Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ความเชื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หากคิดจะจับอะไร ติดต่อทีมงาน

เคยเห็นไหม...

เคยเห็นคนที่อยากให้มนุษย์บินได้ เหมือนนกไหม

เคยเห็นคนที่อยากให้เสียงพูดสามารถผ่านตามสายและสื่อสารกับคนที่อยู่ไกลๆ ไหม

เคยเห็นคนที่อยากให้แสงสว่าง วาบขึ้นในทุกแห่งหนเพื่อการใช้ชีวิตที่ดีกว่าไหม

เขาเรียกเรื่องราวพวกนี้ว่าอะไรหนอ...



ผมทำงานอยู่ในองค์กรที่มีบางอย่างนำหน้า ซึ่งทำเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นหลักครับ

ผมยอมที่จะทำอะไรที่ยากๆ และเผยแพร่สิ่งที่ยากๆ ที่ดูแล้วเป็นไปไม่ได้

ให้กับคนในสังคมรับทราบเรื่องราว เหนื่อยก็เหนื่อย แต่ก็ท้าทายทุกเข็มวินาทีกระดิก

เพราะอะไรหนอ...



"ความเชื่อ" คือคำๆ นั้นครับ ซึ่งมันหมายถึง ในทุกวันที่เราทำงานโดยมีัสิ่งนี้อยู่ข้างกาย

ประดุจเราสวมชุดหนังรัดรูป ใส่หน้ากากสีที่ชอบ สยายผ้าคลุมยาวอย่างสง่าทุกครั้ง

ที่มี"ความเชื่อ"อยู่ในใจพร้อมที่จะลุยกับอุปสรรค์ที่อยู่ข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว(นึกถึงฮีโร่ ที่ชอบในใจตามได้เลยครับ)



ซึ่งความเชื่อนี่แหละ เป็นพลังที่ทำให้การทำงานทุกวันของผมมีความสุข

แล้วเพราะอะไรถึงเชื่อละ ? คำถามคำโตตามมาอีก









เขาเคยทำให้เห็น...

ในปััจจุบัน หลายคนต่างก็มีความคิดฝัน ในใจมากมายก่ายกอง

ผมเองก็ไม่ต่างจากนั้นครับ แต่ขณะเดียวกันทำไม "ความเชื่อ" ถึงได้นำทางชีวิตอยู่ได้

ผมเองมีแม่แบบครับ หรือ "บล็อกต้นแบบชีวิต" ที่เคยแสดงให้เห็นแล้วว่า "มันเคยเกิดขั้นจริงได้"



ใช่ ! แล้วครับ ผมมี 2 อย่างที่เป็นแม่แบบของผมก็คือ

1 . "Role Model" ที่ผมใช้เป็นเหมือนเข็มทิศในชีวิตผม Ex. ซึ่งหมายถึงใครก็ได้ที่คุณยอมรับในความสามารถเขา บารมีเขา การแสดงออกของเขา แล้วคุณอยากเป็นบ้างนั่นเอง

2. "Story" ที่น่าจดจำและที่สำคัญเราเองก็อยากเดินตามครับ Ex.เรื่องเล่าที่ชวนขนลุก(ไม่ได้ปวดท้องหรือกลัวผี...) แต่หมายถึงเรื่องเล่าที่มีพลังมากๆ จนเป็นแรงบันดาลได้ ซึ่งทำให้เกิดสิ่งดีๆ ตามมาอย่าง สถานที่สำคัญ เหตุการณ์สำคัญ สิ่งก่อสร้างสำคัญ หรืออาจรวมถึงทรัพย์สินที่เขาสร้างไว้ก็ได้ครับ



ผมมีคนรู้จักยอมเดินทางไปในที่ลำบากแสนเข็ญมากๆ เพียงเพื่อไปถ่้ายรูปบางสิ่ง เพราะเขาเชื่อว่า เมื่อได้

รูปภาพกลับมามันจะปกป้องนกบางสายพันธ์ได้ และมันจะปกป้องไม่ให้นกชนิดนี้สูญพันธ์ไปจากโลกอย่างถาวรด้วย

องค์กรที่ผมทำงานอยู่ เคยออกมาตะโกนบอกเมืองไทย "เรื่องโลกร้อน" เมื่อ 10 ปีก่อน ท่ามกลางเสียงค่อนแคะ ขบขัน ว่ากระต่ายตื่นตูม หรือกระทั่งมองโลกในแง่ร้ายชมัด เวลาบอกสิ่งที่จะเกิดตามมา



ปัจจุบัน อย่าให้พูดแค่เมืองไทยเลยครับ ทั่วโลกก็ออกมา "เชื่อ" ในเรื่องโลกร้อนเรียบร้อยแล้ว เพราะผลกระทบมันไม่เคยโกหกใครนั่นเอง

แต่ที่ผ่านมาเขาไม่เชื่อเพราะว่าเขา "ยังไม่เคยเห็น" แค่นั้นเอง



เอาอะไรมาการันตี...

นั่นซิครับ... ในทุกสิ่งที่ลงมือมุ่งมั่นทำลงไป มันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้ชีวิตได้ไหม?

เออ..อันนี้ใครจะมากล้ายืนยัน

แต่ทำไมบางคนถึงมุ่งมั่นและขยันทำแบบ "อาเฮียเรียกพี่" เลยละ(คือแกอยู่หน้าซอยผม ไม่เคยป่วยให้เห็น และขยันมากครับ)

ทำไม ทำไม...



ใครๆ ก็ไม่เข้าใจผม...

หลายคนคิดว่า "ความมืด" มันน่ากลัวไหม?

หลายคนคิดว่า "ความสว่าง" มันดูปลอดภัยกว่าไหม?









หยิบแว่นขยาย มาส่องเรื่องนี้ให้โตหน่อย...

พวกเราเคยสงสัยไหมครับ ว่าทำไมเวลาที่เราก้าวเท้าไปในมุมที่เงียบมากๆ ของบ้านที่ไม่คุ้นเคยในตอนกลางวัน ความรู้สึกถึงแปลกๆ

และถ้าเราเดินไปในมุมเงียบมากๆ ของบ้านที่ไม่คุ้นเคยในตอนกลางคืนละ ความรู้สึกจะยิ่งแปลกๆ กว่าเก่าไหม..

มันบอกอะไรให้กับเรา...



"ความรู้สึก" ในตัวเราบอกตัวเราเองให้คิดแบบนั้น บางคนส่งเสียงบอก

เป็นเรื่องที่เราไป "ให้ค่า" ใน "ในสิ่งที่เรายังไม่เห็น" สมาชิกในกลุ่มสนับสนุน

ทั้งหมดก็คือ "ความเชื่อ" ที่เรามอบให้กับมัน ผมเฉลยให้เขา



ดังนั้นเรื่อง "ความเชื่อ"ในชีวตเรา ความหมายที่แท้จริง ก็คือ

การที่เรา"ยอมรับ" ในสิ่งที่ยังไม่เห็นหรือยังไม่เกิดขึ้นว่ามัน "มีจริง" ได้ครับ

ไม่ว่ามันจะเคยเกิดขึ้นในโ่ลกนี้หรือไม่ ยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่เมื่อเราเชื่อมัน

สิ่งนั้นอุบัติขึ้นแล้วครับ(อย่างน้อยก็ในใจเรา)



เรื่องต่อมาที่ต้องคิด พอรู้จักเครื่องมือบ้างไหมน้องชาย...

ทำไม เราถึงไม่สนเท่ห์ว่า 2x2 = 4

ทำไม เราถึงไม่งงงวยว่า ทำไม ถ้ากินเผ็ดมากแล้วต้องยอมกินน้ำตามอีกเยอะ

ทำไม เราถึงไม่แปลกใจว่าคนขยัน(คนละคนกับเฮียหน้าซอยผม) ส่วนใหญ่ถึงรวยเอารวยเอา



ถามแปลกๆ : ทำไมเรื่องแบบนี้ยังมาถามกันอีก ก็มันต้องเป็นแบบนั้นนะซิ!

ตอบแปลกๆ : อย่างนั้นอย่ามาถามอีกว่า "ทำไม"



บางอย่างไม่ว่าจะเป็น "Role Model" หรือ "Story" ที่สร้างสิ่งสำเร็จมากมายให้แก่โลกเบี้ยวๆ ใบนี้

สิ่งที่ผุดออกมามหาศาล ล้วนแล้วแต่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็น "ของจริง" ไม่ใช่ "ของปลอมทำเหมือน"

สำคัญคือ "เขาเชื่อสิ่งที่ยังไม่เห็นนั่นเอง"ครับ

ดังนั้น อย่าสงสัยเลยจร้า คนหน้าตาดีทั้งหลายที่ไล่สายตามาไกลขนาดนี้แล้ว...



จากนั้นก็ตะโกนบอก(หูและหัวใจ) ...

มองหา "ความเชื่อ" ในสิ่งที่คุณทำอยู่ เจอแล้ว

จากนั้นก็คือการโปรแกรมเรื่องดังกล่าวให้เข้าไปในความรู้สึกของเราอย่างสม่ำเสมอครับ

เมื่อมันอยู่ในความรู้สีึก หรือความนึกคิดมากพอ มันจะถูกส่งลงเข้าจิตใต้สำนึกแล้วเราก็จะเป็นคนแบบนั้นได้ครับ

ง่ายขนาดนี้ ที่เหลือก็คือการลงมือทำ แค่นั่้นเองครับ แล้วมันจะเปลี่ยน "ชีวิต" คุณได้ครับ พี่น้อง...

คำว่าได้ครับ "พี่น้อง" มันกว้างอย่างที่คุณอ่านนั่นแหละครับ

ซึ่งหมายถึง ทุกนามจริงๆ โดยไม่จำกัดคำนำหน้าว่าจะเป็นอะไร(ดญ. ดช. นาย นส. นาง... )







ในทุกๆ เรื่องของโลก คนสำเร็จมี"ความเชื่อ"ไม่ต่างกันนัก... ดังนี้

1.หา "Role Model" หรือ "story" ที่มันสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ

2.เชื่อในสิ่งที่ยังมองไม่เห็น เพราะคุณรู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์มันดีขนาดไหน

3.โปรแกรมตัุวเองสม่ำเสมอ ด้วยความคิด คำพูด การกระทำ



ศาสตร์ ของคนสำเร็จในโลกใช้ไม่ต่างกันเลยครับ บิดไปมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง

ศิลป์ ก็อยู่ที่คุณเอาไปใช้นั่นแหละครับผม..



ขยับชุดหนัง ดึงหน้ากากให้เข้าที่ สยายผ้าคลุมให้ปลิวสไว แล้วลงไป

สนุกกับสิ่งที่เป็น "ความเชื่อ" ของเราแต่ละคนดีกว่าครับ



เพราะความสำเร็จ มันรอคุณอยู่....

อ้างอิงบทความอื่นๆ ของผู้เขียน
http://wp.me/p1QBHP-82

จากคุณ : kanabordee
เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 23:06:01 A:124.122.229.166 X: TicketID:335084




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com