Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รักวุ่นวายของนายเหมียว บทที่ 6 : ฉันชื่อกีวี่ ติดต่อทีมงาน

บทที่ 6 : ฉันชื่อกีวี่


โมเรสเดินตามผู้อาวุโสออกมานอกห้องด้วยท่าทีเกรงๆ เพราะไม่รู้ว่าเหตุใดหล่อนจึงถูกเจ้าของบริษัทเรียกพบด่วนอย่างนี้ นับตั่งแต่นิรินธน์ประสบอุบัติเหตุเมื่อสองสัปดาห์ก่อน งานหลายอย่างก็ประดังประเดเข้ามาหาหล่อนจนแทบไม่ได้พัก เคราะห์ดีที่โปรเจคท์ร่วมทุนยอมเลื่อนการเซ็นสัญญาออกไปจนกว่าคู่สัญญาจะหายเป็นปกติ แต่งานอื่นที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หน้าที่การประสานงานจึงตกมาที่หล่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไหนจะเจ้ามิลค์ที่ถูกรถชนบาดเจ็บสาหัสอีก หล่อนยอมปล่อยให้มิลค์หลับไปตลอดกาลเมื่อเช้านี่เอง หลังจากที่ยื้อกันมาสองสัปดาห์เต็มเท่าๆ กับที่เจ้านายของหล่อนประสบอุบัติเหตุ เพราะสัตวแพทย์ที่ดูแลมิลค์เห็นว่าอาการเจ้าแมวน้อยไม่ดีขึ้นเลย มีแต่จะทรุดลงเรื่อยๆ ตอนแรกโมเรสไม่ยอม ตั้งใจจะยื้อชีวิตแมวสุดรักไว้ให้นานที่สุด แต่เตโชไม่เห็นด้วย  

“ปล่อยมิลค์ไปเถอะโม อาการไม่ดีขึ้นเลย ยื้อเอาไว้ก็ทรมานเปล่าๆ สงสารมิลค์มันนะ”

หล่อนมองมิลค์ที่นอนไม่รู้สึกตัว แม้สอดท่อออกซิเจนไว้ก็ยังหายใจผะแผ่วอย่างลำบากด้วยน้ำตาที่กลบตา มือเรียวเอื้อมลูบหัวมิลค์

“มิลค์ มิลค์จะทิ้งพี่ไปจริงๆ เหรอ มิลค์ไม่กลับมาหาพี่แล้วใช่ไหม”

คำแทนตัวของโมเรสไม่คงที่ สุดแล้วแต่ว่าหล่อนจะอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ตามปกติหล่อนจะแทนตัวเองว่าพี่กับมิลค์ แมวน้อยสีขาวนอนนิ่งไม่มีเสียงร้องตอบรับเหมือนทุกครั้ง หญิงสาวน้ำตาท่วมเมื่อโน้มหน้าลงกระซิบแผ่ว

“ทรมานใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็หลับเถอะนะ หลับให้สบาย พี่จะไม่รั้งมิลค์อีกแล้ว พี่หวังว่ามิลค์จะไปเกิดใหม่ในที่ที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องเป็นแมวอีกแล้วนะ ลาก่อนจ้ะ”


พอคิดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร น้ำตาก็คลอขึ้นมาทุกที นิพัทธน์เห็นเลขาของลูกชายยืนนิ้งน้ำตาคลอๆ ก็งง แน่ใจว่าเขายังไม่ได้ต่อว่าหรือพูดอะไรไปในทางนั้นเลยสักนิดเดียว เขาแค่ถามว่าหล่อนทำหน้าที่อะไรในบริษัทเท่านั้นเอง

“คุณโมเรส”

“คะ ท่าน”

“เป็นอะไร ฉันถามว่าเธอทำตำแหน่งอะไรในบริษัท แค่นี้ถึงกับต้องร้องไห้เลยหรือ”

“ขออภัยค่ะท่าน เอ้อ ดิฉันเป็นเลขานุการของบอสค่ะ”

“หือ!” หนุ่มใหญ่เลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจ ตามความเข้าใจของเขา เลขาของลูกชายคือพลพสุไม่ใช่หรือ แล้วสาวน้อยคนนี้ทำไมจึงมาทำหน้าที่นี้ได้  “แล้วพลพสุล่ะ”

“ลุง เอ๊ย คุณพลพสุเพิ่งเกษียณไปเมื่อสามสัปดาห์ก่อนค่ะ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไปเที่ยวยุโรป”

นิพัทธน์พยักหน้ารับ เขาเอาแต่ดูแลกิจการที่แตกสาขาอยู่ในต่างประเทศมากเกินไป ส่วนกิจการในประเทศไทยทั้งหมดมอบให้ลูกชายคนเดียวบริหารจัดการ อันที่จริงเขาน่าจะฉุกคิดได้ว่าพลพสุไม่เคยมาเยี่ยมลูกชายเลยสักวันเดียว แต่กลับคิดว่าอีกฝ่ายประสานงานแทนนิรินธน์ที่นอนเจ็บอยู่ ยังนึกชมว่าพลพสุจัดการได้เรียบร้อยและรวดเร็ว ไม่คิดว่าทุกอย่างจะเป็นฝีมือของสาวน้อยคนนี้      

“งานหนักหรือ ฉันเห็นเธอร้องไห้”

“มิได้ค่ะท่าน เผอิญแมวที่ดิฉันเลี้ยงไว้เพิ่งตายไปน่ะค่ะ ขอโทษนะคะที่ดิฉันเผลอคิดเรื่องอื่น”

สายตาผู้อาวุโสที่ทอดมองหญิงสาวอ่อนโยนลง แทนที่จะโกรธ เขากลับเอื้อมมือไปตบไหล่หล่อนเบาๆ

“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ ฉันก็เคยเลี้ยงสัตว์ พอมันตายทีเราก็เสียน้ำตาที คงเป็นเพราะเราผูกพันกับมันมากนั่นแหละ”

โมเรสค่อยยิ้มออกมาได้ อย่างน้อยนายใหญ่ก็ดูใจดีกว่าที่หล่อนคิดไว้ หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้

“ขอบพระคุณค่ะท่าน อ่า...แล้วดิฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ ท่านเรียกดิฉันเข้าพบ ”

“อ้อ! ใช่ ฉันลืมไปเลย ไม่มีอะไรหรอก จริงๆ คนที่เรียกเธอมาน่ะคือเจ้ารินธน์ พอรู้สึกตัวมันก็บอกเลยว่าอยากพบเธอ ฉันก็เลยแปลกใจแกมสงสัยว่าเจ้ารินธน์มันเพ้อเรียกชื่อสาวที่ไหน ถ้าเธอเป็นเลขามันฉันก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะ มันห่วงงานตามเคยของมันนั่นแหละ เข้าไปข้างในกันเถอะ”

นิสัยผู้ชายทำให้นิพัทธน์ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก แค่รู้ว่าหญิงสาวเป็นใครก็พอแล้ว และลืมไปด้วยซ้ำว่าเจตนาแท้จริงที่เรียกหล่อนออกมาพูดข้างนอกคืออะไร พอพูดจบก็เดินนำกลับเข้าไปในห้องพักคนป่วย หญิงสาวมองตามหลังนายใหญ่อย่างงุนงง เท่านี้เองหรือคือสาเหตุที่อีกฝ่ายเรียกตัวหล่อนออกมานอกห้องแล้วตั้งท่าจะซักประวัติยืดยาว แต่พอบอกว่าหล่อนเป็นเลขา ท่าทีประหนึ่งทนายก็หายวับไปในพริบตา ดูเหมือนครอบครัวนี้คงถือเรื่องงานมาก่อนสิ่งอื่นใดอย่างที่เขาว่าจริงๆ


ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นเป็นประกายอย่างดีใจที่เห็นร่างโปร่งระหงก้าวตามคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาของตนเข้ามาในห้อง ความเคยชินทำให้ชายหนุ่มจะลงจากเตียงแล้ววิ่งสี่เท้าเข้าไปคลอเคลียเหมือนที่เคยเป็น แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ตนมาอาศัยร่างนายหน้าขาวอยู่ ก็ทำให้มิลค์รีบปรับเปลี่ยนท่าทีแทบไม่ทัน

“นาย เอ๊ย หนูโมมาแล้วเหรอ”

เกือบแล้ว เกือบเรียกนายโมออกไปแล้ว แต่ปัญหาคือมิลค์ไม่รู้ว่านายหน้าขาวเรียกโมเรสว่าอะไรกันแน่ ก็ทุกครั้งที่หญิงสาวอุ้มเขาแล้วเล่าเรื่องราวอะไรต่อมิอะไรให้ฟังนั่น กลับไม่เคยเล่าเลยว่านายนั่นเรียกอย่างไร มิลค์เลยเดาสุ่มออกไปก่อน แต่ตอนนี้มิลค์คิดว่าคงเดาผิด เพราะสีหน้าประหลาดใจแกมตกใจของโมเรสนั่นเอง มิหนำซ้ำพ่อแม่จำเป็นของเขาตอนนี้ก็หันขวับมามองที่เตียงคนป่วยเป็นตาเดียว นิพัทธน์ตาเร็วเห็นสีหน้าของหญิงสาวก็รีบแก้ก่อนที่ภรรยาตนเองจะเข้าใจผิดและพลอยทำให้หญิงสาวต้องเดือดร้อนไปด้วย

“เอ่อ ฉันลืมบอกไป บอสของเธอดูเหมือนสมองจะได้รับความกระทบกระเทือนน่ะ อย่าถือสาเลยนะ”

โมเรสรับคำหน้าปุเลี่ยนๆ ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ บอสเคยเรียกหล่อนแบบนี้เสียที่ไหน

“บอสเรียกดิฉันมาพบ จะถามเรื่องการลงนามสัญญาร่วมทุนกับบริษัทดิวิลอปซอฟท์แวร์ใช่ไหมคะ”

“ใช่ เป็นยังไงบ้างล่ะ”

“เรียบร้อยดีค่ะ มิสเตอร์เจฟยินดีเลื่อนออกไปจนกว่าบอสจะหายดี ส่วนงานที่บริษัทตอนนี้ คุณภูเบศร์เข้ามาช่วยดูแลในส่วนที่จำเป็นค่ะ”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับหงึกหงักไปเรื่อย ไม่เข้าใจเรื่องที่โมเรสบอกหรอก แต่การพูดให้น้อยที่สุดตอนนี้น่าจำทำให้นายโมของมิลค์เดือดร้อนน้อยที่สุดแล้ว ทว่าความเป็นแมวก็ทำให้มิลค์นิ่งไม่ได้นาน หัวเจ้ากรรมเริ่มขยับเข้าไปถูๆ กับต้นแขนของหญิงสาว กิริยานั้นทำให้โมเรสยืนตัวแข็งทำหน้าไม่ถูก ก่อนหันไปมองนายใหญ่ทั้งสองคนอย่างขอความช่วยเหลือ คราวนี้คุณนิลุบลเป็นฝ่ายลุกมาจากโซฟาเดินตรงดิ่งมาซัดมือเผียะเข้าที่หลังลูกชายเต็มแรง จนร่างสูงสะดุ้งรีบดึงศีรษะออกจากต้นแขนของหญิงสาวแทบไม่ทัน

“รินธน์ ทำอะไรน่ะ คุณโมเรสเป็นผู้หญิงนะ ลูกจะมาทำกิริยานี้กับเธอไม่ได้ ขอโทษด้วยนะคุณโมเรส”

“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”

มิลค์เห็นนายโมทำหน้าเกือบจะร้องไห้ก็รู้สึกผิด มนุษย์คงไม่ทำกันอย่างนี้แน่ จะทำอย่างไรกับสัญชาตญาณความเป็นแมวดีนะ

“คุณโมเรส” นายหน้าขาวน่าจะเรียกแบบนี้นะ “ผมขอโทษนะครับ”

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวก่อนนะคะบอส ขอตัวก่อนนะคะท่าน”

โมเรสถอยห่างจากเตียงคนไข้โดยไม่รู้สึกตัว ไม่ใช่เพราะกลัว แต่การกระทำของนิรินธน์เมื่อสักครู่นี้เหมือนกับมิลค์ไม่มีผิด แม้กระทั่งวิธีช้อนตาขึ้นมองอย่างขอโทษก็เหมือนกัน หล่อนคงคิดถึงมิลค์มากเกินไปกระมัง คุณนิลุบลเอ่ยปากอนุญาตแล้วพลอยเดินออกไปส่งแขกสาวที่หน้าห้อง      


“ฉันต้องขอโทษหนูแทนรินธน์อีกครั้งนะ ปกติรินธน์ไม่เป็นอย่างนี้”

“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะท่าน ดิฉันไม่ได้ถือสาอะไร เพียงแต่ตกใจเท่านั้น บอสทำเหมือนกับ...” โมเรสยั้งคำไว้ไม่กล่าวออกไป หากคุณนิลุบลกลับเป็นฝ่ายต่อความเอง

“เหมือนแมวใช่ไหม”      

“ค่ะ”

“คุณพัทธน์บอกฉันว่าหนูเป็นเลขาของนายรินธน์” คุณนิลุบลแน่ใจว่าสามีไม่ได้บอกอาการของลูกชายให้สาวน้อยคนนี้รู้แน่ เพราะไม่อย่างนั้นเจ้าตัวคงไม่ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อตอนที่ลูกชายเอาหัวถูแขน “เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าหนูสมควรจะรู้ไว้ เผื่อว่านายรินธน์ออกจากโรงพยาบาลแล้วยังเป็นอย่างนี้อยู่ หนูจะได้ช่วยดึงช่วยรั้งเอาไว้ ไม่ให้ทำกิริยาอย่างนี้กับลูกค้าหรือคนอื่นๆ เมื่อเช้าพอฟื้นขึ้นมา นายรินธน์บอกว่าตัวเองเป็นแมวชื่อมิลค์”      

“คะ อะไรนะคะ”

“หนูได้ยินไม่ผิดหรอก ฉันเองก็ตกใจ และยิ่งตกใจกว่าที่ได้ยินนายรินธน์พลั้งปากเรียกหนูคำแรกว่า นาย ฉันแน่ใจว่าเขาจะเรียกหนูว่านายโม ไม่ใช่หนูโม”

“ท่านคะ”

“อย่าเรียกฉันว่าท่านเลย เรียกว่าคุณป้าดีกว่าจ้ะ ฉันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกิจการของบริษัทหรอก เพราะฉะนั้นฉันก็ไม่ได้เป็นนายของหนู ถูกไหม” คุณนิลุบลว่ายิ้มๆ อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็ดูน่ารักกว่าดาริกาเป็นไหนๆ “เอาล่ะ เรามาพูดเรื่องนายรินธน์กันต่อดีกว่า”

“เอ้อ ค่ะ เมื่อสักครู่คุณป้าบอกว่า บอสบอกว่าชื่อมิลค์เหรอคะ”

“ใช่จ้ะ”

“ดิฉันมีแมวตัวหนึ่งชื่อมิลค์ค่ะ มันเพิ่งตายไปเมื่อเช้านี้เอง สักหกโมงเห็นจะได้”

คราวนี้คุณนิลุบลเบิกตากว้างราวไม่เชื่อหู ประโยคแรกของลูกชายที่ตอบหมอเมื่อเช้าที่บอกว่า 'ผมชื่อมิลค์ครับ เป็นแมวบ้านนายโมครับ'  ผุดขึ้นในความทรงจำทันที


“หนูว่ามิลค์ตายกี่โมงนะ”

“ราวหกโมงเช้าค่ะ”

“นายรินธน์รู้สึกตัวตอนนั้น ขอโทษนะหนู เจ้ามิลค์ของหนูเป็นอะไรถึงตาย”

“มิลค์ถูกรถชนค่ะ แต่ไม่ตายทันที เขายังอยู่ที่โรงพยาบาลอีกสองสัปดาห์เต็ม คุณหมอเห็นอาการไม่ดีขึ้นเลย ก็เลยโทรหาดิฉันแล้วปรึกษาว่าจะให้เขาหลับ จะได้ไม่ทรมานไปกว่านี้”

“สองสัปดาห์ก่อน”

คุณนิลุบลครางเสียงเบา ในขณะที่โมเรสเองพอพูดไปแล้วก็หน้าเผือดลงเมื่อฉุกใจคิด ทุกอย่างประจวบเหมาะกันทั้งหมดทั้งเหตุการณ์และวันเวลา สองหญิงสบตากันด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ ลำพังการสลับวิญญาณของมนุษย์ยังพอเข้าใจและรับได้แต่ระหว่างสัตว์กับคนนี่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่วิญญาณของแมวจะสลับมาอยู่ในร่างของมนุษย์ และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง วิญญาณของนิรินธน์ไปหลงทางอยู่ที่ไหนกัน


สติสัมปชัญญะค่อยกลับคืนมาอย่างช้าๆ ชายหนุ่มลืมตาขึ้น แต่พอกระทบแสงจ้าก็ต้องหลับตาลงแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นทีละนิดเพื่อปรับนัยน์ตาให้เข้ากับแสงสว่าง อันดับแรกเขาลองขยับตัวก็ไม่พบว่ามีอาการบาดเจ็บอะไร จึงค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบตัวก็พบว่าตนเองนั่งอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง น่าจะเป็นทางเดินของตึกที่ไหนสักตึก ให้ตายเถอะ เขามานอนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร

เสียงคล้ายรถเข็นเล็กๆ ที่ดังเข้ามาใกล้นั้น ทำให้นิรินธน์รีบลุกขึ้นมองไปทางต้นเสียง ที่สุดปลายทางเดิน พยาบาลคนหนึ่งกำลังเข็นถาดอุปกรณ์ทำแผลเล็กๆ น้อยๆ และยาสำหรับคนไข้เดินตรงมาที่เขา ชายหนุ่มจึงรีบเดินเข้าไปหาทันที

“คุณครับ ที่นี่โรงพยาบาลอะไรหรือครับ คุณครับ”

พยาบาลสาวไม่ตอบคำถาม ไม่แม้แต่จะหันมาดูเสียด้วยซ้ำ หล่อนยังคงเข็นรถเดินตรงไปเรื่อยๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่านิรินธน์จะเพียรถามสักเท่าไหร่ คนถูกถามก็ไม่สนใจทั้งสิ้น และเข็นรถเข้าไปในห้องพักคนไข้ห้องหนึ่งเป็นการตัดบทสนทนา

“ไม่มีประโยชน์หรอกน่า พ่อรูปหล่อ”

นิรินธน์หันควับมาทางต้นเสียง เมื่อได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ตัว ตรงหน้าเขาคือผู้ชายตัวสูง น่าจะสูงพอๆ กันกับเขาสวมเสื้อโปโลสีฟ้าอ่อน เก็บชายเสื้อในกางเกงขายาวเข้ารูปสีขาว ผิวสีน้ำผึ้ง ผมสีดำสนิทหยักศกตามธรรมชาติ นัยน์ตาดำขลับฉายแววประหลาด ริมฝีปากสวยแบบผู้หญิงเป็นสีแดงทับทิม จมูกโด่งรับกับคิ้วเข้มโก่งสวยชนิดผู้หญิงยังอายยืนอยู่ตรงหน้า    

“หมายความว่ายังไง”

“ตามนั้นเลยพ่อรูปหล่อ ไม่มีใครเขาเห็นหรือได้ยินเสียงเธอหรอก เพราะเธอเป็นแค่วิญญาณ”

“เป็นไปไม่ได้” นิรินธน์เถียงกลับหน้าเผือดลง “ถ้าผมเป็นวิญญาณจริง ทำไมคุณถึงเห็นผม ถึงคุยกับผมได้ล่ะ”

“อู๊ย! พ่อคู้ณ” หนุ่มหล่อร้องเสียงสูง “เป็นยมทูตแล้วไม่เห็นวิญญาณ แล้วจะมาจับวิญญาณกลับไปยมโลกยังไงล่ะ”

“คุณโกหกผม ผมไม่เชื่อคุณหรอก”

“จะโกหกให้ได้อะไรขึ้นมา อ่ะ ไม่เชื่อเหรอ ไม่เชื่อจะพิสูจน์ให้ดู”

ยมทูตหนุ่มจับตัวนิรินธน์เหวี่ยงไปปะทะผนังเต็มแรง เขาคิดว่าตัวเองคงกระแทกผนังเจ็บตัวแน่แล้ว แต่ปรากฏว่าร่างเขากลับทะลุผนังเข้ามาในห้องคนไข้ห้องหนึ่ง โดยยมทูตนายนั้นก้าวทะลุผนังตามเข้ามาด้วย

“ไงล่ะ คราวนี้เชื่อหรือยัง”

“ไม่ คุณเล่นกลแน่ๆ”

“หัวแข็งจริงแฮะ นี่ สังเกตคนในห้องนะ พวกเขามีท่าทีแปลกใจอะไรหรือเปล่าที่เห็นใครก็ไม่รู้หลุดผัวะจากผนังเข้ามาถึงสองคน ถ้าพวกเขาเห็นเราล่ะก็นะ ป่านนี้วิ่งหัวตั้งออกไปจากห้องกันหมดแล้ว”

นิรินธน์หันไปมองคนในห้องก็เห็นยังดำเนินกิจกรรมของตัวเองเป็นปกติ ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจแขกไม่ได้รับเชิญที่เถียงกันลั่นๆ อยู่ในห้องเลยสักนิดก็เริ่มใจแป้ว เขาตายจริงๆ หรือนี่

“ยังไม่ถึงที่ตายหรอกน่ะ แค่หลงทางกลับเข้าร่างไม่ได้เท่านั้นเอง แต่ถ้าภายใน 49 วันยังกลับร่างไม่ได้ เธอก็ต้องไปยมโลกกับฉัน”

“ผมเชื่อคุณได้แค่ไหน คุณเป็นยมทูตจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”

ยมทูตหนุ่มถอนใจเฮือก แล้วยกมือขึ้นดีดนิ้วเปาะ เครื่องแต่งตัวแบบหนุ่มน้อยเปลี่ยนไปเป็นผ้าสีแดงนุ่งแบบถกเขมรเพียงผืนเดียว ในมือถือเหล็กสามง่าม บนหัวมีเขาสีแดงงอกออกมา ชายหนุ่มถอยกรูดขณะที่ยมทูตหนุ่มเบ้ปากนิดๆ

“ต้องแบบนี้ก่อนเหรอถึงจะเชื่อ เชยสิ้นดี” เจ้าตัวว่าพลางดีดนิ้วซ้ำอีกรอบ เพื่อให้คืนร่างกลับมาในรูปเดิมที่นิรินธน์เห็นก่อนหน้านี้

“แล้วร่างผมอยู่ที่ไหน”

“ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอก แล้วนี่ใจคอจะไม่ถามไถ่ชื่อกันสักหน่อยเรอะ”

“อ่า...ผมเคยได้ยินว่ายมทูตรู้ชื่อวิญญาณอยู่แล้ว”

“ฉันน่ะรู้ชื่อเธอพ่อรูปหล่อ เธอชื่อนิรินธน์ อิศเรศบดี ชื่อเล่นรินธน์ เห็นมะ ฉันรู้ชื่อเธอ แต่เธอนั่นแหละไม่สนใจจะรู้ชื่อฉันบ้างเหรอ เราต้องพบกันอีกนานน้า” ยมทูตหนุ่มสุดหล่อตอบพลางส่งสายตาหวานเจี๊ยบมาให้ จนชายหนุ่มขนลุกซู่

“เอ่อ ครับ คุณชื่ออะไรครับ”

“กวิน แต่เรียกชื่อเล่นฉันดีกว่า ฉันชื่อกีวี่จ้า”

นิรินธน์ทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดหรือไงกันนะ ทำไมเขาต้องมาเจอยมทูตแต๋วแตกแบบนี้ด้วย

“นี่ ฉันไม่ใช่แต๋วนะ ฉันเป็นเกย์ต่างหาก” ยมทูตกีวี่ตวาดแว้ด “คิดแบบนี้ไม่พาไปดูร่างซะดีมั้ย”

“ขอโทษครับ พาผมไปดูร่างหน่อยเถอะครับ”

ชายหนุ่มจำใจต้องเอ่ยปากขอโทษ การทำให้ยมทูตกีวี่พอใจน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเขาตอนนี้ ทำให้ยมทูตกีวี่ค่อยยิ้มออกได้ พลางถือวิสาสะคว้าข้อมืออีกฝ่ายเดินทะลุผ่านกำแพงชนิดไม่ทันให้ตั้งตัว


ไหมพรมก้อนกลมขนาดเท่าลูกเทนนิสกลุ่มหนึ่งกลิ้งกลุกๆ อยู่บนพื้น นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องจับที่กลุ่มไหมตาแทบไม่กะพริบ มันยังกลิ้งไปเรื่อยๆ ในที่สุดคนบนเตียงก็กระโจนลงมาด้วยท่าทีของแมวชัดเจน แล้วตะครุบไหมกลุ่มนั้นมาตบเล่นในมือ ภาพที่เกิดขึ้นนั้นทำให้คนที่มองดูอยู่ถึงกับหันมาสบตากันอย่างหนักใจ คุณนิลุบลแตะแขนหญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ตัวเหมือนจะเตือน โมเรสพยักหน้ารับ

“มิลค์ ไม่เล่นแล้ว มาหาพี่หน่อยสิ”

ร่างสูงวางกลุ่มไหมทันทีแล้วกระโจนเข้ามาคลอเคลียขานายสาวอย่างที่เคยทำ โมเรสถึงกับน้ำตาร่วง

“มิลค์ หยุดเถอะ ตอนนี้มิลค์ไม่ได้อยู่ในร่างแมวแล้วนะ”

นัยน์ตาที่เคยมีแววดุเป็นนิตย์นั้น มาถึงตอนนี้กลับฉายแววซื่อบริสุทธิ์เหมือนเด็กน้อย มิลค์รู้สึกตัวก็พยายามฝืนลุกขึ้นยืนสองขาอย่างคน คุณนิลุบลกับสามีจึงช่วยพยุง ถึงวิญญาณจะเป็นแมวหรืออะไรก็ตาม แต่ร่างนี้ก็เป็นของลูกชายคนเดียวอยู่นั่นเอง โมเรสมองหน้าเข้มๆ ด้วยความรู้สึกหลายอย่างปะปนกัน หล่อนควรยินดีที่มิลค์กลับมา แต่มันก็ไม่น่ากลับมาในสภาพนี้ ถ้านิรินธน์มาเห็นเข้าจะรู้สึกยังไงนะ ที่น่าหนักใจไปกว่านั้น หล่อนต้องเป็นคนดูแลร่างนี้ไม่ให้ทำอะไรผิดมนุษย์จนกว่าวิญญาณแท้จริงจะกลับมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เปล่าเลย หล่อนไม่ได้หนักใจที่ต้องดูแลทั้งมิลค์ทั้งนิรินธน์หรอก แต่ดาริกา คู่หมั้นสาวสวยน่ะสิจะว่าอย่างไร ดาริกายิ่งขึ้นชื่อเรื่องขี้หึงเสียด้วย คราวที่แล้วที่ยิหวาโทรมาเล่าให้ฟัง หล่อนยังเสียวสันหลังไม่หาย ถ้าดาริการู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือหล่อน อะไรจะเกิดขึ้น  

ที่มุมห้อง นิรินธน์กับกวินมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เงียบๆ ชายหนุ่มหน้าเสียเมื่อเห็นชัดว่าใครที่ครองร่างเขาอยู่ แต่วิญญาณที่ซ้อนในร่างเขาเป็นภาพติดๆ ดับๆ เหมือนโทรทัศน์ที่จอภาพกำลังจะเสีย วูบหนึ่งก็เป็นแมวน้อยสีขาว ขณะที่อีกวูบหนึ่งก็คล้ายจะเป็นร่างเด็กหนุ่มวัยไม่เกินสิบแปดปี นี่หมายความว่าอย่างไร ร่างเขามีวิญญาณครอบครองถึงสองดวงเชียวหรือ    

“ไม่ใช่หรอก มีดวงเดียวนั่นแหละ”

“แต่ผมเห็นสองนะ กีวี่”

“แมวตัวนั้นชื่อมิลค์ เขาพ้นจากชาติที่เป็นแมวไปแล้ว แต่สำนึกและนิสัยยังคงความเป็นแมวอยู่ ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มที่เธอเห็นนั่นก็คือร่างแท้จริงของมิลค์ ฉันบอกให้ก็ได้ ชาติใหม่ของมิลค์จะได้เป็นคน”

นิรินธน์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่สายตายังคงมองจ้องร่างของตนเองตาไม่กะพริบ เขาบอกไม่ถูกว่าควรจะขันหรือสังเวชดีที่เห็นร่างตัวเองทำกิริยาเป็นแมวอย่างนี้

“แล้วทำยังไงผมถึงจะเอาร่างกลับคืนมาได้”

“ไม่ยากเลย” กวินบอกพลางยักคิ้ว

“ทำยังไงล่ะครับ”

กวินยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนหันมากระซิบข้างหูชายหนุ่ม คำพูดนั้นทำให้นิรินธน์เบิกตากว้าง สปริงตัวเด้งห่างจากยมทูตเกย์โดยอัตโนมัติ พลางร้องเสียงหลง

“ไม่!!!!!!”



                                                                        อริญชย์

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 18:39:41




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com