Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มงกุฎกลางหทัย [บทนำ] ติดต่อทีมงาน

บทนำ

แสงเรื่อเรืองแห่งอรุโณทัยฉายฉาน ฉาบทอท้องฟ้าสีม่วงเข้มให้อ่อนจางด้วยแสงสีทอง ทิวาสว่างจ้ากำลังเข้าแทนที่ราตรีอันมืดมิดในอีกไม่นานนัก

เปลือกเนตรอ่อนบางกระพริบเปิด แสงสีกุหลาบที่ทาบทาผนังห้องส่งให้ดวงพักตร์อ่อนเยาว์แย้มโอษฐ์ วรองค์แบบบางอยากจะบรรทมต่ออีกซักพัก แต่เพราะดำริได้ว่าอีกไม่นานก็จะได้พักผ่อนอย่างที่ทรงประสงค์แล้ว จึงลุกขึ้นประทับยืน ก่อนดำเนินไปล้างพักตร์เองอย่างที่เคยทำ

ชายฉลองพระองค์วันนี้ไม่เปียกน้ำ ทั้งๆ ที่ทุกครั้งเมื่อทรงดึงดันจะล้างพักตร์เอง ชายฉลองพระองค์กรุยกรายจะต้องเปียกน้ำตลอด ร้อนถึงพระนมและกิ่งแก้ว...นางกำนัลต้นห้องคนสนิทที่คอยบ่นตลอด

อยากบอกกิ่งแก้วจัง...ว่าวันนี้เราไม่ทำให้แขนเสื้อเปียกน้ำแล้วนะ...

รอยแย้มสรวลกว้างมากขึ้นเมื่อรำลึกถึงคนสนิท

ก่อนที่อัสสุชลจะคลอเนตรงาม เมื่อนึกถึงบุรุษผู้นั้น...คนที่ต้องทรงตัดพระทัยผิดสัญญากับเขา

เขาคงโกรธพระองค์มากมาก แต่เขาควรเข้าใจ ว่าทางนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด เป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกอย่างแล้ว

ทั้งทางของพี่หญิง...และเขา ต่างจะได้ผลประโยชน์จากการตัดสินพระทัยในครั้งนี้

หากแต่เสียงตัดพ้อของเขายังดังอยู่ในความทรงจำ...

ทรงหันกลับไปทาง ‘พระแท่น’ เตียงไม้แข็งๆ ที่ใช้บรรทมอยู่ไม่กี่วัน ก่อนจะสาวพระบาทกลับไปตรงนั้น เพียงเพื่อจะหยิบเอาแหวนวงหนึ่งที่ซุกไว้ใต้เขนยออกมา

หัวแหวนประดับมรกตน้ำงาม สลักตราแห่งราชองครักษ์ พร้อมคำสาบานจะพิทักษ์ราชวงศ์ด้วยชีวิต

สอดแหวนลงตรงพระอนาคามี ด้านซ้าย รอยแย้มสรวลที่มีอยู่แล้วยิ่งกว้างขึ้นด้วยความสุขปนเศร้า ทรงรำลึกถึงดวงหน้าคร้ามด้วยไรหนวด กับคำพูดที่เขาเคยพร่ำบอก

“กระหม่อมวางดวงใจไว้แทบบาททูลกระหม่อมแล้วนะพะยะค่ะ”

เขาคงดีใจ ที่ได้รู้ว่าในวันที่สำคัญที่สุด ทรงเลือกที่จะใส่แหวนของเขา เพื่อบอกว่า...ทรงยอมเป็นคนของเขา...เพียงคนเดียว

ถึงแม้ว่า...เขาจะไม่เคยเอ่ยคำรักออกมาแม้แต่ครั้งเดียวก็ตาม!

พักตร์งดงามผินไปทางกรงนก สิ่งเดียวที่คอยปลอบโยนหทัยยามที่ต้องอยู่ในนี้ นกน้อยขนสีเหลืองสดกำลังร้องทักทายรับอรุณด้วยเสียงกังวานใส เสนาะโสตอย่างที่เคยทำให้รู้สึกดี

ทรงดำเนินไปใกล้ ก่อนปลดกรงนกออกจากเสา แล้วดำเนินไปตรงช่องพระแกล [2]เล็กๆ ก่อนเปิดประตูกรงออกกว้าง

นกน้อยอาจงุนงง จึงหันหน้ามามองดวงเนตรกระจ่าง เสียงกังวานใสไม่แพ้เสียงของมันก็ดังขึ้น “ไปเสีย เรามอบอิสระให้เจ้า เพราะวันนี้เราก็จะได้อิสระแล้วเช่นกัน”

ดั่งรู้ความ นกน้อยโผบินออกไปจากกรงทันทีเมื่อรับรู้ถึงอิสรภาพ นิ้วพระหัตถ์บีบกรงนกนั้นชั่วครู่ ก่อนคลายออก “หวังว่าเจ้าจะไปสู่สิ่งที่ดี เช่นเดียวกับที่เราหวังให้ตนเองมีความกล้าหาญพอที่จะเดินไปสู่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเช่นเจ้า”

เสียงกุกกักข้างนอกดังขึ้นครู่เดียว ประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นร่างของนางกำนัลที่คุ้นเคยทั้งสี่คน ที่ยอบตัวถวายบังคมก่อนเดินเข้ามาในห้องพร้อมฉลองพระองค์สีแดง...แดงก่ำงด งามดุจโลหิต!

“ถึงเวลาแล้ว...”

ปรียทรรศิกาประภาวดีหลับพระเนตรลงเพียงชั่วครู่ ก่อนจะหยัดวรองค์บางขึ้นตรง แววเนตรที่เปิดขึ้นอีกครั้งเข้มแข็งสมขัตติยะของราชกุมารีแห่งปัทมราช!

...............................................

“ข้าฯ ในนามผู้แทนพระองค์ ขออัญเชิญพระบรมราชโองการของเจ้าหลวงเขมทัตแห่งปัทมรัฐมาประกาศ ณ ลานประหารแห่งนี้ว่า...”

ปอยเกศาเส้นเล็ก ละเอียดดุจไหมชั้นเลิศหลุดลงมาจากมวย ระเรื่อยมาคลอเคลียดวงพักตร์หวานซึ้ง เนตรระยับหวานมองตรงไปด้านหน้าแน่วแน่ โอษฐ์บางราวกลีบมาลีคลี่แย้มสรวลน้อยๆ ให้กับผู้คนมากมายที่อยู่เบื้องหน้าลานกว้าง เสียงเซ็งแซ่นับหมื่นล้วนกรีดตะโกนไม่ยินยอม ดวงหน้าแห่งทุกผู้ล้วนนองเนืองด้วยน้ำตา เสียงตะโกนก่นด่าแลเพรียกหาวรองค์บางที่ประทับเด่นเป็นสง่ากึกก้อง กลบสรรพสำเนียงใดๆ ที่ออกมาจากปากของ ‘ผู้แทนพระองค์แห่งเจ้าหลวง’ เสียสนิท

“เนื่องจากหญิงผู้นี้ ได้กระทำตัวเป็นภัยแก่ชาติแลราชบัลลังก์แห่งองค์เจ้าหลวง นางและพี่สาวของนางได้ซ่องสุมกำลังพลเป็นจำนวนมาก เพื่อก่อการกบฏต่อองค์เจ้าหลวงผู้ทรงมีพระเมตตาแก่พสกนิกรทุกผู้ในแผ่นดิน...”

รอยแย้มสรวลเหยียดกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย ผู้อยู่ใกล้พอที่จะได้ยินเสียงประกาศของ ‘ผู้แทนพระองค์’ เริ่มต้นตะโกนด่าอีกครั้งด้วยถ้อยคำรุนแรงยิ่งขึ้น เป็นผลให้ทหารที่ยืนรักษาความสงบอยู่ตรงนั้นใช้ดาบทั้งฝักฟาดแรงๆ ไปยังกลุ่มคน

ขนงเรียวงามขมวดไม่พอพระทัย สุรเสียงหวานที่เคยจับใจคนทั้งแผ่นดินดังขึ้น “หยุดการกระทำของเจ้าเดี๋ยวนี้!”

ทหารเหล่านั้นกลับมายืนตรงเช่นเดิมเสมือนมิมีสิ่งใดเกิดขึ้นเมื่อครู่ ‘ผู้แทนพระองค์’ หันขวับมามองพักตร์งามด้วยแววตาเยาะเย้ย น้ำเสียงยามเอื้อนเอ่ยให้ได้ยินกันเพียงสองคนถากถางน่ารังเกียจ

“ท่านคิดว่าตัวเองเป็นใคร มีสิทธิอันใดที่จะสั่งคนอื่นได้อีกหรือ!”

นัยน์เนตรดังนิลเจียระไนวาววับ หากแต่ไม่มีปฏิกิริยาใดตอบกลับ นอกจากการทอดสายพระเนตรไปไกล...

น้ำเสียงน่ารังเกียจนั้นกลับไปอ่านถ้อยคำใน ‘ราชโองการ’ ยืดยาวต่อไป หากสรรพสำเนียงใดๆ ก็ผ่านกรรณของพระองค์ไป โดยที่มิได้ใส่พระทัยรับฟัง

...ณ ยามนี้มิมีสิ่งใดสำคัญ นอกเสียจากเสียงแห่งหทัยขององค์เอง...

วิชยุตม์...

ริมโอษฐ์อ่อนขยับเพียงบางเบา ร่องรอยแห่งความสุขฉายผ่านเนตรงาม หทัยรำลึกถึงเพียงแต่บุรุษผู้เป็นที่รัก ทรงหวังไม่ให้เขาต้องกล่าวโทษตัวเอง อยากให้เขาใช้ชีวิตได้อย่างเข้มแข็งต่อไป...

ถึงแม้ไม่มีปรียทรรศิกาประภาวดีผู้นี้ก็ตาม!

“...ด้วยความผิดที่มีทั้งหมด โทษทัณฑ์ที่นางผู้นี้จะได้รับคือการประหาร จบราชโองการ!”

น้ำเสียงเหยียดยามแห่ง ‘ผู้แทนพระองค์’ ประกาศก้องดังกำชัยในสนามรบ แววตาวาววับด้วยความสาแก่ใจมองกวาดไปทั่ววรองค์บางระหงตรงหน้า ร่างหนาเดินเข้ามาประชิด ก่อนยื่นหน้าเข้าไปกระซิบเบาๆ ริมกรรณ

“เพราะท่านไม่รับข้อเสนอของข้าเองนะ โทษข้าไม่ได้นะองค์หญิง”

ดวงพักตร์งามเรียบเฉย เพียงปรายสายพระเนตรมองบุรุษผู้นั้นอย่างชิงชังรังเกียจ “เราขอตายโดยธำรงเกียรติแห่งปัทมราชไว้ดีกว่ามีชีวิตโดยเห็นเจ้า วิทูร”

ร่างหนาขบกรามกรอด สะบัดหน้าเดินไปทางปะรำพิธีด้านข้างก่อนกระแทกตัวลงนั่งเก้าอี้ประธานมองเธออย่างอาฆาตปนสะใจ

ทรงทอดสายพระเนตรมองกลุ่มคนนับหมื่นเบื้องล่างอีกครั้ง ทุกผู้คนกำลังร่ำไห้ ต่างจากพระองค์ที่กำลังแย้มสรวลรับพญามัจจุราชที่กำลังจะพรากดวงวิญญาณไปจาก ร่าง

ไม่มีวิชยุตม์...

เนตรงามสลดลง ดวงพักตร์มองตรงสง่า ต่างจากดวงหทัยที่กำลังร่ำไห้อาดูร

...ข้าขอโทษ วิชยุตม์ ข้าทำตามสัญญาไม่ได้ ข้าไปอยู่ที่บ้านของเราไม่ได้อีกแล้ว...

...ดั่งจะได้ยินเสียงทุ้มนุ่มนวลกระซิบคำหวานริมพระกรรณ ลมที่โชยพัดผ่านนวลปรางดั่งจะเป็นมืออบอุ่นคู่นั้นที่เคยแตะแต้มเช็ดหยาดอัสสุชลชโลมไหลในครั้งเก่า...

นางกำนัลสี่นางที่กำลังก้าวมาถอดฉลองพระองค์ที่ใช้คลุมชั้นนอกร่ำไห้สะอึกสะอื้น มือเรียวสี่คู่สั่นระริก เมื่อปล่อยเรือนเกศานุ่มสีน้ำตาลเข้มลงมาจรดบั้นพระองค์ ก่อนเกล้ามวยขึ้นไปจนเห็นศองามระหง และ...

...ถวายบังคมต่ำตามราชประเพณี...เป็นครั้งสุดท้าย!

วรองค์บางทรงชุดขาวกรอมพระบาท งามพิสุทธิ์ดุจหยาดน้ำค้างก้าวช้าๆ ไปประทับยืนเคียงหลักประหาร เชือกที่ถูกผูกให้เป็นบ่วงแขวนอยู่เบื้องพักตร์นั้น เป็นสิ่งแปลกปลอมที่เพิ่มเข้ามา เมื่อต่างชาติได้มีอิทธิพลเหนือแว่นแคว้นของพระองค์

ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามา ดวงหน้าที่ทรงทอดพระเนตรเห็นก้มต่ำด้วยความละอาย เขาถวายความเคารพดุจดังเช่นครั้งเก่าที่ทรงเคยได้รับจากทุกคนก่อนเอ่ย “กระหม่อมขอพระราชทานอภัยโทษ โปรดอย่าได้เป็นเวรกรรมต่อกันเลยพะย่ะค่ะ”

ทรงแย้มสรวลตอบนายทหารผู้นั้น ยิ้มนั้นงดงามจนทำให้อีกฝ่ายหลั่งน้ำตาด้วยความรู้สึกผิด หากแต่เขารู้...องค์หญิงทรงอภัยให้กับสิ่งที่เขากำลังจะทำแล้ว

ปรียทรรศิกามิได้รับรู้ว่าตนเองกำลังถูกผูกหัตถ์ไว้ด้านหลัง มิได้รับรู้ว่ามีใครนำบ่วงเชือกนั้นเข้ามาคล้องที่พระศองามระหง มิได้รับรู้ว่าองค์เองนั้นถูกผลักเล็กน้อยให้เดินก้าวไปข้างหน้า ตรงที่เป็นกระดานกลไก เพียงมีคนผลักสลักที่ขัดไว้ ไม้กระดานนี้ก็จะพลิก ทำให้ร่างที่อยู่เหนือมันดิ่งวูบลง หากแต่คอที่คล้องกับเชือกจะถูกดึงรั้ง และผู้ที่ถูกแขวน...ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะโชคดีหรือไม่ ก็จะทุรนทุรายต่างกันไป เพราะบางคนหากโชคดีก็อาจจะ ‘จากไป’ ในทันทีนั้น แต่บางคน...อาจจะต้องทนอยู่อีกเนิ่นนาน

มีเสียงแว่วๆ ริมพระกรรณ...

หากกรรณของพระองค์มิได้หลอกองค์เอง ทรงสดับได้ถึงเสียงร้องไกลๆ...เสียงที่เหมือนกับเสียงของเขา พร้อมกับเสียงชุลมุนวุ่นวายที่เกิดขึ้น
เนตรงามเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างชายผู้เป็นที่รักอยู่บนหลังม้า กำลังควบตะลุยฝ่าฝูงชนและกลุ่มทหารที่พยายามสกัดกั้นมิให้เขาได้เข้าถึงตัวพระองค์ได้โดยเร็ว น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความตกใจและรวดร้าวยิ่งนัก...

...อย่าฝืนอีกเลย วิชยุตม์...

...เราเคยบอกว่ารักท่านหรือยังนะ หากเราไม่เคยบอก ขอความรู้สึกสุดท้ายนี้จงไปถึงท่านด้วย...

...เรารักท่าน วิชยุตม์ ยอดดวงใจของเรา เราให้อภัยท่านทั้งหมด...

เนตรงามหลับลงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่สลักจะถูกผลักให้เปิดออก...

จากคุณ : ส้มเช้งเองจ้า
เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 17:40:31




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com