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาสนิทกับพริมาเกินกว่าเพื่อนคนไหนๆ
คิดว่าคงงั้นแหละ พริมเรียนด้านนี้นี่ เค้าบอกผมเหมือนกันว่าวันนี้มีฝึกงาน อ๊ะ...อาหารมาพอดี ทานกันเถอะครับ"
แฟนสาวของคุณหมอพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนตักอาหารเข้าปาก หากแต่ในใจคิดหงุดหงิดทุกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดถึงเพื่อนสนิทของแฟนตัวเอง
ของได้แล้วค่าพี่กฤษ
ร่างบางที่สวมเสื้อโปโล กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบออกมายืนท้าแดดกับรองสารวัตรฝ่ายตรวจสถานที่เกิดเหตุ กฤษณะรับกล่องเครื่องมือจากหญิงสาวแล้วก็เอ่ย
กลับเข้าไปข้างในไป๊! ข้างนอกมันร้อนนะ อันตรายด้วย...
พริมายักไหล่นิดๆ แล้วก็ทรุดลงนั่งยองๆ ใกล้ๆ ผู้หมวดหนุ่ม ไม่นำพาว่าพื้นที่ตรงนั้นคือหลังคาที่ยื่นออกไปของชั้นหนึ่งซักนิด คนอื่นๆ นอกจากเขากับเธอนั้นบางคนกำลังสอบถามข้อมูลจากภรรยาเจ้าของบ้าน บางคนก็วุ่นอยู่กับการถ่ายรูปสถานที่เกิดเหตุพร้อมกับทำหน้าที่ปัดฝุ่นหาลายนิ้วมือไปด้วย เนื่องจากกำลังคนในฝ่ายมีน้อยทำให้คนหนึ่งต้องทำหลายๆ หน้าที่ การทำงานจึงค่อนข้างช้ากว่าที่ควร
เมื่อครู่ตอนตรวจสถานที่เกิดเหตุ กฤษณะพบว่ามีร่องรอยการงัดแงะที่หน้าต่าง และเนื่องจากตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะปีนเข้ามาภายในบริเวณบ้านจากตรงรั้วคอนกรีตสูงมุมที่ติดกับริมตลิ่ง ชายคานั้นอยู่ห่างจากรั้วไม่มากนัก คนที่ปีนเก่งๆ สามารถปีนจากรั้วมาหลังคาได้สบายๆ กฤษณะจึงต้องออกมาตามหารอยรองเท้าหรือรอยเท้าที่อาจจะเหลือติดอยู่ของคนร้ายโดยการออกมาปีนหลังคาบ้าง
หากเป็นการตรวจรอยเท้าภายในอาคาร ตำรวจหนุ่มคงไม่ต้องออกมาด้อมๆ มองๆ ขนาดนี้ เพราะเพียงใช้เครื่องมือที่เรียกว่า PolyLight ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ ไฟฉายแต่ออกแบบให้สามารถเปลี่ยนสลับสีของแสงได้ เวลาใช้ก็ฉายไปที่พื้นที่สงสัย และสวมแว่นตาที่มีสีที่สามารถตัดแสงให้เห็นในสิ่งที่เราต้องการหาได้ เครื่องมือนี้เป็นประโยชน์ในการหาร่องรอยต่างๆ ไม่เพียงแต่รอยเท้าเท่านั้น แต่แสงที่แตกต่างกัน จะทำปฏิกิริยากับวัตถุที่แตกต่างกัน ดังนั้นเครื่องมือนี้จึงสามารถใช้หารอยเลือด ร่องรอยสารคัดหลั่งได้ด้วย ถือเป็นการตรวจสอบเบื้องต้นที่มีประสิทธิภาพและลดขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้ดีอย่างหนึ่ง แต่เวลาใช้นั้นจะต้องอยู่ในที่มืด ซึ่งแน่นอนว่านอกหลังคาตอนกลางวันนั้น...ไม่มีทางมืดแน่ ดังนั้นผู้หมวดหนุ่มจึงทำได้เพียงออกมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่พอจะใช้ได้เท่านั้น
เราใช้ผงฝุ่นไม่ได้เหรอคะ? พริมาถาม หญิงสาวมองตามวิธีการทำงานของผู้หมวดหนุ่มอย่างสนใจ กฤษณะได้รับมอบหมายให้เป็นพี่เลี้ยงของเธอตลอดการฝึกงานนี้ ดังนั้นนอกจากวันใดที่มีการจับเท็จและการไปขึ้นศาลของคุณหญิงผู้กองแล้ว นอกเหนือจากนั้นเธอมีหน้าที่ออกตรวจสถานที่เกิดเหตุกับผู้หมวดหนุ่มตลอด
พื้นไม่เรียบ ปัดแล้วไม่ได้อะไรหรอก ถ้าพื้นเรียบนี่น่าลอง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นตอบ ยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของสาวตรงหน้าที่ดูสนอกสนใจการทำงานของเขาซะเหลือเกิน
...อยากบอกว่าคนก็น่าสนใจไม่น้อยไปกว่างานหรอกนะจ๊ะสาวน้อย...
ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ต้องหาร่องรอยแล้วถ่ายรูปน่ะสิคะ ร่างบางกวาดตามองทั่วบริเวณ หากแต่สายตานั้นแลเลยไปถึงลานจอดรถและไปสะดุดกับรถคันหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ...
...ไม่หรอกน่า...อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น เห็นแต่หลังคารถน่ะบอกไม่ได้หรอกว่าเป็นรถของคุณหมอหนุ่มรึเปล่า อีกอย่างเมื่อคืนเธอเป็นคนลากเขาเข้าห้องเอง (เอ...คำมันทะ:-)ๆ นาพริมา) แล้วรถเขาจะเอามาจากไหน หรือว่าจะให้คนอื่นเอามาให้...
...ช่างเถอะ หยุดสนใจอีตาหมอนั่น แล้วก็กลับมาตั้งใจทำงานดีกว่า!
หญิงสาวสูดลมหายใจเฮือก ก่อนที่จะลุกพรวดขึ้นเมื่อมองอีกที กฤษณะกำลังยกกล้องถ่ายรูปขึ้นถ่ายร่องรอยอะไรบางอย่างที่ใกล้ๆ ชายคาโน่นแล้ว และเพราะลุกพรวดพราดรวดเร็ว ภาพตรงหน้าจึงดับมืดลงไปวูบหนึ่ง ร่างบางเสียการทรงตัวนิดๆ แต่เพราะพื้นลาดเอียงของหลังคาทำให้พริมาล้มกลิ้งลงไปทันที!
เฮ้ย! น้องพริม!
เสียงนั้นดังไปถึงส่วนหน้าร้าน ภูธเรศที่เพิ่งนั่งนิ่งๆ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จถึงกับเหลียวไปมองด้วยความตกใจเช่นเดียวกับลูกค้าคนอื่นๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกขึ้นออกไปดูสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ไม่นำพาต่ออาการขวางหูขวางตาของนุชนาถที่ยังคงนั่งนิ่งต่อไปตรงนั้นอีกซักพักจึงตัดสินใจเดินออกมาดูด้วย
คุณหมอหนุ่มวิ่งออกไปสมทบกับเจ้าของร้านที่วิ่งมาก่อนหน้านี้แล้วไปยังต้นเสียง เมื่อเลี้ยวไปยังมุมหลังร้าน ก็ได้เห็นผู้หมวดหนุ่มที่ตอนนี้กระโดดลงมาจากกำแพงนั่งยองๆ พร้อมกับยื่นมือแตะร่างบางเบาๆ อย่างกลัวเธอเจ็บ
พริม!...เจ็บตรงไหนบ้างบอกพี่เร็ว ตายๆ ทำไมจู่ๆ ถึงกลิ้งตกลงมาอย่างนี้ฮะ?
กลิ้งตกลงมาเหรอ?
ทั้งกฤษณะและพริมาที่ยังไม่ทันได้ตอบคำถามของผู้หมวดหนุ่มต่างหันไปมองคนที่เพิ่งมาใหม่สองสามคน ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างสูงของเพื่อนหนุ่มยืนเด่นเป็นสง่าท่ามกลางเหล่าไทยมุงที่เริ่มออกมาดูกันเรื่อยๆ
มะ...หมอ
เฮ้ยกฤษ หนูพริมเป็นไงบ้าง ไม่ทันที่หญิงสาวจะทันได้ตอบคำถามของเพื่อน เสียงจากข้างบนก็ดังขึ้น พร้อมๆ กันนั้นก็เห็นนายตำรวจที่มาด้วยกันโผล่หน้าออกมาจากชายคาพลางร้องถามอย่างเป็นห่วง
หนูไม่เป็นไรค่ะพี่ แค่รู้สึกเหมือนจะขยับตัวไม่ได้...
เจ็บตรงไหนบ้างบอกพี่สิ กฤษณะบอกอย่างเป็นห่วง ลุกไหวมั้ย?
ผู้หมวดหนุ่มช้อนหลังร่างบางให้ลุกนั่ง ภูธเรศก้าวพรวดเข้าไปแทรกอย่างรวดเร็วพลางทำท่าจะดึงร่างเพื่อนสาวเข้ามาหาตัวเองอย่างรวดเร็ว แต่ช้ากว่ากฤษณะที่เบี่ยงอ้อมแขนที่มีร่างบางให้หลบพ้นมือชายหนุ่มอย่างระแวง จนภูธเรศต้องย้ำ ผมทำเอง...ยัยนี่เพื่อนผม
กฤษณะมองตรงมายังร่างของผู้มาใหม่นิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏแววทุกข์ร้อนห่วงใย ร่างบางในอ้อมแขนของผู้หมวดหนุ่มทำหน้าช็อคไม่หาย ก่อนที่จะเอ่ยเสียงเบา
มาได้ไงเนี่ย?
ก็เรามากินข้าว...
...กับฉันค่ะ คุณพริมา สวัสดีค่ะ ร่างงามสมส่วนในชุดสูททำงานเดินเข้ามาอยู่เคียงข้างคุณหมอหนุ่ม ใบหน้าสวยคมยิ้มน้อยๆ ให้กับคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนในอ้อมแขนของกฤษณะ หากสายตานั้นไม่ยิ้มด้วย คราวนี้คุณพริมเกิด อุบัติเหตุ ตกลงมาจากหลังคาเลยเหรอคะเนี่ย...คงไม่เป็นไรมากหรอกค่ะภู เพราะปกติแล้วคุณพริมเธอก็ค่อนข้างจะ...เอ้อ...เจออุบัติเหตุบ่อยๆ เหมือนกัน
คำพูดนั้นส่อนัยที่รู้กันระหว่างหญิงสาวทั้งคู่ พริมายังทำหน้านิ่งเฉยทั้งที่ในใจโวยวายกับความอยุติธรรมที่อีกฝ่ายโยนให้ เธอไม่ได้อยากเกิดมาซุ่มซ่าม พยายามระวังตัวที่สุดแล้ว แต่ตั้งแต่คบกับภูธเรศเป็นเพื่อน เธอเจ็บตัวทีไร หมอนี่ก็จะแล่นมาหาทุกทีเหมือนติดกล้องวงจรปิดไว้กับตัวเธอตลอดอย่างนั้นแหละ
กฤษณะไม่ได้สนใจสองหนุ่มสาวเลย หากแต่ก้มลงถามคนในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง นอกจากปวดเนื้อปวดตัวแล้วพริมยังเจ็บส่วนไหนเป็นพิเศษรึเปล่า พี่ควรพาเราไปเอ็กซ์เรย์ดีมั้ยเนี่ย ทำไมจู่ๆ ถึงลุกขึ้นยืนแล้วกลิ้งตกลงมาเนี่ย?
พริมเป็นโรคความดันต่ำ คุณหมอหนุ่มเอ่ยแทรกร่างบางที่กำลังจะอ้าปากตอบ สายตาแวววับยังจับจ้องไปที่แขนที่โอบประคองร่างเพื่อนสาวของเขาเอาไว้ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร...ผมเป็นหมอและเป็นเพื่อนพริม เดี๋ยวผมจะเอาเพื่อนไปส่งโรงพยาบาลเองครับ
พริมไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะพี่กฤษ หมอไม่ต้องไปส่งเราที่โรงบาลหรอก มากับคุณนุชไม่ใช่เหรอ เราไม่รบกวนดีกว่า...
ไม่อยากมองเวลาเขาอยู่ด้วยกัน แต่เพราะในฐานะ เพื่อน นอกจากมองแล้วเธอยังต้องฝืนยิ้มรับอีก ให้ทำอะไรฝืนความรู้สึกแบบนี้...ถ้าเลี่ยงได้เธอก็อยากจะเลี่ยงเหมือนกัน
...ไม่ได้เป็นพวกมาโซคิสม์ซักหน่อย จะได้ทนความเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วยังสามารถยิ้มชื่นได้อีก...
กฤษณะนิ่งคิดเพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนช้อนร่างบางขึ้นทั้งตัว โอบอุ้มไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงแล้วเอ่ย งั้นก็กลับกันเลยดีกว่า ข้างบนเสร็จแล้วใช่มั้ยครับพี่
เสียงนายตำรวจที่ยังอยู่ข้างบนตอบกลับมาเป็นเชิงว่าเรียบร้อย ผู้หมวดหนุ่มก้มลงมองคนในอ้อมแข็นที่ยังคงเจ็บเนื้อเจ็บตัวเกินกว่าที่จะปฏิเสธการกระทำของเขาได้พลางบอก งั้นกลับกันเลยดีกว่า จะไปโรงบาลมั้ยค่อยว่ากันอีกทีนะ
ค่ะ
พริมาพยักหน้ารับ เบือนหน้าหลบสายตาเพื่อนที่จ้องมาเขม็งอย่างไม่อยากเชื่อหูเชื่อตาตัวเอง ก่อนจะเอ่ยลาเบาๆ เราไปก่อนนะหมอ สวัสดีค่ะคุณนุช ท้ายประโยคเธอหันมามองผู้หญิงทื่ยืนเกาะแขนเสื้อของคุณหมอหนุ่มนิ่ง แววตาสงบปิดบังความร้าวรานภายในมิดเม้น
...เธอกำลังหวังอะไรอยู่พริมา หวังให้เขาเข้ามาดูแลเธอในฐานะเพื่อน แล้วทิ้งแฟนเขาไว้ตรงนี้น่ะหรือ...
ค่ะ...ลาก่อน
นุชนาถจ้องกลับด้วยสายตาสงบเฉกกัน หาก...ผู้หญิงด้วยกันนั้นดูออก พริมาก็คิดว่าตนเองรู้ความนัยแห่งสายตานั้นดี เป็นความนัยเดียวกันกับที่เธอได้อยู่ทุกครั้งเมื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนี้...
อย่าคิดชอบแฟนฉันเด็ดขาด! นั่นแหละนัยที่เธอส่งมาทางสายตานั้น
ร่างสูงของผู้หมวดหนุ่มออกเดิน ผ่านไทยมุงที่ตอนนี้สลายตัวเกือบหมดเมื่อไม่เห็นว่าใครจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไร ผ่านร่างสูงโปร่งของภูธเรศที่ยืนนิ่งไม่ว่าอะไร...อย่างเงียบๆ
และเงียบงันอยู่อย่างนั้นจนกลับถึงกอง...
....................... อย่าลืมติชมด้วยนะคะ จะได้เอาไปปรับปรุง ^^
จากคุณ |
:
ส้มเช้งเองจ้า
|
เขียนเมื่อ |
:
4 พ.ย. 54 17:33:08
|
|
|
|