Stroke 4 แล้วค่ะ ตรงหัวกระทู้ลืมเขียน^^
Warm Up & Stroke 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11262142/W11262142.html
Stroke 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11267221/W11267221.html
Stroke 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11276339/W11276339.html
วันเสาร์อาทิตย์เป็นวันที่เด็กหอส่วนใหญ่จะกลับบ้าน ตังเมก็เป็นเด็กหอ ดังนั้นตังเมก็เลยเก็บกระเป๋ากลับบ้านอย่างคนอื่นเขาบ้าง
บ้านของตังเมอยู่แถวฝั่งธนฯ ต้องเข้าซอยลึกเกือบหนึ่งกิโลเมตร เป็นบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ มีรั้วรอบขอบชิด ปลูกต้นไม้เขียวครึ้มร่มรื่น บ้านหลังนี้ตังเมอยู่มาตั้งแต่เกิด เป็นหลังเดียวกับที่เธออ้างว่าเจออนาวินนั่นแหละ
สมาชิกในครอบครัวของตังเมมีสามคน คือเธอ แม่และพี่ชาย แม่ของตังเมเป็นนางพยาบาล ส่วนพี่ชายเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย ทั้งคู่ต้องเข้าเวรในโรงพยาบาล กลับบ้านไม่เป็นเวลา ตังเมต้องอยู่บ้านคนเดียวบ่อยๆ แถมเดินทางไปมหาวิทยาลัยก็ต้องใช้เวลามาก บ้านก็อยู่ลึกในซอย นี่จึงเป็นเหตุผลที่แม่และพี่ชายอนุญาตให้เธอไปอยู่หอพักได้
แต่การกลับบ้านในครั้งนี้ตังเมไม่ต้องอยู่คนเดียว เพราะวันเสาร์อาทิตย์นี้คุณกันยา คุณแม่ของตังเมไม่ต้องเข้าเวร ทำให้มีเวลาพูดคุยกระหนุงกระหนิงกันตามประสาแม่ลูกได้อย่างเต็มที่ ยามเย็นสองแม่ลูกจึงจูงมือกันมารดน้ำต้นไม้ที่สวนหลังบ้านด้วยกัน ถ้าใครยืนอยู่แถวนั้นจะได้ยินเสียงใสๆ ของตังเมพูดเจื้อยแจ้วชวนแม่คุยอยู่ตลอดเวลา
แม่จ๋ารู้เปล่า วันก่อนตังเมได้ตีเทนนิสแล้วนะ ตังเมเล่าไปพลางก็ก้มตัวไปดมกลิ่นดอกมะลิซ้อนที่ปลูกอยู่ข้างรั้ว กลิ่น
หอมๆ แบบนี้แหละที่ตังเมชอบ จนต้องแอบเด็ดมาเสียบไว้ที่หลังหู คุณกันยาที่กำลังถือสายยางรดน้ำต้นไม้อยู่ยิ้มให้อย่างเอ็นดู
แล้วเป็นยังไงบ้าง สนุกไหม
ตังเมหัวเราะเสียงใสก่อนตอบคำถาม
วิ่งสนุกเลยแหละแม่จ๋า ตังเมได้ตีทีนึงแล้วก็วิ่งไล่ลูกอย่างเดียวเลย แต่คนที่ตีกับตังเมเก่งมากเลยนะ
ใครล่ะ โอ๋เหรอ
ม่ายช่ายๆ เขาชื่อพี่วิลลี่อะแม่ เห็นส้มบอกว่าเขาเก่ง เล่นระดับอาชีพแล้ว
อ๋อเหรอ คุณกันยาได้ยินชื่อก็พอจะคุ้นๆ อยู่บ้าง ตังเมเล่าต่อด้วยน้ำเสียงร่าเริง
ตังเมเมื่อยไปทั้งตัวเลยแหละแม่จ๋า ดูในทีวีเห็นเขาตีกันง่ายๆ ที่จริงก็ยากเหมือนกันเนอะ
คุณกันยาเดินไปปิดน้ำเก็บสายยางก่อนจะกลับมายืนข้างๆ ตังเมและลูบผมยาวๆ อย่างรักใคร่
ตังเมต้องตีเทนนิสเก่งแน่ๆ ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นนะ
ตังเมกระพริบตาปริบๆ มองใบหน้าสวยสมวัยของแม่ พยายามตีความว่าหมายความว่าอย่างไร แล้วคุณกันยาก็อธิบายต่อให้เข้าใจ
พ่อจ๋าของตังเมน่ะ เคยเป็นนักเทนนิสของมหาวิทยาลัยนะ
จริงเหรอคะ? ตังเมเรีบกระแซะเข้าไปหาแม่จ๋าทันทีที่ได้ยินว่าพ่อจ๋าเคยเล่นกีฬาที่ทำให้เธอปวดเมื่อยไปทั้งตัวมาก่อน คุณกันยาพยักหน้าแรงๆ ยืนยัน
จริงสิจ๊ะ พ่อจ๋าน่ะเก่งที่สุดในรุ่นเลยนะ เวลาตีเทนนิสจะคาดผ้าที่หน้าผากด้วย เท่อย่างนี้เลยล่ะ สาวๆ ทั้งนักศึกษาแพทย์ ทั้งนักศึกษาพยาบาลกรี๊ดกันเป็นแถวๆ เลย
ว้าว ตังเมร้องอย่างทึ่ง นึกภาพตามแล้วพ่อจ๋าต้องเท่สุดๆ ไม่แพ้อนาวินแน่ๆ เลย เธอกอดเอวแม่ไว้แล้วซบคางลงกับไหล่ทำตาแป๋ว แล้วยังไงต่อ แม่จ๋าเล่าให้ฟังอีกสิ
ได้สิจ๊ะ คุณกันยาตอบรับ แล้วก็เล่าเรื่องของพ่อจ๋าให้ตังเมฟังด้วยสีหน้ามีความสุข ยามเมี่อได้คิดถึงแง่มุมดีงามของสามีที่ล่วงลับไปกว่าสิบปีแล้ว เรื่องราวของหมอหนุ่มสุดเท่ไม่เพียงแต่ตังเมเท่านั้นที่ได้ฟัง มองผ่านรั้วลวดหนามหลังบ้านไปยังมีสุภาพสตรีอีกคนที่ยืนแอบฟังอยู่ด้านหลังต้นเฟื่องฟ้าสีชมพูสด
คุณหญิงแพรวไพลินฟังสิ่งที่คุณกันยาเล่าให้ตังเมฟังแล้วก็อดคิดย้อนตามไปด้วยไม่ได้ ยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น และจำได้แม่นติดตาเลยว่าคุณพ่อของตังเมเป็นนักศึกษาแพทย์ที่เท่และหล่อเหลาขนาดไหน
คุณหญิงแพรวไพลินและคุณกันยาเป็นนักศึกษาคณะพยาบาลรุ่นเดียวกัน แต่ไม่ใช่เพื่อนสนิท ไม่ใช่เพื่อนรัก ตรงกันข้ามกลับเป็นคู่แข่งกันในทุกด้าน คุณหญิงแพรวไพลินเป็นสาวเปรี้ยว ส่วนคุณกันยาสวยใสน่ารัก คุณหญิงเรียนเก่งได้คะแนนยอดเยี่ยม แต่ก็โดนคุณกันยาเบียดมาเป็นคู่แข่ง ผลัดกันเป็นที่หนึ่งของชั้นปีเสมอ จากสายตาคนอื่นคิดแค่ว่าสองคนนี้คงไม่ได้แข่งขันกันจริงจังอะไรนัก แต่เบื้องหลังที่แท้จริงต่อสู้กันดุเดือดเสียยิ่งกว่าสงครามเก้าทัพ
แม้แต่เรื่องความรักก็ยังเป็นคู่แข่งกัน ทั้งคู่แอบปลื้มนักศึกษาแพทย์หน้าตาดีที่ใครๆ ก็เรียก พี่หมอ ปลื้มกันจนเรียนจบทำงานในโรงพยาบาลเลยนั่นแหละ แม้คุณหญิงพยายามเข้าไปทำความคุ้นเคยกับพี่หมอแค่ไหน แต่สุดท้ายพี่หมอก็เลือกแต่งงานกับคุณกันยา
ขอบคุณมากที่รู้สึกดีๆ กับพี่ แต่พี่คิดกับไพลินแค่น้องสาวเท่านั้น
แม้เธอจะตีสีหน้ายิ้มแย้มยอมรับแต่โดยดี แต่ลับหลังคุณหญิงแพรวไพลินถึงกับอารมณ์บูดมู้ดดี้ไปสามวันเต็มๆ ที่ได้รับคำตอบแบบนี้ อุตส่าห์หอบขนมไปให้แถมบอกความในใจอย่างกล้าหาญ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไปสูญเปล่าอย่างน่าเจ็บใจ
หลังจากอกหักจากพี่หมอ คุณหญิงแพรวไพลินจึงตัดสินใจแต่งงานกับนายทหารคนหนึ่ง แต่งโดยที่ไม่ได้รักเขาเลยสักนิด ที่แต่งก็เพื่อประชดพี่หมอเท่านั้น แต่ชีวิตกลับก้าวหน้าจนได้เป็นคุณหญิง ลาออกจากงานพยาบาลมาทำธุรกิจ ฐานะร่ำรวยแต่งตัวหรูหราเข้าสังคมไฮโซ ขณะที่คุณกันยายังคงเป็นแค่นางพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง มีฐานะปานกลาง เลี้ยงลูกสองคนตามลำพังเพราะสามีเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อสิบปีก่อน แต่ก่อนที่พี่หมอจะเสียไปนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าครอบครัวนี้น่ารักและน่าอิจฉาขนาดไหน
คุณหญิงแพรวไพลินยอมรับว่าตัวเองเป็นหนึ่งในจำนวนคนที่อิจฉา เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ได้ยืนข้างๆ พี่หมอตั้งแต่วันเริ่มรักจนถึงวันจากลาจึงไม่ใช่เธอ ทำไมเธอไม่ได้ซาบซึ้งกับความรักแท้จริงแบบนั้นบ้าง นอกจากจะอิจฉาแล้วยังยอมรับว่าตัวเองเป็นคนลืมยาก แถมจำนานอีกต่างหาก และยิ่งเป็นความรักครั้งแรกก็ยิ่งเจ็บลึกเจ็บนาน ไม่ได้พบคุณกันยาตั้งหลายปีก็ยังไม่ลืมเรื่องนี้ เมื่อเผอิญย้ายมาอยู่ใกล้กัน ความทรงจำเก่าๆ ก็ยิ่งเด่นชัด คุณหญิงแพรวไพลินจ้องมองผู้หญิงผมยาวลูกสาวคุณกันยา
ตังเมหน้าคล้ายพ่อมาก ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดถึง...
คุณแม่ดูอะไรอยู่เหรอคะ พลอยชมพูเดินลากรองเท้าแตะออกมาถามผู้เป็นแม่ คุณหญิงได้ยินก็หันไปหาลูกสาวคนเดียว
เปล่าหรอกจ้ะ
เหรอคะ ชมพูก็คิดว่ามีอะไร เห็นคุณแม่ยืนมองไปทางฝั่งชนบทนั่นตั้งนานแล้ว พลอยชมพูมองไปยังบ้านที่อยู่ติดกับบ้านเธอ แล้วเรียกอย่างที่ใครๆ เขาก็ขนานนามกัน ซอยบ้านของตังเมมีแต่บ้านไม้บ้านปูนไม่ได้หรูหราอะไร แต่ซอยบ้านของพลอยชมพูมีแต่บ้านคนรวย แม้จะเป็นบ้านเดี่ยวเหมือนกัน แต่ราคาและความหรูหราต่างกันชนิดฟ้ากับเหว และสิ่งที่กั้นฟ้ากับเหวไว้ก็มีแค่รั้วลวดหนามเท่านั้น จนมีคนเรียกว่าเป็นฝั่งชนบทกับฝั่งในเมือง ใครก็ไม่รู้เริ่มต้นเรียกแบบนี้ แม้มันจะฟังเหมือนดูถูกไปสักหน่อย แต่พลอยชมพูคิดว่ามันก็ถูกต้องแล้ว
พลอยชมพูมองเห็นตังเมยืนกอดเอวแม่ส่งเสียงแจ้วๆ ก็ทำปากแบะอย่างนึกรำคาญ เธอชอบบ้านใหม่หลังนี้ ถึงแม้มันจะอยู่ในซอยลึกแต่ก็เงียบสงบดี แต่ที่ไม่ค่อยชอบก็คือต้องมาอยู่ใกล้ยัยเอ๋อนี่แหละ ฟังคำพูดจาแต่ละคำสิ แม่จ๋า พ่อจ๋า พี่จ๋า คิดว่าพูดอย่างนั้นดูน่ารักงั้นสิ
ชมพูเข้าบ้านก่อนนะคะ พลอยชมพูบอกและตั้งท่าจะเดินกลับอยู่แล้ว แต่เธอได้ยินเสียงใสๆ น่ารำคาญพูดคำว่าตังโอ๋ออกมาทำให้เธอต้องหยุดฟังและสาวเท้าเข้าไปใกล้รั้วอีกนิดเพื่อฟังให้ชัดๆ
ถึงหอที่ตังเมอยู่จะเป็นหอรวม แต่ว่าตังโอ๋ก็อยู่หอเดียวกับตังเมด้วย แม่จ๋าไม่ต้องเป็นห่วง
อะไรนะ!
เสียงที่แผดลั่นจากด้านหลังทำให้สองแม่ลูกต้องหันไปมอง แล้วสิ่งที่เห็นก็คือสาวงามผมยาวในชุดลำลองยืนอยู่หลังรั้วลวดหนาม พลอยชมพูเท้าสะเอวแล้วถามย้ำ
เธอว่าอะไรนะ เธอบอกว่าเธออยู่หอเดียวกับโอ๋งั้นเหรอ
อารายอ่า แอบฟังคนอื่นคุยกัน เสียมารยาท
เพราะเสียงเธอมันดังมาถึงบ้านฉันต่างหากล่ะ
ตังเมไม่เชื่อคำแก้ตัวของพลอยชมพู เขย่งปลายเท้าชะโงกมองจุดที่พลอยชมพูยืนอยู่ ยืนชิดกับรั้วอย่างนั้นน่ะเหรอไม่ได้แอบฟัง พลอยชมพูรู้ตัวว่ายืนอยู่ตรงจุดที่ไม่ถูกต้องก็รีบถอยออกมาสองก้าว แต่สายตาของเธอยังไม่เลิกจ้องมองไปยังฝั่งชนบท เพราะคำถามของเธอยังไม่ได้รับคำตอบเลย
เธอไปอยู่หอเดียวกับโอ๋ได้ยังไง
แล้วทำไมจะไม่ได้อะ ก็คนเค้ารักกัน
เธออย่ามาพูดมั่วๆ
ใครมั่ว เค้าพูดเรื่องจริง
กล้าดียังไงไปอยู่หอเดียวกับเขา
ว้ายๆๆๆ อิจฉาอะดิ
มีอะไรกันชมพู คุณหญิงแพรวไพลินได้ยินลูกสาวเถียงกับตังเมก็ทนไม่ได้ต้องเข้ามาถาม ขณะที่คุณกันยาก็ก้าวเข้ามายืนข้างตังเมเช่นกัน ฝ่ายแม่ทั้งสองจ้องตากันเขม็งราวกับกำลังส่งรังสีพิฆาตใส่กัน คุณหญิงแพรวไพลินออกอาการไม่ญาติดีด้วยอย่างเปิดเผย ส่วนคุณกันยาก็มองกลับอย่างไม่เป็นมิตร คนเป็นคู่แข่งกันมาทั้งเรื่องเรียนและเรื่องหัวใจ จะให้มารักใคร่สามัคคีกัน มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
มีเรื่องนิดหน่อยค่ะแม่ เรื่องโอ๋น่ะ พลอยชมพูหันไปตอบมารดา ส่วนตังเมก็หันไปรายงานคุณกันยาเช่นกัน
ยัยยีราฟคอยาวไม่พอใจที่ตังเมไปอยู่หอเดียวกับตังโอ๋อะแม่จ๋า
ใช่สิยะ ฉันไม่พอใจ ตามโอ๋ไปเรียนที่คณะเดียวกัน เข้าชมรมเดียวกันแล้วยังตามไปอยู่หอเดียวกันอีก ไม่มากไปหน่อยหรือไง พลอยชมพูสวนคำพูดของตังเม ถึงจะไม่ได้พูดกับเธอ แต่เธอได้ยินก็ต้องตอบและขอต่อว่าไปด้วยเลย ตังเมก็ทำลอยหน้าลอยตาใส่
มันเป็นพรหมลิขิตต่างหาก คนที่ชอบตังโอ๋ฝ่ายเดียวอย่างตัวเองน่ะไม่เข้าใจหรอก
พลอยชมพูกัดฟันกรอดๆ หาคำพูดมาโต้เถียงไม่ทัน ได้แต่ส่งสายตาจิกๆ กลับไป ตังเมก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่เหมือนเด็กๆ ใครมาเห็นก็คงแปลกใจว่าทำไมลูกสาวของสองบ้านนี้ถึงไม่ถูกกันเสียเลย ก็เพราะความบาดหมางจากรุ่นแม่ได้ถูกถ่ายทอดสู่รุ่นลูกด้วยนั่นเอง ฝ่ายคุณหญิงเล่าให้พลอยชมพูฟังว่าคุณกันยามาแย่งพี่หมอไป ส่วนคุณกันยาก็เล่าให้ตังเมฟังว่าคุณหญิงแพรวไพลินเป็นคนที่คอยขัดขวางความรัก แม้เรื่องที่ถ่ายทอดจะต่างกันตามความรู้สึก แต่สิ่งที่บอกลูกสาวทั้งสองคนเหมือนกันก็คือ
'นั่นน่ะเคยเป็นคู่แข่งแม่!
คู่แข่งแม่ก็เหมือนคู่แข่งลูก แม่ไม่ชอบหน้ากัน ลูกก็พาลเกลียดกันไปด้วย ทุกสิ่งที่ตังเมทำและตังเมเป็นจึงขวางหูขวางตาพลอยชมพูไปหมด ส่วนตังเมก็ใช่ว่าจะชอบพลอยชมพู ประวัติศาสตร์กำลังกลับมาซ้ำรอยอีกครั้ง เผอิญไม่ชอบหน้ากันอยู่แล้วด้วย งานนี้เลยต้องมีแตกหัก
แม่คะ ยัยเอ๋อเนี่ยคอยตามโอ๋ตลอดเลย แล้วมาอ้างว่าเคยเจอกันตอนเด็กๆ สัญญาว่าจะแต่งงานกัน ไร้สาระมากๆ เลย ว่าไหมคะแม่ พลอยชมพูเล่าให้คุณหญิงฟังถึงสิ่งที่ตังเมเคยกล่าวอ้างอย่างพยายามจะหาคนช่วย คุณหญิงแพรวไพลินก็ต้องพยักหน้ารับเห็นด้วยกับลูกสาวอยู่แล้ว
ใช่จ้ะลูก ไร้สาระมากๆ ไปตามผู้ชายอย่างนั้นไม่รู้จักอายเสียบ้างเลย
คนที่ไร้สาระคือคนที่กล่าวหาคนอื่นแบบผิดๆ มากกว่า คุณกันยาโต้ตอบคำพูดของคุณหญิงแพรวไพลิน เห็นคุณกันยาเงียบๆ เรียบร้อย อย่าคิดว่าจะไม่สู้คน ที่จริงก็แอบโกรธคุณหญิงแพรวไพลินมาตั้งนานแล้วเหมือนกัน เพราะตอนนั้นกว่าจะได้คบกับพี่หมอ ก็ต้องโดนคุณหญิงกีดกันตามรังควานเวลาเจอกับพี่หมออยู่ตั้งนาน สำหรับผู้หญิง เรื่องความรักฆ่าได้แต่หยามไม่ได้อยู่แล้ว
คุณหญิงแพรวไพลินจ้องคุณกันยาแบบไม่พอใจ เพราะความเป็นผู้ใหญ่จะให้มายืนด่ากันเหมือนตอนเด็กๆ มันก็น่าอายไปสักหน่อย แต่สำหรับรุ่นลูกน่ะถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว
ตังเมเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบโต้ เธอก็ยักคิ้วหลิ่วตาแบบยืดๆ
ตัวเองอิจฉาเค้าก็บอกมาเถอะน่า อยากอยู่หอเดียวกับตังโอ๋ล่ะสิ เสียใจด้วยนะ หอนั้นน่ะมันเต็มซะแล้วล่ะ ตัวเองเป็นคนนอก งั้นก็คอยมองเค้ากับตังโอ๋ห่างๆ แล้วกันนะ
นี่เธอหมายความว่ายังไง!
คุณกันยาเห็นตังเมตั้งท่าจะเถียงกลับก็รีบโอบไหล่ตังเมไว้ก่อนเป็นการปราม
ไปเถอะลูก เย็นแล้ว กว่าจะถึงหอเดี๋ยวจะมืดซะก่อน ปล่อยคนที่ชอบกีดกันความรักคนอื่นไว้ตรงนั้นแหละ
กันยา!
เรียกทำไมแพรวไพลิน ขอโทษนะ ตอนนี้ฉันไม่ว่างจะคุยด้วย ไปลูก ไปบอกพ่อจ๋าก่อนกลับหอด้วยนะ
ได้ค่ะแม่ ตังเมกอดเอวแม่และตอบรับเสียงใส คุณกันยาโอบไหล่ตังเมพาเดินกลับเข้าบ้านโดยไม่สนใจสองแม่ลูกทางฝั่งในเมืองอีก ขณะที่เดินกลับตังเมยังหันมายักคิ้วใส่ให้อีกอย่างน่าหมั่นไส้ จนพลอยชมพูอดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิดเหมือนนางร้ายในละคร
พลอยชมพูแอบเจ็บใจที่ตังเมฉวยโอกาสไปอยู่ใกล้อนาวินอีกจนได้ แต่จะให้เธอตามไปอยู่หอพักใกล้ๆ เขาก็คงจะไม่ไหว เธอไม่ชอบความลำบาก ไม่ชอบการอยู่โดยต้องจัดการชีวิตตัวเองไม่มีใครคอยรับใช้เหมือนที่บ้าน เธอขับรถสปอร์ตคันงามของเธอไปมหาวิทยาลัยก็ดีอยู่แล้ว
แม่เข้าบ้านก่อนนะ คุณหญิงแพรวไพลินขอตัวกลับเข้าบ้านแบบเซ็งๆ พลอยชมพูเองก็กำลังจะเดินตามแม่กลับเข้าบ้านเช่นกัน อารมณ์บูดแบบนี้ต้องไปเล่นเทนนิสสักหน่อยแล้ว ซ้อมลูกตบสักครึ่งชั่วโมงจินตนาการหน้าลูกเทนนิสเป็นหน้าตังเมคงทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้บ้าง
สักวันหนึ่งเถอะ เธอต้องหาวิธีทำให้ยัยเอ๋ออยู่ห่างๆ อนาวินให้ได้
แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 54 16:49:02