ด้วยว่าไทยได้ชื่อว่าคืออู่
ที่เป็นอยู่คู่สองที่มองหมาย
หนึ่งคือ “ข้าว” ชาวเมืองเรืองประกาย
สองคู่สายคือ “น้ำ” ไหลตามคลอง
ทุกปีผ่านขานรับสำหรับน้ำ
ต่างก็ย้ำให้พอต่อสนอง
การทำนาอาศัยน้ำนำสำรอง
ฟ้าฝนต้องตกงามตามฤดู
แต่ปีนี้น้ำมากหลากล้นเหลือ
ตกพร่ำเพรื่อเหลือแหล่แลอดสู
เกินกำลังขังเขื่อนจนเกลื่อนคู
ลามไหลลู่สู่เมืองเรื่องบรรลัย
จึงต้องยอมพร้อมรู้อู่ข้าว-น้ำ
ปีนี้ช้ำย่ำแย่แม้แลไหน
หาแผ่นดินยินเยือนคล้ายเคลื่อนไกล
หวิวหวาดใจไร้สิ้น..แผ่นดินยืน
บ้านจมน้ำหวามไหวใจจมจุก
สารพัดความทุกข์เข้าคลุกขืน
ประชาชีหนีภัยที่ใกล้กลืน
ยามค่ำคืนตื่นระโหยโรยระทม
ให้คงอยู่อู่ข้าว..ชาวสยาม
ให้คงนามเรืองรุ่ง..อย่าปรุงขม
ให้กลับฟื้นคืนเมืองราษฎร์เรืองรมย์
หยุดทับถมตรมขื่น...มาฟื้นไทย.
แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 54 18:28:45
แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 54 14:08:32