~*
รูปหน้าของรินลดาดึงดูดความสนใจของเขาทันทีที่ได้เห็น เธอแหงนมองรายชื่อในบอร์ดประชาสัมพันธ์ของสโมสรนักศึกษาด้วยความตื่นเต้นระคนวิตกกังวล
ให้ไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์เหรอ เฮ้อ แล้วเค้าจะไหวมั้ย
เสียงเล็กๆ นั้นก็ไพเราะเหมือนระฆังแก้ว รินลดามากับเพื่อนหญิงอีกสองสามคน หนึ่งในนั้นให้กำลังใจว่า
ไม่ต้องกลัวน่า รินทำได้อยู่แล้ว เดี๋ยวเค้าคอยมาอยู่เป็นเพื่อน
ศักดิ์ชาติไม่ได้สนใจเสียงที่สาม เขาได้รับเลือกเป็นคนตีกลอง ช่วงเวลาซ้อมของเชียร์ลีดเดอร์ ไม่ให้คนนอกเข้า ไม่จำเป็นต้องมีคนตีกลอง แต่ทุกครั้งที่มีการแข่งขันกีฬา รินลดาจะปรากฏตัวออกมาพร้อมทีมนำเชียร์ และนั่นทำให้เขาใจเต้นโครมครามจนต้องกลบเกลื่อนมันด้วยเสียงกลองสนั่นหวั่นไหวไปทุกครั้ง
กินอะไรหรือยัง มัวแต่ตีกลอง รุ่นพี่แจกข้าวแจกน้ำให้กองเชียร์ก็ไม่ไปรับ
กล่องข้าวกับขวดน้ำถูกยื่นให้ ศักดิ์ชาติเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ใช่รูปหน้าของนางในฝัน ไม่ใช่เสียงปานระฆังแก้ว เขาออกปากขอบคุณ กินข้าว ดื่มน้ำ และออกไปยืนประจำที่ รอตีกลองให้นางในฝัน
รินลดามีเพื่อนฝูงมากมาย เธอเหมือนแม่น้ำเจ้าพระยาที่กว้างใหญ่มีเรือมากมายหลายลำรอเทียบท่า เขาเป็นหนึ่งในนั้นแต่โชคดีตรงที่ได้เรียนคณะเดียวกัน จึงมีโอกาสที่จะคอยเดินตามเธอต้อยๆ คอยถือของ ยืนโบกรถแท็กซี่ให้ แล้วพอนางในฝันขึ้นรถไป ตัวเองก็เดินต่อไปป้ายรถเมล์เพื่อโหนรถกลับที่พัก
ฉันช่วยถือของให้ได้นะ
หญิงสาวบนรถเมล์ที่เขาสละที่นั่งให้แสดงเจตจำนงพร้อมให้ความช่วยเหลือ ศักดิ์ชาติขอบคุณเบาๆ และยื่นกระเป๋าให้เธอช่วยถือ จากนั้นต่างคนก็ต่างเหม่อมองไปภายนอกท้องถนนคนละทาง หญิงสาวคืนกระเป๋าให้เมื่อถึงป้ายที่เขาจะต้องลง ส่วนเธอจะนั่งต่อไปทางไหน อีกกี่ป้าย เขาไม่เคยได้เอ่ยปากถาม
ระลอกคลื่นที่มากระทบเรือแผ่วเบาลง ชายวัยกลางคนตรงหัวเรือสามารถบังคับและประคองเรือได้ตลอดรอดฝั่ง หลายคนยิ้มโล่งอก ส่วนศักดิ์ชาติยิ้มกับสายน้ำ สายลม แสงแดด และความงี่เง่าของตัวเอง
~*
ผมชอบริน
วันนั้นคือวันชี้ชะตา ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม นางในฝันของเขาสมควรได้รับรู้
เอ๋
หญิงสาวตรงหน้าอุทานคำหนึ่งแล้วเบิกตากว้าง เขาเห็นเธอเผยอปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทั้งคู่พากันนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง รินลดาค่อยบอกออกมาเบาๆ
ขอโทษนะชาติ คือว่าริน มีคนที่ชอบอยู่แล้วล่ะ
อื้อ
คำตอบนี้ไม่เกินความคาดหมาย ศักดิ์ชาติพยักหน้า เตรียมหันหลังกลับ เขาไม่อยากให้เธอเสียเวลาคิดหาคำปลอบใจให้มากพิธีรีตอง แต่กระนั้น คำพูดก็ไปไวกว่าใจคิด
ใครล่ะครับ
ถามเพราะอยากรู้ ไม่ใช่ด้วยความแค้นเคืองหรือเจ็บใจแต่อย่างใด
เอ่อ
รินลดาอ้ำอึ้ง เหมือนเธอเองก็แปลกใจที่ดูเขาไม่เสียอกเสียใจอันใดกับคำปฏิเสธที่ได้ยินเลยสักนิด นางในฝันของเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนควานหาสมาร์ทโฟนหยิบออกจากกระเป๋าถือ กดอยู่สองสามคลิกแล้วยื่นส่งให้
คนนี้ล่ะ รินเซฟคลิปวิดีโอเอาไว้ด้วย เดี๋ยวส่ง blue tooth ให้นะ ชาติลองดูสิ
แล้วเขาก็ได้รู้จักอาจารย์ศศินผ่านทางคลิปวิดีโอที่รินลดาส่งให้ อาจารย์ออกมาเสนอทางแก้ปัญหาภาวะน้ำท่วม และชักชวนให้ผู้ชมวิดีโอเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมอย่างมีสติ ด้วยทักษะการนำเสนอที่เรียบง่าย น้ำเสียงเป็นกันเอง อีกทั้งศิลปะในการจูงใจให้คนออกมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างสมัครสมานสามัคคีกันทุกฝ่าย
เป็นไงล่ะ ไอดอลของริน ชาติทำแบบนี้ได้ไหม ถ้าทำได้ รินจะลองคิดดูอีกที
ศักดิ์ชาตินอนก่ายหน้าผากดูคลิปวิดีโอนั้นผ่านทางมือถือ ก่อนจะเหวี่ยงมันลงไปในตะกร้าผ้าที่ยังไม่ได้ซัก ส่งอาจารย์ไปพูดพล่ามอยู่ในนั้นจนสิ้นสุดการบันทึกแล้วหยิบมันขึ้นมาใหม่ ก่อนจะเข้าไปเปิดเว็บของชมรมอาสาประจำมหาวิทยาลัย พบว่ารินลดาลงชื่อเป็นอาสาสมัครไปแจกของช่วยน้ำท่วมเอาไว้ เขาลงชื่อตามไปทันทีอย่างคนที่พอมีความหวัง
วันออกเดินทางเขาเตรียมตัวเตรียมใจ พร้อมพิสูจน์ตัวเองเต็มที่
~*
วันนี้รินไม่มาหรอก เขาติดธุระกับทางบ้านน่ะ
กลิ่นแก้วเป็นคนเดินลงจากรถบัสมาบอก หลังจากเห็นว่าเขายืนลังเล เก้ๆ กังๆ จะขึ้นรถก็ไม่ขึ้น จะกลับก็ไม่กลับ
แล้วเขาก็ เล่าเรื่องนายไปสารภาพรักกับเขาให้ฟังด้วย ใจกล้าดีเหมือนกันนะ
น้ำเสียงและรอยยิ้มนั้นแสดงความชื่นชมอย่างจริงใจ
แล้ว รินเขาว่าไงบ้างครับ
คำถามนั้น ทำให้กลิ่นแก้วลังเลไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบช้าๆ
รินเขาบอกว่า ถ้าคุณมาร่วมงานอาสา ให้ฉันช่วยประเมินให้หน่อย ถ้าระหว่างที่ทำกิจกรรม คุณพิสูจน์ได้ ว่าเป็นชายหนุ่มที่เสียสละ สมถะ ทุ่มเท สุภาพ ฉลาดเฉลียว และที่สำคัญ อุทิศตัวทำงานเพื่อสังคม ได้เป็นอย่างดีแล้วล่ะก็ เธออาจจะพิจารณาใหม่ก็ได้
โอ... จริงเหรอแก้ว
ศักดิ์ชาติร้องถามด้วยความดีใจ
อื้อ ไปไหมล่ะ
กลิ่นแก้วตอบด้วยเสียงเฝื่อนอย่างไรชอบกล แต่ชายหนุ่มก็ขานรับอย่างเต็มใจ
ได้สิ ได้เลย ไปกันเลย
การออกเดินทางอย่างใกล้ชิดกับกลิ่นแก้ว ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนการว่ายน้ำอยู่ในลำคลองเล็กๆ ไม่ใช่ลอยคอเคว้งคว้างอยู่กลางมหาสมุทรแต่อย่างใด เขาสามารถเก็บรายละเอียดของกุ้งหอยปูปลา ต้นไม้ใบหญ้าข้างทางได้ทุกซอกทุกมุม
ใจที่อึดอัดคับแคบเมื่อก่อนมาของศักดิ์ชาติได้ถูกเปิดให้กว้างขึ้นและกว้างขึ้น แล้วเขาก็ทำกิจกรรมทั้งวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย การลงเรือไปแจกของพร้อมกันกับกลิ่นแก้วเหมือนเป็นเครื่องพิสูจน์อะไรบางอย่าง เริ่มจากเหตุผลข้อที่ว่า นี่อาจทำให้รินลดารู้จักเขามากขึ้นผ่านสายตาของกลิ่นแก้ว หรือในทางกลับกัน สายตาของกลิ่นแก้ว อาจทำให้เขารู้จักตัวเองมากขึ้น
เมื่อผ่านไปเกือบค่อนวัน สิ่งที่พบเห็น และบทสนทนาที่ผ่านหู ทำให้เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างไม่คาดฝัน
สุดทางแล้ว คนบังคับเรือหันหัวเรือกลับ เรือหางยาวโคลงเคลงไหวยวบอีกคราวหนึ่ง ศักดิ์ชาติหันไปมองหญิงสาวตรงกลางลำเรืออีกครั้งหนึ่ง
ภาพของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างรินลดาในวันที่เธอเดินมาดูป้ายประกาศที่บอร์ดกระจ่างชัดขึ้น หญิงสาวที่ยื่นข้าวกล่องและน้ำให้ในช่วงเวลาที่เขาตีกลอง หญิงสาวเสนอตัวรับกระเป๋าและเอกสารบนรถเมล์ เธอคนนั้นก็คือกลิ่นแก้ว ผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา ดูจืดชืดเหลือเกินเมื่ออยู่ในคณะ แต่พอออกมาเจอกัน ในกิจกรรมอาสา ดูเธอมีชีวิตชีวา พูดจามีเหตุมีผล เคลื่อนไหวอย่างทะมัดทะแมง และที่สำคัญ ดูสวยผุดผาดจนน่าประหลาดใจว่าทำไมเขาเพิ่งมองเห็น
ศักดิ์ชาติหัวเราะให้กับความงี่เง่าของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
~*
ปิ๊บๆ ปิ๊บ...
เป็นเสียงข้อความที่ส่งมาทางโทรศัพท์ ไม่ใช่ของใครที่ไหน เป็นเครื่องที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของศักดิ์ชาตินั่นเอง ชายหนุ่มดึงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงและพลิกมันขึ้นมาดู
โหวะๆๆๆ
เพ้งส่งเสียงอุทานอย่างตื่นเต้นอีก เมื่อวกกลับมาทางน้ำสายเก่า คุณตัวเงินตัวทองตัวดำเมี่ยมยาวเป็นวา และน่าจะเป็นตัวเดิมที่หนีขึ้นไปบนฝั่งเมื่อขามา ก็โผล่มาผงกหัวชูคอรออยู่ริมตลิ่ง คล้ายจะรอส่งชาวคณะกลับ แล้วหลังจากนั้น มันจะได้ลงเล่นน้ำต่อ
บ๊ายบายพี่เฮี่ย
จ้อยตะโกนแข่งเสียงเพ้ง ศักดิ์ชาติกำลังก้มลงมองเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งข้อความเข้ามา ไม่รู้ว่าเพราะหมายเลขที่เห็นหรือเป็นเพราะเสียงอันดังของจ้อย ทำให้เขาตกใจจนสะดุ้ง
ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะจ้อย ขามายังบอกให้พี่ชาติเรียกตัวเงินตัวทองอยู่เลย
กลิ่นแก้วปรามเสียงเบา
ก็นั่นมันพี่ชาติ คนที่ต้องคอยทำคะแนนด้วยการพูดแต่คำสุภาพนี่ครับ ไม่ใช่จ้อย หรือถึงบอกให้จ้อยทำ ถ้าทำแล้วมันไม่สบายใจ จ้อยก็ไม่ทำหรอก
เด็กจ้อยพูดจามีเหตุผล ศักดิ์ชาติไม่ตอบโต้อันใด ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ เขาหันกลับไปมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่เนิ่นนาน เจ้าของหมายเลขที่ส่งมานั้นคือรินลดาอย่างไม่ต้องสงสัย
เธอส่งข้อความอะไรมาหนอ
งานอาสาสนุกไหม
แก้วให้รินโทรมาถาม แต่รินว่า ส่งแค่ข้อความมาดีกว่า ชาติจะได้เปิดอ่านตอนไหนก็ได้ไง
พรุ่งนี้อย่าลืมแวะซื้อกาแฟมาให้ด้วยนะ
เมื่อศักดิ์ชาติเปิดออกมาดู ข้อความที่ถูกส่งมา ไม่ใช่หนึ่งในสามประโยคที่เขาคาดเดา แต่ก็ไม่คลาดเคลื่อนไปเท่าใดนัก รินลดายังคงเป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยสัมพันธไมตรีอันหลากหลาย เขายิ้มให้กับนางในฝันผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือ และสิ่งที่ชายหนุ่มทำในเวลาต่อมาคือกดปุ่มขวาล่าง เพื่อออกจากระบบข้อความโดยไม่ตอบกลับคำใด
บ่ายคล้อย ลูกเรือหลายคนเริ่มหมดพลังงานและนั่งเงียบ ชายหนุ่มเหม่อมองไปยังสายธารกว้างใหญ่ แต่ในไม่ช้าไม่นาน ก็มองเห็นคันกั้นน้ำ เนินดิน และคูคลองลดเลี้ยวแล้วค่อยๆ แคบลงไปจบที่ไร่นาสวนที่ไหนสักแห่ง
ชายวัยกลางคนผู้บังคับเรือได้พาชาวอาสาเข้าเทียบท่า ดูวี่แววแล้วพวกเขาคงมาช้ากว่าคณะอื่นๆ เพราะต้องอ้อมไปส่งจ้อยที่ริมคลองสายหนึ่ง
พอขึ้นฝั่ง เพ้งยังง่วนกับการอัพรูปที่ถ่ายมาขึ้นไปแสดงสถานะแบบออนไลน์ ศักดิ์ชาติเข้าไปช่วยกลิ่นแก้วเก็บของ เมื่อเดินออกมาขึ้นรถพร้อมกัน เขาก็พึมพำเบาๆ
ขอโทษนะแก้ว
หืม ขอโทษเรื่องอะไร
ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ ผมแทบไม่เคยมองคุณเลย
ฟังคำตอบนั้น ทำเอากลิ่นแก้วชะงัก เธอหยุดเดินแล้วตอบสั้นๆ
อือ ไม่เป็นไรหรอก
ชายหนุ่มหยุดตามบ้างแล้วหันไปมองหญิงสาวชัดๆ เต็มตา กลิ่นแก้วหันมาสบตากับเขาแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ
แล้วอาทิตย์หน้าจะไปด้วยกันอีกหรือเปล่า
ไปสิ ขออย่างเดียว รอบหน้า ไม่ต้องพาจ้อยไปด้วย
ทำไมล่ะ
ก็ผมจะไปนั่งข้างคุณแทนไง
กลิ่นแก้วทำเสียงจิ๊ในลำคอแล้วยกมือขึ้นทุบไหล่คนพูดเบาๆ ชายหนุ่มรวบมือเล็กๆ นั้นมากุมไว้แล้วจับมือหญิงสาวให้เดินไปด้วยกัน ปล่อยให้ไอ้เพ้งร้องโหวะๆๆๆ ตามหลังอย่างคนขี้ตื่นตกใจไปตามประสา.